===============
พอได้ยินว่าหญิงงามอู๋เหินยินยอม เย่ว์หยางถอนหายใจเฮือกใหญ่โล่งใจ
ต้องดูอีกฝ่ายด้วยเมื่อเขาต้องการจะปล้ำใครสักคน
ถ้าเป้าหมายที่จะปล้ำเป็นสาวใหญ่ขี้เล่นอย่างนางเซียนหงส์ฟ้า นางอาจจะชอบมากก็ได้ ถ้านางเป็นสุภาพสตรีเรียบร้อยมีมารยาทอย่างหญิงงามอมโรคอู๋เหิน คงจะไม่เหมาะจริงๆ ที่เขาจะใช้เรี่ยวแรงบังคับนาง ร่างของนางขาวเหมือนแจกันหยกหรือขาวเคลือบ เขาจำเป็นต้องหวงแหนระมัดระวัง จุมพิตนางด้วยความนุ่มนวลที่สุด ถ้าเขาได้กอดนางและใบหน้าที่ยิ้มหวานของนาง นั่นจึงเป็นความสำเร็จที่สูงสุดในโลก
เย่ว์หยางรีบสร้างกระโจมเล็กในป่าใกล้ทะเลสาบ
หญิงงามอู๋เหินเข้าใจว่านี่คือรังรักที่เขาจัดเตรียมไว้ ในนั้นพวกเขาจะ.. นางไม่กล้ามองเจ้าเด็กนี่อีกต่อไป นางไปนั่งบนโขดหินริมทะเลสาบแสร้งทำเป็นไม่มองเขาที่วุ่นกับการจัดเตรียมทุกอย่าง นางถอดรองเท้าออกและจุ่มข้อเท้าสีขาวราวหิมะของนางลงในน้ำใสสดชื่น
สายลมเย็นสดชื่นพัดไล้บนผิวหน้านาง
ผมของนางกระพือพริ้วตามลม สายลมมิเพียงพัดกระพือใส่ผมนางเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นความคิดนางด้วย
“ท่านจะกินผลไม้สักหน่อยไหม?” เย่ว์หยางนำผลไม้ที่มีน้ำค้างเกาะพราวอยู่บนผิวมัน เขาล้างน้ำในทะเลสาบอีกครั้งแล้วส่งให้หญิงงามอู๋เหิน
“ขอบคุณ” หญิงงามอู๋เหินไม่ได้ต้องการกินอะไรแต่อย่างใด แต่พอเห็นความตั้งใจดีของเย่ว์หยาง นางพยักหน้า และรับผลไม้ไว้
“ความจริงในช่วงไม่กี่วันมานี้ ข้ารู้สึกผ่อนคลายที่สุด ก่อนหน้านี้ ทุกๆ วันมีแต่เรื่องเร่งด่วน ปัญหารุมเร้าตามมาครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังมีแรงกดดันต่างๆ ในชีวิตอีก การฝึกฝนและอื่นๆ ชีวิตในช่วงไม่กี่วันมานี้ในสวนน้อยแห่งนี้เป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายที่สุดที่ข้ามี” เย่ว์หยางยังคงล้างผลไม้ให้ตัวเองและกระโดดไปอยู่บนโขดหินข้างทะเลสาบ นั่งอยู่เคียงข้างหญิงงามอู๋เหิน
“จริงหรือ?” ความจริง หญิงงามอมโรคอู๋เหินต้องการบอกว่านางก็รู้สึกอย่างเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คำพูดกลับติดอยู่ที่ปากนาง นางรู้สึกว่านางไม่ควรพูดเหมือนกับเขา นางจึงรีบเปลี่ยนคำ
“ข้าไม่มีความสนใจใดๆ ในเรื่องการต่อสู้หรือดิ้นรนเพื่อพลังอำนาจเลย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะแม่สี่และคนอื่นๆ รอข้าอยู่ ข้าอยากใช้ชีวิตอย่างนี้มากกว่า แหงนคอมองท้องฟ้าสีครามยามไม่มีอะไรทำ สังเกตดูการปรากฏการณ์ของเมฆ” เย่ว์หยางนอนลงบนหลังโขดหินและมองดูท้องฟ้า นึกถึงชีวิตของเขาหลังจากมาถึงโลกนี้ เขาไม่รู้จะทำเช่นไรได้แต่นึกรู้สึกขอบคุณ
ความลับนี้ เขาไม่มีทางพูดกับใคร
แม้แต่เสวี่ยอู๋เสีย
