เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 32 – กระทิงเถื่อนชั้นทองแดง

===============
“อัญเชิญ เสือดำปีศาจ” นางโจรตางามรีบวางฝ่ามือลงบนคัมภีร์เงิน เตรียมเรียกสัตว์อสูรครั้งที่ 3

“สายไปแล้ว”

บุรุษนัยตา 3 เหลี่ยมออกมาจากประตูไวเหมือนประกายไฟ กล่าวอย่างย่ามใจ

โดยไม่ต้องเคลื่อนไหวเพื่ออัญเชิญแม้แต่น้อย สิ่งมีชีวิตที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟสีดำปรากฏอยู่ด้านหลัง เย่ว์หยางเคยเห็นภาพสัตว์อสูรต่างๆ ในหนังสือที่เย่ว์ปิงเอามาจากโรงเรียนครั้งก่อน และเขารู้ว่าสัตว์เล็กๆ ต่อหน้าเขาคล้ายกับอสูรไฟ ตามคำอธิบายใต้ภาพสัตว์อสูร สัตว์อสูรไฟมีการโจมตีแข็งแกร่งไม่มาก แต่มันสร้างลูกไฟได้ดี

เห็นอสูรไฟตามอยู่ข้างหลังบุรุษตา 3 เหลี่ยมโดยไม่ต้องทำการอัญเชิญทำให้นักรบรับจ้างส่งเสียงเอ็ดอึง

แทนที่จะทึ่งในความแข็งแกร่งของเขา แต่พวกเขากลับดูหมิ่นมัน

ทั้งทหารรับจ้างและนักรบมีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ คือ พอเริ่มสู้อย่างเป็นทางการทั้ง 2 ฝ่ายต้องต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา

นี่เจ้าคนเลวที่น่าชังและหน้าด้านแอบเรียกสัตว์อสูรออกมาทำร้ายคู่ต่อสู้ของพวกเขา

คนตา 3 เหลี่ยมผู้นี้ชื่อว่าเสียหั่ว แอบเรียกอสูรไฟมาตั้งแต่ยังอยู่ในป่าบันเทิง เขาแอบซ่อนสัตว์อสูรและตนเองเอาไว้ และรอให้อูอี้เสียเปรียบก่อนจะเปิดเผยสัตว์อสูรของเขา ทั้งที่เป็นการเผชิญหน้าตัวต่อตัว ความจริงที่ว่ามีการแทรกแซงเข้ามาก็น่ารำคาญพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเรียกสัตว์อสูรไว้ก่อน นี่คือสิ่งที่คนยอมรับไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าทหารรับจ้างนึกขึ้นได้ว่า เจ้าบัดซบผู้นี้รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ ไม่อย่างนั้นก็คงลุยจนฆ่าเขาแน่ๆ

ขณะที่ยังมีผึ้งมารปรากฏอยู่ด้านหลังของเสียหั่วอีก ทุกคนระอาและเบื่อหน่ายความขี้โกงที่พวกเขาไม่มีแม้แต่พลังจะสาบแช่งเขา คนไร้ยางอายแบบนั้นสมควรถูกฟ้าผ่า ไม่ควรจะได้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เลย

ถ้าเสียหั่วบอกว่า อสูรไฟของเขาไม่ได้ถูกเรียกมาเพื่อสู้กับผีเสื้อมอมเมาของนางโจร บางทีคงมีทหารรับจ้างโง่ๆ เชื่อเขาเพียงไม่กี่คน

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผึ้งมารสีเหลืองดำปรากฏออกมาแล้ว แม้พวกคนโง่ๆ ก็ยังเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

คำว่าคนมีคุณธรรมของคนอย่างเจ้าขยะ เสียหั่วนี้ เห็นได้ชัดว่าแอบเรียกสัตว์อสูรออกมาสู้กับนางโจรตางาม บวกกับที่เขาประกาศก่อนหน้านี้ขอใช้สิทธิ์ในคืนแรกกับนาง พวกเขาทุกคนรู้สึกว่าขึ้นมาทันทีว่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนดีและทำชั่วมาไม่น้อย แต่พอเทียบกับเจ้าเสียหั่วผู้นี้แล้ว พวกเขากลายเป็นนักบุญไปเลย

พวกเขาเคยเห็นการเล่นละครอ้างศีลธรรมที่ไร้ค่ามาก่อน แต่ไม่คิดว่าจะมีกรณีร้ายแรงเช่นนี้

