===============
การมาถึงของนางเซียนหงส์ฟ้าทำให้การแข่งขันของสาวๆ เพิ่มระดับเข้มข้นขึ้น
มีเพียงหญิงงามอู๋เหินที่ต้อนรับนาง ไม่เพียงแต่เจ้าเมืองโล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเท่านั้น แม้แต่เย่ว์ปิงก็ยังทำตัวเหมือนเป็นศัตรูคนหนึ่งไปด้วย เหมือนกับว่าพี่ชายนางจะถูกจอมมารฟ้าพรากตัวไป
อย่างไรก็ตาม การมาถึงของนางก็ยังคงมีประโยชน์ นั่นคือช่วยกระตุ้นให้สาวๆ มุมานะฝึกฝนหนักยิ่งขึ้น
เพราะความแตกต่างของพลังและยังมีการคุกคามของคู่แข่งความรักอีกด้วย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวจะอยู่กับเย่ว์หยางเมื่อใดก็ตามที่เขาว่าง ในทางหนึ่งคอยจับตานางเซียนหงส์ฟ้าและป้องกันไม่ให้นางยั่วยวนเย่ว์หยาง อีกประการหนึ่งเป็นการแสดงให้เห็นเสน่ห์ของตัวนางเอง เพื่อที่ว่าเย่ว์หยางจะได้ไม่ลืมพวกนางเพราะมีคนใหม่ สำหรับเสวี่ยอู๋เสียผู้เชิญนางเซียนหงส์ฟ้าเข้ามา นางก็ยังวางตัวเช่นเดียวกันเหมือนแต่ก่อน ไม่ได้ให้ความสนใจนางแม้แต่น้อย นอกจากฝึกผสานกายกับเย่ว์หยางแล้ว นางจะอ่านหนังสือเป็นกิจวัตรปกติ
จากเริ่มแรกเดิมที นางเซียนหงส์ฟ้าไม่เคยให้ความสำคัญกับสาวๆ เหล่านี้ในสายตานาง ในสายตานาง แม้ว่าหญิงสาวเหล่านี้จะฝึกฝนอีกสองร้อยปี พวกนางก็ไม่มีทางก้าวหน้าจนถึงระดับเดียวกับนางได้
นางรู้สึกว่าคู่ต่อสู้ของนางมีเพียงเสวี่ยอู๋เสียผู้เงียบสงบ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะผ่านไปสองวัน นางเซียนหงส์ฟ้าต้องเปลี่ยนมุมมองตนเองไปอย่างสิ้นเชิง
ความเร็วในความรุดหน้าของการฝึกฝนของหญิงสาวเหล่านี้เร็วมาก อย่าว่าแต่เทียบกับคนธรรมดาเลย ความเร็วของนางยังเร็วกว่าอัจฉริยะพิเศษถึงร้อยเท่า ในคืนวันเก่าก่อนแม้ตัวนางเองจะได้รับคำแนะนำจากพี่สาวนางอย่างระมัดระวังเอาใจใส่ นางก็ยังไม่ก้าวหน้าเร็วในระดับนี้.. ถ้าพวกนางยังฝึกฝนให้ก้าวหน้าด้วยความเร็วขนาดนี้ต่อไป อย่าว่าแต่สองร้อยปีเลย เพียงยี่สิบปีพวกนางก็อาจจะแซงนางได้
ที่เหนืออื่นใด การฝึกผสานกายทำให้นางอ้าปากค้างด้วยความอัศจรรย์ใจ
ในอดีตที่ผ่านมานางไม่เคยเห็นวิธีฝึกฝนอย่างนี้มาก่อน เจ้าเด็กเย่ว์หยางนี่ ไม่เพียงแต่ฝึกตนเองจนก้าวหน้าเท่านั้น เขายังสามารถรุดหน้าไปพร้อมกับคนรักของเขาได้ นอกจากนี้ ยิ่งมีคนมากที่เจ้าเด็กนี่ฝึกฝนด้วย ก็ยิ่งทำให้ฝีมือของเขารุดหน้าเร็วขึ้นอีกด้วย นี่..นี่คือทักษะแบบไหนกันนี่? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเซียนหงส์ฟ้าเห็นทักษะที่คนสองคนฝึกด้วยกัน แต่นั่นจำเป็นต้องใช้คนสองคนที่เป็นพี่น้องชายฝาแฝดและพี่น้องหญิงฝาแฝดซึ่งมีความเข้าใจกันและกันอย่างลึกซึ้ง เป็นไปได้อย่างไรที่ความสามารถที่เจ้าเด็กนี่เลือกหญิงสาวคนใดก็ได้และเริ่มฝึกฝนพร้อมกันได้?
ถ้าคนเราสุ่มหาใครก็ได้มาฝึกด้วยกัน ยังถือว่าเป็นคำพูดเกินจริงหรือเปล่า?
อย่าว่าแต่นักรบธรรมดาเลย แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิด เมื่อพวกเขาประมาทในการฝึกฝนร่วมกัน ก็อาจอยู่ในสภาวะเกินกำลังความสามารถและลงท้ายฝีมือจะตกลงและอาจถึงกับพิการได้
สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือ เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้าเห็นเย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตชำระร่างของหญิงสาว ก็ไม่ทำให้พวกนางถูกเผาผลาญจนตาย ทั้งที่แม้แต่ร่างของนางก็ยังไม่สามารถทนรับเพลิงอมฤตได้ เขาสามารถควบคุมมันและใช้ชำระร่างของพวกนางได้หรือ?
นอกจากนี้ ความสามารถชนิดใดกันที่สามารถสร้างพลังงานโคจรอยู่ในตัวของหญิงสาวเหล่านี้? ไม่เพียงแต่เจ้าเด็กนี่ยังมีความเข้าใจอักษรรูนโบราณเท่านั้น แต่ดูเหมือนเขายังเชี่ยวชาญอักษรรูนโบราณมากกว่านางเสียอีก สำหรับอักษรรูนสวรรค์ นางเซียนหงส์ฟ้าสังเกตว่าเด็กสาวเย่ว์ปิงก็ยังสามารถอ่านได้ถึงเป็นสิบคำ
พอถึงวันที่ห้า นางเซียนหงส์ฟ้าก็ประหลาดใจยิ่งขึ้น นางเห็นว่าเย่ว์หยางช่วยให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกระดับจนอยู่ในชั้นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว
สำหรับนักสู้ทั่วไป การได้เป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างน้อยห้าสิบปี ต่อให้เป็นอัจฉริยะก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปี อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความช่วยเหลือของเจ้าเด็กนี่ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้เวลาเพียงห้าวันขณะที่คนอื่นใช้เวลาห้าสิบปี ความเร็วขนาดนี้ยากจะเชื่อได้จริงๆ
อย่างไรก็ตาม องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ใช่เป็นเพียงผู้เดียวที่ระดับเพิ่มขึ้นในห้าวันมานี้ เจ้าเมืองโล่วฮัว, อี้หนานและเย่ว์ปิงก็ยังพลอยยกระดับไปด้วย
เป็นเพราะการมาถึงของนางเซียนหงส์ฟ้า เย่ว์หวี่จึงหยุดฝึกผสานร่างกับเย่ว์หยางและยกเวลาของนางให้อี้หนานและเย่ว์ปิง
นางเซียนหงส์ฟ้าเชื่อว่า ถ้าพวกเขายังฝึกฝนต่อเนื่องด้วยความเร็วขนาดนี้ หญิงสาวเหล่านี้ใช้เวลาเพียงสามปีก็คงไล่ตามนางได้ทัน พวกนางคงเหนือล้ำกว่านางไปแล้ว ถ้าพวกนางฝึกอีกห้าปี ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมเย่ว์หยางถึงสามารถสู้ต่อกรกับซุ่นเทียน, ประมุขนิกายพันปีศาจและราชันย์จ้าวปีศาจบารุธได้ทั้งที่อายุเพียงยี่สิบปี เหตุผลก็เพราะเจ้าเด็กนี่สามารถเข้าใจวิธีฝึกฝนที่ไม่มีผู้ใดในโลกสามารถใช้ได้ ภายใต้การฝึกฝนด้วยความเร็วระดับนี้ ให้ลืมคำแนะนำของอสูรศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกเตรียมสะสมพลังปราณมาอย่างดีดีหรือกินยาพลังวิญญาณไปได้เลย
นางเซียนหงส์ฟ้าพึมพำ เหตุผลที่พี่สาวนางปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี ต้องเป็นเพราะนางเห็นความสามารถของเขาใช่หรือเปล่า?
ไม่เช่นนั้นคนที่มีนิสัยไม่สนใจบุรุษเนื่องจากความเย่อหยิ่งของนาง จะยอมรับเป็นผู้แนะนำให้เขาได้อย่างไร?
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เสวี่ยอู๋เสียถึงท้าทายนางอย่างเปิดเผย คำตอบปรากฏชัดในตัวเองอยู่แล้ว และเป็นเพราะนางคือคู่หมั้นของเขา ขณะที่พวกเขาฝึกด้วยกันทุกวัน เป็นเรื่องยากที่นางจะไม่เพิ่มระดับขึ้นแม้ว่านางต้องการก็ตาม
สองวันต่อมา จิ้งจอกหิมะสามหางของเจ้าเมืองโล่วฮัวยกระดับจากอสูรแพลตตินัมระดับ 4 เป็นระดับ 5 เย่ว์หยางเริ่มคิดหาวิธียกระดับให้มัน
ทันทีที่ยกระดับสำเร็จ จิ้งจอกหิมะสามหางจะปลดผนึกสติปัญญาและกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
พอเห็นเช่นนี้ นางเซียนหงส์ฟ้าไม่อาจทนได้ต่อไปอีก “ข้าต้องการจะฝึกผสานร่างกับเขาบ้าง นอกจากนี้ เราจะแลกเปลี่ยนความรู้อักษรรูนโบราณและอักษรรูนสวรรค์กัน” นางเซียนหงส์ฟ้าเริ่มยื่นคำขอร้อง นางไม่สามารถทนต่อความเร็วในการฝึกฝนช้าเป็นเต่าของตนเองได้ ก่อนที่นางจะเห็นความรุดหน้าของสาวๆ นางรู้สึกว่าความเร็วในการฝึกฝนของนางไม่ช้า นางจากพี่จื่อจุนแล้ว ไม่มีผู้ใดเหนือกว่านาง ไม่ใช่แม้แต่ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย ไม่ใช่ทั้งประมุขนิกายพันปีศาจ อย่างไรก็ตาม หลังจากมาถึงสวนน้อยเพียงเจ็ดวัน นางรู้สึกว่าจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเปลี่ยนความคิดนาง
“เรื่องการปันความรู้อักษรรูนสวรรค์และรูนโบราณ เราสามารถแลกเปลี่ยนได้ทีละคน สำหรับการฝึกผสานกาย ข้าไม่คัดค้าน แต่ถ้าท่านต้องการฟังประสบการณ์ของพวกเราแต่ละคน ท่านต้องเอาประสบการณ์ของท่านมาแลกเปลี่ยน” เสวี่ยอู๋เสียได้ปรึกษาเรื่องนี้กับสาวๆ อื่นและคาดการณ์ไว้ว่านางเซียนหงส์ฟ้าจะต้องขอร่วมฝึกผสานกายด้วย
“นอกจากนี้ เมื่อท่านฝึกกับเขา เราต้องได้รับรู้ด้วย ท่านจะฝึกกับเย่ว์หยางส่วนตัวไม่ได้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่มเงื่อนไข
นางกลัวว่า ขณะที่นางเซียนหงส์ฟ้าฝึกฝน นางจะลงเอยด้วยการมีอะไรๆ กับเย่ว์หยาง
แม้ว่าปัจจุบันนี้นางเซียนหงส์ฟ้าจะเป็นพันธมิตรคนหนึ่ง แต่ไม่มีการรับประกันว่าจะเป็นเหมือนเดิมในอนาคต องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่าเย่ว์หยางไม่ใกล้ชิดนางมากเกินไปเป็นดีที่สุด
เรื่องเงื่อนไขของเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางเซียนหงส์ฟ้ายิ้มและไม่ตอบทันที นางถามเจ้าเมืองโล่วฮัวแทน “แล้วเจ้าเล่า? มีเงื่อนไขอะไรเพิ่มอีกไหม?”
เจ้าเมืองโล่วฮัวยักไหล่ “แน่นอนว่า ท่านไม่อาจจะเพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษใดๆ ได้ และแต่ละวันมีเวลาแค่สองชั่วโมง”
เย่ว์หยางเพิ่งกลับมาจากเชื่อมโยงเส้นชีพจรของเย่ว์ปิงและอี้หนานจึงได้ยินแต่ประโยคสุดท้าย “พวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน สองชั่วโมงอะไรหรือ?” เขาสงสัยเล็กน้อย เดิมทีนางเซียนหงส์ฟ้าไม่มองหน้ามองตาสาวๆ เลย แต่นางกลับปรึกษากันลับๆ ร่วมกับพวกนางในวันนี้ได้อย่างไร?
พอเห็นว่าเย่ว์หยางกลับมา นางเซียนหงส์ฟ้ารีบใช้ทักษะแฝงเร้นเสน่ห์ของนางทันที เสียงของนางหวานปานน้ำผึ้งขณะที่นางยิ้มหวาน “ข้าต้องการทำอย่างนั้นกับเจ้าบ้าง”
เย่ว์หยางสะดุ้งเล็กน้อย แต่เขามีปฏิกิริยาทันที หญิงสาวนี้เห็นได้ชัดว่าต้องการจะฝึกผสานกายกับเขา อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธทันที “ไม่”
“ทำไมล่ะ?” คำตอบของเย่ว์หยางทำให้นางเซียนหงส์ฟ้าประหลาดใจจริงๆ เขาสามารถปฏิเสธนางได้อย่างไร?
