===============
หน้าแรกของคัมภีร์เปลี่ยนไปอย่างมากมาย
อักษรรูนที่ดูลึกลับจัดเรียงตัวเองเข้าด้วยกันก่อรูปเป็นลวดลายที่ดูลึกซึ้งและปล่อยพลังงานที่ลึกลับเลือนลาง รูปทักษะญาณทิพย์และลวงแต่เดิมก็เปลี่ยนไป มีรูปเพิ่มเป็นดาวส่องสว่างเป็นพื้นหลังอยู่บนรูปทักษะลวง และเงาในรูปดูเหมือนจะขยับไปข้างหน้าช้ามาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเย่ว์หยางพยายามเพ่งดูอีกครั้ง ดูเหมือนมันไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย สำหรับทักษะญาณทิพย์นั้น พื้นหลังจะสีเข้มขึ้นขณะที่สายตาของภาพเงาสว่างขึ้นเหมือนดวงดาวฉายแสง ทำให้เย่ว์หยางมีความรู้สึกว่าเหมือนมองลงไปในกระจก
เย่ว์หยางเห็นว่าทักษะแฝงเร้นคนคู่ของเขาก็ยกระดับเป็นระดับ 4
พื้นที่พลังโทรจิตและส่งภาพทางจิตก็มีผลขยายออกไปด้วย และเย่ว์หยางสามารถรู้สึกได้เลือนลางถึงความสามารถชนิดใหม่ที่เขายังมิอาจระบุได้ แต่ยังไม่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจก็คือความจริงเขามีอสูรพิทักษ์ใหม่อีกตนระดับต่ำกว่าเงาปีศาจที่เป็นอสูรรูปแบบพิเศษ
นักรบอื่นจะมีเพียงอสูรพิทักษ์ธรรมดาแค่ตัวเดียว
แต่เย่ว์หยางได้รับสองตัว
(โลก) : อสูรแพลตตินัมระดับ 1 ประเภทพิเศษ มีรูปไม่แน่นอน มีพื้นที่อาณาเขต เป็นอสูรพิทักษ์ อยู่ในสภาพที่เรียกได้ตลอด ความสามารถ : ยุ่งเหยิงในช่วงเริ่มต้นและอาณาเขตเฉพาะธาตุ
“เป็นไปได้ไหมว่าวงแหวนแสงนี้คือสัตว์อสูรตัวหนึ่ง? มันอะไรกันนี่?” เย่ว์หยางรู้ว่าเขาได้รับรางวัลมากมายในการยกระดับครั้งนี้ แต่เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะได้รับมากเท่าใดนัก แม้ว่า “โลก” นี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทวีปมังกรทะยานหรืออะไรๆ ก็ตาม และมันก็เป็นเพียงอสูรรูปแบบพิเศษ ที่บางคนเห็นได้ว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหนแค่เพียงได้ยินชื่อของมัน
แล้วเขาจะยกระดับ “โลก” นี้ได้อย่างไร?
มันไม่ใช่สัตว์หรือพืชพันธุ์ เขาไม่สามารถเลี้ยง ไม่สามารถสอนมันได้
ยิ่งกว่านั้น “โลก” นี้ไม่ได้ถูกเย่ว์หยางเรียก มันจะคงอยู่ในสถานะที่ถูกเรียกอยู่เสมอ ตราบใดที่เขาเรียกคัมภีร์ของเขา มันก็จะถูกเรียกออกมาด้วย มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของเย่ว์หยางสิ้นเชิง และมันก็ไม่ฟังความปรารถนาของเย่ว์หยางด้วย
ขณะที่เย่ว์หยางกำลังคิดเรื่องที่จำเป็นต้องทำ ผลึกเวทที่ปีศาจดอกหนามนำกลับมาให้เขาหายไปครึ่งหนึ่งทันที
เมื่อเขาสังเกตอย่างระมัดระวัง เขาก็ตระหนักได้ว่า “โลก” ซึ่งมีพื้นที่ๆ ส่งผลกระทบได้กำลังดูดกลืนผลึกเวทอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วที่น่ากลัว
เมื่อเย่ว์สามารถรู้ตัวได้ในที่สุด เขาทำได้เพียงเก็บผลึกเวทหุ่นขุนพลไว้ได้ 2-3 ก้อนและผลึกราชาหุ่นไว้ ผลึกเวทเกินกว่าร้อยจากทหารหุ่น, อีกาไฟและคลื่นยักษ์ถูก “โลก” นี้ดูดกลืนไปหมด พวกมันมีขนาดเล็กลงๆ และกลายเป็นขี้เถ้าหายไปในที่สุด อักษรรูนที่เป็นเครื่องหมายถึงไฟและน้ำบนคัมภีร์เย่ว์หยางส่องแสงสว่างเหมือนกับว่ามันได้รับพลังงานมหาศาล คัมภีร์ส่องประกายสีทองขณะที่ “โลก” อสูรรูปแบบพิเศษยกระดับเป็นอสูรแพลตตินัมระดับ 2 ทันที
แสงของวงแหวน “โลก” ขยายออกไปเล็กน้อย และมีอักษรรูน “โลหะ” เพิ่มขึ้นมาอีกรวมกับอักษรรูนสวรรค์อีกสี่ก่อนหน้านั้น
ดูเหมือนหลังจากย่อยสลายผลึกเวทของทหารหุ่น 500 ตน มันก็ได้รับคุณสมบัติ “โลหะ” เพียงแต่เย่ว์หยางรู้สึกว่าอักษรรูน “โลหะ” อ่อนที่สุดในบรรดาอักษรรูน เพราะมันเปล่งแสงสลัวๆ เท่านั้น
นางพญากระหายเลือดหง พุ่งลงมาที่พื้นราวกับลูกธนู ทันทีที่นางเข้าไปในพื้นที่ซึ่ง “โลก” ส่งผล นางก็หายไปทันที
เย่ว์หยางสะดุ้งโหยง
“โลก” นี้ ดูดกลืนนางพญากระหายเลือดโดยไม่บอกเขาด้วยอย่างนั้นหรือ?
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ นางพญากระหายเลือดหง ก็บินออกมาอีกครั้ง และบอกเย่ว์หยางด้วยความตื่นเต้นว่า “งดงามนัก, มันคือโลก…โลกใหม่ นี่คือประตู, ประตูที่เชื่อมกับโลกภายใน” หลังจากนางพญากระหายเลือดอธิบายอย่างตื่นเต้นแล้ว แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่เข้าใจเต็มที่ แต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจบางส่วน ในคัมภีร์ทองนี้ โลกใหม่ถูกสร้างขึ้น มีโลกที่สวยงามอยู่ภายใน เหมาะที่นางพญากระหายเลือดและอสูรอื่นๆ จะอยู่ข้างใน สำหรับโลกภายในคัมภีร์เทพฤทธิ์ที่มีระดับสูงเกินไป นางพญากระหายเลือดและอสูรอื่นไม่สามารถเข้าออกได้ตามใจตนเอง ทำได้เพียงเข้าออกด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเหวินหลี
ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากมีพลังอ่อนด้อย นางรู้สึกว่าตัวเองด้อยจริงๆ ที่อยู่ภายในสถานที่ระดับสูงอย่างนั้น นางควรจะย้ายกลับมาอยู่ในคัมภีร์ทองมากกว่า
ประกายสีทองสว่างวาบขึ้นขณะที่คัมภีร์ทองพลิกเปลี่ยนหน้าเอง
แน่นอนว่านางพญากระหายเลือดหง ย้ายกลับมาอยู่ในคัมภีร์ทอง
ตั๊กแตนมรณะดูเหมือนมีความสุขมาก มันไม่มีคุณสมบัติเข้าไปอยู่ในโลกภายในคัมภีร์เทพฤทธิ์ แต่ตอนนี้ ภายในคัมภีร์ทอง มันมีความพอใจมาก สำหรับปีศาจดอกหนาม นางก็กลับเข้าไปข้างใน มีเพียงเสี่ยวเหวินหลีที่ไม่ได้ทำอะไร ดูเหมือนเธอพอใจจะอยู่ในโลกคัมภีร์เทพฤทธิ์และคุ้นเคยกับมันแล้วด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่ตั้งใจจะย้ายกลับเข้าไปในโลกใหม่
“ทำไมข้าถึงเข้าไปข้างในไม่ได้?” เย่ว์หยางพูดไม่ออก เขาเป็นเจ้าของแท้ๆ แต่ก็ยังเข้าโลกภายในคัมภีร์ไม่ได้ น่าเสียดายมิใช่หรือ?
อย่าว่าแต่เข้าไปในคัมภีร์เทพฤทธิ์เลย แค่เปิด เขาก็ยังเปิดไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่เขาสามารถเปิดคัมภีร์ทองของเขาได้!
เมื่อเย่ว์หยางกำลังบ่นพึมพำข้อเรียกร้องของเขาดังๆ พอบอกว่าเขาต้องการเข้าไปในโลกใหม่ในคัมภีร์ของเขา ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าวงแหวนแสง “โลก” ต่อต้านความประสงค์ของเขาเหมือนกับว่ามันพยายามห้ามไม่ให้เจ้านายเข้าไป
เป็นไปได้หรือนี่ที่เขาจำเป็นต้องขออนุญาตเข้า?
วงแหวนแสงนี้มีความตระหนักรู้เองหรือ?
เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจได้แม้แต่น้อย
“ต้องเป็นระดับสูง ถึงจะปลอดภัย ถ้าท่านยกระดับจนถึงระดับสูง โลกภายในยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ภายในจึงยังยุ่งเหยิงอยู่มาก” นางพญากระหายเลือดหง อธิบายว่าโลกในคัมภีร์ยังไม่เหมาะที่เย่ว์หยางจะเข้าไปอยู่ในเวลานี้
“อืนน!” เสี่ยวเหวินหลีพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากอธิบายแล้ว ในที่สุดเย่ว์หยางก็เข้าใจว่าโลกภายในยังคงไม่สมบูรณ์ บางทียังไม่มีอากาศหรืออากาศเบาบางมาก หรือโลกอาจจะยังอยู่ในความยุ่งเหยิง นั่นคือเหตุผลที่การขอเข้าของเขาถูก “โลก” ปฏิเสธ “โลก” นี้เหมือนประตูนำเข้าไปสู่โลกในคัมภีร์ทอง ทำหน้าที่รับผิดชอบเป็นทางเข้า-ออกของที่อยู่อาศัยในโลกภายใน มันไม่ได้มีความตระหนักรู้แต่อย่างใด แต่ความคงอยู่ของมันก็เหมือนกฎชนิดหนึ่ง ใครก็ตามที่ไม่มีคุณสมบัติก็ไม่สามารถเข้าไปได้ แม้แต่เจ้านายของมันก็ไม่ยกเว้น
เขาแค่จำเป็นต้องยกระดับคัมภีร์ทองให้อยู่ในขั้นสูง
เย่ว์หยางดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาได้รับอสูรชนิดใหม่ ยกระดับทักษะเก่าและโลกใหม่ที่เขาสามารถย้ายเข้าไปได้เมื่อพร้อม
ถ้ามีคนสามารถอาศัยอยู่ในโลกคัมภีร์ทองได้ เขาก็จะเชิญสาวๆ เข้าไปได้ในอนาคต วิธีนี้ เขาคงไม่จำเป็นต้องแยกจากพวกนาง เขาสามารถกลับไปอยู่กับพวกนางเมื่อใดก็ได้ เขาสามารถถามความคิดเห็นพวกนางถ้าเขาเผชิญกับปัญหาเมื่อใดก็ได้ จะได้ไม่ต้องแยกจากกันเหมือนอย่างตอนนี้
ที่สำคัญที่สุด พวกนางคงจะปลอดภัยมากอยู่ภายในโลกคัมภีร์ทอง
ตราบใดที่เขายังมีชีวิต พวกนางก็จะปลอดภัย
เย่ว์หยางยังคงงุนงงอยู่เรื่องหนึ่ง.. ตอนนี้, โลกภายนอกคัมภีร์ก็คืออสูรของเขา เป็นไปได้ไหมว่าโลกภายในคัมภีร์ทองก็คือสัตว์อสูรของเขาเช่นกัน? พวกมันเป็นร่างเดียวกันหรือแยกจากกัน? เป็นไปได้ไหมโลกด้านนอกเป็นตัวแทนของโลกภายใน? เย่ว์หยางไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ และเขาคร้านที่จะคิดมาก เขามีของหลายอย่างที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้
เขาเห็นว่าระดับของเขาเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
นักสู้ระดับ 4 (ยอดฝีมือ) ยกจากระดับ 3 (วีรบุรุษ) ขอให้ท่านก้าวสู่เส้นทางที่แข็งแกร่งต่อไป อย่างไรก็ตาม ท่านไม่ควรผยองเกินไป เพราะท่านเพียงก้าวสู่ขั้นตอนแรก
คำอธิบายระดับนี้ไม่แตกต่างจากระดับ 4 โดยทั่วไป สิ่งที่แตกต่างกันเพียงประการเดียวก็คือ เย่ว์หยางมีคำว่า “ก่อกำเนิด” อยู่ข้างหลังคำว่านักสู้ระดับ 4 ของเขา เขียนด้วยตัวยหนังสือสีทองเข้ม
เทียบกับครั้งล่าสุด คำว่า “ก่อกำเนิด” สีทองเข้ม ดูเหมือนว่าจะแตกต่างเล็กน้อย
คำพูดเหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างกันก็คือองค์ประกอบที่มีอักษรรูนสวรรค์อยู่ภายใน อักษรรูนสวรรค์ข้างในมีการเคลื่อนไหวก่อตัวจัดเรียงในรูปแบบไม่มีสิ้นสุด อย่างไรก็ตาม ลักษณะของคำว่า “ก่อกำเนิด” ยังคงเหมือนกัน
ถ้าไม่มองดูใกล้ๆ พวกเขาคงคิดเพียงว่าเป็นคำสะท้อนแสงสีทองเข้มริบหรี่
ที่หน้าประตูเทเลพอร์ตเทวสถานมนุษย์ มีรูปปั้นราชายักษ์รูปหนึ่ง
รูปปั้นราชายักษ์นี้ใหญ่และดูทรงพลังมาก เขาสวมมงกุฎและมือข้างหนึ่งถือดาบ มืออีกข้างหนึ่งเหยียดออก เหมือนกับว่าเขาผ่านการตัดสินอย่างกล้าหาญ
เย่ว์หยางล้วงบัตรแก้วของเขาออกมาและวางลงบนมือของรูปปั้น เย่ว์หยางแค่ต้องการรับรางวัลสำหรับการผ่านด่านได้ โดยคาดไม่ถึง ทันทีที่เขาแปะบัตรเข้ากับรูปปั้น รูปปั้นราชายักษ์ก็แตกเป็นเสี่ยงทันที เย่ว์หยางต้องคุ้ยหาดูในเศษซากเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะพบมุกดำในที่สุด พอใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดู เขาก็แทบสลบ
มุกจอมราชันย์ (ปลอม) : ผู้ใช้สามารถใช้พลังของราชันย์มนุษย์เป็นเวลาสิบวินาที ข้อจำกัดคือใช้ได้เพียงครั้งเดียว
เขาอยากจะกระอักโลหิตจริงๆ ไม่เพียงแต่เป็นของใช้สิ้นเปลืองหมดแล้วหมดเลยเท่านั้น แต่มันยังถูกบ่งบอกด้วยว่าปลอม
เข้าทำงานหนักกว่าจะผ่านด่านได้ แต่สิ่งที่ได้รับมาเป็นเพียงของปลอม เย่ว์หยางพูดไม่ออกเลยจริงๆ
โชคดีที่เขาได้รับรางวัลดีๆ ตอนยกระดับ หรือไม่ก็ทำให้เขารู้สึกหดหู่จริงๆ ถ้าเป็นคนอื่นที่ผ่านด่านได้หลังจากหนีตายได้หวุดหวิด คงจะแปลกล่ะถ้าพวกเขาไม่ร้องไห้ดังๆ หากรางวัลผ่านด่านที่ได้มาคือมุกจอมราชันย์ปลอม มิน่าเล่าถึงไม่ค่อยมีคนท้าทายเทวสถานสามโลก ถ้ารางวัลที่ให้น้อยเกินไป คงมีแต่พวกที่ชอบทรมานตัวเองถึงจะมาท้าทายผ่านด่านนี้
หากเย่ว์หยางรู้เร็วกว่านี้ เขาคงไม่มาแน่นอน
แน่นอนว่าได้รับมุกจอมราชันย์ปลอมไม่ใช่เป้าหมายของเขา แรงขับเคลื่อนหลักของเขาก็คือเพื่อยกระดับคัมภีร์ของเขาและรับรางวัลจากรหัสโบราณ
ตราบใดที่เขาสามารถยกระดับคัมภีร์ทองขึ้นเป็นคัมภีร์ทองระดับสูง เขาก็สามารถเข้าไปในโลกใหม่ได้
เย่ว์หยางเดาะมุกจอมราชันย์ขึ้นลงขณะที่เทเลพอร์ตเข้าไปที่เทวสถานดิน
เขาเริ่มคิดว่าด่านของเทวสถานมนุษย์ไม่ธรรดามากพอแล้ว ทว่าเทียบกับเทวสถานดินยังไม่คุ้มกับการกล่าวเลย
ข้างหน้าเย่ว์หยาง มีปีศาจพายุ 300, เสือดาวสายฟ้า 300 และสิงโตเพลิง 300 กำลังพุ่งตรงมาหาเขา พวกมันมีขนาดและความสามารถแตกต่าง แต่พวกมันทั้งหมดเป็นอสูรเงินระดับ 5
มีแม้กระทั่งจ้าวสุนัขป่าชั้นเงินระดับ 8 30 ตัว และจ้าวราชสีห์อสูรเงินระดับ 8 อีก 300 ตัว
ในท้องฟ้า อินทรียักษ์บินวนอยู่เหนือเขา ไกลออกไปเป็นทะเลสาบ เป็นทะเลสาบที่มีจระเข้ลอยอยู่บนผิวน้ำ พวกมันเป็นอสูรเงินระดับ 5 … อสูรของเทวสถานดิน ไม่เพียงแต่มีระดับที่สูงกว่าเทวสถานมนุษย์เท่านั้น พวกมันยังมีจำนวนมากกว่า นอกจากเย่ว์หยางไม่มีทางที่นักรบอื่นที่มีระดับต่ำกว่า 6 (ปรมาจารย์) จะรับมือสถานการณ์แบบนี้ได้ นอกจากถูกกำจัดแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้อย่างอื่นแน่นอน
ที่แตกต่างจากเทวสถานมนุษย์ ก็คือ นักรบทั้งหมด ไม่ว่าต้องการจะหลบหนีหรือจะผ่านด่านให้ได้ ทุกคนต้องดำน้ำลงไปใต้ทะเลสาบเพื่อออกจากเทวสถาน
ด้วยสัตว์ประหลาดจำนวนเกินพันโจมตีใส่เขา แม้ว่านักรบจะไปถึงทะเลสาบได้ เขาจะสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของจรเข้ทะเลสาบได้หรือ?
ยิ่งกว่านั้น อินทรียักษ์ในท้องฟ้าจะโฉบลงมาโจมตีเมื่อไหร่ก็ได้ เย่ว์หยางสบถในใจ “เจ้าบ้าที่ไหนกันสร้างภารกิจบ้าๆ แบบนี้? อย่าว่าแต่ความจริงที่ว่ามันยากมากและว่าตัวหัวหน้าก็แข็งแกร่งสุดๆ แม้แต่การให้รางวัลก็ยังขี้ตืดอีก, มุกจอมราชันย์ปลอมอย่างงี้ ข้าอยากจะส่งเรื่องร้องเรียนจริงๆ”
แม้ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวเหวินหลีและอื่นๆ ก็ยังยากที่เขาจะผ่านด่านได้
สัตว์ประหลาดไม่ใช่อสูรหุ่น
อสูรหุ่นไม่มีปัญญา แม้ว่าพวกมันจะมีพลังป้องกันที่ดี แต่ความคล่องตัว, ความสามารถและพลังแต่ก็ไม่ใกล้เคียงสัตว์อสูรในที่ไหนๆ
โคเงาอาหมันสู้จนกระทั่งตัวของนางเต็มไปด้วยเลือด ตั๊กแตนมรณะก็ยังเหนื่อยจัดจนเคียวของมันสั่น นางพญากระหายเลือดหอบหายใจอย่างอ่อนแรง มีเพียงเสี่ยวเหวินหลีผู้แข็งแกร่งมากที่ยังสงบอยู่ได้ ฉลามเสือทองได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งแรก มันฆ่าจระเข้ตายเป็นสิบอย่างกล้าหาญ แต่เนื่องจากจระเข้มีมากเกินไป มันจึงเกือบถูกรุมฆ่าตาย โชคดีที่นายของมัน เมดูซ่าศิลาช่วยไว้ทันเวลา
เงือกวายุเรียกพายุและน้ำท่วมเทวสถานโลก
นาคาสายฟ้าเรียกสายฟ้าโจมตีใส่จ้าวหมาป่าและสิงโตยักษ์ เอาชนะฝูงหมาป่าและสิงโตได้
พอเพิ่มเงาปีศาจลงไป อาหมันย่ำน้ำลึกเพียงเข่าและสังหารหมาป่าและสิงโตที่สูญเสียความสามารถในการวิ่งหนี เลือดจากการสังหารย้อมน้ำเป็นสีแดง
เมื่ออาหมันฆ่าหมาป่าปีศาจพายุด้วยมือนางและกลับมาหาเย่ว์หยาง คัมภีร์ทองของเย่ว์หยางก็ยกระดับ
จากคัมภีร์ทองระดับเริ่มต้น มันยกขึ้นเป็นระดับกลาง
อย่างไรก็ตาม กำไรที่มากที่สุดซึ่งเขาได้รับ ไม่ใช่การยกระดับของคัมภีร์ แต่.. เย่ว์หยางตระหนักได้ในที่สุดว่า มันคือความปรารถนามาทั้งชีวิตของเขา หลังจากผ่านการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน และกินศัตรูนับไม่ถ้วน ปีศาจดอกหนามก็ยกระดับได้ในที่สุด และวิวัฒนาการเป็นนางพญาดอกหนามมงกุฏทองที่เย่ว์หยางคาดหวังมานาน พอมองดูร่างของนางซึ่งถูกแสงสีเขียวโอบล้อม กำลังลอยขึ้นในท้องฟ้า เย่ว์หยางเป็นผู้ยกระดับมันอย่างโดดเดี่ยว เดียวดายมาตลอดมีความรู้สึกที่ยากจะพรรณนาได้
หลังจากอบรมบ่มเพาะมาหนึ่งปี เขาก็ทำสำเร็จจนได้
****************