===============
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลนลานและต้องการจะเลี่ยงเขา แต่เย่ว์หยางไวมาก แม้ว่านางพยายามขยับหน้าหลบ แต่นางก็ยังถูกเขาจูบในที่สุด
ความจริงองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รู้สึกอ่อนไหวที่ถูกจูบ เพราะนางดิ้นรนแข็งขืนให้ตัวหลุดได้ทันที
“เจ้าจะหาเรื่องโดนทุบตีหรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเงื้อกำปั้นเตรียมจะทุบเขา แต่นางรู้สึกอ่อนใจมากกว่า ถ้าเขากอดนางอีกครั้ง นางอาจจะยอมเขาก็ได้ อย่างนี้ก็แย่แน่ นางเป็นองค์หญิงจะต้องเกิดเหตุการณ์ท้องก่อนแต่งจริงๆ หรือ? องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลนลานมาก หัวใจเต้นรัวเร็ว ทั้งที่หน้ายังแดงนางผลักเย่ว์หยางออกห่างและพูด “อย่ามาใกล้ข้านะ หรือจะให้ข้าโกรธจริงๆ! ไปอาบน้ำ! ข้าไม่เคยพบเด็กหยาบคายอย่างเจ้ามาก่อนเลย..”
“เฮ้อ..” เย่ว์หยางรู้ว่าเขาคงไม่สามารถเอาเปรียบนางได้ หากเขาใจร้อนเกินไป แม่เสือสาวนี่คงไม่หนีเขาไปไหนแล้ว อย่างนั้นเขาค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า
เขายิ้มพอใจตัวเองจากนั้นหันกายจากไป
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทั้งโกรธทั้งสับสนในเวลาเดียวกัน นางอยากจะเตะเขาจริงๆ
อย่างไรก็ตาม นางเกรงว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นเหมือนตอนนั้นในทะเลสาบเทียมเมฆ ที่ซึ่งนางถูกเขาจับขาเมื่อนางพยายามจะเตะเขา จากนั้นเขาผลักนางลงและกดร่างเขาทับตัวนาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนึกตอนที่กางเกงนางขาดในวันนั้น บางทีเจ้าเด็กนั่นเห็นจุดลี้ลับของนางแล้ว ทันใดนั้นนางยิ่งอายมากกว่าเดิม แม้แต่หูก็กลายเป็นสีแดง
หลังจากผ่านไปนาน นางจึงเรียกความรู้สึกกลับมาได้
พอลูบริมฝีปาก นางจำได้ว่าเย่ว์หยางเพิ่งแอบจูบนาง
ความรู้สึกถูกบังคับจูบเป็นความรู้สึกที่แปลกอย่างหนึ่ง เป็นความรู้สึกที่ยากจะพรรณนา เสียดายที่ว่าเกิดเร็วเกินไปบ้าง ตอนนั้นนางยังรู้สึกไม่ชัดเจน
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดถึงอีกครั้ง หน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีก ขณะที่นางแอบดุตัวเอง
ยัยโง่, เจ้าปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นเอาเปรียบเจ้า แล้วเจ้ายังเก็บมาคิดว่าน่าเสียดายที่รู้สึกได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่อีกหรือ!
นางตัดสินใจลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องจูบ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแสริมเสื้อผ้าอีก เกรงว่าสาวๆ อื่น จะออกมาและพบสิ่งผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับนาง หลังจากเสร็จแล้ว นางลูบก้นนางเล็กน้อย เมื่อตอนที่นางดิ้นรนรุนแรง นางรู้สึกว่ามีอะไรแข็งๆ อยู่ที่ก้นนาง ต้องเป็น “ของนั้น” ของเจ้าเด็กนั่นแน่ เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจำได้ว่านางเคยเห็นของเขามาแล้ว 2-3 ครั้ง หน้าของนางแดงอีกครั้งทันที
เจ้าเด็กนั่นมีพลังความต้องการที่กล้าแข็งและมากพอที่จะไล่กวดพวกนางได้ ดูเหมือนนางคงตกอยู่ในอันตรายจริงๆ เสียแล้ว
ถ้าแค่พระบิดาผู้เฒ่าของนางกลับมา มิฉะนั้นนางจะบังคับให้เย่ว์หยางคุยกับท่าน อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถแอบแต่งงานกันได้ ถ้านางไม่มีสถานะอะไร แล้วถูกกินไข่แดงและกลายเป็นเจ้าหญิงใจแตก แล้วจะไม่น่าอายจริงๆ หรือ? ยิ่งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิด นางก็ยิ่งกังวลมากขึ้น นางต้องการไปตรวจดูว่าเย่ว์หยางอาบน้ำเสร็จหรือยัง แต่นางเกรงว่าเขาจะเข้าใจผิดและคิดว่านางพยายามแอบดูเขา
เมื่อเย่ว์หยางกลับมาจากอาบน้ำ ร่างของเขาเต็มไปด้วยไอน้ำ
แต่เขาไม่ได้หยอกล้อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอีกต่อไป ทำท่าเหมือนกับว่า “ข้าคือสุภาพบุรุษเสียเต็มประดา”
แน่นอนว่า ยิ่งเย่ว์หยางประพฤติตัวลักษณะนี้ ก็ยิ่งทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกังวลมากขึ้น
เขาจูบนางไปแล้ว ทำไมถึงจะยังมาจับมือถือแขนตอนนี้อีกเล่า?
โล่วฮัว, อู๋เสียและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ นางคงจะเปลืองเรี่ยวแรง ถ้านางพยายามจะประลองเรี่ยวแรงกับเจ้าเด็กไร้ยางอายนี่
เมื่อพวกเขาเริ่มฝึก องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนค่อยๆ สงบจิตใจและเริ่มจดจ่ออยู่กับกับการฝึก ความเข้ากันได้ของพวกเขายังน้อยกว่าที่เย่ว์หยางฝึกเข้าขากันดีกับเสวี่ยอู๋เสีย
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตระหนักว่าเหตุผลที่นางไม่สามารถฝึกได้สอดคล้องกับเย่ว์หยางเมื่อก่อนนั้น เป็นเพราะนางยังสงวนพื้นที่ในจิตใจ ตอนนี้สาวๆ ไปกันหมดแล้วและที่นี่มีพวกเขาเพียงสองคน นางจึงสบายใจ การฝึกของพวกเขาดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก เหมือนกับว่าพวกเขารวมร่างเป็นหนึ่งเดียว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีความสุขใจเมื่อนางพบว่าการฝึกร่วมกันของพวกเขาเป็นไปได้ด้วยดี ถ้าไม่ใช่เพราะเสวี่ยอู๋เสีย นางอาจเป็นคู่หูที่ดีที่สุดของเย่ว์หยางก็ได้ เพราะการฝึกผสานกายของพวกเขาทำกันได้ดี องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจึงยอมรับเย่ว์หยางมากขึ้น นางเพ่งจิตอยู่กับเขาปล่อยให้ปราณก่อกำเนิดของเขาโคจรผ่านร่างไปตามแนวชีพจรโดยไม่ติดขัด
เมื่อเส้นชีพจรของนางไม่ถูกขัดขวาง นางรู้สึกถึงความเจ็บปวดบางอย่าง
แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชอบความรู้สึกที่เจ็บปวดจริงๆ นางไม่สนใจความเจ็บปวด เพราะนางมีความสุขกับความอ่อนโยนนุ่มนวลของเย่ว์หยาง
นั่นก็ถูกแล้ว เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม เหมือนกับเมื่อตอนนางยังเด็ก นางล้มลงบนพื้นระหว่างฝึกดาบและได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นนางจึงร้องไห้
จากนั้น พระบิดานางเห็นนางจึงค่อยลูบศีรษะนาง เช็ดน้ำตาให้นาง ทั้งสองไม่เคยพูดคำว่ารักเลย แต่ทั้งสองก็ยังภูมิใจมากกับเรื่องนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะรักนางมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่เคยพูดออกมา นางจำได้ว่าพระบิดานางพูดเช่นนี้กับนางมาก่อน “แม้ว่าเจ้าโตขึ้น หากเจ้าไม่เรียนรู้วิธีดูแลตัวเอง อย่าว่าแต่คนอื่นเลย เจ้าต้องหาบุรุษผู้รู้วิธีดูแลเจ้าสักคน เขาอาจจะหวงแหนเจ้ามากกว่า เขาอาจจะรู้วิธีให้ความอบอุ่นเจ้าและเอาใจเจ้า แต่ก็ไม่เป็นไร ตราบเท่าที่เขามีเจ้าอยู่ในใจ และพยายามลอบปกป้องเจ้าเสมอ นั่นก็นับว่าดีแล้ว”
เย่ว์หยางตัวร้าย อาจเป็นบุรุษที่บิดานางเคยบอกนางมาก่อน
เขาไม่พูดจาภาษาดอกไม้เพื่อหวังประจบนาง แต่นางรู้ว่าเขามีนางในหัวใจ แม้ว่านางจะซุ่มซ่ามและไม่รู้วิธีตอบสนองเขา ตอนนี้ เขาอยู่เคียงข้างนาง เหมือนกับที่พระบิดาของนางเคยบอกสอนนางในอดีต
หลังจากนางเติบโตขึ้น รูปลักษณ์ที่รักของพระบิดานางเริ่มจางหายไป
