เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 33 – ปาฏิหาริย์

===============
“ใช่…อูอี้อัญเชิญกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงออกมาได้จริงๆ มันเป็นสัตว์อสูรชั้นทองแดง ตอนนี้เราเสร็จแน่” เสียงของนางโจรเต็มไปด้วยความกลัว “อสูรผู้พิทักษ์ของข้าคือ เซียนดอกไม้ มันไม่มีพลังโจมตีใดๆ เลย มันไม่ใช่คู่มือของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง ถ้าข้ารู้ตัวเร็วกว่านี้ ข้าคงเรียกเสือดาวปีศาจตั้งแต่เริ่มโจมตี เมื่อเป็นเช่นนั้น บางทีคงจะเป็นไปได้ที่จะฆ่าอูอี้… ตอนนี้, บอกข้าที, ข้าควรทำอย่างไรดี?”

นางโจรตางามมองไปที่เย่ว์หยาง อย่างจนปัญญา ขณะที่เขาคือความหวังสุดท้ายของนาง

ขณะนี้ เย่ว์หยางเห็นได้ว่าดวงทั้งคู่ของนางที่จับจ้องเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ท่าทีดังกล่าวดูน่ารักน่าเวทนาคล้ายกับมองเห็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้ติดเป็นนักโทษอยู่ในผนึกหลุมดำที่เขาเจอมาก่อนหน้านี้

เฮ้อ….! ในที่สุดช่วงเวลาที่พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยโฉมสะคราญก็มาถึงจนได้

ทันใดนั้น เย่ว์หยางเปิดเผยความรู้สึกกล้าที่จะปกป้องออกไป

เขาจับไหล่ที่อ่อนนุ่มของนางโจรตางามอย่างเบามือปลอบนางด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ก็แค่วัวไม่ใช่หรือ? วีรบุรุษคนกล้าผู้นี้จะฆ่ามันแทนเจ้า”

คำปลอบโยนของเย่ว์หยางไม่ได้ตั้งใจจะให้มีผลอะไร แต่กลับทำให้นางโจรตางามทำตาแดงๆ มีน้ำตาคลอเบ้า เสียงของนางอัดอั้นตันใจ เต็มไปด้วยอารมณ์ ขณะที่นางกล่าวว่า “คนโง่ นี่ไม่ใช่กระทิงธรรมดา ถ้ากระทิงเถื่อนชั้นทองแดงจ้องมองเรา เราก็จะตายอย่างแน่นอน ตอนนี้เราจะทำไงดี? เราต้องคิดหาทางให้ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะตายในที่อย่างนี้ ข้ายังไม่อยากตาย ข้ายังไม่ได้แก้แค้นศัตรูลึกๆ ของข้า ข้าไม่ต้องการตายเลยจริงๆ เจ้าเป็นอัจฉริยะไม่ใช่เหรอ? รีบคิดหาทางให้ได้สิ”

“มั่นใจเถอะน่า ข้ามีแผนโต้ตอบไว้แล้ว” เย่ว์หยางหยิบมีดเล็กที่ใช้สำหรับปอกผลไม้ออกมา

“เจ้าต้องการหลับหูหลับตาสู้เหรอ?” นางโจรตางามคิดว่าเย่ว์หยางต้องการวิ่งออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าเพื่อฆ่าอูอี้ ถ้าอูอี้ตาย กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงที่เขาอัญเชิญออกมาก็จะหายวับไปด้วย ไม่คงอยู่ต่อไป

อย่างไรก็ตาม เวลาอย่างนี้ จะฆ่าอูอี้ได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ?

ไม่ต้องพูดถึงเสียหั่ว โจรน้อยที่เพิ่งเป็นทหารรับจ้างได้ไม่กี่วันจะมีฝีมือพอสู้กับอูอี้ได้หรือ?

นางโจรตางามรู้สึกว่า ถ้าเย่ว์หยางวิ่งออกไปมั่วๆ ก็เท่ากับว่าเข้าหาความตาย

แม้ว่าเขาไม่ได้วิ่งเข้าไปหาความตาย แต่ก็คงถูกกระทิงเถื่อนทองแดงย่ำหรือจ้องจนตาย และถ้าสามารถหลบได้ก็อาจโดนหุ่นศิลาเล่นงาน เขาอาจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ โดยอินทรีสงครามที่เริ่มคืนสภาพแล้ว

แม้ว่าเขาจะเข้าไปถึงตัวอูอี้ได้สำเร็จ การต้องสู้กับนักสู้ชั้นวีรบุรุษระดับ 3 ด้วยมีดปอกผลไม้ราคา 50 เหรียญทองแดงนี้ ทหารรับจ้างที่ไหนเค้าทำกัน? ส่วนมาก เขาคงไม่สามารถแตะต้องตัวอูอี้ได้แม้ปลายเส้นผมแล้วถูกฆ่าอยู่ตรงนั้น การออกจากโล่ห์แสงแล้ววิ่งออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าเป็นวิธีที่โง่ที่สุด และเป็นการฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่นางโจรตางามคิด ขณะที่นางคว้าแขนเย่ว์หยางไว้แน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ข้ายังมีวิธีโจมตีอื่นอีก แต่ความเป็นไปได้ของผลสำเร็จน้อยมาก เจ้าควรจะหนีไปจากที่นี่ด้วยกำลังที่เจ้ามีทั้งหมด ถ้าเจ้ายังรอดอยู่ได้หลังหนีไปจากดินแดนคาวเลือดและความตายแห่งนี้แล้ว ช่วยทำตามที่ข้าขอร้องข้อหนึ่ง จงไปที่หมู่บ้านผีเสื้อและดอกไม้ บอกประมุขหมู่บ้านว่าข้า…ข้าตายในการต่อสู้”

“พยายามหนีเหรอ? เลิกคิดซะเถอะ!” เสียหั่วมองพวกเขาอย่างเยาะเย้ย ขณะที่หัวเราะอย่างสยองขวัญ

นางหยิบหินผลึกสีดำออกมาประคองไว้ด้วยสองมือ บริกรรมด้วยคำสวดแปลกๆ แล้วพ่นเลือดที่เต็มปากไปที่หินผลึกสีดำ

ผึ้งมารบนพื้นดินระเบิดเป็นชิ้นด้วยเสียงอันดัง เลือดสีเขียวเข้มและเลือดเนื้อกระจายไปทั่ว ปรากฏว่ามีเสือดาวปีศาจที่พรางตัวอยู่ในความมืดยามราตรี เลือดที่กระจายไปทำให้มันเผยตัวจากที่ซ่อน

หุ่นศิลาเงื้อกำปั้นทันที

ในอากาศ อินทรีสงคราม ซึ่งเร็วกว่าหุ่นศิลามาก โฉบลงมาจู่โจมทันที ตั้งแต่แมงมุมแม่มดหนีไปจากพื้นที่ต่อสู้ ทั้งพิษทั้งใยแมงมุมจึงหายไป แม้ว่าความสามารถต่อสู้ของมันจะลดลงไปบ้าง แต่ก็ไม่มาก อินทรีสงครามยังแสดงความแข็งแกร่งให้เห็นได้

อินทรีสงครามโฉบลงมาราวกับพายุหมุนสร้างบาดแผลที่หลังเสือดาวปีศาจจนถึงกระดูก

“ครืดดด.. ครืดดดด” กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงใช้กีบเท้ากระทืบพื้น เป็นความหมายว่าใกล้จะเข้าจู่โจมเสือดาวปีศาจ

ทันใดนั้น แสงไฟระเบิดออกมาจากจมูกของกระทิงเถื่อนทองแดงและระเบิดขาหลังของเสือดาวปีศาจดังบึ้ม

ต่อจากนั้น กระทิงเถื่อนทองแดงจึงไล่ตามเสือดาวปีศาจที่บาดเจ็บและใช้กระโหลกและเขาที่แข็งราวกับหินขวิดกระแทกราวกับใช้ค้อนยักษ์

เสือดาวปีศาจร้องอย่างเจ็บปวดขณะที่ทั้งตัวมันถูกขวิดถูกกระแทกอย่างโหดเหี้ยม ร่างมันหมุนคว้างกลางอากาศอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อเสือดาวปีศาจหล่นกระแทกพื้นอย่างแรง กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงก็มาถึงทันที มันจ้องเสือดาวปีศาจเขม็ง ไฟสีแดงพุ่งออกจากตาของมันเร็วกว่าสายฟ้าและเสือดาวปีศาจกลายเป็นซากศพล้มลงกับพื้นทันที ในชั่วเวลาสั้นๆ เสือดาวปีศาจถูกฆ่าโดยเนตรประหารของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง

“พระเจ้าช่วย!”

จากหน้าต่างและระเบียงศาลาของป่าบันเทิง นักรบที่รายล้อมอยู่กลัวมากจนเหงื่อชุ่มไปหมด

แม้ว่าเนตรประหารของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงจะมีความน่าสำเร็จได้น้อย แต่ความคงอยู่ของการโจมตีทำให้มองข้ามทุกอย่างไปหมดเพราะน่ากลัวเกินไป

เนตรประหาร นอกจากไม่มีผลต่อสิ่งไม่มีชีวิตอย่างหุ่นศิลา เป็นไปได้ว่าอสูรผู้พิทักษ์จากคัมภีร์อัญเชิญด้วยแล้ว นักรบทั่วไปและสัตว์อสูรไม่มีโอกาสรอด ถ้าพวกเขาถูกทำร้ายด้วยเนตรประหารจากกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง

นางโจรตางามผู้กำลังอัญเชิญสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง ถึงกับหมดหวังจนไม่สามารถอัญเชิญให้จบก่อนที่เสือดาวปีศาจจะถูกกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงฆ่าตาย

สะดุ้งใจสั่นสะท้านเหมือนถูกฟ้าผ่า

สัตว์อสูรตายมีผลอย่างมากต่อใจของเจ้าของที่เชื่อมโยงจิตใจอยู่

มันหนักเกินกว่าจะทนได้ตามปกติสำหรับนาง แต่ตอนนี้นางอยู่ในระหว่างทุ่มเทจิตใจเพื่ออัญเชิญสัตว์อสูร ดังนั้นจิตใจนางจึงรับผลกระทบอย่างหนัก

นางกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งจนเปื้อนหน้า ร่างกายนางสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ก่อนที่นางจะหมดสติล้มลงกับพื้น นางเข้าไปหาเย่ว์หยางแล้วพูดว่า “เร็ว… หนี…”

เย่ว์หยางยื่นมือออกไปคว้าร่างที่อ่อนปวกเปียกของนางไว้ มือนางอ่อนนุ่มมีกลิ่นหอม ถ้าเขาเคลื่อนไหวให้เร็วกว่านี้ นางคงไม่ต้องรับผลกระทบทางใจจนทำให้หมดสติ อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่ปรารถนาจะเปิดเผยฝีมือของเขาต่อหน้า “พี่ชาย” ผู้นี้ อย่างน้อยที่สุด เขายังไม่ต้องการเปิดเผยฝีมือในตอนนี้ ดังนั้นเขาแค่วางแผนเคลื่อนไหวจนต้องใช้ที่พึ่งสุดท้าย เกี่ยวกับนักรบในศาลาของป่าบันเทิงหรืออูอี้และเสียหั่วที่อยู่อีกด้านหนึ่ง พวกมันก็แค่ศพในสายตาของเย่ว์หยาง

พอนางโจรตางามหมดสติแล้ว โล่ห์แสงก็หายไปด้วย

คัมภีร์อัญเชิญชั้นเงินเปลี่ยนเป็นลูกกลมสีทองบินเข้าไปในร่างของนางโจรตางาม

เมื่อโล่ห์แสงหายไป หุ่นศิลา, อินทรีสงคราม และกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงทั้งหมดจู่โจมเข้าใส่เย่ว์หยางอย่างบ้าคลั่ง

“ฮ่าฮ่าฮ่า” อูอี้และเสียหั่วเริ่มหัวเราะอย่างสบายใจ เอาชนะศัตรูโดยสู้ร่วมกันอย่างนี้ ใช้วิธีการโกง พวกมันทำมาเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว พวกมันซ้อมทำความเข้าใจกันและกัน ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะถูกกดดันมากเกินไปจากการเผชิญหน้ากับผู้ใช้คัมภีร์อัญเชิญชั้นเงิน ที่เป็นนักสู้ชั้นยอดฝีมือ ระดับ 4 อูอี้คงไม่อัญเชิญกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงแน่ เขาเรียกมันออกมาเพื่อลดความเสี่ยงอันตรายที่กำลังเผชิญ

“หนวกหูโว้ย”

เย่ว์หยางเกลียดคนที่หัวเราะแบบนี้มากที่สุด

เขารู้สึกว่าการหัวเราะมากเกินเป็นนิสัยประจำตัวเขามาตลอด พอเห็นอูอี้กับเสียหั่วหัวเราะอย่างหน้าด้านมาก เขากลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก คิดว่าเจ้าคนน่าเกลียดทั้ง 2 คนนี้ลอกเลียนแบบนิสัยหัวเราะของเขา

เย่ว์หยางกางนิ้วขึ้นแล้วเรียกคัมภีร์สีทองแดงออกมา

แสงสีแดงจางๆ ปรากฏขึ้น ก่อตัวเป็นรูปโล่ห์แสงคลุมนางโจรตางามและเขาไว้

กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงพุ่งเข้าใส่โล่ห์แสงสีแดง แล้วปะทะโล่ห์แสงรุนแรงจนสั่นสะท้าน แต่แรงสั่นก็หายไปอย่างรวดเร็ว อีกด้านหนึ่งหุ่นศิลาทุบลงมาถึงขนาดบดศิลาใดๆ ก็ได้ก็ยังไม่มีผลต่อโล่ห์แสงสีแดง

อินทรีสงครามที่เป็นสัตว์อสูรที่อ่อนแอที่สุดโฉบลงมาจากอากาศ แต่กระเด็นออกไปจากแรงปะทะโล่ห์แสงสีแดง

“เอ.. ยังมีคนใช้คัมภีร์อัญเชิญคนอื่นอีกหรือ? แต่ก็เป็นแค่ระดับ 1 ชั้นเริ่มต้นฝึกหัดหรือ? ฮ่าฮ่า โง่จริงๆ แกมันก็แค่เด็กฝึกหัด ทำไมถึงต้องแส่หาที่ตาย? แกนี่มันตลกจริงๆ.. ต้นดอกหนามหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ไหวแล้วโอ๊ย.. ขำจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว มันเรียกต้นดอกหนามออกมาจริงๆ ด้วย โอว..สวรรค์ ข้าละอยากจะเห็นมันจะใช้ต้นดอกหนามฆ่าหุ่นศิลาและกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงของข้าได้ยังไง” อูอี้แค่นเสียงไปหัวเราะไปพลางเอามือกุมท้องตัวเองไปด้วย ถึงกับหัวเราะจนน้ำตาเล็ด

“ข้าเอาไว้เจอกับคนเก่งๆ ดีกว่า ฆ่าเจ้าแมลงตัวน้อยนี่ไปก็ไม่มีความหมายอะไร” เสียหั่วเลิกสนใจเย่ว์หยางทันที เมื่อเขาสรุปเอาว่าเย่ว์หยางก็แค่เด็กอ่อนหัด

“ฮ่าฮ่า ข้าตรงกันข้ามกับเจ้า ข้าชอบทรมานแมลงเล็กๆ ให้ตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟังเสียงร่ำไห้ยามที่พวกมันใกล้ตาย มันให้รสชาติที่หลากหลายดี” อูอี้เลียริมฝีปาก เหมือนกับว่าเขาเป็นผีตายอดตายอยากเห็นของอร่อยอยู่ต่อหน้าและเตรียมจะกิน ในสายตาเขา เย่ว์หยางเด็กหัดใหม่ระดับ 1 นี้คือแมลงเล็กๆ ที่เขาจะทรมานให้ตาย

แม้ว่าเย่ว์หยางจะเป็นผู้ทำสัญญากับคัมภีร์ อูอี้ก็ยังประมาทเขา

เด็กหัดใหม่ที่เอาแต่อัญเชิญสัตว์อสูรทุกๆ วัน

พอเผชิญหน้ากับโจรน้อยที่อัญเชิญต้นดอกหนามออกมาเพื่อเตรียมต่อสู้ แม้แต่คนโง่ก็ยังนึกไม่ถึงเลยว่าเขาสามารถใช้ต้นดอกหนามที่อ่อนแอเอามาฆ่าหุ่นศิลาและกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงที่มีเนตรประหาร ซึ่งไม่อาจเอาชนะได้

นักรบทุกคนบนระเบียงศาลาป่าบันเทิงส่ายหัวและถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้ แม้ว่าเทพเจ้าลงมายังโลกด้วยตนเองก็ไม่มีทางเปลี่ยนความพ่ายแพ้ของโจรน้อยนี้ให้เป็นชัยชนะได้

โจรน้อยนี้จะต้องแพ้อูอี้อย่างแน่นอน

ยิ่งกว่านั้น ยังมีเสียหั่วผู้แข็งแกร่งกว่าอูอี้หนุนอยู่ข้างหลัง

ทันทีที่โลห์แสงหมดขีดจำกัดเวลา โจรน้อยทั้งคู่จะกลายเป็นเนื้อแหลกเหลวด้วยฝีมือของหุ่นศิลาและกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง

“ก็แค่วัวตัวหนึ่งไม่ใช่เหรอ? มันมีดียังไง?” เย่ว์หยางไม่ได้ยืนอยู่ในโล่ห์แสงแล้ว เขาเดินกร่างออกมาที่โล่ง ปล่อยให้นางโจรตางามและต้นดอกหนามอยู่ภายในโล่ห์แสง

“อา?”

ความเคลื่อนไหวของเขาทำให้นักรบทุกคนตะลึง จนพูดไม่ออก

ผู้ใช้คัมภีร์อัญเชิญไม่น่าจะออกมาจากโล่ห์แสงได้ มิฉะนั้นโล่ห์แสงจะหายไป โจรน้อยผู้นี้ออกมานอกโล่ห์แสงได้อย่างไร?

นี่ กลายเป็นว่าทุกคนตาไม่ถึง ดูผิดไปกระทันหันแล้วหรือ?

หรือว่าจะเป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดต่อหน้าพวกเขา?

**********************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset