===============
สีหน้าของหญิงงามผู้ถือผีผาหยกเปลี่ยนไป ดูเหมือนนางพร้อมจะลงมือแล้ว
แต่ในที่สุด นางก็ถอนหายใจเบาๆ
นางยังคงยืนอยู่ในที่เดิมถือผีผาหยกสังเกตการณ์ดูต่อไปเงียบๆ เพียงวูบเดียวที่ปราณกระบี่ของเย่ว์หยางระเบิดใส่หลังศีรษะของแม่ทัพปีศาจเก้าหัว ทว่าด้วยการคำรามเสียงสนั่น คอของแม่ทัพปีศาจเก้าหัวพลันงอกยาวขึ้นหลายเท่าและบิดได้เหมือนคองู แม้ว่ามันจะไม่สามารถหลบกระบี่สุดยอดของเย่ว์หยางได้ แต่อย่างน้อยที่สุด เขาไม่ยอมให้ปราณกระบี่โจมตีใส่หลังศีรษะเขาได้โดยตรง กระบี่สุดยอดของเย่ว์หยางเปลี่ยนจากท่าแทงมาเป็นฝันขวาง เฉือนเนื้อศีรษะส่วนใหญ่ของแม่ทัพปีศาจออกไป
ในช่วงเวลาที่สำคัญ แม่ทัพปีศาจเก้าหัวเร่งคืนสภาพสู่ร่างที่แท้จริงของเขา
จากร่างสูงห้าเมตร เขาเปลี่ยนเป็นร่างอสรพิษเก้าหัวขนาดยักษ์ ร่างของเขามีเปลือกกระดองเต่าลายทองมองดูคล้ายเนินเขา
ภายในหัวทั้งเก้า หัวที่ใหญ่ที่สุดแต่เดิมได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง กลับหดเข้าไปอยู่ในกระดองเต่าทอง อีกแปดหัวต่างก็บิดคอของมัน หันกลับไปโจมตีตอบโต้เย่ว์หยางซึ่งจู่โจมทำร้ายเขาได้สำเร็จ
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ได้ฆ่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัวด้วยการฟันครั้งเดียว แต่เขาก็สร้างบาดแผลบาดเจ็บหนักให้กับเขาได้
ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์แม้แต่จ้าวปีศาจฮาซินยังขวางไม่ได้ ความแข็งแกร่งของแม่ทัพปีศาจเก้าหัวนี้ ยังไม่ใช่ระดับจ้าวปีศาจ ยังน้อยกว่ากันมากนัก
จากที่ประกบมือเข้าด้วยกัน เย่ว์หยางแยกมือทั้งสองซ้ายขวาออก
หลังจากปล่อยปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ไปแล้วได้ก่อให้เกิดรูตรงสมองของหัวงูสองหัวที่กำลังพุ่งฉกเขา เสี่ยวเหวินหลีเหาะเข้ามาหาเย่ว์หยางแล้วใช้โซ่ล่องหนมัดแม่ทัพปีศาจเก้าหัว อีกแปดหัวที่เหลือหยุดอยู่ตรงนั้นทันที หญิงงามลึกลับอู๋เสียก็เคลื่อนตัวมาถึงพอดี พายุน้ำแข็งทำให้หัวทั้งแปดปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ และหิมะ หญิงงามอู๋เหินยกโล่แก้วของนางขึ้นบังด้านหลังของเย่ว์หยางไว้ ป้องกันการโจมตีจากขุนพลเผ่าปีศาจคางคกทอง อีกด้านหนึ่งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟันดาบยักษ์ขวางใส่อากาศ ดาบของนางตัดหัวสองหัวที่เย่ว์หยางทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก
ขุนพลเผ่าปีศาจผู้เปลือยกายซือเตียวไม่ยอมวิ่งเข้ามาใกล้ก่อนที่โคเงาอาหมันจะใช้สายตาจับมองที่นาง
ขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวถอยหลังอย่างว่องไว
นางรู้ว่าเนตรประหารมีโอกาสน้อยที่จะทำงานได้ผล แต่นางไม่ยินดีเสี่ยง
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอสูรตาทองที่ยังคงฟื้นคืนพลังอย่างต่อเนื่อง และเจ้าเมืองโล่วฮัวก็สั่งสมพลังแสงอุษาเป็นเวลานาน ยังล้อมตัวนางไว้อยู่ พวกเขาสามารถโจมตีได้ทุกเมื่อ
ก่อนที่โซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลีจะถึงขีดจำกัดเวลา เย่ว์หยางให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้สร้างบาดแผลให้กับแม่ทัพปีศาจเก้าหัว กลับไปอยู่ในม่านปกป้องของเจ้าเมืองโล่วฮัว
เขาใช้แขนโอบหญิงงามอู๋เหินและไล่ตามขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวที่กำลังถอยไป
อู๋เสียไวกว่าเขา นางใช้ทักษะเทเลพอร์ตไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวก่อนแล้ว
“ตาย!” เย่ว์หยางไม่ได้ปล่อยพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขา แต่เขากลับเอาอสูรทองลึกลับออกมาจากแหวนลิชของเขาและเปลี่ยนสภาพมันเป็นมีด แทงเข้าระหว่างคิ้วของซือเตียว ขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวไม่ต้องการเป็นคู่ต่อสู้ของเย่ว์หยาง แน่นอนว่าผู้ที่นางกลัวที่สุดก็คือเสี่ยวเหวินหลีที่บินเข้ามาใกล้หลังของเย่ว์หยาง นางเห็นแล้วว่าปีศาจอสรพิษน้อยนี้มีทักษะที่น่ากลัวยิ่งกว่าแม่สาวโคมากมายนัก
แม้แต่อสูรทรงพลังอย่างแม่ทัพปีศาจเก้าหัวก็ยังถูกพันธนาการด้วยทักษะแฝงเร้นของเธอ ซือเตียวไม่ยินดีจะตามรอยเท้าของหัวเหว่ยเด็ดขาด
นางไม่มีพลังป้องกันสูงเหมือนกับแม่ทัพปีศาจเก้าหัว ทั้งนางก็ไม่ได้มีเก้าหัว
ตราบใดที่นางตกเป็นเป้าหมาย เจ้าเด็กมนุษย์น้อยผู้นี้มีทักษะฆ่าที่น่ากลัวสามารถตัดหัวของนางด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวหมุนตัวอย่างสง่างามและงอเอวจนเหมือนคันธนู จากนั้นยกต้นขายาวโดยไม่รู้สึกอายแม่แต่น้อย นางเตะเข้าที่หน้าอกของอู๋เสียก่อนที่นางจะโดนโจมตี ทันใดนั้นก่อนที่นางจะเตะโดน เล็บเท้าของนางเปลี่ยนรูปอย่างรวดเร็วเป็นกรงเล็บมีดสีน้ำตาลไหม้ฟันเข้าใส่หน้าอกของอู๋เสีย
“ยัยโง่” อู๋เสียคำราม
ขาของนางระเบิดพลังออกมา ร่างของนางที่อ่อนนุ่มและ สวยงามกว่าเมื่อก่อนยามที่นางใช้วิชาของนาง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางใช้วิชาต่อสู้อยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง เหมือนกับว่านางเป็นนกฟีนิกซ์ และยังคงเหมือนหงส์เริงระบำเหนือหิมะ มือของนางพยุงตัวเองไว้ขณะที่นางงอตัวหงายหลัง ด้วยขาที่ทำหน้าที่เหมือนกับเดือย นางเตะเท้าอีกข้างหนึ่งขึ้น
นางหลบการเตะกวาดของขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียว ขณะที่ขาของนางก้าวไปข้างหน้าและเตะเข้าที่บริเวณท้องน้อยของขุนพลปีศาจซือเตียว
ขณะเดียวกัน เมื่อนางเตะโดนท้องของขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียว อู๋เสียยันมือกับพื้นทำให้ขาอีกข้างหนึ่งเหวี่ยงขึ้นด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อร่วมกับขาอีกข้างหนึ่ง แต่ว่านางไม่ได้เตะ แต่นางพาดขาเกี่ยวกับขาอีกข้างหนึ่งในลักษณะเหมือนกรรไกร ขาของนางขัดขาของซือเตียวไว้ทำให้นางล้มฟาดกับพื้น กระบวนท่าของอู๋เสียงดงามเหมือนนางแอ่นถลาลม แน่นอนว่าท่านี้ของนางเรียกว่า “กรรไกรนางแอ่น” เป็นหนึ่งในสามกระบวนท่าฝีมือของนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางได้ปรับปรุงเพื่อใช้สู้กับศัตรูที่มีขนาดเล็ก หรือมีลักษณะแคล่วคล่องว่องไว
เย่ว์หยางเป็นนักทรมานศัตรูที่พลาดท่าฝีมือดีที่สุด
เขาจะไม่แสดงความปราณีสตรี นอกจากผู้หญิงของเขาหรือผู้เกี่ยวข้องกับเขา สำหรับสตรีอื่น เขาเป็นนักฆ่าเลือดเย็นจริงแท้แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาไม่ฆ่าหญิงแพศยาอย่างขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียว พระเจ้าก็คงไม่มีจริง
พอควงมีดสั้นที่เป็นร่างแปลงของอสูรทองลึกลับ เขาปามันไปที่อกของขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียว
ที่ข้างหลังเจ้าคางคกอ้วนมาช่วยเหลือนาง แต่ถูกสกัดกั้นโดยอสูรคะนองตาทอง
ซือเตียวหมุนตัวหลบออกมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่นางร่อนห่างออกมาสิบห้าเมตร นางก็ต้องตกใจที่พบว่าเย่ว์หยางยังไวกว่านาง เขาตามมาทันนางทันที เย่ว์หยางตวัดมีดในมือ ขุนพลปีศาจซือเตียวรีบถอยหลบอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม นางก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นว่ามีดยืดตัวยาวออกมาทันที ไม่ใช่แค่นั้นมันยังคงเปลี่ยนรูปเป็นกรงเล็บอินทรีทั้งแหลมทั้งคมกวาดเข้ามาที่หน้าอกนาง นางเห็นเลือดพุ่งกระฉูดออก เหมือนกับว่าช่วงอกของนางถูกกรงเล็บอินทรีกระชากขาดไปครึ่งหนึ่ง ไม่มีเวลาพอให้กรีดร้อง เย่ว์หยางเตะขวาเข้าตรงหัวใจนางและปล่อยปราณกระบี่ออกจากนิ้วเท้า เขาแทงทะลุหัวใจของขุนพลปีศาจซือเตียวจนเป็นรู
เมื่อขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวร่วงลงมาจากฟ้า แสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัวก็ยิงผ่านมาตามเส้นทางโบราณ
เป็นเวลานานแสงสีขาวถึงค่อยๆ กระจายหายไป
ร่างขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวถูกฝังอยู่ภายในซากปรักหักพังของผนังหินในทางผ่านโบราณ
หญิงงามผู้ถือผีผาหยกไม่มีสีหน้าอาการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด นางเพียงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่มีความแข็งแกร่ง เจ้าก็ตายเพียงอย่างเดียว”
ขุนพลคางคกทองอ้วนและสัตว์อสูรคางคกสามทองขาข้างตัวเขากำลังสู้กับอสูรตาทองอย่างดุเดือด
อย่างไรก็ตามคนที่สายตาดีๆ จะเห็นได้ว่าเจ้าอ้วนคางคกทองไม่ได้ทุ่มสู้สุดฝีมือ
พลังของเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่าอสูรตาทอง เทียบกับขุนพลเผ่าปีศาจซือเตียวแล้ว เขาแข็งแกร่งกว่ามาก เจ้าคางคกอ้วนหวาดหวั่นต่อปราณกระบี่ที่เย่ว์หยางปล่อยได้หลากหลายรูปแบบและทักษะพันธนาการของเสี่ยวเหวินหลี สำหรับเนตรประหารของอาหมัน เขาไม่กังวลมากนัก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยกลัวทักษะที่สามารถกระชากวิญญาณทันที
สำหรับหมาไม้สายฟ้าตัวน้อย พอเห็นว่าเจ้านายมันพ่ายแพ้ มันหลบหนีไปทันที มันหักหลังเจ้านาย จิ้งจอกหิมะสามหางไล่ตามมันไปราวกับสายฟ้า ทั้งสองตัวรวดเร็วราวสายฟ้า เพียงพริบตาก็หายไป
ศีรษะยักษ์ของแม่ทัพปีศาจเก้าหัวโผล่ออกมาอีกครั้ง มันรักษาบาดแผลจนหายเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดอะไรมาก่อน
เป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาอาการบาดเจ็บจากพลังปราณกระบี่ของเย่ว์หยางได้ภายในเวลาไม่กี่สิบวินาที เขาแค่ถ่ายโอนบาดแผลของเขาไปไว้ที่หัวอื่นๆ พลังแปลกประหลาดแบบนี้ บางทีเป็นสัญชาตญาณของเขา เย่ว์หยางไม่ได้ตกใจกับเรื่องนี้ เขาเพียงแต่หันไปดูอสูรตาทองและคางคกทอง ด้วยการตรวจสอบด้วยญาณทิพย์อย่างรวดเร็ว เขาพบว่าทั้งสองคนนี้ยังซ่อนพลังของตนไว้ พวกเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นแบบผิวเผิน
ถ้าพวกเขาสู้กันจริงๆ เขาเชื่อว่าแม้ว่าความสามารถของคางคกทองจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับแม่ทัพปีศาจเก้าหัว แต่พลังของเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าแต่อย่างใด
สำหรับอสูรคะนองตาทอง เขายังคงปกปิดพลังความแข็งแกร่งของตนไว้ เย่ว์หยางรู้ตั้งแต่อยู่ที่เกาะก้วนจวินแล้ว พอเห็นเขาสู้กับคางคกทอง ก็ยิ่งชัดเจนกว่าเดิม
เขาแทบจะอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าอ้วนคางคกทอง แม้ว่าเขาจะมีระดับที่อ่อนกว่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัวในปัจจุบัน แต่พอเทียบกับสี่ขุนพลเผ่าปีศาจและทูตพยัคฆ์บิน เขามีระดับที่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะพบกับขุนพลปีศาจกินฝันที่มีความสามารถพิเศษ อสูรคะนองตาทองไม่มีทางตกลงไปในกับดักโดยมิอาจต่อต้านได้แน่นอน
สำหรับขุนพลเผ่าปีศาจผีผาผู้กำลังชมดูการต่อสู้อย่างเงียบ
เย่ว์หยางตรวจไม่พบอะไรจากนางแต่อย่างใด
ถ้าแม้แต่ญาณทิพย์ระดับ 4 ไม่สามารถมองทะลุได้ นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าขุนพลปีศาจผีผานางนี้เป็นนักสู้ที่แท้จริงที่ยังปกปิดพลังแท้จริงของนาง แน่นอน เย่ว์หยางไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงไม่ช่วยสหายของนางแม้แต่น้อย นางแค่ยืนดูขณะที่สหายของนางถูกฆ่าตายไปทีละคน… สตรีนางนี้ให้ความรู้สึกที่คล้ายนางเซียนหงส์ฟ้า แต่นางอดกลั้นมากกว่านัก นางไม่มีนิสัยขี้เล่นเหมือนกับนางเซียนหงส์ฟ้า การฆ่าหัวเหว่ย เย่ว์หยางต้องร่วมมือกับเสี่ยวเหวินหลี การฆ่าซือเตียวและแม่ทัพปีศาจเก้าหัวเย่ว์หยางใช้ปราณก่อกำเนิดกระบี่ไร้ลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ถ้าขุนพลปีศาจผีผาโจมตี เย่ว์หยางคงต้องใช้เพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลกของเขาอย่างแน่นอน เขาต้องใช้พลังสูงสุดของเขาฆ่านาง มองดูผิวเผินแล้ว ดูเหมือนขุนพลปีศาจผีผาผู้นี้จะอ่อนแอที่สุด แต่นางยังน่ากลัวกว่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัวอยู่มาก
“กรรรรร!”