กลับเป็นรูปลักษณ์ของเย่ว์หยางมาแทนที่ เย่ว์หยางคือสายใยที่นางไม่สามารถตัดได้ และเป็นความยุ่งเหยิงที่นางคงไม่สามารถเลิกได้ตลอดชีวิต
เมื่อพวกเขากำลังฝึก เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก เพียงชั่วครู่ก็ผ่านไปถึงหกชั่วโมงแล้ว เจ้าเมืองโล่วฮัวและคนอื่นๆ กำลังหิว ดังนั้นพวกนางจึงออกมาจากโลกในคัมภีร์โดยเสี่ยวเหวินหลีเป็นผู้นำ เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นสายตาที่เจ้าเมืองโล่วฮัวมองนางทั้งรอยยิ้มแปลกๆ หน้าของนางกลับแดงอีกครั้งทันที ตอนแรกพวกนางเห็นด้วยที่จะฝึกสามชั่วโมงแล้วจากนั้นก็เป็นเจ้าเมืองโล่วฮัว แต่นางลืมเวลาสิ้นเชิง แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ถือสาแม้แต่น้อย นางกลับตามเย่ว์หวี่เข้าครัวและเรียนรู้วิธีทำครัวจากนาง โล่วฮัวตั้งใจทำอาหารมื้อค่ำแสนอร่อยให้เย่ว์หยาง
ในบรรดาสาวๆ เย่ว์หวี่ทำอาหารอร่อยที่สุด เสวี่ยอู๋เสียผู้สามารถทำอะไรได้ทุกอย่างภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ก็ยังทำได้ไม่เลว ที่ดีเป็นอันดับสามก็คือหญิงงามอู๋เหิน
หญิงงามอู๋เหินมีฝีมือปรุงอาหารที่ดีและดีขึ้นทั้งก่อนและหลังจากเป็นภรรยาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่นางกลายเป็นภรรยาของเย่ว์หยางแล้ว ฝีมือปรุงอาหารของนางดีขึ้นแบบก้าวกระโดดโดยมิได้ตั้งใจ นางกลายเป็นคนที่ชอบทำอาหารมากขึ้น ก่อนนั้นนางค่อนข้างจะกินอาหารเรียบง่ายและใช้เวลาส่วนใหญ่ศึกษาภาษารูน แต่ตอนนี้กลับตรงกันข้าม
เจ้าเมืองโล่วฮัวและอี้หนานสามารถทำอาหารประเภทง่ายๆ ได้ พอกินได้ แต่ยังห่างไกลจากคำว่าอร่อย
สำหรับเย่ว์ปิง นางปรุงอาหารไม่เป็นแม้แต่น้อย แต่ถ้าให้เป็นลูกมือช่วยล้างผักหรืออื่นๆ ย่อมไม่มีปัญหา
บรรดาสาวๆ มีเพียงคนเดียวที่ทำอาหารไม่เป็นเลย ไม่เคยย่างเท้าเข้าครัว กินเป็นอย่างเดียวก็คือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ตั้งแต่อายุน้อยๆ จุนอู๋โหย่วฝึกฝนนางอย่างเคร่งครัดเหมือนกับว่านางเป็นบุรุษ เขายังคิดฝึกให้นางได้เป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป นางไม่เคยกังวลเรื่องอาหารของนาง แม้เมื่อนางจะออกไปฝึก เย่ว์หวี่มักจะมาพร้อมกับนางเสมอ ดังนั้นนางจึงไม่เคยปรุงอาหารเองเลยสักครั้งในชีวิต
“ข้าก็จะไปช่วยด้วย!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกเสียใจ ถ้าพวกสาวๆ ไม่มาทำอาหารค่ำเพราะพวกนางหิว นางคงจะฝึกผสานกายกับเย่ว์หยางต่อไป อย่างไรก็ตาม เพื่อแสดงให้สาวๆ รู้ว่า นางไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ กับเย่ว์หยางเลย นางจึงตัดสินใจหลบหน้าเขาและเข้าไปช่วยทำครัว
“อย่าเลย, คนอื่นๆ จะท้องเสียเพราะอาหารที่เจ้าปรุงได้” เย่ว์หยางตกใจเมื่อเขาได้ยินนางพูด เขารีบห้ามนางทันที
“เจ้าพูดว่าไงนะ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแหวใส่ แม้ว่านางจะปรุงอาหารไม่เป็น แต่อาหารของนางไม่ได้ใส่ยาพิษสักหน่อย เขากล้าดียังไงมาดูถูกนาง?
