===============
อีกสามวันต่อมา
เย่ว์หยางพาหญิงงามอู๋เหินกลับมาที่สวนน้อย ในตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะแสวงหาความสุขกันเพียงสองคนในโลก ยังคงมีภาระยิ่งใหญ่ที่เย่ว์หยางต้องทำอยู่อีก
ตอนแรก องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นไม่คิดว่าเย่ว์หยางจะกลับมาเร็วนัก พวกนางคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะต้องเพลิดเพลินกับชีวิตเสียก่อนแล้วจึงค่อยกลับมา แน่นอนว่านั่นไม่ใช่จุดใหญ่ของเรื่อง จุดหลักก็คือเมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวเห็นลักษณะของหญิงงามอู๋เหิน ดูเหมือนพวกนางพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง เสวี่ยอู๋เสียและเย่ว์ปิงต้อนรับการกลับมาของพวกเขาอย่างอบอุ่น อู๋เสียต้อนรับญาติผู้พี่ของนางที่ได้รับชีวิตใหม่ ขณะที่เย่ว์ปิงกระโดดเข้ากอดพี่ชายนาง”
หญิงงามอู่เหินยังคงทำตัวเป็นภรรยาที่ดี หลังจากนางกลายเป็นภรรยาของเย่ว์หยางแล้ว แม้จะกลับมาคฤหาสน์ในสวนน้อยแล้ว นางก็ยังนั่งเคียงข้างเขา
เกี่ยวกับคำถามที่เจ้าเมืองโล่วฮัวกระซิบถาม “เจ็บหรือเปล่า?” นางเพียงแต่ยิ้ม แต่ไม่ตอบ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าคงจะแปลกล่ะ ถ้าไม่เจ็บ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเคยเห็น “น้องชาย” ของเย่ว์หยางมาก่อนแล้ว ถ้าขืนให้สัตว์ประหลาดอย่างนั้นเข้ามาในตัวนาง นางคงมิเจ็บเจียนตายหรอกหรือ…
อย่างไรก็ตาม องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแปลกใจมากตรงที่ร่างที่อ่อนแอและบอบบางของหญิงงามอู๋เหินสามารถทนรับมันได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้น นางเห็นว่าสีหน้าของหญิงงามอู๋เหินเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ผิวของนางไม่ซีดขาวอีกต่อไป นางดูมีเลือดฝาดนุ่มนวล อ่อนโยนเหมือนน้ำ นางมีกลิ่นอายความงามและความลึกลับจนสุดจะพรรณนา
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าหญิงงามอมโรคอู๋เหินจะได้รับบาดเจ็บเพราะเย่ว์หยาง ถึงได้พานางกลับมา นางคิดว่าอู๋เหินจำเป็นต้องนอนพักฟื้นอยู่กับเตียงเป็นเดือนๆ
แต่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่อู๋เหินจะมีสภาพร่างกายที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเปล่งปลั่งเป็นประกายอีกด้วย ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสงสัยงงงัน เป็นไปได้หรือไม่ที่การถูกเย่ว์หยางปล้ำจะมีผลต่อความงาม?”
“เย่ว์หยางช่ำชองทักษะผสานร่างคู่รักแล้ว” เสวี่ยอู๋เสียไม่ประหลาดใจกับคำพูดของอู๋เหิน เนื่องจากอู๋เหินได้ฝึกการผสานร่างคู่รักได้แล้ว อัจฉริยภาพของเย่ว์หยางทำให้เขาเชี่ยวชาญในทักษะนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาเชี่ยวชาญการผสานร่างคู่รักในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม คำพูดของหญิงงามอู๋เหินต่อมาทำให้เสวี่ยอู๋เสียตกตะลึง
อู๋เหินกล่าวว่า “เขายังเชี่ยวชาญพลังอักษรรูนอีกด้วย..”
เย่ว์หยางรีบอธิบายเสริม “ข้ายังไม่ถึงกับเชี่ยวชาญ ข้าแค่ชำนาญบางส่วนเท่านั้น กล่าวโดยสรุปว่า ข้าชำนาญอักษรรูนสวรรค์ 10% อักษรรูนโบราณ 1% และอักษรรูนดึกดำบรรพ์ 0.1% สำหรับอักษรรูนแคระ ไม่นับว่าเป็นอักษรรูนอัญเชิญ แม้ว่าจะเข้าใจได้เต็มร้อย แต่ก็ยังใช้งานได้ไม่เต็มที่
จากนั้นเขาอธิบายความจริงเกี่ยวกับเรื่องอักษรรูนให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ ฟัง และความรู้ที่เขาได้รับตกทอดมาจากมารดาของเขา
เชี่ยนเชี่ยน, โล่วฮัวและคนอื่นๆ ตกตะลึงไปตามๆ กัน
เย่ว์หวี่ปลาบปลื้มใจเป็นที่สุดเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เสี่ยวซานได้รับตกทอดความรู้ของอาหญิง นี่ต้องเป็นพรจากสวรรค์และบรรพบุรุษของเราแน่!”
มีพลังเชี่ยวชาญอักษรรูนโบราณแม้เพียงหนึ่งในร้อยก็มีพลังทำลายล้างมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป เย่ว์หยางยังจะสามารถดูดซับความรู้ได้เพิ่มอีก เขายังจะทำความเข้าใจและพัฒนาภาษารูนให้ก้าวหน้าได้อีก
ข้อมูลเกี่ยวกับอักษรรูนโบราณลึกซึ้งมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะทำความเข้าใจ สำหรับอักษรรูนดึกดำบรรพ์ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย เย่ว์หยางสามารถรู้สึกได้ถึงส่วนเล็กๆ ของหน้าต่างแห่งความรู้
ตอนนี้ เย่ว์หยางต้องการทุ่มเทความสนใจให้กับอักษรรูนสวรรค์
ในช่วงเวลาสามวัน หลงจากเย่ว์หยางและอู๋เหินได้หล่อหลอมการค้นคว้าของพวกเขา เย่ว์หยางเชี่ยวชาญอักษรรูนสวรรค์ 10% หญิงงามอู๋เหินกลับตรงข้าม นางเข้าใจได้น้อยกว่าเย่ว์หยาง นางเข้าใจได้เพียง 1% ของความรู้ เมื่อพวกเขากลับมาที่สวนน้อย นางแบ่งความรู้กับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัวและสาวอื่นๆ กระจายงานให้พวกนาง ด้วยการช่วยกันค้นคว้าและศึกษาร่วมกัน, การแบ่งปันความรู้ของพวกนาง ทำให้ระดับความเร็วในการเรียนของพวกเขารวดเร็วมาก แต่ละคนก็ได้เรียนรู้ข้อมูลใหม่ในวิธีที่แตกต่างกัน บางทีในกรณีเดียวกัน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ อาจสามารถทำได้และเข้าใจได้ดีกว่า
เพื่อเสริมพลังอำนาจโน้มน้าวใจนาง หญิงงามอู๋เหินเรียกอสูรเกราะแก้วของนางออกมา
เพื่อให้ร่างกายของอู๋เหินหายดีดังเดิม เย่ว์หยางใช้ปราณก่อกำเนิดในปริมาณมากเพื่อจัดระเบียบอักษรรูนสวรรค์บนร่างนาง
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถเปลี่ยนทุกอย่างในระยะเวลาสั้นๆ ได้โดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่ต้องกังวลเพราะเป็นเรื่องของเวลา ทุกครั้งที่เขาจัดเรียงอักษรรูนสวรรค์ในร่างของนางให้จัดเรียงตัวอย่างถูกต้อง ร่างของนางจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ปัญหาประการเดียวก็คือการยกเลิกอักษรรูนสวรรค์ในร่างนาง เย่ว์หยางจำเป็นต้องใช้เวลาในเรื่องนั้นค่อนข้างมาก
อักษรรูนของอู๋เหินมีการจัดเรียงตัวใหม่และพอได้เรียนรู้อักษรรูนสวรรค์ที่แท้จริงจนได้ พลังของนางก็เพิ่มพูนขึ้นมากมาย
เมื่อเชี่ยนเชี่ยน, โล่วฮัว, เย่ว์หวี่, อี้หนานและเย่ว์ปิงเห็นอสูรเกราะที่อู๋เหินเรียกออกมา ไม่เพียงแต่เป็นเกราะแก้วสมบูรณ์เต็มร้อยเท่านั้น แต่ร่างของนางทั้งหมด ยังกลายเป็นแก้วผลึกโปร่งแสงอีกด้วย นางดูเหมือนสาวงามแก้วผลึก
แม้ว่าหลังจากถอดเกราะแก้วผลึกไปแล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่สามารถทำร้ายหญิงงามอู๋เหินให้บาดเจ็บได้ เมื่อนางพยายามฟันแขนอู๋เหินด้วยมีดเล็ก
อู๋เหินบอกว่าเพราะนางไม่ถนัดทักษะการต่อสู้ นางจึงทำได้เพียงแสดงพลังออกมาได้เพียง 30% ถ้าเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหรือเจ้าเมืองโล่วฮัวมีอักษรรูนสวรรค์อยู่บนร่างแทน พวกนางก็จะแข็งแกร่งมากกว่านางแน่นอน เมื่อนางพูดเช่นนี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสองนางถึงกับตื่นเต้นมาก นอกจากจะหวังว่าวิทยายุทธของนางจะมีความก้าวหน้าแล้ว พวกนางยังอิจฉาร่างแก้วผลึกของอู๋เหินอีกด้วย
“เนื่องจากจะช่วยเพิ่มทักษะต่อสู้ของพวกเรา งั้นข้าขอรับไว้!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ค่อยสนใจค้นคว้าอักษรรูน แต่นางไม่สามารถปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มพลังต่อสู้ของนาง
นางไม่ต้องฝึกแต่อย่างใด นางจำเป็นต้องยอมให้เย่ว์หยางใช้อักษรรูนสวรรค์บนตัวนาง
เรื่องที่ว่าเย่ว์หยางจะฉวยโอกาสเอาเปรียบกับร่างกายนาง ไม่ว่าเขาจะทำหรือไม่ นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนใจมัน
อักษรรูนสวรรค์คล้ายกับอสูรอัญเชิญ
มันไม่ได้เป็นสิ่งที่มีชีวิต สามารถช่วยผู้ใช้ได้ แต่ไม่ต้องมีความตระหนักรู้ใดๆ เลย อาจจะตีขลุมเอาว่ามันเป็นอสูรอัญเชิญแบบพิเศษ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในคัมภีร์อัญเชิญแต่อย่างใด
เมื่อหญิงงามอู๋เหินสอนความรู้ที่นางรู้ให้กับเชี่ยนเชี่ยน, โล่วฮัว, อี้หนาน, เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิง เสวี่ยอู๋เสียดึงตัวเย่ว์หยางไปอีกด้านหนึ่งและถามบางคำถามเกี่ยวกับหญิงงามอู๋เหิน ในที่สุด นอกจากจะยกย่องเย่ว์หยางที่รุกเร้าครอบครองนางได้สำเร็จ นางถอนหายใจเบาๆ “ญาติผู้พี่ของข้าสงวนตัวเองจนถึงที่สุด แม้ว่าเจ้าต้องการจะทำดีกับนาง แต่จะสายเกินไปสำหรับเจ้าที่จะให้เป็นเรื่องรักโรแมนติคที่ไม่น่าจดจำ นางจะเป็นภรรยาที่ดีให้เจ้าแน่นอน ต่อไปในอนาคตเจ้าต้องดีกับนาง เข้าใจนะ ความรักไม่จำเป็นต้องเร่าร้อนเป็นพายุ ยังสามารถราบรื่นนุ่มนวลเหมือนสายน้ำไหลรินไม่มีที่สุด”
เย่ว์หยางพูดไม่ออกเล็กน้อย นางกำลังขอให้เขาครองรักอู๋เหินหลังแต่งงานหรือ?
แต่เมื่อเขาคิดดูอีกครั้ง เขารู้สึกว่าสิ่งที่เสวี่ยอู๋เสียพูดนั้นสมเหตุผลดีแล้ว อู๋เหินมีบุคลิกเรื่อยๆ ความรักที่จริงจังเป็นเรื่องที่เหมาะสำหรับนางหลังจากแต่งงานกันแล้ว
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ เขาคิดถึงวิธีที่อู๋เสียพยายามอย่างหนักเพื่อตัวนางและหญิงงามอู๋เหิน เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างช่วยไม่ได้ขณะเอื้อมมือดึงเสวี่ยอู๋เสียเข้ามาหาเขากอดนางไว้แน่น
“….” เสวี่ยอู๋เสียไม่ได้ปฏิเสธเขา แต่นางมองเขาอย่างตำหนิ
เวลาผ่านไปเร็วและหญิงงามอู๋เหินยังคงถ่ายทอดความรู้อักษรรูนสวรรค์ที่เรียนรู้จากเย่ว์หยางให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่น
อีกด้านหนึ่ง เย่ว์หยางทดลองสร้างอสูรหุ่นด้วยวัสดุที่เสวี่ยอู๋เสียนำมาจากข้างนอก
ฮุยไท่หลางยังคงหลับอยู่ที่เฉลียงบ้าน กรนอย่างสบาย
วันนั้น อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าจู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาในสภาพทุลักทุเล เหมือนกับว่าถูกหมาป่าหิวกระหายเป็นร้อยตัวไล่กวดอยู่ข้างหลัง จนกระทั่งเขาเทเลพอร์ตเข้ามาในสวนน้อย แล้วเห็นเย่ว์หยางและคนอื่นๆ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “นั่นดีแล้ว เจ้าเด็กน้อย โชคดีแล้วที่เจ้าไม่ออกมา มิฉะนั้นฟ้าคงถล่มทลาย เจ้าว่าไงนะ? เจ้าจะไปถล่มปราสาทตระกูลเย่ว์งั้นหรือ? ทำไมเจ้าถึงต้องไปหาที่ตาย ในเมื่อเจ้าสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขสงบที่นี่ได้? เจ้าเบื่อหน่ายในชีวิตแล้วหรือ?”