นั่นเป็นเพียงเวลาที่เย่ว์หยางสามารถปล่อยความคิดเขา ยามเมื่อเขาอยู่ในดินแดนแห่งความฝันของเขาเอง เทพธิดากระบี่ฟ้าและพี่สาวในฝันคนสวยเหมือนกับเป็นญาติที่มาจากอีกโลกหนึ่งเหมือนเขา นอกจากคอยช่วยฝึกฝีมือให้เย่ว์หยางแล้ว พวกนางยังช่วยคลายความเหงาในหัวใจเขาอีกด้วย บางทีพวกนางคงไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นภูต นางฟ้า เป็นกระบี่หรือชีวิตอมตะ แต่ทั้งหมดนี้ไม่สำคัญเลย เย่ว์หยางต้องการเพียงคนที่เข้ากันได้กับเขา ตราบใดที่พวกนางยังเข้ากับเขาได้ตลอดไป เรื่องอื่นๆ ทั้งหมดก็ไม่สำคัญสำหรับเขา
หญิงงามอู๋เหินไม่รู้ว่าเย่ว์หยางคิดอะไรอยู่ แต่คำพูดของเขาทำให้นางคิด
นางรู้สึกถึงความเชื่อมโยงบางอย่างเกี่ยวกับคำพูดของเย่ว์หยาง
นางไม่มีเรื่องใดๆ เกี่ยวกับการแสวงหาความสำเร็จหรือการบรรลุเป้าหมายที่คนปกติจะไล่ตามไขว่คว้า ในใจนาง จักรพรรดิผู้แข็งแกร่งเรืองอำนาจไม่มีทางเทียบได้กับนักวิชาการผู้ยากไร้
แม้ว่านางจะไม่ถือสาที่เย่ว์หยางกลายเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ มีความตั้งใจไม่ย่อท้อ มีส่วนร่วมต่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในทวีปมังกรทะยาน นางอยากเห็นเขาใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างนางมากกว่า เช่นเดียวกับที่ผ่านมาไม่กี่วันกับเขา ทุกๆ วันจะมีแต่การฝึกและสนุกร่วมกับพี่น้องของนาง ทะเลาะกันเมื่อพวกนางเบื่อ และนอนลงเมื่อพวกนางเหนื่อย
แน่นอนว่า นางคงไม่ยอมให้เขาเป็นแบบนี้อยู่นานนัก
วังมาร, นิกายพันปีศาจ, นิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตก, นิกายบรรพตขจี, อาณาจักรสือจิน แดนปีศาจ และแม้แต่กองทัพที่ทรงอำนาจของเผ่าปีศาจบูรพากำลังจับตาพวกเขาเหมือนกับเสือจ้องตะครุบเหยื่อ
ถ้าเขาไม่เริ่มเข้าแข่งขัน อย่างนั้นศัตรูของเขาจะคิดทุกวิถีทางเพื่อล่อให้เขาออกมาสู้ ในโลกที่วุ่นวายนี้ คนที่ต้องยืนหยัดสู้ จะเพิ่มความแข็งแกร่งได้หลังจากผ่านการต่อสู้รุนแรงและกองซากศพมากมาย นางรู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะนาง บางทีเขาคงไปปราสาทตระกูลเย่ว์พร้อมกับน้องสาวเพื่อกำจัดเย่ว์ชิวตัวปลอมผู้ทำให้ตระกูลเย่ว์ทั้งหมดตกต่ำ เขาคือความหวังของตระกูลเย่ว์ เขาต้องปกป้องตระกูลของเขา
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขาต้องอยู่ที่นี่เพื่อปรุงยารักษาอาการป่วยของนาง บางทีเขาคงออกเดินทางไปนานแล้ว
การปฏิเสธเขาต่อไป ก็มีแต่จะถ่วงเวลาเขาและสร้างปัญหาให้ตระกูลเย่ว์ อาจเป็นสาเหตุให้คนจำนวนหนึ่งต้องสูญเสียชีวิต เพราะเวลาคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์
“เจ้าจะมีโอกาสทำเช่นนั้นในอนาคต” หญิงงามอู๋เหินหันมาพูดให้ความมั่นใจเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม นางตระหนักได้ว่าเย่ว์หยางหลับไปแล้ว หน้าของเขาเป็นประกายยิ้มอย่างผ่อนคลาย เหมือนกับว่าเขาหัวเราะเสียงดังลั่นในความฝัน
