===============
ซุ่นเทียนเพ่งมองดูและพบว่าเด็กผู้หญิงนี้มงกุฏดอกไม้บนศีรษะเธอยังไม่ถึงกับกลายเป็นนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง มันยังเป็นนางปีศาจดอกหนามอยู่
อย่างไรก็ตาม ดูจากศักยภาพของนาง แม้แต่ซุ่นเทียนที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดยังรู้สึกอิจฉาเย่ว์หยาง เขายังไม่อาจครอบครองเครื่องจักรสังหารที่น่ากลัวอย่างนั้นได้เลย แม้ว่าซุ่นเทียนจะครอบครองอสูรศักดิ์สิทธิ์ถึงห้าตนในคลังอาวุธของเขา แต่ก็ยังยากที่จะระงับความรู้สึกละโมบและความปรารถนาในใจเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากมองดูเห็นความฉลาดของนางปีศาจดอกหนามและนัยน์ตาที่แสดงอารมณ์จนแทบจะใกล้มนุษย์แล้ว หัวใจของซุ่นเทียนสั่นไหวเล็กน้อย เขารู้ว่าอสูรตัวนี้จะยกระดับกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอนในอนาคต ไม่เป็นเรื่องฉลาดเลยจริงๆ สำหรับเขาที่จะปล่อยให้นางปีศาจดอกหนามนี้วิวัฒนาการเป็นนางพญาดอกหนามมงกุฏทองและกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
รังสีฆ่าฟันของซุนเทียนเพิ่มขึ้นทันที
รังสีฆ่าฟันที่น่ากลัวของเขาแผ่ออกมาจากหัวใจเขา ทะลักออกมาเหมือนน้ำท่วม
เขายกแขนและเตรียมจะชิงความได้เปรียบในช่วงที่นางปีศาจดอกหนามยังไม่เต็มวัยฆ่านางทันที
“เอ๊ะ? นั่นคือจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยผู้น่านับถือมากที่สุดไม่ใช่หรือ? ท่านซุ่นเทียนหนึ่งในจักรพรรดิแห่งกลุ่มพันธมิตรปราณก่อกำเนิดสิบสี่ดาว ทำไมท่านถึงลงมายังทวีปมังกรทะยาน ที่ๆ น่าสังเวชแต่เงียบสงบเสียเล่า? หรือท่านจะใช้พลังโจมตีเพื่อให้คนหลายพันคนล้มตาย?” ทันใดนั้น เสียงทรงเสน่ห์ดังขึ้นจากด้านหลังซุ่นเทียน เป็นนางเซียนหงส์ฟ้า เทียนฝา (มารกฎฟ้า) พร้อมกับลมหายใจที่สดชื่น นางปรากฏตัวในอากาศในตำแหน่งที่สูงกว่าซุ่นเทียนเล็กน้อย
“กลายเป็นมารกฎฟ้าเจ้าเสน่ห์นี่เอง ฮะฮะ โปรดอย่าล้อเล่นน่ะ.. ชาวพันธมิตรปราณก่อกำเนิดทุกคนก็รู้ว่าข้าเป็นแค่จักรพรรดิแต่ในนาม ข้าไม่ได้ครองบัลลังก์ใดๆ หรือตำแหน่งที่สลักสำคัญแต่อย่างใด เกี่ยวกับเรื่องของจื่อจุน ข้าซุ่นเทียนจะบังอาจเรียกตนเองว่าเป็นจักรพรรดิได้อย่างไร? ชื่อจื่อเว่ย 14 ดาวก็เป็นเพียงคนอื่นๆ ล้อเล่นข้าเป็นการส่วนตัวเท่านั้น ข้าไม่ต้องการให้เรียกเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย วันนี้ ข้ามากับสหายของข้าเหยากวงและไคหยางเพื่อร่วมยินดีที่บุตรของเย่ว์ชิวรักษาการประมุขตระกูลเย่ว์คนใหม่เป็นศิษย์ของเทียนฉวน ข้าได้ยินมาว่าบุตรของเย่ว์ชิวมีพรสวรรค์มาก เขากลายเป็นนักสู้ระดับ 6 ขณะอายุ 21 ปี ข้ามีความสุขมากเมื่อข้าได้ยินว่ามีอัจฉริยะเยาว์วัยเช่นนั้นเกิดขึ้น จนข้าต้องลงมาจากหอทงเทียนชั้นที่หก” เมื่อซุ่นเทียนพบการมาถึงของนางเซียนหงส์ฟ้า สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวังทันที
รังสีฆ่าฟันของเขาหายไปทันทีไม่เหลือร่องรอยเหมือนกับหิมะที่ละลายในฤดูใบไม้ผลิ เขากลายเป็นคนที่เปี่ยมอัธยาศัยไมตรีแทน
ขณะที่เขาอธิบายทั้งรอยยิ้ม เขาหันไปโค้งคำนับนางเซียนหงส์ฟ้าเล็กน้อย “นี่เป็นการพบปะกันโดยบังเอิญ ข้าขอทราบได้ไหมว่าทำไมมารฟ้าผู้ยิ่งใหญ่ถึงได้มายังสถานที่แห่งนี้?”