“เชี่ยนเชี่ยน, อย่าห่วงไปเลยถ้าเจ้าต้องการเรียน เอาไว้ครั้งต่อไปเป็นไง? วันนี้ให้ข้าทำอาหารให้ก่อน” เย่ว์หวี่รีบช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ให้น้องชายนาง ขณะที่เจ้าเมืองโล่วฮัวลอบหัวเราะคิกคัก นางเองก็ยังปรุงได้ไม่ดีนัก แต่ก็ไม่มีปัญหาถ้าจะทำให้พอกินได้ แม้ว่าจะยังไม่ถึงกับอร่อยจริงๆ อย่างน้อยก็คงไม่ถึงกับทำให้ใครป่วย พอเห็นเจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะคิกคัก องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลับอ่อนอกอ่อนใจยิ่งขึ้น แม้ว่าพวกนางจะเป็นสตรี แต่ทักษะปรุงอาหารของนางย่ำแย่ได้อย่างไร?
ไม่ใช่ว่านางไม่เคยลองทำมาก่อน แต่อาหารของนางมักลงเอยด้วยไหม้บ้าง, ปรุงไม่สุกบ้าง
นางไม่มีความสามารถด้านนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว และนางก็ไม่สนใจทำด้วยเช่นกัน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยอมแพ้ที่แสวงหาความก้าวหน้าทักษะปรุงอาหารของนางมาตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกหงุดหงิดเมื่อได้ยินเย่ว์หยางวิจารณ์ ครั้งหนึ่งมีผู้รู้กล่าวไว้ว่า “วิธีเข้าถึงหัวใจบุรุษก็โดยผ่านท้องของเขา” นางไม่ควรล้มเหลวในด้านนี้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ยืนยันว่าจะต้องไปครัวเพื่อปรุงอาหารเป็นการส่วนตัว แต่นางเปลี่ยนความรู้สึกต่อการปรุงอาหาร
นางตัดสินใจฝึกตนเองหนักเป็นการลับ สักวันนางจะทำบางอย่างที่ทำให้เย่ว์หยางไม่สามารถอดทนได้และสวาปามจนได้
หลังจากเย่ว์หยางกลับมา สาวๆ ก็หันกลับไปปฏิบัติตามตารางปกติ
ทุกคนให้ความสำคัญกับการฝึกกับเย่ว์หยางทุกวัน ถ้าพวกนางมีเวลา พวกนางจะเข้าไปในโลกคัมภีร์และสร้างบ้านของพวกนางกันต่อ ทุกๆ วันองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวจะใช้เวลากับเย่ว์หยางเกือบหมด แต่ละนางใช้เวลาห้าชั่วโมง ทั้งนี้เพราะยิ่งพวกนางฝึกนานเข้า ก็เข้ากันได้ดีขึ้นและมีผลทำให้การฝึกผสานกายทำได้ดียิ่งขึ้น นี่ทำให้ความสามารถของพวกนางรุดหน้ายิ่งขึ้นในแต่ละวัน เห็นผลได้ในแต่ละวันทีเดียว
ในวันที่ห้า อสูรพิทักษ์ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน พยัคฆ์ขาวได้ยกระดับขึ้น มันแสดงศักยภาพของอสูรระดับเพชรอย่างเลือนลางทั้งที่มันเป็นระดับแพลตตินัม
ช่วงที่พยัคฆ์ขาวของเชี่ยนเชี่ยนซึ่งแบ่งร่างกับนางกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ นางก็จะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
เจ้าเมืองโล่วฮัวช้ากว่าเล็กน้อย ในวันที่เก้า ภูตแสงอุษา อสูรพิทักษ์ของเจ้าเมืองโล่วฮัวก็ยกระดับได้ในที่สุด ด้วยความช่วยเหลือโดยใช้ปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยาง, น้ำทิพย์, น้ำแห่งชีวิต แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี ทั้งหมดนี้เป็นสมบัติหายากในโลก มันยกระดับจากอสูรทองระดับ 5 เป็นแพลตตินัมระดับ 4 แสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัวแตกต่างจกพยัคฆ์ขาวขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนก่อนที่จะยกระดับอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงมีจิ้งจอกหิมะสามหางที่ยกระดับเป็นอสูรแพลตตินัมระดับ 3 ด้วยความช่วยเหลือจากเพลิงอมฤตของเย่ว์หยาง, อักษรรูนสวรรค์และมุกขาวของหัวหน้ามนุษย์วิหค
แม้ว่ามันจะยังไม่ได้รับปัญญา แต่จิ้งจอกหิมะสามหางมีปัญญาฉลาดอยู่แล้ว ในบรรดาอสูรที่ไม่ใช่ร่างมนุษย์ ความฉลาดของมันอาจสูงกว่าฮุยไท่หลางด้วยซ้ำ
“นางจะกลายเป็นสาวจิ้งจอกในที่สุดหรือเปล่า?” เย่ว์หยางไม่อาจแน่ใจได้ แต่เขาตระหนักว่าจิ้งจอกหิมะสามหางจะมีวิวัฒนาการที่แตกต่างจากฮุยไท่หลาง
ฮุยไท่หลางก็เหมือนเจ้านายของมัน มีข้อยกเว้นที่แปลกแตกต่างจากคนอื่นเสมอ
ดูเหมือนมันจะไม่มีร่างเป็นมนุษย์ แม้ว่ามันจะวิวัฒนาการไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
จิ้งจอกหิมะสามหาง ตรงกันข้าม จะค่อยๆ วิวัฒนาการจนมีลักษณะของมนุษย์
เย่ว์หยางลอบหลั่งเหงื่อ จิ้งจอกหิมะสามหางนี้คงจะไม่เจ้าเสน่ห์เหมือนกับต๋าจี่ผู้ทำลายได้ทั้งอาณาจักรได้หรอกนะ?
หลังจากฝึกฝนผสานกายได้สิบวัน เย่ว์หยางก็ฝึกเข้ากันได้ดีกับโล่วฮัวและเชี่ยนเชี่ยนมีฝีมืดรุดหน้าไปมาก เกี่ยวกับความรู้สึก ก็มีความเชื่อมโยงมากขึ้นสม่ำเสมอทุกวัน บางทีพวกนางก็เริ่มยอมรับการกอดโดยมิได้ตั้งใจ แม้ว่าพวกนางจะใช้การฝึกผสานกายเป็นเหตุผลข้ออ้างในการกอด แต่บางครั้งก็มีการสัมผัสเสียดสีกันบ้าง พวกนางก็ได้แต่อาย แต่ว่าไม่โกรธกัน เกือบทั้งหมดทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
บางครั้ง พวกนางก็เหน็ดเหนื่อยจากการฝึกจนหลับไปในอ้อมกอดของเขาก็มี แทนที่จะกลับไปพักยังห้องของตน
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ฉวยโอกาสจากสถานการณ์เอาเปรียบนาง แต่ทั้งสองนางยอมรับชะตาของนางกับบุรุษผู้นี้ซึ่งถูกลิขิตมาให้เป็นนักล่าโดยธรรมชาติ พวกนางไม่ต่อต้านเขาเมื่อเขาแอบจูบหรือพยายามแตะต้องส่วนต่างๆ ของร่างกายทันที แต่พวกนางยังสงวนป้อมปราการสุดท้ายไว้เหนียวแน่น
เย่ว์หยางไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย แทนที่จะบังคับแข็งขืนพวกนาง ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกระแสเล่า?
สักวัน อาจบางทีในอนาคตไม่ช้านี้ อาจมีปัจจัยภายนอกสักอย่างที่จะช่วยให้เขาเอาชนะอุปสรรคในใจพวกนางได้
“สาวอกโตของเจ้าส่งข่าวมาแล้ว นางนัดพบเจ้าที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ตอนสายวันพรุ่งนี้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนออกจากสวนดอกไม้น้อยไปนานสองชั่วโมงเพื่อถามข่าวคราวพระบิดาของนาง โดยมิได้คาดคิด นางไม่ได้รับข่าวของพระบิดานาง แต่พบคำตอบของนางเซียนหงส์ฟ้าที่ก๊วนขโมยแทน
“จริงหรือ?” เย่ว์หยางดีใจอย่างออกหน้าเมื่อได้ทราบข่าว ไม่ได้พบนางเซียนหงส์ฟ้านานแล้ว เขาชักจะคิดถึงนางบ้างแล้ว
“ดูหน้าเจ้ามีความสุขจริงนะ.. เจ้าคิดจะมองแต่อกโตๆ อย่างเดียวหรือไง?” เสียงองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเต็มไปด้วยอาการหึงหวง นางเกือบจะพูดกับเย่ว์หยางแล้ว ถ้าเจ้าต้องการดูอก ที่นี่ก็มีให้ดูแล้วคู่หนึ่งไง เพียงแต่ว่าเจ้าหญิงองค์นี้ไม่แต่งชุดเผยเนินอกเหมือนมารกฎฟ้านั้นเท่านั้นเอง
**************