แสงแดดอุ่นอาบไล้ทาหน้าของเขาเป็นประกายกระจ่าง
หญิงงามอู๋เหินตระหนักว่านางไม่เคยตั้งใจมองดูเขามาก่อน นางเพิ่งได้รู้ว่าสีหน้าในเวลาที่เขานอนหลับช่างอ่อนโยนและใจดีมาก
ในตอนนี้ เขาแตกต่างนิสัยจอมลามกเมื่อยามที่เขาตื่น
ปกติ เพื่อจะปกป้องตนเอง เขาจะสวมหน้ากากหัวเราะหรือไม่ก็โกรธเพื่อซ่อนความรู้สึกภายในที่แท้จริงของเขา … บางทีในตอนนี้คือหน้าที่แท้จริงของเขา หญิงงามอู๋เหินปลื้มเล็กน้อยขณะที่นางใช้นิ้วสัมผัสใบหน้าเขา ใบหน้าเขาไม่ถึงกับหล่อเหลาหรือสง่างามมากนัก ต้องมองใบหน้าเขาและรู้สึกถึงตัวตนเขาด้วยหัวใจจึงจะค้นพบเสน่ห์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตัวของเขา มิอาจจะบรรยายได้ เสน่ห์ที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด แต่เสน่ห์ของเขาจะค่อยๆ มีอิทธิพลต่อคนที่อยู่รอบข้างเขา
ภายใต้อิทธิพลเสน่ห์ของเขา เชี่ยนเชี่ยนผู้มีนิสัยไม่ยอมคน อารมณ์ร้อนในแต่ก่อนก็ยังเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่รู้ตัว โล่วฮัวผู้รักสันโดษก็ยังเปลี่ยนแปลงด้วย
คนที่ถือตัวและฉลาดอย่างอู๋เสียก็ยังมาอยู่ข้างเขา
แม้แต่ตัวนางเองที่ปรารถนาจะตายมาโดยตลอด ก็ยังค่อยๆ เปลี่ยนใจไปเพราะเขา
เขาอาจจะไม่รู้ว่าตนเองมีเสน่ห์ เขาอาจไม่รู้ว่าเขามีพลังดึงดูดทุกคนให้มารวมตัวอยู่รอบๆ เขา อย่างไรก็ตาม เขาเป็นแบบนี้โดยที่เขาไม่รู้ตัว
บางทีการได้พบกับเขาเป็นความผูกพันที่อาภัพที่ถูกกำหนดมาแต่ชาติปางก่อน และนางมิอาจหลีกหนีได้
หญิงงามอู๋เหินค่อยๆ โน้มตัวลงนอนพาดศีรษะไว้ในอ้อมแขนเย่ว์หยาง นางมองดูใบหน้าเขาผู้กำลังหลับอย่างสงบ และค่อยๆ ยื่นมือนางไปที่ใบหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง นางลูบไล้ใบหน้าและริมฝีปากเขาแผ่วเบา เหมือนกับเกรงว่าจะปลุกให้เขาตื่น ใบหน้าซีดขาวของนางเริ่มแดงระเรื่อเหมือนดอกไม้บาน สีผิวชมพูเริ่มกระจายภายใต้ผิวของนาง
ทันใดนั้น นางรู้สึกถึงพลังชนิดหนึ่งที่ซ่านอยู่ภายในตัวนาง เหมือนกับดอกไม้ตูมคลี่ดอกผลิบานเป็นดอกไม้งาม
เมื่อเย่ว์หยางตื่นขึ้น หมู่ดาวก็ทอแสงสกาวอยู่ในท้องฟ้าแล้ว
หญิงงามอู๋เหินยังคงนอนหนุนอกของเขา ร่างกายบอบบางของนางขดตัวอยู่ในอ้อมอกเขา เหมือนต้นหญ้าน้อยที่อ่อนแอเกินกว่าจะต้านแรงลม
แม้ว่าเย่ว์หยางพยายามจะอุ้มนางอย่างแผ่วเบาที่สุด แต่นางก็ตื่นขึ้นทัน
“ตัวของเจ้ามีเหงื่อเต็มไปหมด มันส่งกลิ่นแรงนะ” หญิงงามอู๋เหินไม่ได้ดิ้นรน ไม่ได้ผละออกจากอ้อมอกเขา นางเพียงแต่หยอกล้อเขา เมื่อเย่ว์หยางเดินลงไปในทะเลสาบเพื่ออาบน้ำ นางยกชายกระโปรงของนางและจุ่มขาลงในน้ำทะเลสาบที่สดชื่น นางไม่หลบเขา แต่กลับเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาแทน ลูบหลังของเขาอย่างแผ่วเบาราวกับลูบกลีบดอกกล้วยไม้ขาว “เจ้าก็รู้ เจ้าก็เป็นเหมือนเด็กหนุ่ม เจ้ายังไม่รู้วิธีดูแลตัวเองมากเท่ากับคนอื่น..” นางชะงักคำพูดประโยคต่อไปโดยไม่พูดออกมา ความจริงนางต้องการบอกว่า “เจ้าไม่ดูแลตัวเองมากเหมือนกับคนอื่น ฉะนั้นให้ข้าดูแลเจ้าแทน”
นางกดให้เย่ว์หยางนั่งลงกับพื้นทะเลสาบ แล้วขัดสีหลังให้เขาเบาๆ
แม้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางทำอย่างนี้ แต่นางก็ทำได้ดี นางรู้สึกว่าตนเองมีพรสวรรค์ในเรื่องการดูแลคนอื่น
เย่ว์หยางปลาบปลื้มดีใจกับการปรนนิบัติของนาง เขาหันกลับมาและดูใบหน้าที่น่ารักของนาง มองดูเหมือนเทพธิดาภายในหมู่ดาว เขาทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ดึงตัวนางเข้ามากอดและประทับจูบที่ริมฝีปากนาง จนนางส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจไม่ได้
หญิงงามอู๋เหินตกใจอย่างคาดไม่ถึง แต่นางเรียกความรู้สึกกลับคืนมาได้
ริมฝีปากนางรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้ากระตุ้น ความอบอุ่นของริมฝีปากของเขาแผ่ซ่านไปตลอดทั้งร่างนางจนรู้สึกเสียวซ่านในวิญญาณ
นางไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่เขารุกล้ำเข้ามาในปากนางแล้ว ลิ้นนางเหมือนถูกพันธนาการไว้
ลิ้นของนางถูกเย่ว์หยางดูดพัวพันอย่างรุนแรง หญิงงามอู๋เหินรู้สึกเหมือนเขาแทบจะดูดวิญญาณนางไปสิ้นเชิง ไม่อาจจะยับยั้งความรู้สึกของนางได้ ในท่ามจูบที่กระหายของเขา นางจูบกลับด้วยสัญชาตญาณของนาง แรกๆ ก็เคอะเขิน แต่พอเวลาผ่านไปก็นุ่มนวลเชี่ยวชาญ ในที่สุดนางก็ปรับจังหวะลงตัวจนเข้ากับเขาได้ในไม่กี่นาที
ตามมาด้วยความรู้สึกปรารถนาของร่างกายนาง นางพริ้มตาลง ขนตานางสั่นขณะที่นางโอบแขนรอบคอเขา นางอิงตนเองในอ้อมอกเขาเงยหน้ารับจูบที่ดูดดื่ม
ท้องฟ้า แผ่นดิน ผืนน้ำทะเลสาบ กุ้ง ปลา ดวงดาว สายลมยามราตรี ทั้งหมดดูเหมือนเลือนหายจนเหลือแต่ความว่างเปล่า
มีแต่เพียงพวกเขาสองคนเหลืออยู่ในโลกใบนี้ มีแต่ความรู้สึกหอมหวานของริมฝีปากและลิ้นละมุนที่ตวัดเกี่ยวกันและกัน
เมื่อเขาป้อนยา “คืนชีวิตน้อย” ที่เขาปรุงอย่างระมัดระวังในปากของนาง นางไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด กลับกลืนยาลงไปอย่างว่าง่าย
ความรักทำให้นางมีความรู้สึกปรารถนาแรงกล้าที่จะมีชีวิตต่อยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา นางไม่ใช่สตรีที่รอความตายอย่างเดียวดายอีกต่อไป นางปรารถนาจะอยู่กับเขาตลอดไป และตลอดไป เมื่อเย่ว์หยางปลดชุดเปียกน้ำบนร่างที่งดงามของนางออก นางก็ไม่พยายามห้ามเขา เพียงแต่ซุกหน้ากับอกเขาอย่างเอียงอาย นางไม่กล้าสบตาเขา เกรงว่าเขาจะเห็นความอุธัจเอียงอายของนาง
เพียงเมื่อเย่ว์หยางอุ้มร่างที่ละเอียดอ่อนและสั่นสะท้านของนาง ในที่สุดเขาก็สามารถรู้สึกถึงน้ำหนักที่เบาของนางในอ้อมแขนเขา
นางเหมือนกับขนนก แทบจะไม่มีน้ำหนักอะไรเลย
สดชื่น ประณีตเรียบลื่นและมีกลิ่นหอม ไม่มีคำพอจะอธิบายความงามของนางได้ ภายใต้แสงจันทร์ส่องสลัว เย่ว์หยางรู้สึกว่านางงดงามเหมือนเทพธิดาจันทรา
หญิงงามอมโรคยังซบหน้าที่แดงซ่านของนางกับอกเขา แม้แต่คอเรียวงามดุจคอหงส์ก็ยังพลอยเป็นสีแดงไปด้วย
ไหล่ที่เล็กละเอียดอ่อนบอบบางของนางทำให้เย่ว์หยางรู้สึกอยากปกป้อง
หลุมคอนางถูกย้อมด้วยน้ำสดชื่นในทะเลสาบ เหมือนกับหยาดน้ำที่แต้มกลีบดอกไม้ยามเช้า เพิ่มเสน่ห์ความงามให้กับนาง เย่ว์หยางไม่มีกระดูกไหปลาร้าให้เห็นแล้วในตอนนี้ เขาตระหนักว่าในร่างนางไม่มีข้อบกพร่อง มีแต่ความงามสมบูรณ์แบบแท้จริง อยู่ต่อหน้าความงามที่สมบูรณ์แบบ นอกจากคุกเข่าขอบคุณความอัศจรรย์ของพระผู้รังสรรค์ชีวิต ยังจะมีอะไรที่เขาต้องการอีกเล่า?
ไหล่ของนางเล็กเหมือนไหล่นกพิราบ
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเห็นได้ทุกอย่าง เพราะนางใช้มือปิดไว้ด้วยความอาย แต่วิญญาณเขาแทบกระเจิดกระเจิงเมื่อมองเห็นร่องอกนาง
นางสมบูรณ์แบบเกินไป ขนาดเนินอกเล็กน่ารักเหมาะกับมือเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ในชั่วเวลานั้น เย่ว์หยางไม่คำนึงถึงขนาด คัพดี อี หรือคัพจีอีกต่อไป ขนาดอกที่ดีที่สุดไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเล็กหรือใหญ่ คนที่ประเมินความงามด้วยขนาดอกสตรีเป็นพวกโง่เกินไป
มองลงมา เอวบางของนางรับรูปสะดือเนียนเรียบ
“หนาวจัง!” หญิงงามอู๋เหินลอบมองเย่ว์หยางที่เอาแต่ตะลึงจ้องและน้ำลายสอ นางรู้สึกอายระคนสุขใจในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้นางยังรู้สึกรำคาญและกังวลขณะที่กระตุ้นเตือนเขา
“อย่ากลัวเลย” เย่ว์หยางเรียกสติเขากลับมาและลอบด่าความเขลาของตนเอง เขารู้ดีอยู่แล้วว่านางมีร่างกายบอบบาง แต่เขาก็ยังมาพักใกล้ทะเลสาบเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ ถ้าเขาพลั้งเผลอทำให้นางถูกความเย็นแทรก นั่นก็แย่จริงๆ เขาใช้มือรวบไหล่และขานาง อุ้มนางวิ่งไปที่กระโจมน้อย แล้วเอาผ้าห่มขาวคลุมตัวนางและเริ่มถูมือนางให้อุ่นป้องกันไม่ให้นางถูกความเย็นเข้าแทรก
พอเห็นวิธีที่เขาปกป้องนาง หญิงงามอู๋เหินรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
พอเห็นว่าเย่ว์หยางตัวยังชุ่มน้ำ หญิงงามอู๋เหินจึงใช้ผ้าเช็ดตัวเล็กเช็ดศีรษะให้เขา แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่นางทำอย่างนั้น แต่นางก็มีทักษะเหมือนภริยาปรนนิบัติสามี
พวกเขาไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใด แต่ทั้งสองคนเริ่มจูบกันอีกครั้งนุ่มนวลเบา
จูบของพวกเขาลึกล้ำขณะที่ความรู้สึกของพวกเขาเริ่มรุนแรง
มือของเย่ว์หยางตอนแรกวางอยู่บนสะดือนาง แต่เขาก็ค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาจนมาหยุดอยู่ที่ตำแหน่งท้องน้อยของนาง
แม้ว่าเขาจะจมอยู่ในความรู้สึกต้องการตามสัญชาตญาณ แต่เย่ว์หยางก็ยังระลึกถึงการรักษานาง ยาเม็ดที่อู๋เสียและเขาปรุงขึ้นด้วยความยากลำบากมีน้ำตาเทพธิดา เลือดของพวกเขาและปราณก่อกำเนิด จากนั้นยาถูกกลั่นด้วยเพลิงอมฤต แม้ว่าจะไม่มีส่วนผสมสมุนไพรเพียงพอที่จะปรุงเป็น “ยาชุบชีวิต” ในตำนาน แต่พวกเขากลับสร้างยาชนิดใหม่ที่มีผลแทบใกล้เคียงกับยาชุบชีวิตในตำนาน เย่ว์หยางรู้สึกว่าคงจะมีประสิทธิภาพดีขึ้นถ้าได้เพิ่มสมุนไพรลงไป ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อมันชั่วคราวว่า “ยาคืนชีวิตน้อย” เมื่อพวกเขาปรับปรุงผลของมันได้สำเร็จ มันจะมีประสิทธิภาพมากกว่ายาชุบชีวิตเสียอีก เขาจะตั้งชื่อมันว่า “ยาอมฤต”
มีเวลาไม่เพียงพอที่จะค้นคว้าและปรุงยาคืนชีวิตให้เป็นยาเม็ดอมฤตได้ การช่วยชีวิตหญิงงามอู๋เหินสำคัญมากกว่า
บางทีความแรงของยาอาจไม่มีผลมากนัก แต่หลังจากกินยาคืนชีวิตน้อย หญิงงามอู๋เหินไม่จำเป็นต้องกังวลไปอย่างน้อยก็ 2-3 ปี วิธีนี้ เย่ว์หยางมีเวลาพอวางแผนปรุงยาเม็ดอมฤตได้
เย่ว์หยางถ่ายพลังปราณก่อกำเนิดจากมือของเขาเข้าจุดตันเถียนที่ท้องน้อยของหญิงงามอู๋เหินก่อนที่มันจะโคจรเข้าร่างกายนาง
หญิงงามอู๋เหินแทบไม่อาจทนรับความรู้สึกจากมือที่ร้อนของเขาที่วางอยู่ในตำแหน่งที่อ่อนไหวของนาง เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของนาง อย่างไรก็ตามนางไม่ได้ปฏิเสธเขา แต่กลับข่มความอายแทน นางกอดคอเขาแน่นและยังคงจูบเขาอย่างแรง
นางเกรงว่านางจะครางออกมาในช่วงที่นางปล่อยอารมณ์
ความรู้สึกที่ปราณก่อกำเนิดของเขาโคจรผ่านร่างนางให้ความรู้สึกที่สบายและน่าวิตกปนเปกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพลังงานจากยาเม็ดคืนชีวิตน้อยเริ่มกระจายประสิทธิภาพด้วยปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยาง ทำให้ร่างของนางร้อนรนเหลือทนขณะที่เม็ดเหงื่อซึมออกจากผิวนาง ทำให้กระโจมเล็กเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของนาง
เย่ว์หยางเริ่มพยุงตัวนางให้นอนลงอย่างระมัดระวัง เหมือนกับเกรงว่าร่างของหญิงงามอู๋เหินจะบอบช้ำถ้าเขาใช้แรงมากเกินไปเล็กน้อย
ตรงกันข้าม นางรู้สึกถึงความรู้สึกแปลกบางอย่าง เหมือนกับว่าร่างที่อ่อนแอของนางสามารถทนรับน้ำหนักเขาได้
นางไม่รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกจากแรงกดทับจากน้ำหนักเขาบนตัวนาง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นแทน
บางทีสตรีถูกออกแบบมาเพื่อการนี้
สำหรับความเขินอายของนาง นางสามารถรู้สึกถึงความต้องการที่ร้อนแรงของเขา ทำให้นางรู้สึกสั่นสะท้าน เมื่อเขาลูบต้นขานางและเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ หญิงงามอู๋เหินรู้สึกความหวั่นวิตกแล่นขึ้นมา นางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และเข้าใจความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย จะเป็นจุดสิ้นสุดของพรหมจรรย์ของนาง และเริ่มเป็นภริยาของเขา นางรู้เรื่องนี้ทั้งหมด แต่นางไม่รู้ว่านางควรจะทำอะไร นางเกรงว่าความรุ่มร่ามของนางจะทำให้การรุกเร้าของเขาล้มเหลว
“ช้าๆ ใจเย็นๆ” นางเตรียมใจไว้แล้ว แต่ร่างของนางไม่รู้จะสนองตอบอย่างไร นางเพียงถ่วงเวลาเพื่อสงบใจและความตื่นกลัวของนาง
“ผ่อนคลายไว้, แค่ทำตัวสบายๆ อย่างเดียว” เย่ว์หยางมีประสบการณ์เพียงเพราะได้ดูอากซากาวะ รัน และดาราเอวีคนอื่นๆ แม้ว่าจะรู้ทฤษฎีมากมาย แต่ก็ไม่เคยลงสนามรักจริงๆ สักครา
เขาไม่ได้ตื่นเต้น เขาสงบมากขณะที่นึกถึงวิธีเอาชนะฝ่ายตรงข้าม จากนี้ไปเขาจะจารึกชื่อเขาในฐานะขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ผู้ได้ชัยชนะในทุกสนาม(รัก)
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาตามธรรมชาติของเขา ไม่ว่าหัวใจที่เต้นแรงขึ้นและเหงื่อที่มือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หญิงงามอู๋เหินพบว่าเขาก็มีเหงื่อออกพราวทั่ว นางจึงตื่นตัวตามสัญชาตญาณเพศสตรีของนาง ในที่สุดนางก็ยอมรับความเป็นชายของเขา และเจ็บปวดจนร้องออกมายามเมื่อพวกเขาหลอมรวมเป็นหนึ่ง
“เจ็บเหรอ?” เย่ว์หยางเกรงว่ารุนแรงไปจะทำให้หญิงงามอู๋เหินเจ็บ
“นุ่มนวลไว้ นุ่มนวลขึ้นอีก” หญิงงามอู๋เหินตระหนักว่าเจ้าเด็กนี่ “ใหญ่มาก” ครั้งแรกนางเจ็บแทบตาย แม้ว่าเขาจะนุ่มนวลและระมัดระวัง แต่ก็ยังแทบทนไม่ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือครั้งแรกของนางและนางก็ยังอ่อนแอ,บอบบางกว่าดอกไม้เสียอีก นางจะรับการรุกที่รุนแรงแบบนั้นได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านอุปสรรคครั้งแรกได้ ทั้งสองก็รวมเป็นหนึ่งได้ และนางปรับตัวเข้าหาเขาได้ในที่สุด
ความเจ็บก็ยังคงอยู่ตรงนั้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องกลับเกินที่หญิงงามอู๋เหินคาดไว้มากนัก นางสามารถรับการรุกเร้าโดยที่ตอนแรกนางคิดว่าไม่อาจทนรับได้ บางทีนี่คือทักษะธรรมชาติของสตรีก็เป็นได้ เมื่อพระผู้สร้างได้สร้างบุรุษและสตรีขึ้นมา พระองค์ก็มอบพรสวรรค์โดยธรรมชาติให้ตัวพวกเขาเองอยู่แล้ว มิฉะนั้นบุรุษจะสืบสายเลือดต่อมาได้อย่างไร? ของขวัญของเย่ว์หยางนั้นพิเศษ นางคิดว่านางไม่อาจรับได้ในตอนแรก ทว่าดูตอนนี้แล้ว แม้นางจะมีร่างกายอ่อนแอ แต่ก็สามารถทำหน้าที่สตรีที่เหมาะกับเขาได้
หญิงงามอู๋เหินปลื้มใจอย่างช่วยไม่ไดเมื่อนางคิดถึงเรื่องนี้..