เย่ว์หยางพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ดูเหมือนอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าจะติดนิสัยลอกเลียนคำพูดท่าทางของเจ้าอ้วนไห่มาด้วย
ทำไมพวกเขาถึงต้องเอาภาษาสแลงในอินเตอเน็ทออกมาเผยแพร่ด้วยเล่า?
เขาไม่ทันได้พูดก่อนที่จะถูกอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเอาไม้เท้าไล่ตี
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพยายามแสดงความไม่พอใจส่วนตัวออกมาอย่างแน่นอน
เป็นเรื่องยากที่เขาจะดูแลเอาใจใส่ธิดาที่มีค่าของเขา ทว่าก่อนที่เขาจะได้ยินนางเรียกเขาว่าบิดา 2-3 ครั้ง เย่ว์หยางก็คาบนางไปกินเสียแล้ว สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือเย่ว์หยางไม่เคยขออนุญาตเขา ไม่เคยให้สินสอดของหมั้น ธิดาที่มีค่าของเขาถูกเย่ว์หยางพรากไปในลักษณะนั้น ถ้าเสวี่ยอู๋เสียไม่บอกเขา เขาก็คงงมโข่งต่อไป ไม่รู้ว่าธิดาของเขาเสร็จหมาป่าอย่างเย่ว์หยางไปแล้ว แม้ว่าเขาจะเป็นบิดาของนางก็ตาม
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
“โธ่แล้วกัน, เดี๋ยวข้าโมโหนะ ถ้าท่านยังไล่ตีข้ามากไปกว่านี้” เย่ว์หยางจับไม้เท้าด้วยมือข้างเดียว และใช้มืออีกข้างหนึ่งจับคือเสื้อเขาไว้ เขาจ้องมองตาของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพลางพูดว่า “ธิดาท่านกำลังจะตาย, สิ่งที่ข้าทำ ข้าทำเพื่อช่วยนาง ท่านเข้าใจไหม? ยิ่งกว่านั้น ข้าชอบนาง และนางก็ชอบข้าเช่นกัน นี่คือความรักที่สมยอมกัน ทำไมท่านต้องทำให้ยุ่งยากด้วยนักเล่า?”
“แม้จะเป็นความรักที่สมยอม แต่ข้าก็จะตีเจ้า เจ้าคิดว่าง่ายนักหรือ ที่ข้าจะมีลูกสาวได้สักคน?” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าแค่นเสียง
สินสอดก็ไม่ให้ แขกเหรื่อก็ไม่เชิญ แม้แต่บิดาของนางก็ไม่รู้เรื่อง
เจ้าเด็กนี่ต้องขอบคุณแล้วที่เขาไม่สู้ตายกับเขา
ทันใดนั้นหญิงงามอู๋เหินตะโกนเตือนและวิ่งเข้ามาขวางหน้าเย่ว์หยางไว้ ดูเหมือนนางอึดอัดและอายเล็กน้อยขณะที่พูดเสียงนุ่มว่า “ท่านพ่อทำอะไร, ไม่ใช่ความผิดของเขา.. รีบไปเร็วๆ อย่าทำเรื่องน่าอายต่อหน้าคนอื่น ข้าจะค่อยๆ อธิบายเรื่องราวให้ฟัง”
เย่ว์หยางถือโอกาสกระพริบตาปริบๆ ให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า บอกเขาว่าเขาไม่ควรจะอิจฉาเขา ธิดาของเขาไม่ช้าก็เร็วจะต้องแต่งงานออกเรือนไปอยู่กับสามีแน่นอน
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าร้องไห้น้ำตาแทบเป็นแม่น้ำท่วมหัวใจเขา
เมื่อเขาเข้าไปข้างในและทิ้งตัวนั่งลงในที่สุด หลังจากที่ดื่มชาที่หญิงงามอู๋เหินและเย่ว์หยางใช้คารวะแล้ว ในที่สุดอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก
ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นก็อยู่กันที่นั่นทั้งหมด ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส เขาพบว่าเป็นเรื่องน่าอายที่จะระบายความโกรธต่อหน้าพวกนาง หลังจากรับน้ำชาคารวะแล้ว อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็กลับคืนสู่บุคลิกเก่าขณะถามเย่ว์หยางว่า “เจ้าเด็กตัวร้าย! หลายวันมานี้เจ้ามัววุ่นวายอะไรอยู่หรือ? ที่ลานบ้านเต็มไปด้วยของหักพัง อย่าบอกนะว่าเจ้าพยายามสร้างอสูรหุ่น? ข้าจะบอกให้นะ เจ้าควรล้มเลิกความตั้งใจได้แล้ว เจ้าไม่มีทางสร้างของแบบนี้ได้ ความสามารถของเจ้าส่วนใหญ่อาจเด่นในเรื่องทักษะต่อสู้ แต่เรื่องสร้างอสูรหุ่นน่ะหรือ.. เจ้าเด็กน้อย, เจ้ารู้เรื่องอักษรรูนดีแค่ไหน?”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าคิดว่าเย่ว์หยางเรียนอักษรรูนเพียงเล็กน้อยจากธิดาของเขาและต้องการจะสร้างอสูรหุ่น จริงๆ แล้วเขาต้องการหัวเราะเยาะเย้ยเย่ว์หยางในใจ
ความจริงเจ้าเด็กนี่จัดเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะมีโอกาสได้เยาะเย้ยเขา เขาต้องฉวยโอกาสเยาะเย้ยเย่ว์หยางให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้เขามีฐานะเป็นพ่อตาของเย่ว์หยาง เขาต้องหาเรื่องบ่นเย่ว์หยางให้ได้บ้าง
ตอนแรก อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็ยิ้มเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เย่ว์ปิงไม่ยอมให้พี่ชายนางถูกเข้าใจผิด นางเถียงทันที คำพูดของนางทำให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเสียหน้าและแทบไม่อาจดูโลกต่อไปได้เลย จากนั้นอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็เข้าใจว่าเขาผิดพลาดไปแล้ว กลายเป็นว่าเจ้าเด็กนี่ได้รับตกทอดความรู้จากมารดาทำให้ตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก เขาถึงกับพูดไม่ออกทันที
“อย่างนั้นเจ้าได้สร้างอสูรหุ่นชนิดไหนขึ้นมา? ดูเหมือนจะเป็นอสูรหุ่นร่างมนุษย์ใช่ไหม?” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ากระแอมเล็กน้อยก่อนเปลี่ยนหัวข้อพูด