ต่อให้เขาเป็นคนโง่คนหนึ่ง ซุ่นเทียนก็เข้าใจทุกอย่างในบัดนี้จนได้
ทำไมเย่ว์หยางถึงเข้าไปในมิติประลองกับว่านฉีโดยไม่กลัวอะไรเลย?
เป็นเพราะการมาถึงของมารกฎฟ้า ในกลุ่มจอมมารฟ้านั่นเอง
แม้ว่าซุ่นเทียนจะไม่ได้ปรากฏตัวในการประลองระหว่างเย่ว์หยางและถูเฉิง แต่เขาก็ได้ยินได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
กล่าวกันว่ามารกฎฟ้าลำเอียงเข้าข้างคุณชายสามตระกูลเย่ว์อย่างมาก ช่วยเขาครั้งแล้วครั้งเล่า นางยังล่อลวง ทั้งยังซ่อนพลังความแข็งแกร่งด้วยทักษะแฝงเร้นของนางต่อหน้าประมุขนิกายพันปีศาจ ปล่อยให้เย่ว์หยางฆ่าถูเฉิงและขวงจั่นจากนิกายพันปีศาจได้อย่างราบรื่น
ประมุขนิกายพันปีศาจโกรธมาก แต่เขากลัวที่จะสู้กับมารกฎฟ้าและจักรพรรดินีราตรีที่อยู่ด้วยกัน ดังนั้นเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยพลการ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนคุณชายสามตระกูลเย่ว์อาจเป็นคนรักเด็กของมารกฎฟ้าก็ได้
มิฉะนั้น นางคงไม่ช่วยเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างนี้
แม้ว่าซุ่นเทียนจะเป็นหนึ่งในผู้กำเนิดนโยบายบางส่วนของของพันธมิตรปราณก่อกำเนิดและได้ชื่อว่าเป็นจักรพรรดิของจื่อเว่ย แต่เขาก็ยังไม่โดดเด่นและรอบคอบกว่าประมุขนิกายพันปีศาจ เขามักทำตัวไม่โดดเด่นเพื่อลบร่องรอยของเขาโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่าเขาจะไม่ให้ใครหาข้ออ้างโจมตีกลับเขาได้
บรรดานักสู้ปราณก่อกำเนิดในพันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิด จื่อจุนจัดเป็นสุดยอด ถ้านางยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีใครสามารถแซงนางได้
ฉายาของจื่อจุนคือ หนึ่งในโลกหล้าแสดงให้เห็นว่าความคงอยู่ของนางนั้นยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
มีเพียงนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดถึงจะได้รับขนานนามว่า หนึ่งในโลกหล้า
หนึ่งในโลกหล้าชอบฝึกปรือเป็นที่สุด ช่วงเวลาปกติ นางจะไม่สนใจเรื่องราวในกลุ่มพันธมิตรปราณก่อกำเนิด
ภายใต้การนำของจื่อจุน มีผู้เฒ่าหนานกงเป็นผู้เชิญนักสู้ปราณก่อกำเนิด, จักรพรรดินีราตรีจากอาณาจักรเทียนหลัว, มารมุกฟ้าและมารกฎฟ้า สองมหามารฟ้าจากวังมาร ประมุขนิกายพันปีศาจ ผู้นำกลุ่มจากสี่นิกายใหญ่ซุ่นเทียน จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย ทั้งสิบคนนี้เป็นผู้กำหนดนโยบายพันธมิตรปราณก่อกำเนิด ทั้งหมดเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสูงสุด นักสู้ปราณก่อกำเนิดอื่นๆ เช่นตวนมู่หลงเฉิง ประมุขนิกายบรรพตขจี, ว่านฉีซิ่วหลิง รองประมุขนิกายบรรพตขจีและอื่นๆ ก็มีองครักษ์พิทักษ์ฟ้าจากสามอาณาจักรก็จัดเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสอง พวกเขาแค่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ร่างนโยบาย ถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศของตน พวกเขาไม่มีอำนาจการตัดสินใจแต่อย่างใด ส่วนนักสู้ระดับสาม ก็เช่น เหยากวงและไคหยางจาก กลุ่มนักสู้เจ็ดดาว หรือถูเฉิงและขวงจั่นจากนิกายพันปีศาจ พวกเขาไม่มีสิทธิ์ร่วมปรึกษาหรือเข้าประชุมในเวลาปกติ
