===============
หลังจากที่ได้รับความรู้ที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารส่งมอบให้เขาแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนใจของเขาได้รู้แจ้ง
เขาก็เหมือนนักเรียนคนหนึ่ง ไม่รู้อะไรในตอนแรกจมดิ่งอยู่กับความรู้ระดับประถม, มัธยมต้น, มัธยมปลาย, มหาวิทยาลัยหรือระดับสูงกว่า แม้ว่าเขาจะไม่สามารถย่อยสลายความรู้ได้เต็มที่ แต่อย่างน้อยเขาก็เข้าใจได้ชัดเจน ตราบที่เขามีเวลาพอ เขาจะสามารถย่อยองค์ความรู้และกลายเป็นนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยได้อย่างแท้จริง นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันของเย่ว์หยาง
ทักษะใช้สัตว์อสูร, ทักษะต่อสู้ ขอบเขตความรู้ ความลับภาษารูน ความรู้แต่ละอย่างเหมือนวางอยู่ต่อหน้าเขา ทำให้เขาตาลายและสับสนอยู่บ้าง เขาแทบจะจมลงในคลื่นยักษ์แห่งความรู้
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหรือ?” หญิงงามอู๋เหินพบว่าสีหน้าเย่ว์หยางแปลกไป นางรู้สึกเหมือนมีแสงประหลาดชนิดหนึ่งอยู่ในใบหน้าของเขา
“ข้ารับความรู้ที่มารดาตกทอดให้ข้า จากในบันทึกเล่มนี้” เย่ว์หยางเรียกมารดาของสหายผู้น่าสงสารเหมือนว่าเป็นมารดาของเขาอย่างหน้าตาเฉย
อย่างไรก็ตาม เขาต้องแก้ปัญหานี้ให้ได้ก่อน
ก่อนที่เย่ว์ชิวตัวปลอมจะใส่ร้ายเขาว่าเป็นเย่ว์หยางตัวปลอม เห็นได้ชัดว่าเย่ว์หยางระมัดระวังตัวมาก เขาจะไม่ยอมให้สตรีที่เขารักสงสัยเขาอย่างแน่นอน
ก่อนนี้ เขาไม่มีโอกาสจะตอบโต้ แต่ด้วยการรับมอบความรู้จากในบันทึกลับ เย่ว์หยางต้องการพูดเป็นนัยๆ ว่าเขาคือคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์จริงแท้แน่นอน ทั้งนี้เพราะเขาสามารถรับมอบความรู้ที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารตกทอดให้
ด้วยเหตุผลนี้ ไม่ว่าเย่ว์ชิวตัวปลอมจะทำการใส่ร้ายเขาอย่างไร สาวๆ เหล่านี้ก็จะไม่เชื่อเขาแน่นอน
เมื่อเสวี่ยอู๋เสียรู้ว่าเขาได้รับมอบความรู้ของมารดาของสหายผู้น่าสงสาร เขาเชื่อว่านางจะมีความสุขมาก
เย่ว์หยางรู้สึกว่า เสวี่ยอู๋เสี่ยไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นตัวปลอมหรือตัวจริง นางไม่ได้พยายามติดตามสืบหาความจริงอย่างใกล้ชิด แต่ถ้าเขาได้รับตกทอดความรู้ของมารดาเขา นี่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าความคิดด้านลบที่เสวี่ยอู๋เสียสงสัยจากในวิหารเทพสตรีนั้นผิด นางจะรู้สึกสบายใจกับเรื่องนี้ได้ชัดเจน
“จริงหรือ? เยี่ยมเลย!” หญิงงามอู๋เหินยินดีเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรที่ทำให้อู๋เหินสุขใจยิ่งไปกว่าได้รับความรู้มากยิ่งขึ้น
ในใจของหญิงงามอู๋เหิน ต่อให้เอาเงินทองมากองเป็นภูเขาก็ยังไม่มีค่าเท่าหนังสือดีๆ เล่มหนึ่ง
ถ้าเย่ว์หยางได้รับอะไรอย่างอื่น นางก็คงไม่ตื่นเต้นนัก
ความจริงนี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางเห็นสาวงามอู่เหินมีอาการตื่นเต้นแบบนั้น ดวงหน้าน้อยของนางแดงซ่านเนื่องจากความตื่นเต้นสุดขีด และดวงตาของนางฉายประกายแห่งความสุข
เขารู้สึกถึงความสุขที่เอ่อล้นท่วมท้นใจของเขาจึงตัดสินใจทำให้นางแปลกใจขึ้น “อู๋เหิน! ขณะที่ยังไม่มีหนทางอื่นเพื่อดูดซับความรู้อีก 1 % ที่ข้าได้รับตกทอดมาจากมารดา ดูเหมือนว่าข้าสามารถถอดรหัสอักษรรูนได้บ้างแล้วในตอนนี้! ตัวอย่างเช่น อักษรรูนบนแขนข้านี้ น่าจะหมายถึง “พละกำลัง” เห็นได้ชัดว่า ความหมายและการเปลี่ยนแปลงเบื้องหลังอักษรรูนนี้มีเหลือเฟือ การใช้แค่คำว่าพละกำลังในภาษาชาวโลกจึงไม่สามารถอธิบายได้ใกล้เคียงเลย ถ้าอักษรรูนว่า “พละกำลัง” และ “ชีวิต” ผสมผสานกัน อย่างก็จะกลายเป็น “ฟื้นฟูความเยาว์วัย”ถ้าผสมกับคำว่า “รบ” อย่างนั้นก็จะมีความหมายเป็น “ความยืนยงหลากหลาย” ถ้าผสมกับคำว่า “หยาดน้ำหวาน” ก็จะกลายเป็น “เพาะความเจ็บป่วย”…”
“โอว..!” หญิงงามอู๋เหินมองดูเย่ว์หยางด้วยความปลาบปลื้มจนแทบคลั่งไคล้เพราะความสุข
นางเป็นคนคลั่งไคล้อักษรรูนคนหนึ่ง
นางเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เยาว์วัยแล้ว
เพื่อเรียนรู้อักษรรูน นางเอาตัวเองเข้าทดสอบมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงจุดที่ร่างกายของนางไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและเกือบต้องเสียชีวิต
ตอนนี้พอนางได้ยินว่าเย่ว์หยางสามารถเข้าใจอักษรรูนได้ นางตื่นเต้นมากจนสองแก้มนองด้วยน้ำตา
นางเกาะแขนเขาและถามซ้ำอีกเพื่อคลายความสงสัย ประหนึ่งคนขาดน้ำที่ใกล้จะตายแล้วได้รับน้ำใสสดชื่นมาหนึ่งขวด
“อักษรรูนยังเรียกกันว่าภาษาเทพเจ้า กล่าวได้ว่าเป็นความรู้ภายในที่ข้าได้รับตกทอด ท่านแม่ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้สร้างขึ้นมาครั้งแรก ท่านได้แบ่งอักษรรูนออกเป็นหลายประเภท ประเภทหนึ่งก็คือ อักษรรูนโบราณ อักษรเหล่านี้ก็คือที่เราเห็นกันอยู่บัดนี้ มีอักษรรูนโบราณรวม 72 ตัว ทุกตัวมีความหมายแตกต่างจากกัน เมื่อเอามารวมกัน ก็มีความเปลี่ยนแปลงมากมายที่สามารถใช้ได้ อีกประเภทหนึ่งก็คือ “อักษรรูนดึกดำบรรพ์” มีรวม 36 ตัว แต่ละตัวนั้นหาได้ยากมาก ยากมากที่พวกเราจะหาพบได้ อักษรรูนดึกดำบรรพ์นั้นทรงพลังมาก อย่างเช่น วงจักรล้างโลกถูกสร้างขึ้นโดยมีอักษรรูนดึกดำบรรพ์เป็นพื้นฐาน ยังมีอักษรรูนประเภทอื่นอีกที่มีพลังด้อยลงมาอีก เรียกว่า “อักษรรูนสวรรค์” กล่าวกันว่าเดิมทีอักษรรูนเหล่านี้มาจากแดนสวรรค์ และนับได้ว่ามีพลังมากสำหรับพวกเราชาวทวีปมังกรทะยาน อักษรรูนเงินที่ท่านค้นคว้าเป็นหนึ่งในอักษรรูนสวรรค์ แตกต่างจากอักษรรูนโบราณและอักษรรูนดึกดำบรรพ์ อักษรรูนสวรรค์จะพุ่งเข้าหาขีดจำกัด นั่นคือเหตุที่ทำให้ร่างกายท่านได้รับผลกระทบ อักษรรูนประเภทสุดท้ายคือ “อักษรรูนแคระ” อักษรรูนชนิดนี้ไม่ใช่รูปแบบอักษรรูนอัญเชิญอย่างสองประเภทแรก มันถูกใช้แต่เพียงภายนอกโดยแกะสลักไว้ในโลหะวัตถุหรือสิ่งประดิษฐ์ ยิ่งกว่านั้นมันยังมีผลอ่อนมาก มีคนไม่มากในทวีปมังกรทะยานที่รู้จักอักษรรูนชนิดนี้ แต่หุ่นที่ตระกูลเย่ว์สร้าง ถูกสร้างด้วยอักษรรูนแคระนี้ บรรดาความรู้ที่ท่านแม่ข้าตกทอดมาให้ในตอนนี้ อย่าว่าแต่ทวีปมังกรทะยานเลย แม้แต่เขตต่างๆ ในหอทงเทียน ก็มีคนเพียงจำนวนน้อยที่สามารถใช้อักษรรูนแคระได้ อักษรรูนแคระชนิดนี้ความจริงก็คือการแยกย่อยมาจากอักษรรูนสวรรค์นั่นเอง แต่ในทวีปมังกรทะยานมีการใช้ลดน้อยลงมากมานานแล้ว มีเพียงพวกคนแคระในดินแดนรอบนอกที่ยังคงใช้อักษรรูนนี้ในปัจจุบันนี้ ดังนั้น จึงถูกเรียกว่า “อักษรรูนแคระ”
“ก็คงเป็นอย่างนั้น…” หญิงงามอู๋เหินรู้สึกเบิกบานใจหลังจากได้ยินเรื่องนี้
“อักษรรูนเป็นวิชาอัญเชิญรูปแบบพิเศษ คล้ายกับการอัญเชิญสัตว์อสูร แต่ละคนมีขีดจำกัดในความสามารถของตนเอง” ความรู้ของเย่ว์หยางเหมือนสายฝนที่หลั่งไหลต่อเนื่องขณะที่เขาอธิบายให้หญิงงามอู๋เหินฟัง
“เจ้าตั้งใจจะบอกข้าว่ามีอักษรรูนในตัวข้ามากเกินไป และข้าก็มาถึงเกินขีดความจุแล้วใช่ไหม?” หญิงงามอู๋เหินจับจุดหลักของปัญหานี้ได้แล้ว
“นั่นก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออักษรรูนสวรรค์เป็นอักษรรูนชนิดพร่อง ไม่อาจเทียบได้กับอักษรรูนโบราณ ไม่ต้องพูดถึงอักษรรูนดึกดำบรรพ์ด้วยซ้ำ จึงมีการหดตัวอย่างมากสร้างผลเสียหายกับผู้ใช้ แม้ว่าท่านจะศึกษาอักษรรูนสวรรค์มาและร่างของท่านสามารถรับประโยชน์จากมันได้ แต่ท่านก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างมหาศาลด้วยชีวิตของท่าน” ส่วนใหญ่เย่ว์หยางพูดเรื่องนี้เพื่อเตือนนางไม่ให้มุ่งค้นคว้าทดลอง “อักษรรูนสวรรค์ เพื่อที่ว่าร่างกายนางจะได้ไม่รับอันตรายเพิ่มเติม
“ทราบแล้ว ข้าจะระวังให้ดี!” หญิงงามอู๋เหินเข้าใจความตั้งใจที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา พอเห็นเขาเห็นประโยชน์แก่นางเพียงใด ความรู้สึกวาบหวามก็เกิดขึ้นในหัวใจนาง
“น่าเสียดายที่แม้ว่าข้าจะได้รับตกทอดความรู้ แต่ความเข้าใจภาษารูนของข้าก็ยังไม่เพียงพอ” เย่ว์หยางถอนหายใจ เขาได้รับกองภูเขาสมบัติพร้อมกับได้รับกุญแจให้เปิดดู แต่พลังของเขาเพียงลำพังไม่พอที่จะย้ายภูเขาใหญ่ขนาดนั้นได้
ก็เหมือนกับการเรียนภาษา เขาสามารถอ่านและเขียนได้ทุกภาษาในโลก แต่เขาไม่มีทางเขียนออกมาได้ทั้งหมด
การที่สามารถเข้าใจอักษรรูนได้ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถใช้มันได้ทั้งหมด
แน่นอนว่า เย่ว์หยางไม่ได้ดูดซับความรู้ที่ตกทอดมาจากมารดาของสหายผู้น่าสงสารได้โดยสิ้นเชิง หลังจากที่เขาย่อยองก์ความรู้ได้ทั้งหมด เขาจึงจะสามารถใช้อักษรรูนได้ ตอนนี้ เขารู้สึกกระวนกระวายซึ่งเป็นเหตุให้เขาถอนหายใจ
หญิงงามอู๋เหินรีบให้ความมั่นใจเขา
นางรู้ว่าการที่สามารถได้รับมอบความรู้เช่นนี้เป็นโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
เทียบกันแล้ว นางใช้เวลาส่วนตัวค้นคว้ามาหลายปี ก็ยังเหมือนไม่ได้อะไร อาจจะเรียกได้ว่าล้มเหลวด้วยซ้ำ
“อย่ากังวลไปเลย เรามีความเข้าใจเรื่องอักษรรูนเป็นทุนเดิมอยู่บ้างแล้ว เราไม่ต้องเที่ยวหาไปทั่วก็ยังไม่สามารถเห็นอักษรรูนได้ ตราบใดที่เรายังมีเวลา เราจะสามารถสำแดงพลังที่แท้จริงของมันได้แน่นอน” หญิงงามอู๋เหินโอบกอดเย่ว์หยาง ร่างที่นุ่มเนียนของนางแนบชิดกับเขาขณะที่นางจูบริมฝีปากเขา ปลอบเขาให้ใจเย็น
“มาเถอะ มาค้นคว้ากันสักเล็กน้อย ตรงนี้ เริ่มจากส่วนที่ง่ายที่สุด อักษรรูนแคระ” เย่ว์หยางจำได้ว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ขอให้แม่สี่มอบสารานุกรมหุ่นให้เย่ว์หยางเล่มหนึ่ง ในตอนนั้น เขาไม่ได้สนใจมันเลย เพราะสารานุกรมหุ่นแค่แสดงการผลิตหุ่นและวิธีการสร้างหุ่นที่ซับซ้อนทำให้เย่ว์หยางหัวหมุน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ค้นคว้าอะไรมากนัก อย่างไรก็ตาม เอามาดูอีกครั้ง เอ่.. นี่มันความรู้ระดับเด็กประถม
กระบวนการสร้างหุ่นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากสำหรับนักรบคนหนึ่งที่ไม่มีความรู้เรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับเย่ว์หยางผู้ได้รับความรู้ตกทอดมาจากมารดา กลับเป็นเรื่องกล้วยๆ
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่เคยสร้างหุ่นมาก่อน แต่เมื่อเขามองดูอสูรที่เขาไม่รู้จัก เขาก็เข้าใจได้ทันทีด้วยการดูครั้งเดียว อ่า.. กลับกลายเป็นว่าเจ้าสิ่งนี้ทำงานแบบนี้ เหมือนกับนักศึกษามหาวิทยาลัยอ่านคำถามสำหรับนักเรียนชั้นประถม แม้คิดว่าจะมีความแปรเปลี่ยนเปลี่ยนต่างๆ แต่ก็ยังง่ายที่จะทำความเข้าใจ
ในสารานุกรมหุ่น อักษรรูนสลักที่ลึกลับและยากเป็นส่วนใหญ่กลับเป็นของง่ายที่สุดสำหรับเย่ว์หยาง
นี่ยังง่ายกว่าสูตรคูณที่เย่ว์หยางต้องท่องจำเมื่อตอนที่เขายังเด็กเสียอีก “หนึ่งคูณหนึ่งเป็นหนึ่ง, หนึ่งคูณสองเป็นสอง..กระทั่งถึงเก้าคูณเก้าเป็นแปดสิบเอ็ด เย่ว์หยางสามารถเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังอักษรรูนแคระทุกตัว ด้วยการมองเพียงครั้งเดียว เขาก็สามารถเข้าใจถึงผลกระทบที่มีเมื่ออักษรรูนตัวหนึ่งผสมผสานกับอักษรรูนอีกตัวหนึ่ง เขาไม่จำเป็นต้องจดจำอักษรเหล่านั้นทีละตัวเหมือนวิธีที่ผู้อาวุโสตระกูลเย่ว์ทำกัน
ในสารานุกรมหุ่น เย่ว์หยางมองเห็นจุดที่ผิดพลาดเกินกว่าสิบ
สิ่งเดียวที่ทำให้เย่ว์หยางแปลกใจก็คือการผสมผสานอักษรรูนที่ผู้อาวุโสตระกูลเย่ว์ลอกแบบมาจากภูตอัจฉริยะเย่ว์กง ไม่มีจุดผิดพลาดในอักษรรูนเหล่านั้นเลย
เย่ว์หยางเรียกหนูเบญจธาตุออกมาอีกครั้งและกอบพวกมันไว้ในมือ ตรวจดูด้วยทักษะญาณทิพย์ เขาก็ต้องตกใจในสิ่งที่เขาเห็น
หัวใจของหนูเบญจธาตุแต่ละตัวนั้น อักษรรูนที่ติดตั้งไว้ ไม่ใช่อักษรรูนแคระ เป็นเพียงรูปแบบอักษรรูนที่ตระกูลเย่ว์สามารถใช้ได้ มันเป็นอักษรรูนโบราณอย่างหนึ่ง ในร่างของหุ่นหนูค้นสมบัติแต่ละตัวและแขนขาของพวกมัน จะมีอักษรรูนสวรรค์ที่ผสมผสานรวมอยู่ด้วย
ช่างเป็นหุ่นอสูรที่สวยงาม
ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงเป็นคนที่ช่างวิเศษเหลือเกิน
จากนั้นเย่ว์หยางก็พบความจริงได้ในที่สุด เขาถึงกับตกตะลึง วิธีที่ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงได้สร้างหนูทองค้นสมบัตินี้ เขาคิดว่า มิน่าเล่า เย่ว์กงถึงกลายเป็นหนึ่งในสามวีรบุรุษในยุครุ่งเรืองของตระกูลเย่ว์ ด้วยความรู้ที่เขามี ถ้าพวกเขาสามารถใช้มันได้ดี อย่าว่าแต่กอบกู้ตระกูลเย่ว์เลย พวกเขาสามารถจะพัฒนาความแข็งแกร่งให้กับอาณาจักรต้าเซี่ยได้ หรือทั้งทวีปมังกรทะยานก็ได้ น่าเสียดายที่ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงตายเร็วเกินไป มิฉะนั้นเขาจะต้องเป็นบุคคลผู้โดดเด่นที่จะได้รับการยกย่องไปหลายพันปีหลังจากเขาตาย
ชาวบ้านทั่วไปไม่ถือว่าเข้าใจผิด ที่จะนับถือเย่ว์กงเป็นหนึ่งในสองเซียน
ภูตอัจฉริยะเย่ว์กง คู่ควรกับชื่อนำหน้าว่าเซียนแน่นอน
เทียบกับเย่ว์หยางผู้ได้รับตกทอดความรู้แล้ว หญิงงามอู๋เหินยังคงไม่สามารถเข้าใจอักษรรูนได้เต็มที่หลังจากเพ่งมองอย่างจดจ่อ เย่ว์หยางยังคงพลิกดูหน้าต่อไปแทนที่จะรอนาง
อย่างไรก็ตามนางก็ยังรู้สึกสบายใจ ตราบใดที่สามีนางสามารถเข้าใจอักษรรูนอัญเชิญลึกลับเหล่านี้ได้ทั้งหมด นางก็ยังรู้สึกว่าดี นางจะค่อยๆ เรียนรู้จากเขาได้ โดยที่นางไม่ต้องรีบร้อน
“ขอดูบันทึกของท่านหน่อยนะ” หลังจากมองดูคัมภีร์หุ่นแล้ว เย่ว์หยางมีคิดมากมายในใจ เขาต้องการนำมาใช้ในภาคปฏิบัติ แต่เขาไม่มีวัสดุที่จำเป็นในขณะนี้ มิฉะนั้นเขาจะทดลองสร้างหุ่นตัวหนึ่ง ทันใดนั้นเขาจำได้ถึงการค้นคว้าที่หญิงงามอู๋เหินได้ทำเสร็จแล้ว ด้วยความปลื้มใจ เขาตัดสินใจดูอักษรรูนสวรรค์ที่ยากขึ้นมาอีกเล็กน้อย
“เอ้านี่!” หญิงงามอู๋เหินมอบบันทึกที่ความจริงเป็นสมบัติส่วนตัวของนางให้เย่ว์หยางด้วยความดีใจ นัยน์ตาของนางเป็นประกายขณะที่นางมองดูเย่ว์หยางดูบันทึกของนางอย่างจริงจัง
บุรุษประเภทไหนมีเสน่ห์ที่สุด
สตรีบางพวกอาจชอบนักรบกล้าหาญผู้ต่อสู้ในสงครามนองเลือด คิดว่าเหล่าขุนศึกผู้ประสบความสำเร็จในการรบเป็นผู้หล่อที่สุด
สตรีบางพวกอาจชอบนักรบผู้ต่อกรกับมังกรยักษ์ พวกนางคิดว่านักรบเหล่านี้ไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย นักรบผู้กล้าสังหารมังกรเป็นผู้หล่อเหลาและกล้าหาญที่สุด
ในโลกนี้ มีคนที่ชอบเจ้าชายที่มีฐานะสูงส่ง มีคนชอบบุรุษอัธยาศัยดีงามและงามสง่า มีบางคนชอบทหารรับจ้างที่หยาบและเป็นนักเลง แต่ในใจของหญิงงามอู๋เหิน นางชอบนักวิชาการกับห้องสมุดที่กว้างขวางและความรู้แทน ตัวอย่างเช่น นางคิดว่าคนอย่างเย่ว์หยางผู้ได้รับตกทอดความรู้ของมารดาเขา จะเรียนอักษรรูนจริงจังด้วยความตั้งใจทั้งหมด เขาจึงเป็นคนที่หล่อและน่าสนใจที่สุด
บุรุษจะหล่อที่สุดก็แต่เมื่อเขาทำงานหนักจริงจัง หญิงงามอู๋เหินจำไม่ได้ว่าเมื่อใด แต่นางเคยอ่านภาษิตเช่นนี้จากหนังสือมาก่อน
ตอนนี้นางรู้สึกว่าภาษิตเช่นนั้นเป็นจริงอย่างยิ่ง
***************