===============
“สวรรค์ แม่นางตัวน้อยคืนชีพด้วยเลือดเจ้า ความจริงมันก็มากเท่าที่พลังชีวิตข้าจะทำได้ ข้าถึงขีดจำกัดแล้ว ร่างกายข้าถึงวาระแล้ว ข้าอาจไม่ฟื้นร่างกายได้หลังจากหลับไปอีกหมื่นปี” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเริ่มสั่น ใบหน้านางซีดเซียว ขณะที่นางให้กำเนิด นางก็อ่อนเพลียมากเหลือเกิน เม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้าผากนาง
นางไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะยืนหยัดต่อไป
เย่ว์หยางสังเกตว่าหางงูของนางเริ่มไม่ชัดและดูจางเหมือนหมอกควัน
อย่างไรก็ตาม แขนดุจหยกยังคงกอดทาริกาปีศาจงูไม่ปล่อย นางยังกอดแน่นเหมือนกำลังอุ้มบุตรีสุดที่รักของนาง
เห็นได้ว่าหางทั้งหมดของนางเริ่มกลายเป็นควันสีขาว และถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ เย่ว์หยางไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร ได้แต่ถามอย่างประหลาดใจว่า “ท่านเป็นไรหรือเปล่า? ร่างของท่านดูเหมือนกำลังจางหายไป…”
“เด็กคนนี้ดูดพลังภายในและพลังชีวิตของข้าไปสิ้น ตอนนี้ข้าไม่สามารถรักษาร่างกายเอาไว้ได้แล้ว เจ้าควรจะรีบและเตรียมตัว มิฉะนั้นข้าจะไม่เหลือพลังไว้ส่งเจ้า สวรรค์ ข้าแทบจะหลับในทันทีแล้ว หรือว่าร่างที่ข้าได้ฟื้นคืนกลับมาจะถูกทำลายหมดสิ้นกันแน่ โปรดพานางไปเสียเถิด ข้ายังทนได้อีกไม่มากนัก” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเรียกคัมภีร์ที่เป็นประกายโปร่งแสงเล่มใหญ่ออกมา มันดูเหมือนแก้วผลึก ส่องประกายเรืองรอง พราวตาจนนัยตาเย่ว์หยางตาพร่า จากที่เขากะด้วยสายตา คัมภีร์นั้นยาว 3 เมตร กว้าง 2 เมตร ได้เปลี่ยนรูปอย่างลึกลับดูแล้วเหมือนโลงศพแก้วผลึก
สีหน้าของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีดูจะเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส เหมือนกับว่าถ้ามีการเคลื่อนไหวแม้น้อยนิดความเข้มแข็งของนางจะเหือดหายสิ้นไปทั้งหมด
นางอุ้มทาริกาปีศาจงูไว้ในอ้อมแขนและจูบเธออย่างแผ่วเบา
จากนั้นส่งสัญญาณให้เย่ว์หยางมารับกลับไป
ทาริกาปีศาจงูลังเลเล็กน้อย เหมือนกับไม่เต็มใจที่จะจากมา อย่างไรก็ตาม หลังจากเห็นเย่ว์หยางเหยียดแขน เธอยกแขนน้อยๆ ทั้ง 6 ดึงตัวเองไปหาตัวเขา
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเซเล็กน้อย ความอดทนของนางดูเหมือนมาถึงขีดจำกัดแล้ว แค่ฝืนไม่ให้ทรุดลงกับพื้น นางหายใจหนักหน่วงหน้าอกสะท้อนขึ้นลง “เจ้าควรจะรีบไปได้แล้ว พลังชีวิตของข้าเกือบไม่เหลือแล้ว ข้าจะต้องสู่ห้วงนิทราในบัดนี้แล้ว ถ้าความแข็งแรงของข้าเพิ่มขึ้นภายใน 1 ปีจากนี้ และข้าต้องการจะลองผ่านผนึกหลุมดำนี้ให้ได้ ข้าคงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพลังภายในของเจ้า”
ขณะที่นางพูด แขนขาวดุจหยกทั้ง 6 ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์
เงาขนาดใหญ่สูง 10 เมตรปรากฏอยู่ด้านหลังนาง แขน 6 ข้างของนางดูผิดรูป ทันใดนั้นนางก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายไปดุจสะเก็ดดาว
เย่ว์หยางรู้สึกว่าพลังงานยิ่งใหญ่กระแทกมาที่ร่างเขา ผลักหลังเขาไปจนสุดต้าน ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตายามผ่านห้วงมิติ ดูเหมือนว่าระหว่างนั้น มิติแยกออกเป็น 2 เขาแล่นผ่านภูเขาข้ามลำน้ำ บินไปเป็นระยะหลายล้านกิโลเมตร ผ่านข้ามจักรวาล
“พานางออกไปข้างนอก ถ้านางได้ความทรงจำการต่อสู้กลับมา สิ่งที่เจ้าพบและไม่เข้าใจ เจ้าสามารถถามนางได้”
ห้วงสำนึกสุดท้ายของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีดังก้องอยู่ในหัวเย่ว์หยาง
เมื่อเย่ว์หยางลืมตา เขาพบว่ากลับมาสู่โลกเป็นจริงแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนจะเป็นเพียงความฝัน
ทาริกาปีศาจงูยังกอดเขาแน่นเหมือนเดิม ถ้าไม่ใช่เพราะลวดลายที่เป็นรูปของทาริกาปีศาจนี้อยู่บนร่างที่เปลือยเปล่าของเขา เย่ว์หยางคงไม่เชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง
กลิ่นที่ครอบคลุมรอบตัวเขาส่วนใหญ่จะเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นจากร่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
แสงสีรุ้งฉายออกมา
ท่ามกลางแสงสว่างและกลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ ทาริกาปีศาจงูลอยออกจากตัวเย่ว์หยางกลายเป็นร่างมีเลือดเนื้อจริงๆ แขนทั้ง 6 อ้าออกเหมือนปลาหมึกน้อยและกอดตัวเย่ว์หยางแน่น ดวงตาสีฟ้ากลมโตจ้องเย่ว์หยางไม่กระพริบ เหมือนเด็กขี้อายมองบิดาแต่ไม่กล้าเรียกชื่อเขา ช่างน่ารักเหลือเกิน
“เชื่อฟังข้านะ ลงมาก่อนนะ ให้ข้าสวมเสื้อผ้าก่อน” เย่ว์หยางเหงื่อแตกไม่ขาดสาย เขายังไม่มีภรรยาเลย ก็ได้ลูกสาวมาคนหนึ่งแล้ว
ทาริกาปีศาจงูปล่อยมือ ขณะที่เขาพูด
ดวงตากลมโตตมองสำรวจไปทั่วห้อง ราวกับว่าทุกอย่างที่เห็นเป็นของประหลาด
หลังจากรีบหาเสื้อผ้ามาใส่แล้ว เย่ว์หยางเริ่มใคร่ครวญ แม่หนูน้อยนี่จะนับเป็นลูกสาวเขาเองได้หรือเปล่า? หรือจะถือว่าเป็นสัตว์อสูร?
เขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญทองแดงของเขาออกมา พลิกไปที่หน้า 5 ที่ยังว่างอยู่ ขณะที่เขาคาดว่าไม่ผิดแน่ ทาริกานี้ต้องนับว่าเป็นสัตว์อสูรอัญเชิญแน่นอน ยิ่งกว่านั้น ยังมีคุณสมบัติเป็นสัตว์อสูรผู้พิทักษ์เหมือนกับเงาปีศาจของเขาแน่นอน อย่างไรก็ตาม มีข้อแตกต่างก็คือทาริกาปีศาจงูสามารถเรียกออกมาได้โดยไม่จำกัดครั้ง ตามทฤษฎีแล้ว นางจะคงอยู่ตลอดไป
เย่ว์หยางจ้องดูเนื้อหาในหน้าที่ 5 ทำให้เขาถึงกับตกใจ
เดิมทีหน้า 5 เป็นหน้าว่าง แต่ตอนนี้มีรูปวาดของปีศาจงูตัวน้อย ดูเหมือนมีวิญญาณ มีชีวิตจริง
ความแตกต่างระหว่างภาพเงาปีศาจ ต้นดอกหนาม หนูเบญจธาตุค้นสมบัติ และภาพทาริกาปีศาจงูนี้ก็คือที่พื้นหลังจะมีประกายสว่างไสว ดูเหมือนมันจะเคลื่อนที่ไปรอบๆ ภาพเธอ เหมือนกับว่ามีวิญญาณของตัวเอง
เมื่อเย่ว์หยางมองดู ปีศาจงูน้อยก็จะแสดงข้อมูลออกมา ตอนนี้ภาพเธอหันมา ใบหน้าเล็กๆและตาของเธอดูเหมือนกำลังมองมาที่เย่ว์หยาง ขณะที่เธอรับรู้ได้จากสายตาเขา เย่ว์หยางก้มศีรษะลงและพบว่าความจริงปีศาจงูน้อยกำลังทำอย่างเดียวกัน เธอกำลังจ้องมองกลับมาที่เขาโดยตาไม่กระพริบ ท่าทางของเธอเหมือนกับในภาพวาดของเธอ
ถ้าเย่ว์หยางละสายตาไป จากนั้น รูปก็จะกลับไปสงบนิ่ง กลายเป็นข้อมูลของภาพที่ไม่เคลื่อนไหว
เมื่อเย่ว์หยางดูที่คำอธิบายที่เขียนไว้ใต้ภาพแบบ เขาถึงกับตะลึงงัน
ปีศาจอสรพิษในตำนาน
สถานะ ทารก, มีความรู้สึก, สัตว์อสูรร่างมนุษย์
ระดับ 1 ชั้นเพชร, สัตว์อสูรผู้พิทักษ์
พลังไม่จำกัด พลังชีวิต: ขึ้นอยู่กับผู้เรียก
ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญเล่มหนึ่ง
ชั้นเพชรเหรอ?
พลังไม่จำกัด? พลังชีวิตขึ้นอยู่กับผู้อัญเชิญ
เย่ว์หยางแทบสมองระเบิด นางปีศาจงูเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดไหนกันแน่?
“เจ้ายังมีคัมภีร์อัญเชิญด้วยหรือ?” เย่ว์หยางรู้สึกมึน เป็นไปได้ว่า นางปีศาจน้อยตนนี้คงเก็บรักษาของก่อนที่นางจะตายเพราะปกป้องนางพญาหรือเปล่า? คัมภีร์อัญเชิญที่ติดตัวมาจากชาติก่อน?และสิ่งที่เป็นทักษะปราณก่อกำเนิดและสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของนางเหรอ? ถ้าเธอยังมีคัมภีร์อัญเชิญ อย่างนั้นเธอจะมีสถานะอะไร สัตว์อสูรหรือว่าลูกสาวของเขา?
“………” ทาริกาน้อยได้แต่กระพริบตากลมโตอยู่ในความเงียบ
เพียงสัมผัสมือน้อยของเธอ เธอก็จะเรียกคัมภีร์อัญเชิญที่เป็นประกายงดงามออกมา มันคล้ายกับคัมภีร์อัญเชิญของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี ขณะที่ยังดูคล้ายแก้วผลึก อย่างไรก็ตาม รูปของนางที่ลึกลับเป็นสิ่งที่แตกต่าง ไม่มีประกายสดใสและประกายรุ้งเหมือนคัมภีร์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี
เย่ว์หยางมองดูตรวจสอบอย่างใกล้ชิด จนคางเขาติดกับพื้น
เขาเห็นว่า “คัมภีร์อัญเชิญชั้นเพชร” ถูกเขียนไว้บนนั้น คัมภีร์อัญเชิญของทาริกานาคีนี้เป็นชั้นเพชรจริงๆ ด้วย แม้แต่คัมภีร์อัญเชิญของเขาเองก็ยังเป็นคัมภีร์ทองแดงชั้นเริ่มต้น
เขาพลิกคัมภีร์นี้และศึกษาทักษะปราณชั้นก่อกำเนิดและสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของนางปีศาจน้อยแล้วเย่ว์หยางถึงกับพูดไม่ออก
มัด ตรึง ทักษะปราณก่อกำเนิด : ทักษะปราณก่อกำเนิดสามารถปล่อยปราณออกไปได้ในช่วงโจมตี โซ่ไร้ลักษณ์สามารถทำให้กาย สติ พลังภายใน พลังและวิญญาณของเป้าหมายถูกมัด ก่อนที่จะถูกปล่อยออกไป เป้าหมายจะขยับไม่ได้ การมัดขึ้นอยู่กับความสามารถและชั้นปราณก่อกำเนิดของผู้ใช้ ปัจจุบันนี้ ทักษะโดยธรรมชาตินี้อยู่ที่ระดับ 1
“พระเจ้า” เย่ว์หยางเริ่มเหงื่อตกทันที นี่..มันคือการโจมตีที่ไม่สามารถตอบโต้ได้ในตำนานมิใช่หรือ?”
เขาตรวจสอบสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของปีศาจน้อยอีกครั้ง เย่ว์หยางแทบจะกระอักเลือดเสียให้ได้
นางไม่เหมือนคนอื่นที่มีสัตว์อสูรผู้พิทักษ์เพียงตัวเดียว แต่นางมีรวมแล้ว 4 ตัว หน้าที่ 2 ในภาพ มีภาพเหมือน 4 ภาพรูปร่างต่างกัน หลังจากเห็นคำอธิบายข้างล่าง เขาก็ได้รู้ว่า มี เมดูซาศิลา เงือกวายุ นาคาสายฟ้าและ ปีศาจอสรพิษน้ำแข็ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีเลือกให้นางเป็นหัวหน้าองครักษ์ เมื่อทาริกานี้โตขึ้น เธอจะน่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง
แค่ว่า.. นางเป็นแค่หัวหน้าองครักษ์ของเฟ่ยเหวินหลีเองหรือ?
เย่ว์หยางสงสัยในใจ หรือว่าทาริกานี้จะเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ? หรือเป็นไปได้ว่านางจะบังเอิญเป็นญาติที่หน้าตาคล้ายนางพญา
แน่นอนว่าไม่มีทางที่จะค้นหาความจริงได้ในตอนนี้ ในความเห็นของเย่ว์หยาง เขาคิดว่าทาริกาน้อยนี้เป็นมากกว่าธิดาของเขา
ตอนนี้ ทาริกาน้อยยังเป็นเด็กเล็ก อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางที่มีปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ชั้นปราณก่อกำเนิดก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะนางได้ ถ้านางเติบโตแล้ว นางจะน่ากลัวขนาดไหน? เป็นเรื่องที่ดีแล้วที่แม่หนูน้อยนี่เป็นลูกสาวของเขาเอง ดีพอๆ กับสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ตัวเขาเอง มิฉะนั้นแล้ว เย่ว์หยางคงได้อิจฉาแน่ๆ หลังจากคิดมาเกือบทั้งวัน ในที่สุดเย่ว์หยางก็รู้สึกตัว และตบหน้าอกตัวเองอย่างผ่อนคลาย
อันตรายมาก เขาเกือบกลัวตายเพราะแม่หนูตัวน้อยนี้แล้ว
“ซานเอ๋อ! ยังทำสมาธิอยู่หรือเปล่า? ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว ก่อนนั้นข้าเรียกเจ้าตั้งหลายครั้งแล้ว” เสียงของหญิงงามดังมาจากข้างนอกประตู
“เดี๋ยวข้าจะรีบออกไป” เย่ว์หยางตะโกนตอบ
แค่เขาจะทำให้ปีศาจน้อยกลับเข้าไป ก่อนที่เขาจะยื่นแขนออก เขารู้สึกว่ามีแรงต่อต้านในใจเขา ความคิดที่กลัว, แม่หนูน้อยใช้แขนทั้ง 6 ข้างกอดเย่ว์หยางแน่น เธอใช้ตากลมโตเงยมองเย่ว์หยางอย่างน่าสงสาร ไม่อยากกลับเข้าไปในคัมภีร์ทองแดง
เฮ้, แม่หนูน้อยนี่จะขัดขืนเขาหรือ?
ขณะที่เย่ว์หยางเตรียมเกลี้ยกล่อมเธอ ประตูก็เปิดผางออกมา เย่ว์ชวงนั่นเอง เด็กหญิงเรียกพี่สามของเธออย่างสบายอารมณ์แล้วผลักประตูเข้ามา…
*****************************