สัตว์อสูรแมลงอย่างผีเสื้อมอมเมากลัวไฟและน้ำแข็งที่สุด แน่นอนว่าอสูรไฟสามารถฆ่าผีเสื้อมอมเมาได้ในทันที

อีกอย่าง แมงมุมแม่มดมีศัตรูตามธรรมชาติก็คือผึ้งมาร

ผึ้งมารสามารถหลบใยแมงมุมได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังไม่กลัวพิษเขี้ยวแมงมุม เหล็กในของมันทำให้แมงมุมแม่มดกลายเป็นอัมพาตได้และแม้แต่ฆ่าก็ยังได้ พอเห็นสัตว์อสูรของเสียหั่ว นางโจรตางามเริ่มประหม่าด้วยความกังวล นางออกคำสั่งให้ผีเสื้อมอมเมารีบบินขึ้นไป แล้วค่อยเตรียมบินกลับมาอยู่ภายในโล่ห์แสงจากนั้นค่อยเก็บไว้ในคัมภีร์เงิน อย่างไรก็ตาม สายเกินไปเสียแล้ว

อสูรไฟยิงลูกไฟสีดำออกไปเป็นแนวโค้งแผ่กว้างไล่ตามตามผีเสื้อมอมเมา จนในที่สุดมันก็แตกระเบิดปีกผีเสื้อมอมเมา

“บึ้ม!”

ผีเสื้อมอมเมาถูกเผาไหม้กลายเป็นจุลและควันกระจายหายไป

พอไม่มีผีเสื้อมอมเมาคอยควบคุมมัน หุ่นศิลาก็เริ่มเคลื่อนไหวได้ทันที มันก้าวเข้ามาพลางเงื้อกำปั้นหินขนาดมหึมาซัดไปที่เสือดำปีศาจที่นางโจรตางามเพิ่งจะเรียกออกมา ไม่ค่อยมีโอกาสที่ความเคลื่อนไหวอุ้ยอ้ายของมันจะโจมตีถูกเสือดำปีศาจซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ามีความสามารถในการพรางตัว อย่างไรก็ตามเสือดำปีศาจยังไม่มีวิธีโต้ตอบหุ่นศิลา ได้แต่หลบไปหลบมาอย่างรวดเร็ว

หมัดหุ่นศิลากระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง

ด้วยแรงระเบิดเสียงดังราวกับสายฟ้าฟาด ถึงกับทำให้พื้นสั่นสะเทือน

ในอีกด้านหนึ่ง แมงมุมแม่มดตกอยู่ในความกลัว และเริ่มหนีตรงไปที่โลห์แสง หลังจากกระโดดหลบต่อเนื่องแล้ว ในที่สุดมันก็มาถึงโล่ห์แสงได้ก่อนที่ผึ้งมารจะไล่ตามทัน

แม้ว่ามันจะหนีได้พ้น แต่ก็ยังไม่หยุดสั่นเพราะความกลัว เห็นได้ชัดว่าแมงมุมแม่มดกลัวศัตรูโดยธรรมชาติของมัน

“อ้อ..เรียกสัตว์อสูรมาสู้กันอย่างนี้ น่าสนใจดีนี่” เย่ว์หยางมองดูอย่างดีใจอย่างมาก ในที่สุดเขาก็ได้มีโอกาสเห็นการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรที่มีผู้อัญเชิญเรียกออกมา

การต่อสู้ ไม่เพียงต้องใช้กำลังต่อสู้, แต่ต้องใช้ไหวพริบเช่นกัน

สัตว์อสูรไม่ใช่ว่าจะมีประสิทธิภาพไปเสียทุกอย่าง การใช้พวกมันด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่พึงทำ

ยกตัวอย่าง ผีเสื้อมอมเมาไม่มีทางต่อต้านอินทรีสงครามได้ แต่มันมีผลต่อหุ่นศิลา แมงมุมแม่มดเป็นศัตรูของอสูรสัตว์ปีก แต่ผึ้งมารกลับเป็นสิ่งที่ยกเว้น อีกด้านหนึ่ง อสูรไฟสามารถใช้ลูกไฟยิงไปเพื่อฆ่าผีเสื้อมอมเมาได้ แต่ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ก็ยังไม่ถึง 1 ใน 100 ของหุ่นศิลา

หลังจากเห็นการต่อสู้นี้แล้ว เย่ว์หยางก็ได้ข้อสรุป

สำหรับสัตว์อสูรทุกตัว แม้ว่าตัวหนึ่งจะอยู่ยงคงกระพัน แต่ก็ยังมีอีกตัวหนึ่งที่สามารถปราบมันได้

ไม่มีอะไรที่ไร้เทียมทาน ต่อให้เป็นสัตว์อสูรคงกระพันในโลกนี้ อย่างไรก็ตาม การผสานการต่อสู้และกลยุทธ์ตอบโต้สัตว์อสูรชนิดต่างๆ ก็มีหลากหลายวิธีนับไม่ถ้วน

ตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจสาเหตุที่นักรบต้องใช้ผู้มีคัมภีร์อัญเชิญ เพื่อความได้เปรียบดังว่ามานี้

เหตุผลง่ายๆ ประการแรก นักรบกับคัมภีร์อัญเชิญทั้งหมดมีสัตว์อสูรผู้พิทักษ์และภักดีอย่างยิ่ง ซึ่งมันจะฟื้นขึ้นมาได้แม้เมื่อมันตายแล้วก็ตาม ประการที่สอง คัมภีร์อัญเชิญเล่มหนึ่ง สัตว์ที่ได้ทำสัญญาจะไม่ค่อยมีข้อจำกัดมากนัก พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากสัตว์อสูรมากขึ้นโดยนำมาใช้ดำเนินกลยุทธ์ต่อสู้ ในการต่อสู้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเสียหั่วแทรกแซงเข้ามากระทันหัน อูอี้คงโดนเสือดำปีศาจฉีกเป็นชิ้นในการปะทะทางกลยุทธ์โดยรวมไปแล้ว

ขณะนี้ สถานการณ์ของนางโจรไม่ดีเอาเสียเลย

“รีบไปเลย อูอี้จะอัญเชิญสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมาได้ในไม่ช้านี้ ข้าต้านรับต่อไปอีกไม่นาน” นางไม่สามารถทำให้แมงมุมแม่มดออกมาได้อีกแล้ว ดังนั้น นางจึงรีบส่งม้วนเวทที่สร้างมาอย่างประณีตให้เย่ว์หยาง “นี่คือ ‘ม้วนเวทส่งพลัง’ ถ้าเจ้าเปิดมันออกและถ่ายเทพลังภายในเข้าไป เจ้าจะปลดปล่อยพลังที่คล้ายกับพลังอัญเชิญสัตว์อสูรได้”

“อัญเชิญสัตว์อสูรเหรอ? เย่ว์หยางทำเป็นไร้เดียงสาขณะกระพริบตาไปที่นางโจร

“อา…เจ้าไม่รู้แม้แต่วิธีอัญเชิญสัตว์อสูร?” นางโจรรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงบนกระหม่อมของนาง นางคิดในใจเอาเองว่า “เป็นไปได้ว่าที่เจ้าเด็กผู้นี้แสดงออกมาทั้งหมด ก็เพื่อไล่จีบสาวๆ งั้นหรือ? เขาถึงได้ไม่รู้วิธีเรียกสัตว์อสูรแม้แต่ตัวเดียว?”

ไม่น่าสงสัยเลย เขาเพิ่งจะสมัครเป็นทหารรับจ้างมาเพียงไม่กี่วันนี่เอง

ตอนนี้ พวกเขาจบสิ้นแล้ว

“เจ้าอยากจะหนีหรือ? มันไม่ง่ายอย่างนั้น” เสียหั่วเยาะเย้ย

เขาทำท่าทางแปลกประหลาด และใช้มีดกรีดฝ่ามือจนเป็นแผล แล้วหยดเลือดลงบนภาพ

ภาพวาดเปล่งแสงสีแดง มีจุด 2 จุดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วระเบิดตัวเหมือนกับพลุดอกไม้ไฟ ทำให้เกิดแสงสีแดงกระจายไปทุกทิศทาง ในขณะเดียวกัน คลื่นความคิดถูกส่งเข้ามาในใจของเย่ว์หยาง ศัตรูของเจ้าบังคับให้เจ้าสู้เดิมพันชีวิตกัน ก่อนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายในการต่อสู้ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจออกไปจากปริมณฑลของดินแดนแห่งคาวเลือดและความตายได้ มิฉะนั้น เจ้าจะต้องเผชิญกับเทวทัณฑ์ เส้นทางเดินปราณทุกเส้นในตัวเจ้าจะฉีกกระชากจนเจ้าขาดใจตาย

มือนางโจรตางามเริ่มสั่น เห็นได้ชัดว่านางได้รับสารข้อความเดียวกันในเรื่อง สู้เดิมพันชีวิตของเสียหั่ว

เสียหั่วจำเป็นต้องตอบสนองความต้องการเพื่อเริ่มต้นสู้เดิมพันชีวิตครั้งนี้ หน้าของเขาซีดขาวราวแผ่นกระดาษ และมือที่เปื้อนเลือดของเขาดูเหมือนจะถูกกลืนโดยสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มองไม่เห็น แผลมีเลือดออกอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเริ่มเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง

“เจ้าจะได้รับเกียรติ ว่าจะต้องตายเพื่อข้าแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียหั่วกดมือเปื้อนเลือดของเขาเข้าไปในศีรษะอสูรไฟ มันระเบิดบึ้ม ทำให้เลือดเนื้อกระจายไปทั่วทุกทิศทาง

“ทำได้ดี เหอะ เหอะ, ในที่สุดข้าก็อัญเชิญมันได้สำเร็จ ในที่สุด…ก็ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว” อูอี้เริ่มมีเลือดออกมาเต็มใบหน้า มันดูน่าสยดสยองมาก พลังวิญญาณเขาเริ่มท่วมท้นออกมา และด้วยพลังอัญเชิญที่ทรงพลังมหาศาล ทำให้ร่างกายเขาทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว สิ่งที่แปลกก็คือ เลือดที่ออกมาจากตัวเขากลายเป็นลำแสงที่ไหลเข้าไปในแก้วผลึกสีแดงบนฝ่ามือเขา ในที่สุด หลังจากแก้วผลึกแดงดูดซับเลือดและพลังวิญญาณจนพอแล้ว มันเริ่มเปล่งแสงสีแดงจนครอบคลุม แสงแผ่กระจายไปทั่วอาบบริเวณจนเป็นสีแดง

กลุ่มทหารรับจ้างที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมดเริ่มรู้สึกถึงอาการกลัวแปลกๆ และฟันกรามของพวกเขาสั่นกระทบกันอย่างควบคุมไม่ได้

พวกทหารรับเจ้าสั่นราวกับว่าถูกแช่อยู่ในโลกหิมะน้ำแข็ง

ในที่สุด สัตว์อสูรที่ทรงพลังถูกเรียกออกมาโดยใช้เลือดของอูอี้ก็ปรากฏตัวหลังจากผ่านไป 3 นาที

“มออออออออ”

เสียงคำรามทำให้ผึ้งมารที่บินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือหัวทุกคนก่อนนี้กลัวจนร่วงตกไปบนพื้น ตัวสั่น มันเริ่มดิ้นและคลานไปรอบๆ ดูเหมือนว่าไม่อาจบินกลับไปในอากาศได้อีก แม้แต่แมงมุมแม่มดที่ซ่อนตัวอยู่ในโล่ห์แสงอย่างปลอดภัยก็ยังอดทนต่อความกลัวต่อไปไม่ได้ มันกลายเป็นแสงสีเขียววาบกลับไปในคัมภีร์อัญเชิญอย่างจงใจ มันทอดทิ้งเจ้าของหลบหนีไปจากสนามรบเสียแล้ว

เย่ว์หยางเห็นว่า อูอี้ได้เรียกกระทิงตัวมหึมา ตัวมีผิวสีเขียวเข้มดุจผิวงู นัยตาแดงกล่ำราวกับสีเลือด

ทหารรับจ้างแตกกระจายไปกันคนละทิศ ไม่มีผู้ใดกล้ารั้งอยู่ต่อไปแม้แต่คนเดียว

แม้แต่นักรบที่คอยรักษาความปลอดภัยอยู่บนระเบียงป่าบันเทิงยังกลัวจนหน้าซีด พวกเขาร้องลั่นด้วยความกลัว “สวรรค์ สหายอูอี้ผู้นั้นทำเกินไปแล้ว ถึงกับเรียกกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงออกมาได้”

“กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงหรือ?” เย่ว์หยางถามนางโจรตางามด้วยความสงสัย “นี่คือกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงในตำนานซึ่งมี “เนตรประหาร” ไว้ฆ่าคนเพียงแค่จ้องดูหรือนี่?”

***********************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset