===============
ริมฝีปากร้อนของเขาให้ความรู้สึกเสียวซ่านเหมือนมีไฟฟ้า ขณะที่ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงลมหายใจถี่กระชั้นของนางและเสียงหัวใจเต้นแรงอย่างมิอาจระงับยับยั้งได้
อี้หนานรู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงความฝัน
ฝันที่สวยงามแต่คลุมเครือ
มันไม่เหมือนจริง เมื่อนางจำได้ถึงจูบอีกครั้ง นางก็ยังไม่อาจเชื่อว่าเป็นจูบครั้งแรกของนางจริง ก่อนที่นางจะตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ความทรงจำที่เหลือค้างเป็นเหมือนฝันเลือนราง มันคลุมเครือไม่ชัดเจน นางสามารถจำความรู้สึกได้ แต่นางยังจำกระบวนการไม่ได้ นางไม่สามารถจำได้เมื่อเขาเริ่มจูบนางและนางจำไม่ได้ว่านางสนองตอบเขาอย่างไร
ความทรงจำของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกอ่อนโยนของเขา และจูบที่มีอำนาจนั้น
ตอนแรกเขานุ่มนวลมาก ริมฝีปากของเขาสัมผัสนางเพียงแผ่วเบา อ่อนโยนและละมุนละไมตอนที่ประกบริมฝีปาก เมื่อนางรู้สึกถึงแรงเสียดทานระหว่างริมฝีปากของเขา ให้ความรู้สึกสะดุ้งเหมือนถูกไฟช็อตผ่านไปทั่วร่างกายนาง จากนั้นจูบของเขาก็ชัดยิ่งขึ้น ขณะที่เขาเปิดริมฝีปากนางและสอดลิ้นเข้าในปากนาง..
อี้หนานรู้สึกเหมือนนางเงอะงะเมื่อเทียบกับเขา ตรงกันข้ามกับเขา เขาฝึกมาดีและเชี่ยวชาญมากในการจูบนางถึงขนาดที่นางแทบหายใจไม่ทัน
นางกลายเป็นเหมือนคนเมาตลอดเวลา อี้หนานแค่จำได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ดีมากระหว่างการจูบ นางรู้สึกถึงความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมอธิบายไม่ได้
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันแน่ที่เย่ว์หยางรั้งนางเข้ามาในอ้อมกอด นางจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ปีศาจจอมโลภ!” อี้หนานคิดว่าเขายังคงจูบนางต่อไปเป็นเวลานาน ไม่ให้เวลานางได้พักเลย แม้เมื่อริมฝีปากนางเริ่มจะบวมแล้วก็ตาม เขาก็ยังจูบนางต่อไปขณะที่มือซุกซนเริ่มแสดงอาการชัดเจน ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ารองครูใหญ่มาถึงและเย่ว์ปิงเตือนพวกเขาทางโทรจิตจากข้างนอก บางทีเขาคงกอดนางไม่ยอมปล่อย เมื่อนางคิดว่า นางคิดถึงเรื่องที่เขาจูบนางแบบได้คืบจะเอาศอก นางอยากจะกัดเขาจริงๆ ปีศาจโลภมากนั่น ถ้านางไม่ห้ามเขา เขาก็คงล้วงมือเข้าไปในชุดนางแล้ว
“จูบแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?” เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวเห็นอี้หนานนัยน์เริ่มเหม่อตั้งแต่กลับเข้ามาในห้อง มองดูอ่อนไหวเหมือนกับว่าวิญญาณนางลอยไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า นางจึงอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย จูบแล้วรู้สึกดีจริงๆ หรือ?
“ระ..ระ เราไม่ได้จูบกันนะ” อี้หนานปฏิเสธทันที
“จริง..เหรอออ?” เจ้าเมืองโล่วฮัวเห็นว่าริมฝีปากของอี้หนานบวมขึ้นชัดเจน นางแอบรู้สึกว่ามันสนุกจริงๆ มิฉะนั้นริมฝีปากนางคงไม่เป็นอย่างนั้น แน่นอน นางไม่แฉอี้หนาน นางคงไม่อึดอัดใจมากกว่าอี้หนานผู้เสนอตัวหมั้นกับเย่ว์หยางนานแล้ว อี้หนานส่ายศีรษะด้วยความอาย ขณะที่นางก้มหน้าไม่มองสาวคนอื่นๆ
เมื่อนางจำถึงความรู้สึกเคลิบเคลิ้มที่นางรู้สึกตอนที่นางจูบเมื่อครู่นี้ หัวใจนางก็ให้รู้สึกวาบหวามและอบอุ่นทันที
ในที่สุดเขาก็จูบนาง
แม้ว่านางจะไม่ได้ทำ “เรื่องนั้น” กับเขา แต่อย่างน้อยนางก็แน่ใจตอนนี้แล้วว่านางยังอยู่ในใจเขา เสมอ
ในบ้านอีกหลังหนึ่ง เย่ว์หยางและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าปรึกษากันลับๆ พวกเขาไม่ต้องการให้สาวๆ รู้เนื้อหาในการสนทนาของพวกเขา เพื่อที่ว่าพวกนางจะได้ไม่กังวลจนเกินไป
“ตอนนี้ตระกูลเฟิงเป็นอย่างไรบ้าง?” เย่ว์หยางถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับอาสี่ ก่อนที่เย่ว์หยางจะไปปราสาทตระกูลเย่ว์ พวกเขาได้ยินข่าวเรื่องที่อาสี่และแม่นางเฟิงถูกลักพาตัว คนลักพาตัวกระทำได้ฉับไวมาก ตระกูลเฟิงไม่ทันได้รู้ตัวโต้ตอบ พวกเขาไม่เห็นร่างคนที่ลักพาตัว เย่ว์หยางคิดว่านี่คือการกระทำของนิกายพันปีศาจ เพราะนิกายพันปีศาจต้องการช่วยราชันย์พันปีศาจที่ถูกผนึกอยู่ที่บันไดสวรรค์
แม่สี่คือกุญแจไขเปิดเข้าบันไดสวรรค์ และคนที่จะใช้คุกคามนางได้ก็คืออาสี่และแม่นางเฟิงที่กำลังตั้งครรภ์
เหตุผลที่นิกายพันปีศาจลักพาตัวลุงสี่ก็เพราะพวกเขาต้องการบังคับเอาความลับในการเปิดบันไดสวรรค์จากแม่สี่
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไปที่ตระกูลเฟิงเพื่อเยี่ยมดูสถานการณ์ เขาถอนหายใจ “ตระกูลเฟิงไม่ได้สูญเสียอะไร ก็แค่ประมุขตระกูลรู้สึกเศร้าโศกมาก เขาไม่มีความปรารถนาอะไรอื่น เขาแค่ต้องการให้เจ้าทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยหลานของเขาที่อยู่ในครรภ์แม่นางเฟิง
ถ้าเย่ว์หยางมีเวลาพอ บางทีเขาจะสามารถรักษาอาการพิษของอาสี่และแม่นางเฟิงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้สาวกิเลนสามารถสอนเขาในเรื่องนั้นได้
อย่างไรก็ตาม อาสี่และแม่นางเฟิงถูกศัตรูลักพาตัวไป
เขาคิดว่าชีวิตของอาสี่และแม่นางเฟิงตกอยู่ในอันตราย แม้แต่ทารกในครรภ์ของแม่นางเฟิงก็พลอยเป็นอันตรายไปด้วย ถ้านิกายพันปีศาจไม่อาจได้ความลับบันไดสวรรค์ มีโอกาสสูงที่พวกมันจะฆ่าตัวประกันได้ แน่นอนแม้ว่าพวกมันต้องการความลับบันไดสวรรค์ แต่ก็มีทางเป็นไปได้ว่าพวกมันจะฆ่าตัวประกันของพวกมัน… พวกเขาไม่มีวิธีอื่นนอกจากค้นหารังของศัตรูและช่วยเหลือตัวประกันก่อนที่ศัตรูจะสามารถตอบโต้ได้ ถ้าพิษในร่างของอาสี่ยังไม่ได้รับการรักษา แม้ว่าพวกเขาจะช่วยเหลือเขาออกมา ก็ยังยากที่จะรักษาชีวิตเขาไว้ได้ เย่ว์หยางไม่กล้าบอกข่าวเย่ว์ปิงเลยจริงๆ เขาเลือกที่จะปกปิดนางไว้ชั่วคราว เขาจะอธิบายให้นางเมื่อถึงเวลาสมควร
“แล้วแม่สี่เป็นยังไงบ้าง?” เย่ว์หยางถามสถานการณ์ของแม่สี่
“ก่อนที่จักรพรรดินีราตรีจะไปตะลุยด่านในหอทงเทียนชั้นสิบ นางส่งใครบางคนไปรับแม่สี่ ตอนนี้แม่สี่ของเจ้าและหนูน้อยซวงเอ๋ออยู่ในมิติลวงตา พวกนางปลอดภัยมาก นางได้รับข่าวสถานการณ์ของอาสี่แล้ว และเสียใจมาก อย่างไรก็ตาม นางพูดว่าเจ้าควรจะมีสมาธิอยู่กับการปกป้องน้องสาว นางบอกเจ้าอย่าห้าวเกินไป ระวังตัวให้ดีเพื่อที่ว่าจะได้ไม่ตกเข้าไปในกับดักของศัตรู” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าวางมือบนไหล่เย่ว์หยางและพยักหน้า “ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน”
“ไม่ต้องห่วง, ข้ารู้ว่าจะทำยังไง” เย่ว์หยางรู้สึกว่า เขาคงจะได้สู้กับประมุขนิกายพันปีศาจในไม่ช้านี้ คงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้แน่
“ดูเหมือนว่ามีกลิ่นยาบางอย่างนะ..” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าได้กลิ่นยาพลังยุทธ ส่งกลิ่นออกมาทันทีที่เขาแจ้งข่าวสำคัญจบ
“ดูเหมือนว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดในอาณาจักรต้าเซี่ยจะถือกำเนิดในอีกไม่ช้านี้แล้ว…” เย่ว์หยางยื่นขวดหยกที่บรรจุยาพลังยุทธให้กับอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า เมื่ออาจารย์จิ้งจอกเฒ่าได้ยินเขาพูด มือของเขาสั่นเล็กน้อยขณะยื่นมือรับขวดยา พอเปิดฝาออกและสูดกลิ่นที่อยู่ภายใน เขาได้กลิ่นบางอย่างที่ส่งผลตรงถึงจิตวิญญาณของเขา
ใบหน้าชราของเขากลายเป็นปลาบปลื้มทันที ตาของเขาแดง
เขาถือขวดหยกอย่างระมัดระวัง กลัวว่าของมีค่าในมือของเขาจะแตก
หลังจากสังเกตดูยาเม็ดชั่วขณะหนึ่ง อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าข่มอารมณ์ปลาบปลื้มและถามด้วยความกังวลว่า “เจ้าปรุงมันสำเร็จแล้วหรือ? พลังของยานี้ดูเหมือนจะเข้มข้นมาก เจ้ายังขาดรากบัวหิมะไม่ใช่หรือ? แล้วเจ้าปรุงมันสำเร็จได้อย่างไร?”
เย่ว์หยางยิ้มลี้ลับ, “ท่านไม่จำเป็นต้องรู้ รู้แค่เพียงว่าข้าปรุงสำเร็จก็แล้วกัน และมันเป็นยาระดับ 7”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามองดูเย่ว์หยางด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ ถามเขาอย่างประหลาดใจว่า “ระดับ 7 เชียวหรือ? ยาเม็ดพลังยุทธเป็นยาระดับ 7 เชียวหรือ?”
เย่ว์หยางผายมือ พยายามแสดงเป็นนัยว่านี่เป็นเพียงการละเล่นเด็กๆ สำหรับเขา ทำให้เขาดูเหมือนคนหยิ่งยโส
ถ้าเป็นเวลาปกติ อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าคงใช้ไม้เท้าเคาะกบาลเขาเป็นแน่ แต่ตอนนี้เขาพยักหน้า เต็มไปด้วยความสุข รู้สึกว่าเขาแสดงอาการหยิ่งอย่างน่ารักและเหมาะสมแล้ว เขาพยักหน้ายิ้มหน้าบาน “เด็กดีเอ๋ย! พอได้เห็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของเจ้าแล้ว นี่คือยาพลังยุทธระดับ 7 จริงๆ หรือนี่? มีค่ามากเชียวนะ ข้าไม่รู้ว่าข้าควรจะรับไว้ดีไหม ดูเหมือนข้าต้องเตรียมตัวให้ดีก่อน .. สำหรับเด็กอย่างเจ้า ข้าจะไม่พูดขอบคุณล่ะ ยาเม็ดพลังยุทธนี้ ข้าขอรับไว้ด้วยความยินดี!”
แม่เฒ่าอู่เถิงยังไม่ปรากฏตัว มิฉะนั้นเย่ว์หยางจะให้เม็ดสุดท้ายกับนาง เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บร้ายแรงที่นางต้องทนทุกข์มานานหลายปี
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเชิญเซียนนักพรตมาด้วยเพื่อที่ว่าเขาจะได้ช่วยให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าได้เข้าถึงขอบเขตปราณก่อกำเนิด
แม้ว่าเย่ว์หยางจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งก็ตาม แต่เขาเป็นกรณีพิเศษ ประสบการณ์กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดของเขาคงไม่อาจช่วยอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าได้
ยิ่งกว่านั้น เย่ว์หยางไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขา ทักษะนักสู้ปราณก่อกำเนิดชนิดนี้เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
เซียนนักพรตและบัณฑิตวัยกลางคน ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์ฟ้าทั้งสองคนมาถึงแล้ว พวกเขาเสียสละสอนอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาก่อน จากนั้นใช้อสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเองคอยนำอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและช่วยให้เขาย่อยสลายยาเม็ดพลังยุทธ เพื่อที่ว่าอาจจะเอาชนะสภาวะคอขวดของพลังและเข้าถึงขอบเขตปราณก่อกำเนิด เย่ว์หยาง, เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัวและคนอื่นๆ ทุกคนได้รับฟังประสบการณ์ของสองผู้อาวุโส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสวี่ยทันหลาง, องค์ชายเทียนหลัว, เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ พวกเขาตั้งใจฟังประสบการณ์ของเซียนนักพรตและบัณฑิตวัยกลางคนมาก เพราะสำหรับพวกเขา การได้กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเป็นความปรารถนาที่พวกเขาโหยหามาตลอดชีวิต… เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสาวๆอื่น สามารถใช้การผสานกายกับเย่ว์หยางและรับวิชาของเขาได้ สามารถฝึกปรือรุดหน้ากันเป็นกลุ่ม พวกนางสามารถเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้โดยไม่มีปัญหาแน่
อย่างไรก็ตาม เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ยังไม่มีแววเป็นอย่างนั้นได้ พวกเขาจะต้องอาศัยการฝึกฝนตัวพวกเขาเองเพื่อบรรลุขอบเขตแดนปราณก่อกำเนิด
ตอนนี้ เซียนนักพรตและบัณฑิตกลางคนสอนเคล็ดลับให้พวกเขาไว้ก่อนเวลามาก แต่อย่างน้อย พวกเขาก็จะมีความรู้ทางทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากกินยาพลังยุทธแล้ว เซียนนักพรตและบัณฑิตกลางคนร่วมกันช่วยอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าโดยใช้อสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา
พวกเขาช่วยเหลือให้ย่อยสลายพลังภายในยาเม็ดพลังยุทธทีละนิดๆ
หลังจากนั่งสมาธิผ่านไปทั้งวันและทั้งคืน ในที่สุดอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็ย่อยสลายพลังในยาเม็ดได้ทั้งหมด หลังจากย่อยสลายช้าๆ เขาจึงโคจรไปยังร่างกายทุกส่วนและพยายามบรรลุเข้าเขตแดนปราณก่อกำเนิด
ด้วยการใช้อสูรศักดิ์ทั้งสองตนคอยช่วยเขา ในที่สุดอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าบรรลุเข้าถึงระดับใหม่ พลังภายในของเขาระเบิดออกมา เซียนนักพรตและบัณฑิตกลางคนถอนพลังของพวกเขาออกมาและถอยห่างออกไปสิบเมตร ปล่อยกระบวนการที่เหลือให้เป็นของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า
ตราบใดที่เขาสามารถทะลวงผ่านสภาวะคอขวดได้ เขาจะสามารถเข้าสู่ดินแดนปราณก่อกำเนิดและยกระดับกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
ถ้าเขาล้มเหลว อย่างนั้นเขาอาจไม่สามารถกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้อีกต่อไปตลอดชีวิต
พลังภายในของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าระเบิดออกมาจากร่างเหมือนกับพายุสลาตัน ลมจากคลื่นอัดกระแทกแทบทำให้เย่คงและเจ้าอ้วนไห่กระเด็นออกไป
ร่างของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเรืองแสงสีทอง ขณะที่พลังของเขาระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตามแม้จะผ่านไปช่วงระยะหนึ่ง อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็ยังไม่สามารถทะลวงเข้าขอบเขตได้ เซียนนักพรตและบัณฑิตกลางคนเริ่มเป็นกังวลถึงเขา ถ้าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าล้มเหลวที่จะเปิดประตูแดนปราณก่อกำเนิดและเข้าถึงความสำเร็จในการฝึกตัวระหว่างที่เขาระเบิดพลังสูงสุด เขาจะไม่สามารถกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ แต่พวกเขาไม่สามารถช่วยเขาได้แม้แต่น้อยในระดับสภาวะนี้ มิฉะนั้นพวกเขาอาจจะสร้างผลกระทบต่อพลังจิตของเขาและเท่ากับเร่งให้เกิดความล้มเหลว หน้าของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเปล่งประกายสีทอง ผมและเคราของเขาปลิวไสวในอากาศขณะที่เสื้อผ้าของเขาโบกกระพือ จุดแสงสีทองเริ่มปรากฏอยู่บนอสูรพิทักษ์และคัมภีร์อัญเชิญของเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่เข้าถึงเขตแดนใหม่อยู่ดี
เขากำลังจะหงายกับพื้น เย่ว์หยางไม่สามารถทนต่อไปได้ เขาตัดสินใจช่วย
เขาไม่สนใจผลที่จะตามมาอีกต่อไป เขาจะล้มเหลวยังไงก็ตาม เขาก็ควรพยายามช่วยเขาในช่วงสุดท้ายนี้
ตามสถานการณ์ที่เขามองด้วยญาณทิพย์ระดับ 5 ของเขา เย่ว์หยางเกร็งพลังปราณก่อกำเนิดไว้ที่มือของเขาและถ่ายพลังลงไปที่จุดชีพจรบนหลังของเขา ปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางเชื่อมโยงกับปราณที่ไหลเวียนในหลังของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าซึ่งคั่งคาอยู่ก่อนนั้น จากนั้นเย่ว์หยางทาบลงที่จุดไป่ฮุ่ยบนกระหม่อมของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและถ่ายพลังปราณลงในนั้นด้วยเช่นกัน ช่วยให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าผู้กำลังจะสูญเสียการควบคุมจิตใจตนเองกลับได้สติรู้สึกตัว
เมื่ออาจารย์จิ้งจอกเฒ่ากลับมารวมใจเป็นสมาธิได้ ผลพวงจากปราณคั่งค้างภายในร่างของเขาทำให้เขากระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
ร่างของเขาโงนเงนคล้ายกับว่ากำลังจะทรุดลงกับพื้น
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าควบคุมพลังที่ไหลเวียนในร่างกายได้แล้ว แต่เย่ว์หยางยังคงเชื่อมพลังปราณได้ง่ายๆ อีกครั้ง ด้วยทักษะที่ดีกว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามาก ในที่สุดเขาก็ทะลวงเข้าถึงดินแดนปราณก่อกำเนิดจนได้
บึ้ม!
เสียงระเบิดดังกึกก้อง
เย่ว์หยางโดนแรงระเบิดกระเด็นลอยไปในอากาศ
แสงสีทองเริ่มพุ่งฉายออกมาจากกระหม่อมของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า คัมภีร์อัญเชิญของเขาและอสูรพิทักษ์ของเขา ผสมผสานเข้ากันและกันจนก่อตัวเป็นลำแสงขนาดยักษ์ ฉายขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงยี่สิบเมตร เป็นเวลานานที่แสงยังไม่หายไป ปรากฏการณ์นี้เป็นสัญญลักษณ์ว่ามีนักรบบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดแล้ว สำหรับลำแสงจะมีความหมายต่อศักยภาพของนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เพิ่งยกระดับขึ้นมา ทุกคนมีความแตกต่างกัน
นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั่วไปจะเปล่งลำแสงสูงสิบเมตร
นักรบผู้ไม่ได้ครอบครองพลังปราณก่อกำเนิดที่แท้จริง และยกระดับขึ้นมาเพราะพวกเขาอาศัยพลังคนอื่นยกระดับ เช่นถูเฉิงและขวงจั่นจากนิกายพันปีศาจ, ไคหยาง, เทียนฉวนและเหยากวงจากกลุ่มนักสู้เจ็ดดาว ลำแสงของพวกเขาจะสูงราวๆ ห้าเมตร พวกเขาจะไม่มีทางสูงเกินกว่าสิบเมตรแน่นอน
เนื่องจากลำแสงของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าสูงถึงยี่สิบเมตร เขาจะต้องเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แข็งแกร่งแน่นอนพร้อมด้วยศักยภาพที่โดดเด่น
แน่นอน ไม่มีใครสามารถเทียบได้กับเย่ว์หยางที่ผิดมนุษย์ทั่วไป ไม่มีใครรู้ว่าลำแสงของเย่ว์หยางสูงขนาดไหนตอนที่เขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด มันสูงเกินชั้นเมฆ ไม่มีใครเห็นว่าไปสิ้นสุดที่ใดแม้จะเห็นห่างไกลจากหลายร้อยกิโลเมตร สูงมากจนไม่มีผู้ใดประเมินความสูงได้
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเย่ว์หยางมีศักยภาพมาก เขาคงไม่สร้างความตื่นตะลึงไปทั้งโลกแน่
โชคดีที่ไม่มีผู้ใดเห็น มิฉะนั้นเย่ว์หยางคงไม่สามารถยกระดับได้มากพอก่อนที่ปัญหาจะมาเยือนถึงประตูบ้านของเขา
“ไม่เลวเลย คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะเปล่งลำแสงสูงถึงยี่สิบเมตรยามเมื่อท่านกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ศักยภาพระดับนี้หมายความว่ามีโอกาสสูงที่ท่านจะบรรลุไปถึงปราณก่อกำเนิดระดับ 5 ได้ ดูเหมือนอาณาจักรต้าเซี่ยจะได้องครักษ์พิทักษ์ฟ้าเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว” บัณฑิตกลางคนและเซียนนักพรตมีความสุขมาก ไม่ใช่ว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดทุกคนจะสามารถเป็นองครักษ์พิทักษ์ฟ้าได้ ต้องมีพลังระดับนั้นถึงจะเพียงพอปกป้องประเทศได้
“สิ่งที่ทำให้ข้ามีความสุขที่สุดก็คือเย่ว์หยางน้อยดูเหมือนจะเข้าใจวิธีเหนี่ยวนำพลังที่ไหลเวียนมาถึงจุดอันตรายสุดท้าย ช่วยให้ครูของเขาบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดได้” เซียนนักพรตมีความสุขมาก
เขาไม่ใช่เป็นเพียงคนเดียวที่เห็นเรื่องนั้น แม้แต่เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ก็สามารถเห็นจุดนี้ได้
แม้ว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเกือบล้มเหลวเมื่อร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ
แต่เป็นเย่ว์หยางดึงเขากลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง และนำพาเขาให้ปลดปล่อยพลังของเขาอีกครั้งจนบรรลุเขตแดนปราณก่อกำเนิด แม้ว่าเย่ว์หยางจะช่วยเขาเพียงไม่กี่วินาที แต่คุณภาพและการช่วยเหลือที่เขาให้มีความหมายมากกว่าที่เซียนนักพรตและบัณฑิตกลางคนพยายามช่วยอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าทั้งวันทั้งคืนเสียอีก
ด้วยความช่วยเหลือของเย่ว์หยาง ดูเหมือนคนอื่นๆ ที่จะล้มเหลวในการบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดก็ลดน้อยลงไป
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามองดูท้องฟ้าและคำราม ขณะที่อสูรพิทักษ์ “มิติว่าง” ข้างๆ ตัวเขากลายร่างเป็นโปร่งแสงหมุนรอบร่างอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า มันปล่อยแสงลึกลับนับไม่ถ้วน ดูเหมือนมันยังคงยกระดับด้วยเช่นกัน
ขณะที่เสียงคำรามของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าสงบลง อสูรมิติว่างก็เปลี่ยนร่างเป็นบอลกลมและกลับเข้าไปในคัมภีร์
ชั่วเวลานี้เอง อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็จบกระบวนการบรรลุเขตแดนปราณก่อกำเนิดในที่สุด
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าลอยลงมาจากอากาศช้าๆจนถึงพื้น เขามีน้ำตาคลอเบ้ามองดูเย่ว์หยางจากนั้นกอดเขาแน่น นักเรียนผู้สร้างความอัศจรรย์ให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยความช่วยเหลือของเขา ในที่สุดเขาก็ได้อำลาสถานะนักสู้ธรรมดาของเขาและย่างเข้าสู่ดินแดนปราณก่อกำเนิด กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนใหม่
“ยินดีด้วย..อาจารย์!” นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางเรียกจิ้งจอกเฒ่าว่าอาจารย์
“ดี..ดีมาก” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าตบบ่าเย่ว์หยาง เขาปลาบปลื้มใจมากจนไม่สามารถพูดอะไรได้
เซียนนักพรตและบัณฑิตกลางคนก็ยังร่วมแสดงความยินดีที่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด แม้ว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ก็ตาม แต่ด้วยศักยภาพของเขา พลังของเขาจะเทียบเท่ากับพวกเขาทั้งสองในอนาคตแน่นอน ยิ่งกว่านั้นทักษะแฝงเร้นของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเป็นอสูรมิติว่างที่หาได้ยากมาก พวกเขาเชื่อว่านวัตกรรมเทเลพอร์ตของพวกเขาจะก้าวหน้ายิ่งขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า
พอมองดูสายตาอิจฉาของเย่คง, เจ้าอ้วนไห่, พี่น้องตระกูลหลี่, เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวแล้ว เย่ว์หยางยิ้มน้อยๆ “ฝึกให้หนักไว้ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าสามารถกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ในไม่ช้าเช่นกัน!”
เพียงประโยคเดียว เย่คงและคนอื่นๆ รู้สึกฮึกเหิมมีจิตใจฮึดสู้ทันที
ดินแดนปราณก่อกำเนิดต่อหน้าเขา จะอยู่อีกไกลแค่ไหน?
ด้วยยาเม็ดพลังยุทธและคำแนะนำของเย่ว์หยาง ควบคู่กับความช่วยเหลือของเซียนนักพรตและบัณฑิตกลางคน จะนานอีกแค่ไหนก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด? มองดูอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเป็นตัวอย่างที่เห็นได้จริง สิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำก็มีเพียงอย่างเดียว คือฝึกให้หนัก
ในวิธีแบบนี้ เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ เชื่อมั่นว่าตัวพวกเขาเองยังคงมีโอกาส
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองหน้ากันและกัน พวกนางไม่พูดอะไร แต่พวกนางรู้ว่าพวกนางทั้งสองจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนที่เก้าและที่สิบของอาณาจักรต้าเซี่ยในอนาคต
****************