===============
“กลิ่นหอมจัง” เย่ว์ชวงสูดหากลิ่นไปทั่วห้อง เธอคิดว่าเย่ว์หยางคงซ่อนของอร่อยเอาไว้ในห้องแน่นอน
“เฮ้อ, เกือบไปแล้ว”
เย่ว์หยางปาดเหงื่ออย่างโล่งอก
ขณะที่เด็กหญิงผลักประตูเข้ามา ปีศาจน้อยก็เปลี่ยนร่างเป็นแสงสายรุ้งหายเข้าไปในตัวเขา เย่ว์ชวงไม่ได้สังเกตเห็นแสงประกายรุ้ง แต่ถูกกลิ่นหอมกระตุ้นความสนใจ จนถลันเข้ามาในห้องเขา เธอจับมือเย่ว์หยางรบเร้าให้เขาเอาอาหารอร่อยออกมา ทำท่าเหมือนเด็กเอาแต่ใจ เมื่อเย่ว์หยางคว้าตัวเธอได้และอุ้มออกไป อยู่ๆ ข้อมูลที่น่าพิศวงก็แว่บผ่านเข้ามาในใจเขา
เห็นได้ชัดว่า ข้อมูลแปลกๆ นี้ทำให้เขาสงสัยว่าเขาอาจใช้โซ่สัมพันธ์ได้?
เย่ว์หยางสะดุดใจ เป็นไปได้ว่าหลังจากแม่หนูปีศาจงูเข้าไปในร่างเขา จึงใช้ทักษะปราณก่อกำเนิดของเธอได้
หญิงงามเข้ามาในห้อง และคว้าตัวเด็กหญิงที่กำลังรบเร้าเขาให้ตามใจเธอ พลางดุเธอว่า “เด็กโง่ ถ้าพี่เขามีขนมอร่อย มีหรือจะไม่แบ่งให้เจ้า? นี่คงเป็นกลิ่นดอกหนามใช่ไหม? มัวแต่คิดเรื่องขนมอร่อยๆ ทั้งวัน ทำเป็นตะกละไปได้”
“น้องชวงเอ๋อ! ถ้าไปกินข้าวและทำตัวเป็นเด็กดี เดี๋ยวพี่สามจะซื้อขนมหวานเลี้ยงเจ้า…” เย่ว์หยางชำนาญเรื่องหลอกล่อเด็กอยู่แล้ว
เมื่อเขาพูดเช่นนั้น เด็กหญิงเปลี่ยนความสนใจทันที
เธอพยักหน้าอย่างมีความสุข ยกมือน้อยๆ ขึ้นส่งเสียงเชียร์พี่ชายว่า “พี่สามจงเจริญ” แล้วดิ้นรนออกจากมารดา โผเข้ากอดและหอมเขาทันที
หญิงงามเห็นเธออยากได้ขนาดนั้น ในใจนางไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ตอนแรก เย่ว์หยางคิดว่าคงจะปกปิดเรื่องแม่หนูปีศาจงูเอาไว้จากหญิงงามและเย่ว์ชวง แต่ใครจะรู้ พอวันที่สอง พวกเขาก็พบความจริงแล้ว ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางประมาท แต่เป็นเพราะเขาลืมไปอย่างหนึ่ง คือแม่หนูปีศาจงูสามารถไปได้อย่างอิสระ การกำจัดนักรบรับจ้างไป 2 คนในนามนักล่าเงินรางวัล เพื่อยกระดับให้ต้นดอกหนามต่อไป ทำให้เขาค่อนข้างตื่นสาย หลังจากเขาตื่นนอน ชวงเอ๋อกับแม่หนูปีศาจงูก็นั่งอยู่บนโต๊ะทานอาหารมีอาหารเลอะติดหน้าอยู่ ขณะที่หญิงงามนั่งอยู่ด้านตรงข้ามพวกเขา ค่อยๆ ใช้ผ้าเช็ดปากเด็กๆ ให้สะอาด คอยดุเด็กๆ ให้ทานช้าลง ขณะที่ตนเองยังไม่ได้ตักอาหารเลย
เย่ว์หยางรู้สึกทึ่งที่เห็นอย่างนั้น พวกเขาไม่กลัวแม่หนูปีศาจงูที่มี 6 แขนและหางเป็นงูหรือ?
พอเห็นเย่ว์หยางลุกจากเตียงแล้ว หญิงงามตักข้าวต้มร้อนยังมีไอกรุ่นวางไว้ตรงหน้าเขาก่อน จากนั้นถามว่า “เด็กคนนี้คือ “ควัน” อสูรผู้พิทักษ์เจ้าใช่ไหม? ซานเอ๋อ, ในที่สุดเจ้าก็เรียกอสูรผู้พิทักษ์ออกมาได้แล้วหรือ? ดูเหมือนว่าเจ้าฝึกฝนมาดีจริงๆ มีความก้าวหน้าอย่างมาก แม่สี่ยินดีกับเจ้าจริงๆ”
นี่ นี่ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
ปีศาจน้อยนี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับธาตุควันเลย นางไม่รู้วิธีปล่อยควันด้วยซ้ำ…
อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจผิดนี้มาได้ถูกเวลาอยู่บ้าง เป็นเรื่องที่ดีแล้วที่หญิงงามเข้าใจผิด ด้วยโชคที่มาอย่างนี้ ก็เหมาะที่จะกำจัดความสงสัยของนาง หากว่าเย่ว์หยางไม่รู้วิธีอธิบายเรื่องนี้จริงๆ
“พี่สาม ทำไมนางมีแขน 6 ข้างเล่า? ยังมีหางเล็กแต่ยาวมากด้วย เราจะเรียกนางว่าปีศาจน้อยหรือ?” เด็กหญิงมีเรื่องสงสัยได้เป็นร้อยๆ เรื่อง แต่รู้สึกว่าการเรียกชื่อของเธอไม่ให้ความรู้สึกที่ดีเมื่อพูดถึง เย่ว์หยางปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เขาคิดเอาเองว่า เนื่องจากเธอเป็นธิดาของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและตัวเขา ดูยังไงก็มีเค้าเหมือนกัน เป็นแต่ตัวเล็กเท่านั้น ตั้งชื่อนางว่าเสี่ยวเหวินหลีน่าจะดีกว่า
หลุมดำบนหยกดำผนึกตัวโดยสมบูรณ์แล้ว ต่อให้หยดเลือดลงไปก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอีก
เย่ว์หยางไม่รู้ว่าจำเป็นต้องฝึกตัวเองไปถึงระดับใดก่อนที่จะกลับไปพบนางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้อยู่ในห้วงนิทราได้อีก ดังนั้นก่อนอื่นเขาจึงตั้งชื่อให้แม่หนูปีศาจงูให้คล้ายกัน อย่างนี้ค่อยนับว่าเป็นความทรงจำถึงนางได้บ้าง
พอเห็นเด็กหญิงส่งเสียงเอะอะ เย่ว์หยางรีบโบกมือให้เธอเป็นพัลวัน “น้องชวงเอ๋อ! เธอไม่ได้ชื่อว่าปีศาจน้อยนะ เธอชื่อว่าเหวินหลี, เสี่ยวเหวินหลี”
พร้อมกับที่เขาตั้งชื่อให้เธอ ข้อมูลต่างๆ ก็แว่บเข้ามาในใจเย่ว์หยาง บนหน้าคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงของเขาในตอนนี้ ภาพปีศาจงูที่ไม่มีนามปรากฏ ตอนนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางตั้งชื่อให้สัตว์อสูรอัญเชิญอย่างเป็นทางการ
ปีศาจน้อยได้ยินชื่อของเธอ ก็มองมาที่เย่ว์หยาง
เธอกระพริบตากลมโต และไม่รู้ว่าเธอพอใจชื่อนี้หรือไม่
เย่ว์หยางไม่มีทางรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร แต่รู้ว่าแม่หนูปีศาจรู้วิธีอิจฉาแล้ว เมื่อชวงเอ๋อโผเข้ากอดเขารบเร้าให้ตามใจเธอ ปีศาจน้อยก็จะรีบเข้ามากอดเขาเสียแน่นด้วย แล้วยังใช้ดวงตาสีน้ำเงินกลมโตมองเขาอย่างน่าสงสาร สีหน้าของเธออารมณ์เหมือนกับธิดาสุดโปรดอยากจะให้บิดากอดเธอไว้ ท่าทีที่เธอจ้องยากจะหักใจจริงๆ
ลักษณะของเสี่ยวเหวินหลีทำให้เด็กหญิงมีความสุขจริงๆ เพราะเธอชอบใช้เวลาทั้งวันเล่น และสร้างปัญหา และตอนนี้เธอมีคู่หูแล้ว
เธอทำตัวเหมือนเป็นพี่สาว พาเสี่ยวเหวินหลีเที่ยวไปรอบๆ บ้านทั้งวัน ไล่จับผีเสื้อ จับแมลงปอ ปีนต้นไม้ เก็บดอกไม้ เอาโคลนโปรยใส่มด ไล่หาอาหารอร่อยๆ ทำแต่เรื่องที่สนุกสนาน
แน่นอนว่า การกระทำที่เธอภูมิใจที่ก็คือสอนให้เสี่ยวเหวินหลีพูด
“เจ้าตัวโตมากแล้วนะ ยังพูดไม่ได้อีกเหรอ? เดี๋ยวโง่นะ, ข้าจะสอนให้เจ้า” เย่ว์ชวงทำท่าทางเป็นครูสอนให้เสี่ยวเหวินหลีพูดทั้งวัน ด้วยความภูมิใจ
“… …” อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเธอสูญเปล่า เสี่ยวเหวินหลียังพูดไม่ได้สักคำ
เย่ว์หยางไม่ได้รู้สึกว่าเด็กที่เพิ่งเกิดได้เพียง 3 วันจะพูดได้ แม้ว่าเสี่ยวเหวินหลีจะดูอายุพอๆ กับหนูน้อยเย่ว์ชวง พูดให้ถูกก็คือ เธอยังเป็นทารกอยู่
ยามเมื่อราตรีมาเยือนอีกครั้ง เย่ว์หยางไปที่โรงเตี๊ยมตะวันออกเพื่อตรวจดู
ในมุมมืด แม่นางอกโตจากเมื่อวันก่อนกำลังรออยู่ นางรีบเอาถุงเหรียญทองเล็กๆออกมาวาง แล้วรายงานเบาๆ ว่า “คุณชาย ยังมีเครื่องประดับล้ำค่าอีก 2 ชิ้นที่ยังไม่ได้จำนำ ของชิ้นเล็กแลกมาได้ 35 เหรียญทอง โปรดตรวจของภายในทั้งหมดค่ะ เสียหั่วมาเมื่อวานนี้ เขาอยู่ที่ก๊วนนักฆ่าเพื่อหาทางล้างแค้น แต่เราไม่รู้ว่าท่านเป็นคนที่เขากำลังตามหา คุณชาย ท่านออกไปจากเมืองไป๋ฉือก่อนจะดีกว่า ตระกูลเถี่ย จะส่งคนไปล้างแค้นให้เถี่ยขวง พวกมันยังนั่งดื่มอยู่ในโรงเตี๊ยม กำลังสืบสวนสอบสวนข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์
ยกเว้นความจริงที่ว่าตอนนี้เขามีเสี่ยวเหวินหลีในฐานะอสูรผู้พิทักษ์ชั้นเพชรไว้ก่อน ต่อให้ก่อนนั้น เย่ว์หยางก็ยังไม่กังวลด้วยซ้ำ
นักล่าเงินรางวัลจะไล่ล่าล้างแค้นผู้ใดกัน?
ต้นดอกหนามที่ไร้ชื่อหรือ?