แม่ทัพปีศาจเก้าหัวรวบรวมพลังของเขาทั้งหมด
ด้วยการระเบิดพลังก่อกำเนิดระดับ 2 ของเขา ทำให้พลังเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 3
หลังจากสูดลมหายใจ 2-3 ครั้ง ทันใดนั้นมังกรเก้าหัวก็พ่นไฟปีศาจสีเขียวทำให้คองูของมันไหม้ติดไฟ กลายเป็นโล่ป้องกันสีเขียว ในบรรดาหัวทั้งเก้า นอกจากหัวตรงกลาง มุกเล็กๆ ถูกพ่นออกมาจากอีกแปดหัว มุกเล็กๆ นั้นถูกดูดเข้าไปในปากของมังกรหัวกลางและสร้างเป็นมุกแสงที่มีพลังมหาศาล
เมื่อมุกทั้งหลายถูกกลืนลงไป พลังของแม่ทัพปีศาจเก้าหัวก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง พลังของมันยังไม่หยุดเพิ่มแม้หลังจากที่เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสิบเท่า แม้ว่าเขาจะยังไม่ยกระดับจนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 4 แต่ก็ใกล้เคียงมากแล้ว
อสูรคะนองตาทองที่กำลังสู้อยู่กับคางคกทอง ได้แต่เพียงต้านทานศัตรูของเขาเมื่อพบว่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัวพุ่งตรงมาทางเขา
เขาฝืนใช้เรี่ยวแรงของเขาเพื่อหลบการโจมตีจากหัวทั้งแปด แต่ก็ถูกแสงมุกที่หัวมังกรยักษ์ยิงออกมากระแทกเข้าที่หน้าอก
เขาซี่โครงหักบาดเจ็บหนักและล้มลงกับพื้น
โชคดีที่เขามีร่างกายเผ่าปีศาจบูรพาที่แข็งแกร่ง ทว่าเขาก็ยังไม่อาจทนต่อพลังโจมตีได้จึงล้มลงหมดสติ
“ไปกันเถอะ, คางคกทอง” หญิงงามผู้ถือผีผาหยกหมุนตัวแล้วจากไปอย่างเงียบๆ แต่ก่อนนั้น นางใช้สายตามองเย่ว์หยางอย่างลึกซึ้ง
“เราจะไม่รอท่านแม่ทัพปีศาจหรือ?” พออุ้มคางคกทองสามขาได้ เจ้าอ้วนคางคกถามอย่างลังเลเล็กน้อย
“เจ้าจะอยู่รอเขาก็ได้” หญิงงามถือผีผาหยกหายไปแล้ว เสียงของนางสะท้อนก้องเลือนรางในทางผ่านโบราณจนแทบจะไม่ได้ยิน พอฟังจบประโยคนี้ เจ้าอ้วนคางคกไม่สนใจสหายเขาอีกต่อไป เขาอุ้มคางคกทองสามขาและไล่ตามนางไป ขุนพลปีศาจซือเตียวเหลียวมองตามหลังของมัน ขาของนางหักและนางได้รับบาดเจ็บหนัก นางไม่สามารถไล่ตามพวกเขาจากไปได้ สภาพของนางในปัจจุบันได้แต่หวังว่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัวจะเอาชนะและช่วยชีวิตน้อยๆ ของนางได้
“พวกเจ้าทุกคน ต้องตายก่อน…” แม่ทัพปีศาจเก้าหัวไม่ได้ใช้พลังเต็มที่แต่ก่อน เพราะเขาต้องทุกข์ทรมานเพราะมัน มันทำให้เขาโกรธจัด ตอนนี้ที่เขาฝืนตัวเองใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตน เขามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสามารถฆ่ามนุษย์ตัวน้อยๆ พวกนี้ที่ทำให้เขาต้องเสียหน้า
“ฝันเร็วเกินไปหน่อยแล้ว! เย่ว์หยางยิ้มถอนหายใจ ในมือขวาของเขาเพลิงอมฤตลุกพรึ่บออกมาจากฝ่ามือเขา
เพียงแว่บเดียวที่เห็น แม่ทัพปีศาจเก้าหัวก็จำได้ว่านี่คือเพลิงอมฤตในตำนาน เขาถึงกับสั่นไปทั้งตัวทันที
เขาหนีทันทีโดยไม่มีความลังเลใจใดๆ ทั้งสิ้น
แม้ว่าพลังในปัจจุบันของเขาแทบจะถึงระดับพลังก่อกำเนิดระดับ 4 ก็ตาม แต่เขาไม่ยินดีจะสู้กับศัตรูผู้นี้
เปลวไฟปีศาจสีเขียวที่ปกป้องเขาอยู่เป็นเหมือนหิ่งห้อยเมื่อเทียบกับเพลิงอมฤต ไม่มีทางที่จะเอาไปเทียบได้เลย
แม่ทัพปีศาจเก้าหัวใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดและความเร็วที่รวดเร็วที่สุดในชีวิตเพื่อหลบหนี ทว่าเขาไม่สามารถหลบหนีจากชะตากรรมโหดร้ายที่เขาจะต้องผจญ กระสุนเพลิงที่ถูกสร้างจากการกลั่นเพลิงอมฤตยิงออกมาจากมือเย่ว์หยาง มันผ่านกระดองเต่าที่ป้องกันทะลุออกตรงหน้าอกของแม่ทัพปีศาจเก้าหัว
**************