เป้าหมายของซุ่นเทียนก็คือไต่ระดับไปถึงตำแหน่งหนึ่งในโลกหล้าให้ได้
เขาจะไม่สู้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเดียวกับเขา นั่นเป็นเพราะมันอาจเป็นการกระทำที่สร้างอันตรายต่อเขาได้ ศัตรูของเขาอาจใช้ประโยชน์จากเขาได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มารกฎฟ้าผู้น่ากลัวนี้ ความสามารถของนางไม่อาจดูแคลนได้เลย แม้ว่าซุ่นเทียนจะคิดว่าเขามีความสามารถสูงส่งก็ตาม เขาก็จะไม่ยอมสู้กับมารกฎฟ้านี้ ยิ่งกว่านั้น ด้วยการเสี่ยงสู้กับประมุขนิกายพันปีศาจและมารมุกฟ้าที่ดูเหมือนเหนือเขา เขาจะไม่ทำห้าวและหาเรื่องสู้กับนาง
คนผู้ต้องการความสำเร็จในระยะยาว ต้องเรียนรู้วิธีปกปิดจุดแข็งและรอคอยโอกาสของตน เขาต้องทนเงียบรองรับอารมณ์คนอื่นและเตรียมตัวให้พร้อม
ซุ่นเทียนจะไม่หลงกลยั่วยุของมารกฎฟ้าได้โดยง่ายอย่างแน่นอน
เขาย้อนถามนางเซียนหงส์ฟ้าขณะที่ยิ้มเต็มหน้า เหมือนกับว่าเขาไม่รู้ว่านางมาที่นี่เพราะเย่ว์หยาง
“ข้าไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ดังนั้นข้าจึงเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ไม่เหมือนเจ้า จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ มีวังฟ้าเป็นของตนเองในหอทงเทียนชั้นที่เจ็ด และไม่แปลกนักหรอกที่ข้าจะมาที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ เพราะข้ารู้จักสหายน้อยคนหนึ่งที่นี่ ข้าแค่แวะมาเยี่ยมเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ถูกคนอื่นรังแก” นางเซียนหงส์ฟ้าตอบอย่างไม่แยแส แล้วถามซุ่นเทียนอีกว่า “ข้าฟังผิดไปหรือเปล่า? เย่ว์ชิวตายไปแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วเขากลับมีชีวิตอีกได้อย่างไร?”
“ข้าไม่รู้ว่า มารกฎฟ้าท่านก็กังวลสนใจกับเรื่องนี้ เย่ว์ชิวถูกคุมขังเป็นเชลยศึกหลังจากรบแพ้ หลังจากนั้น เขาถูกไถ่ตัวโดยเด็กสาวที่หลงเขา และได้ถูกเนรเทศออกจากแดนอเวจี จากนั้นเขาได้รับการช่วยเหลือจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดเจ็ดดาวและกลับมาตระกูลเย่ว์ได้ในที่สุด หลังจากตระกูลเย่ว์ถูกโจมตีจากเผ่าปีศาจบูรพาและกำลังจะถูกทำลาย เย่ว์หยางก็ได้กลับมาและมุ่งมั่นจะฟื้นฟูตระกูลเย่ว์ ข้าได้ยินว่าบุตรชายเขาฉลาดมากและมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม พอมีเรื่องแบบนี้ขึ้นเทียนฉวนจึงเชิญข้าลงมา ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจลงมาแสดงความปรารถนาดีที่เทียนฉวนกำลังจะรับศิษย์คนหนึ่ง ซุ่นเทียนปรับปรุงเรื่องราวทั้งหมดใหม่ โดยเน้นว่าเขาแค่เพียงแวะมา ไม่เกี่ยวข้องกับที่นี่แม้แต่น้อย
“เทียนฉวนกำลังจะรับศิษย์หรือ? บุตรของเย่ว์ชิวน่ะหรือ?” นางเซียนหงส์ฟ้าเริ่มหัวเราะ “บุตรชายของเย่ว์ชิวชื่อเย่ว์หยางหรอกหรือ?”
“ถูกแล้ว” ซุ่นเทียนผยักหน้า
“ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด ผู้เฒ่าหนานกงเพิ่งจะลงมาด้วยตนเองเชื้อเชิญเย่ว์หยางให้เข้าร่วมกับพันธมิตรปราณก่อกำเนิดเมื่อไม่กี่วันมานี่เองไม่ใช่หรือ? เทียนฉวนจากกลุ่มนักรบเจ็ดดาวเป็นเพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 2 เป็นอย่างมาก จะมีความสามารถแบบไหนถึงกล้ารับนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์? นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดในโลกเลยมิใช่หรือ?” นางเซียนหงส์ฟ้าหัวเราะอย่างยั่วยวน ทว่า คลื่นรังสีอำมหิตที่ล้ำลึกกลับซ่อนอยู่ระหว่างยิ้มของนาง
“บุตรชายของเย่ว์ชิวเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งหรอกหรือ?” ฝีมือในการแสดงของซุ่นเทียนจัดอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดแน่นอน
“เด็กนั่นคือคนรักน้อยของข้า ข้าคุ้นเคยกระทั่งเส้นผมของเขาแต่ละเส้นด้วยซ้ำ แล้วข้าจะไม่รู้ว่าเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร?” นางเซียนหงส์ฟ้าย้อนถามเขา “จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ไม่รู้ว่าเย่ว์หยางบุตรชายของเย่ว์ชิวเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรือนี่? วันนั้นเมื่อเย่ว์หยางฆ่าถูเฉิงและขวงจั่นจากนิกายพันปีศาจ มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดมากกว่าสิบเป็นพยาน แม้แต่จื่อจุนก็พูดเองว่าเป็นผู้แนะนำของเย่ว์หยาง และว่าเขามีศักยภาพสูงมากที่จะพัฒนาต่อไปได้ นางบอกว่านางไม่ยอมให้ผู้ใดหาข้ออ้างฆ่าเขา …. จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าไม่รู้เรื่องนั้นจริงๆ หรือ?”
“ข้าแค่ได้ยินว่าบุตรของเย่ว์ชิวเป็นนักสู้ระดับ 6 เขาสามารถไปถึงระดับเขตแดนปราณก่อกำเนิดก่อนอายุ 21 ด้วยหรือ?” ดูเหมือนซุ่นเทียนก็ไม่เคยเห็นเย่ว์หยางมาก่อน
“เรื่องที่เขาบรรลุแดนปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร เจ้าสามารถถามเขาได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องถามข้าในตอนนี้เลย ที่ข้างล่าง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเหยากวง? ใครกันช่างกล้าหาญ บังอาจฆ่าเขาภายใต้จมูกของจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ได้?” นางเซียนหงส์ฟ้าชี้ไปที่ศพเหยากวงและถาม
“ผู้เยาว์ที่ประหลาดมากคนหนึ่ง เขาแข็งแกร่งมาก และเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่ข้าไม่เคยเห็นเขาในกลุ่มพันธมิตรปราณก่อกำเนิดมาก่อนเลย” ซุ่นเทียนตอบ
“ดูเหมือนว่าบุตรชายของเย่ว์ชิวที่ท่านซุ่นเทียนรู้จักจะแตกต่างจากบุตรชายของเย่ว์ชิวที่ข้ารู้จักนะ” นางเซียนหงส์ฟ้าหัวเราะ “บรรดาพวกเขาทั้งสอง ต้องมีคนหนึ่งที่เป็นตัวปลอม งั้นข้าขอถามเย่ว์หยางคนไหนที่ท่านซุ่นเทียนสนับสนุน? ตัวจริงหรือว่าตัวปลอม?”
“ของจริงไม่สามารถปลอมกันได้ ของปลอมก็จะรู้ได้ในที่สุด” ซุ่นเทียนหัวเราะและตอบกลับอย่างราบรื่น
“เกิดอะไรขึ้นที่ข้างล่างกันแน่? เหยากวงจากกลุ่มนักสู้เจ็ดดาวตายอย่างน่าอนาถและไคหยางดูเหมือนสภาพจะไม่ค่อยดีเสียด้วย เจ้า ในฐานะจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยจะไม่ช่วยพวกเขารับมือศัตรูหรือ?” รังสีอำมหิตของนางเซียนหงส์ฟ้าพอมองเห็นได้จางๆ ใบหน้าที่รู้สึกทึ่งและงดงามของนางยังยิ้มหวาน
“เป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดจะเข้าไปพัวพันเรื่องที่เกิดขึ้นในทวีปมังกรทะยาน ไคหยางต้องการล้างแค้นให้เหยากวง ข้าไม่อาจห้ามเขาได้ แม้ว่าข้าจะพยายามให้คำแนะนำเขาแล้วก็ตาม” ซุ่นเทียนยิ้มกว้าง
“อย่างนั้น ท่านซุ่นเทียนก็หมายความว่าท่านจะทำตามปฏิญญาพันธมิตรปราณก่อกำเนิดและจะไม่รังแกสหายน้อยข้างล่างหรือ?” นางเซียนหงส์ฟ้าถาม
“ถ้าพวกเขาไม่พยายามจะโจมตีข้า…” ซุ่นเทียนยิ้ม
“แล้วผู้เยาว์แปลกๆ ที่เจ้าพูดถึงคนนั้นไปไหนแล้ว?” นางเซียนหงส์ฟ้าถาม
“เขาเข้าไปในมิติประลองกับว่านฉีซิ่วหลิง ดูเหมือนพวกเขามีความแค้นระหว่างกันอยู่ ข้าไม่สามารถห้ามพวกเขาได้เช่นกัน” เมื่อซุ่นเทียนพูดเช่นนี้ เขาให้ความสนใจกับปฏิกิริยาของนางเซียนหงส์ฟ้าโดยเฉพาะ ถ้าสีหน้านางเปลี่ยนเมื่อนางได้ทราบข่าว อย่างนั้นอาจมีโอกาสสูงที่ว่านฉีซิ่วหลิงจะเอาชนะเย่ว์หยางได้… อย่างไรก็ตาม ซุ่นเทียนเห็นว่านางเซียนหงส์ฟ้ากลับแสดงสีหน้าดูแคลนแทน เขารู้สึกเย็นวาบหัวใจ ดูเหมือนว่านฉีซิ่วหลิงจะเสียรู้ไปแล้ว สู้กับเย่ว์หยางในมิติประลอง ประกันได้ว่าเขาได้ตายอนาถ
สามารถเป็นที่จดจำของจื่อจุน, จักรพรรดินีราตรี, มารกฎฟ้าและผู้เฒ่าหนานกง กลายเป็นคนน่ากลัวของประมุขนิกายพันปีศาจ เย่ว์หยางไม่ใช่เด็กตัวร้ายธรรมดาๆ เลย
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เหมือนกับเจ้าโง่ว่านฉีซิ่วหลิงที่มั่นใจตัวเองเกินไปอย่างแน่นอน
ไม่ว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีพรสวรรค์มากเพียงใด ไม่ว่าเขาจะก้าวหน้าเร็วเพียงไหน ยังเร็วไปร้อยปี ถ้าเขาจะท้าทายซุ่นเทียน
นอกจากจื่อจุน, จักรพรรดินีราตรีและมารมุกฟ้าผู้น่ากลัวนั้น ในฐานะจักรพรรดิของจื่อเว่ย ซุ่นเทียนมั่นใจว่าเอาชนะคนอื่นได้ทุกคน รวมทั้งผู้ส่งคำเชิญนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างผู้เฒ่าหนานกง, ประมุขนิกายพันปีศาจและมารกฎฟ้าผู้อยู่ต่อหน้าเขา แน่นอนว่าเขากำลังเพ่งเล็งตำแหน่งหนึ่งในโลกหล้า เขาจะไม่เผยพลังที่แท้จริงของเขา เรื่องสู้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่นเพื่อช่วยเย่ว์ชิวยึดตำแหน่งในตระกูลเย่ว์ นั่นเป็นการกระทำที่โง่เขลามาก ซุ่นเทียนจะไม่ทำแน่นอน เว้นแต่มารกฎฟ้าจะเริ่มจู่โจมใส่เขาก่อน หรือถ้ามีนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสูงอื่นอยู่ข้างเขา อย่างเช่นประมุขนิกายพันปีศาจ, ประมุขนิกายภูเขาหมอกลอยฟ้าไป๋ชางหยวน และลี่ชงเซียวแห่งนิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตกร่วมมือกับเขาสู้กับนาง ซุ่นเทียนไม่มีทางเริ่มโจมตีใส่มารกฎฟ้าก่อนแน่ เขาจะโจมตีต่อเมื่อมีความมั่นใจเต็มร้อยว่าจะชนะได้
นางมารกฎฟ้าจะต้องไม่มีทางตีโต้เมื่อเขามีนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกสามคนร่วมมือกันสู้กับนาง เพียงแค่นั้นพวกเขาก็จะมีโอกาสฆ่านางได้
สำหรับซุ่นเทียน ถ้าเย่ว์หยางยังไม่คุกคามสถานะของเขา เขาจะไม่เสี่ยงเป็นศัตรูกับนางมารกฎฟ้าเพราะเย่ว์หยางแน่
เจ้าเด็กนั่นเป็นคนรักของนางมารกฎฟ้า
ความแค้นเพราะฆ่าคนรักไม่ต่างจากความแค้นเพราะฆ่าสามีหรือภรรยาเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่เรื่องที่จะคลี่คลายกันได้ง่ายแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น ผู้แนะนำของเย่ว์หยางก็คือจื่อจุน
นางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังรู้ว่านางไม่อาจเอาชนะจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยได้ตามลำพัง เจ้าผู้นี้ระมัดระวังตัวมากกว่าประมุขนิกายพันปีศาจ เขาจะไม่มีทางทิ้งร่องรอยของเขาไว้แม้แต่เพียงอย่างเดียว เมื่อเขาก่ออาชญากรรม ถ้านางใช้วิธีฝืนโจมตี ก็มีแต่จะยันกันไปมา อาจจะไม่ปรากฏผลแพ้ชนะได้ แม้พวกเขาจะสู้กันเองเป็นเวลาหลายวัน นางเซียนหงส์ฟ้าจะไม่ทนเสียเวลาต่อสู้กับเขา นางแค่มาที่นี่เพื่อให้กำลังใจเย่ว์หยาง นางแค่ไม่ต้องการให้ซุ่นเทียนใช้วิธีที่ไร้ยางอายลอบทำร้ายเย่ว์หยาง
แน่นอนว่า ถ้าตอนนี้ซุ่นเทียนโจมตีเย่ว์หยางจริงๆ นางเซียนหงส์ฟ้าจะไม่แสดงความเป็นมิตรต่อไปแน่ นางจะไม่ยอมให้เขาโจมตีอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามตอนนี้นางไม่มีเหตุผลโจมตีแล้ว ดังนั้นนางเซียนหงส์ฟ้าได้แต่ข่มรังสีฆ่าฟันลงชั่วขณะ
ข้างล่าง ไคหยางผู้มีพลังปราณก่อกำเนิดเพิ่มขึ้นถึงระดับ 2 ย่อมแข็งแกร่งกว่าเดิมแน่นอน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่สามารถสู้กับเขาได้ นางทำได้เพียงหลบอยู่โล่พลังของคัมภีร์และรอโอกาสที่เหมาะ
ไคหยางปล่อยคลื่นระเบิดเต็มกำลัง มันแข็งแกร่งจนแม้แต่จ้าวอัคนีถูกดันถอยไป 2-3 ก้าว แน่นอนว่า มันยังถูกดันถอยไปเพราะการโจมตีของปีศาจดอกหนาม เพราะนางปีศาจดอกหนามได้ใช้ต้นไม้ที่สานตัวในต้นดอกไม้ปีศาจสูงสามสิบเมตร เตรียมจะกลืนกินจ้าวอัคนีทั้งหมด
เผชิญหน้ากับต้นดอกหนามปีศาจ จ้าวอัคนียังไม่สามารถเอาชนะมันได้ง่ายเหมือนกับศัตรูอื่นของมัน มันไม่สามารถกำจัดศัตรูของมันได้และใช้พลังคงกระพันได้อีกต่อไป
มันถูกดันถอยหลัง จนเหมือนกับว่ามันกลัวต้นดอกหนามปีศาจ
ภายในมิติประลอง ว่านฉีซิ่วหลิงพยายามหาตัวเย่ว์หยาง
เดิมที ในมิติประลอง ผู้ประลองจะไม่มีทางหลบหนีไปได้ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งยังไม่ตาย อย่างไรก็ตาม เกิดเรื่องแปลก คือเย่ว์หยางหายไปทันทีที่ว่านฉีซิ่วหลิงและเขาเทเลพอร์ตเข้ามาในมิติประลอง เขาหายไปอยู่ที่ไหนกันแน่?
หรือว่าเขากำลังซ่อนตัวอยู่
หรือว่าเขาหนีไปแล้ว?
**************