“ข้าล้มเหลว ความจริงข้าต้องการสร้างหุ่นรบตัวหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อเสร็จแล้ว มันกลายเป็นแค่หุ่นเอาไว้ทำงานหนัก เมื่อข้าสร้างขึ้นมาอีกตัว ก็มีจุดลงเอยเหมือนกัน” ความจริงเย่ว์หยางต้องการสร้างอสูรหุ่นที่มีความแข็งแกร่งมาก เขามีความทะเยอทะยานสูง เขาต้องการสร้างอสูรทองระดับ 6 หรือสูงกว่านั้นเป็นอย่างน้อย แต่เขามีวัสดุไม่เพียงพอกับความต้องการ เมื่อมันถูกสร้างสำเร็จ เย่ว์หยางพบว่ามันเป็นแค่อสูรหุ่นชั้นทองแดงระดับ 6 เย่ว์หยางจึงต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขให้มันเป็นอสูรช่วยงานเขาทำงานหนัก แทนที่จะเอาไว้สู้รบ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารู้แล้วว่าผลลงเอยจะต้องเป็นแบบนั้น” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าหัวเราะจนน้ำตาเล็ด
“ไม่นะ ไม่ถูกต้อง อสูรหุ่นของพี่สามแข็งแกร่งมากจริงๆ มันแค่ขาดวัสดุดีๆ เท่านั้น” เย่ว์ปิงรีบช่วยพี่ชายอธิบาย
พอได้ยินคำอธิบายของเย่ว์ปิง อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามองดูเย่ว์ปิงและบ่นพึมพำ “เจ้าโง่นี่…”
ให้อสูรหุ่นชั้นทองแดงระดับ 6 ทำงานรับใช้ นั่นหรูเกินจนแม้แต่จักรพรรดิยังไม่กล้าทำอย่างนั้น อสูรหุ่นชั้นทองแดงระดับ 6 แม้แต่ตระกูลเย่ว์ยังมีเพียงไม่กี่ตัว แต่เจ้าเด็กนี่กลับบอกว่าเขาให้มันทำงานรับใช้ อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพูดไม่ออกจริงๆ
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าวิ่งออกไปที่ลานบ้านมองดูอสูรหุ่น และพบว่าอสูรหุ่นของเย่ว์หยางเป็นของชั้นดีจริงๆ
เขาต้องพลิกลิ้นและสรรเสริญเย่ว์หยาง และถามว่า “เจ้าอสูรหุ่นทั้งสองตัวนี้เป็นผลงานสร้างครั้งแรกของเจ้า เจ้าควรจะเก็บรักษาให้ดีในฐานะเป็นของที่ระลึก เจ้าคิดชื่อไว้แล้วหรือยัง? เจ้าอยากให้ข้าใช้สมองที่ลึกซึ้งว่องไวของข้าช่วยเจ้าตั้งชื่อไหม?
เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถมากมายในการตั้งชื่ออสูรของเขา
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าถามเขาว่าพวกมันชื่ออะไรบ้าง
เย่ว์หยางตอบอย่างใจเย็น “เจ้าตัวซ้ายข้าให้ชื่อว่าเมกะทรอน ส่วนเจ้าตัวขวาชื่อว่าออพติมัส ไพร์ม”
เมื่อเขาพูดเช่นนั้น อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเกือบจะสำลักน้ำลาย หลังจากไออยู่ชั่วขณะ ในที่สุดเขายิ้มอย่างอ่อนเพลีย “เจ้าคิดว่าชื่อเหล่านั้นจะเป็นชื่อที่เหมาะกับหุ่นอสูรที่ทำงานรับใช้หรือ? ช่างมันเถอะ แล้วเจ้าตัวนี้ที่ยังไม่เสร็จนี่เล่า? เจ้าจะเรียกมันว่ากระไร?”
เย่ว์หยางตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้งหนึ่ง “ข้าคิดว่าจะให้ชื่อว่าอุลตร้าแมน ข้าสร้างมันมาเอาไว้ไล่ทุบสัตว์ประหลาดเด็กๆ โดยเฉพาะ”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเอาหัวโขกพื้นทันที
แม้ว่าเย่ว์หยางผู้ปลีกตัวจากโลกภายนอกจะล้มเหลวในการสร้างอสูรหุ่นชั้นทองระดับ 6 และทำได้เพียงสร้างอสูรหุ่นชั้นทองแดงระดับ 6 อย่างลำบาก แต่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็ไม่ได้ดูถูกเขา เขาต้องมีวัสดุชั้นดีที่สุดในการสร้างอสูรชั้นทองระดับ 6 เพราะเขาเป็นคนที่ผิดธรรมดาเกินไป ทุกอย่างที่เขาทำจึงแตกต่างจากคนอื่นๆ
ตอนแรก อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเตรียมกดดันให้เย่ว์หยางอยู่ในสวนน้อยต่อไปอีกระยะ เขายังไม่ต้องการให้เย่ว์หยางไปสู้กับเย่ว์ชิวตัวปลอม
นี่เป็นเพราะเย่ว์ชิวตัวปลอมมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างน้อยสองคนคอยหนุนเขาอยู่หลังฉาก เขายังคงมีนิกายพันปีศาจ, นิกายบรรพตขจีและอาณาจักรสือจินคอยสนับสนุน สำหรับวังมาร, แดนอเวจีหรือสมาชิกของเผ่าปีศาจบูรพาที่เป็นพวกนอกแถวจะสนับเขาด้วยหรือไม่ อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายังไม่อาจแน่ใจนัก
ในสถานการณ์แบบนี้ เขารู้สึกว่าจะดีที่สุดถ้าเย่ว์หยางจะไม่เปิดศึก เขาควรรอผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้กลับมาเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางคิดว่าตอนนี้เป็นเวลาดีที่สุดสำหรับการโจมตี
เมื่อผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ กลับมา พวกเขาอาจสามารถเห็นบางอย่างที่ผิดปกติของเย่ว์หยาง ดังนั้น เย่ว์หยางคิดว่าเขาต้องกำจัดเย่ว์ชิวตัวปลอมก่อนที่พวกเขาจะกลับมา เขาก็เป็นตัวปลอมเหมือนกัน มาดูกันซิว่าใครจะปรากฏตัวออกมาในฐานะผู้ชนะในการต่อสู้กันระหว่างตัวปลอมกับตัวปลอม เขาจะดูว่าใครมีความสามารถมากกว่ากัน
เย่ว์หยางยังไม่ได้เริ่มเดินทางทันที เพราะเขากำลังรอให้ฮุยไท่หลางตื่นจากการหลับไหล
ฮุยไท่หลางคือผู้ช่วยที่ดีของเขา เย่ว์หยางจะนำมันไปด้วยแน่นอน
ในการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นนี้ เขาอาจต้องฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกสองคน ถ้าฮุยไท่หลางกินพวกเขา ก็อาจวิวัฒนาการเป็นหมาป่าปีศาจโลกันตร์ซึ่งแข็งแกร่งกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดมาก
หลังผ่านไปอีกวันหนึ่ง ฮุยไท่หลางก็ตื่นได้ในที่สุด
มันกลายเป็นหมาป่าปีศาจโลกันตร์ อสูรชั้นแพลตตินัมระดับ 5 และร่างของมันปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงนรกพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึง 20 เมตร กลิ่นอายของมันน่ากลัวพอๆ กับจ้าวปีศาจ แรงระเบิดคลื่นกระแทกพอๆ กับพายุเฮอริเคนกระจายออกไปเป็นรัศมีวงกลม แม้ในขอบเขตรัศมี 5 กิโลเมตรก็ยังสามารถรู้สึกถึงกลิ่นอายของมันได้ เสียงคำรามของมันดังสนั่นกว่าฟ้าร้องที่สะท้อนฝ่าอากาศ
“มันยังไม่ถึงขีดจำกัดศักยภาพของมันเลย เจ้านี่จะสามารถเพิ่มระดับไปถึงชั้นเพชรในอีกไม่นานหรือหลังจากนั้นก็ได้” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าตื่นตะลึงกับพลังที่อยู่ภายในร่างของฮุยไท่หลาง
“เจ้าหมาหน้าโง่! แกทำให้ปิงเอ๋อกลัว! เดี๋ยวเชือดทำหมาย่างเสียเลยนี่!” เย่ว์หยางเตะฮุยไท่หลางหนึ่งป้าบ
“โฮ่ง!” ตอนแรก ฮุยไท่หลางมันภูมิใจตัวเองมาก แต่เมื่อมันได้ยินเย่ว์หยาง มันรีบเก็บงำรัศมีของมันไว้และแสดงร่างเป็นเพียงหมาป่าปีศาจหลังเหล็ก อสูรทองแดงระดับ 3 จากนั้นมันกระดิกหางกระโดดเข้าหาเย่ว์ปิง แสดงให้เห็นว่ามันเป็นหมาซื่อสัตย์และเชื่อฟังที่ไม่เคยขู่ให้เจ้านายกลัว
“ได้เวลาไปกันแล้ว เป้าหมายของเราคือปราสาทตระกูลเย่ว์”
ภายใต้การสั่งสอนของเย่ว์หยางในช่วงเวลานี้ พลังขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด นางกระตือรือร้นที่จะทดสอบพลังกับศัตรูของนางและดูว่านางก้าวหน้าเพียงใด นางไม่ใช่เพียงคนเดียวที่คิดอย่างนั้น เจ้าเมืองโล่วฮัว อี้หนานและเย่ว์ปิงก็ยังมีจิตวิญญาณพร้อมต่อสู้อย่างเต็มเปี่ยม
แน่นอนว่าคนที่มีรังสีฆ่าฟันและมีความต้องการสู้มากที่สุดก็คือเย่ว์หยาง
เขาชูกำปั้นขึ้นในอากาศแล้วตะโกนว่า “เดินทาง”
ดารารับเชิญวันนี้