นางเริ่มพรมจูบปล่อยให้เพลิงรักกลบเกลื่อนความเจ็บออกไป ขณะเดียวกันนางโอบแขนและขากอดคนรักนางแน่น รับการรุกล้ำของเขาอย่างมีความสุขระคนเจ็บปวด
นางเป็นภรรยาของเขาแล้ว ทำให้คนรักมีความสุขและความยินดีคือหน้าที่ยิ่งใหญ่ของนาง
คนรักทั้งสองถูกกวาดไปตามคลื่นอารมณ์ความปรารถนาไม่ได้รู้ตัวว่าอักษรรูนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนผิวกายของทั้งคู่ มันเคลื่อนไหวยักย้ายเชื่อมโยงกันและกัน ในที่สุดก็รวมตัวกันก่อเป็นรูปวงแหวนอักษรรูน
ขณะเดียวกัน ในสวนน้อย
เสวี่ยอู๋เสีย, เชี่ยนเชี่ยนและโล่วฮัวนั่งอยู่ใต้ชายคาทอดสายตาดูท้องฟ้าที่ดารดาษด้วยดวงดาว
ทันใดนั้น ร่างของเสวี่ยอู๋เสียสั่นสะท้าน หลังจากเชี่ยนเชี่นและโล่วฮัวก็รู้สึกถึงบางอย่าง เสวี่ยอู๋เสียถกแขนเสื้อนางและรู้ได้ว่าอักษรรูนที่ปรากฏขึ้นหลังจากฝึกผสานร่างกับเย่ว์หยางค่อยๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
อักษรรูนขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวก็ผุดขึ้นมาบนผิวพวกนาง เหมือนกับว่ามันตอบสนองบางสิ่งบางอย่าง
“นี่… ดูเหมือนเย่ว์หยางทำได้สำเร็จแล้ว” เสวี่ยอู๋เสียยืนขึ้นทันที มองดูท้องฟ้าและบ่นพึมพำ จากนั้นนางหันกลับเข้าไปพักในห้องนาง
“ร่างกายเราจะตอบสนอง ที่เมื่อใดก็ตามที่เขาทำเรื่องไม่ดีงั้นหรือ?” เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวได้ยินคำพูดของเสวี่ยอู๋เสีย หน้าของนางแดงซ่านและรีบกลับเข้าไปในห้องพักนางเพื่อหลบองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ให้ดูหน้านางในยามเอียงอาย อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเดินผ่านองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางรีบเอื้อมมือไปคว้าหน้าอกขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจ้องมองนางอย่างตกใจ นางรีบหนีกลับเข้าไปในห้องของนางและหัวเราะลั่น “ไม่น่าแปลกใจเลย เย่ว์หยางมักน้ำลายหกเสมอตอนที่มองดูเจ้า ความรู้สึกนั้น ช่างดีจริงๆ ฮ่าๆๆๆ”
“ถ้าเจ้าต้องการเล่น ก็เล่นกับตัวเจ้าเองสิ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธจัด นางโยนความโกรธไปที่เย่ว์หยางทั้งหมดอีกครั้ง “เจ้าบ้าลามก เจ้ามันน่าโมโหจริงๆ!”
(บทบรรยายเรท X ขอสรุปเป็นบทบรรยายเรท R แทนนะครับ)