ด้วยวิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ วิชาลับ 3 แบบ เงาปีศาจ วิชาโซ่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดของเสี่ยวเหวินหลี ต่อให้มีคนมาก พวกมันคงเป็นได้แค่ปุ๋ยอย่างดี
“เสียหั่วอยู่ที่ไหน?” เย่ว์หยางมองหาคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจริงๆ เพื่อสู้ด้วย เพื่อให้เขาได้ประเมินความแข็งแกร่งของตนว่าจะอยู่ในระดับใดกันแน่
“ข้าได้ยินว่า เขาอยู่ที่ป่าบันเทิงทิศตะวันตกของเมือง คุณชาย โปรดระวังตัวให้มาก” แม่นางอกโตเตือนอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรน่า” เย่ว์หยางโบกมือข้างหนึ่ง
ป่าบันเทิงเมืองไป๋ฉือไม่ได้เป็นป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ มันเป็นอาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่ง สาขาของป่าบันเทิงสามารถพบได้ทั่วทั้งอาณาจักรต้าเซี่ย และมันเป็นสถานบันเทิงอันดับหนึ่งของทั่วประเทศ อาคารใหญ่ของสวนช่างหลินในเมืองหลวงช่างจิงร่ำลือกันว่าถูกสร้างโดยคนสำคัญของเมือง เสนาบดีฝ่ายซ้ายและบุรุษผู้มีอำนาจที่สุดของอาณาจักรต้าเซี่ยเฉิ่นฉือร่วมกันสร้าง บรรยากาศดีแทบไม่ด้อยกว่าอุทยานในวังหลวง และในหมู่คนทั่วไป ยกย่องให้ช่างหลินคือแห่งแรก ขณะที่ราชอุทยานคือหมายเลข 1
ไม่ต้องพูดถึงสวนช่างหลินในเมืองช่างจิง แม้แต่ป่าบันเทิงของเมืองไป๋ฉือยังไม่ยอมให้คนเดินถนนทั่วไปเข้ามาได้
มีแต่นักสู้ผู้แข็งแกร่งหรือนักรบรับจ้างที่คู่ควร จึงจะเข้าไปได้
นักสู้ชั้นวีรบุรุษ ระดับ 3 ที่น่าอิจฉาเหล่านั้น แม้แต่เมืองเล็กๆ อย่างไป๋ฉือก็ยังมี 1 ในพวกเขายืนเฝ้าประตูป่าบันเทิง พวกเขาเป็นหัวหน้าทหารของป่าบันเทิง ถ้าเทียบความเข้มแข็งของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางการในเมืองใหญ่ๆ กับทหารของป่าบันเทิงพวกนั้น เจ้าเมืองไป๋ฉือก็ยังไม่กล้ากล่าวอ้างว่ากองกำลังของเขาจะแข็งแกร่งกว่ากองกำลังของป่าบันเทิง นี่คือพลังอำนาจของสาขาในเมืองไป๋ฉือ 15 ปีที่แล้ว เพื่อเป็นการปูมบำเหน็จแก่กองกำลังป่าบันเทิงสำหรับที่เข้ามาช่วยโจมตีแคว้นเว่ยเพื่อชิงดินแดน จักรพรรดิต้าเซี่ยมอบป้ายทองที่สลักคำว่า “ที่ 2” ให้กับเฉิ่นฉือ อีกป้ายหนึ่งมอบให้ว่านกู่คู แม่ทัพคุมกองกำลังวังหลวง 5 พันนาย
กล่าวอีกนัยหนึ่งความแข็งแกร่งของทหารป่าบันเทิงเท่ากับกองกำลังวังหลวงสาขาที่ 2
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของทหารป่าบันเทิงยิ่งใหญ่มาก แม่นางอกโตคงไม่ห่วงเย่ว์หยางมากขนาดนั้น
เมื่อเย่ว์หยางยืนอยู่ต่อหน้าป่าบันเทิงที่สวยและสง่างาม อยู่ๆ เขาก็ยิ้มโดยไม่คาดคิด “ป่าบันเทิงหรือ? เป็นที่ๆ ดีนี่ ฮื้ม.. พี่ชาย เจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ มา มา พี่ชาย มาตรงนี้ มาดื่มเหล้าดอกไม้กัน”
นางโจรตางามแต่เดิมจ้องดูเงาอยู่ที่ระเบียงด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร พอถูกตบไหล่กระทันหัน ทำให้นางโดดผางด้วยความตกใจ
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนางหันหน้ามา คนที่อยู่ต่อหน้านางกลับเป็นคนหน้าด้าน เย่ว์หยาง
จากนั้นนางต่อยเขาไปหนึ่งหมัด..
**********************