“….” อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่สาวอื่นๆ ก็คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเช่นนี้
“อะแฮ่ม.. คิดดูให้ดี ท่านและข้า เราไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้น ท่านไม่ใช่คู่หมั้นไม่ใช่พี่น้องข้า ท่านยังคงเป็นสตรี การมีร่างกายสัมผัสใกล้ชิดกับบุรุษจะทำอันตรายต่อชื่อเสียงอันบริสุทธิ์ของท่านได้” เย่ว์หยางไม่กล้าพูดว่าเขากลัวว่านางเซียนหงส์ฟ้าจะพบเห็นทักษะของเขาและลอบขโมยเรียนปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขา
ปราศจากปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ในฐานะที่เป็นรากฐาน ไม่ว่าการฝึกผสานร่างจะน่าอัศจรรย์เพียงใด แต่ก็คงไม่สามารถยกระดับได้หลังจากผ่านไปไม่กี่วันแน่
ทุกอย่างเป็นเพราะเย่ว์หยางมีวิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์
เย่ว์หยางเองทราบว่าสิ่งพิเศษที่สุดที่เขามีก็คือเทพธิดากระบี่ฟ้าในฝันของเขา เป็นผู้คอยสอนปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ให้เขา ปราศจากสิ่งนี้ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถมากเพียงไหน เขาก็คงฝีมือได้พอๆ กับเสวี่ยทันหลางหรือองค์ชายเทียนหลัวเท่านั้น เขาคงไม่กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตอนอายุยี่สิบ และยังเป็นมือใหม่ที่อ่อนหัดอีกด้วย
ไม่มีปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ เย่ว์หยางก็ไม่สามารถเชื่อมชีพจรกับสาวๆ ได้ ทั้งไม่สามารถช่วยให้พวกนางยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้
ฝึกผสานร่างเป็นเพียงสะพานเชื่อมที่ดีที่สุด แต่สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นปราณกระบี่ไร้ลักษณ์
เย่ว์หยางไม่รู้ว่านางเซียนหงส์ฟ้ามีทักษะพิเศษอะไร ถ้าบังเอิญว่านางมีทักษะอ่านใจได้ซึ่งทำให้นางค่อยๆ สำรวจความลับของเขาได้ อย่างนั้นเขาคงมิจบสิ้นกันหรือ?
“ข้าฆ่าคนมาเป็นหมื่น จะให้ข้าบริสุทธิ์ได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นการให้ความสนใจแต่ชื่อเสียง มันน่าเบื่อเกินไป” นางเซียนหงส์ฟ้ายิ้ม
“ท่านต้องการจะหลอกใครกัน เห็นได้ชัดว่าท่านยังเป็นหญิงพรหมจรรย์อยู่ อย่าว่าแต่ฆ่าคนเป็นหมื่นเลย แม้แต่เด็กแปดขวบก็ไม่เชื่อท่าน” เนื่องจากปฏิสัมพันธ์เมื่อไม่กี่วันมานี้ เย่ว์หยางจึงได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว กายของนางเซียนหงส์ฟ้าจะมีกลิ่นพิเศษเฉพาะเหมือนกับสาวนางอื่นๆ เขาเชื่อว่ากลิ่นอย่างนี้เป็นกลิ่นสาวพรหมจรรย์ เดิมทีร่างของหญิงงามอู๋เหินก็มีกลิ่นนี้ อย่างไรก็ตาม มันเปลี่ยนเป็นกลิ่นที่หอมแรงขึ้นซึ่งนุ่มนวลอบอวลกว่า กลิ่นที่ไม่ชัดเจนเริ่มหายไป
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” นางเซียนหงส์ฟ้าตะลึงเล็กน้อย นางปกปิดกลิ่นของนางไว้ส่วนลึก นอกจากพี่สาวนางที่มีทักษะตาทิพย์แล้ว นางไม่เคยคาดว่าเจ้าเด็กนี่จะมองเห็นได้ เขา..เขาสามารถมองเห็นได้อย่างไร?
“นั่นเป็นไปไม่ได้.. ท่านยังเป็นพรหมจรรย์จริงๆ หรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสาวๆ อื่นยังพลอยตะลึงไปด้วย มีเพียงเสวี่ยอู๋เสียและหญิงงามอู๋เหินที่ยังใจเย็นอยู่ได้
“อืม” หญิงงามอู๋เหินและเสวี่ยอู๋เสียเทียบกับตัวนางดูแล้ว เพราะเดิมทีร่างพวกนางเกือบจะคล้ายกัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกนางพบว่ามีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างระหว่างพวกนางหลายอย่าง กายและผิวของหญิงงามอู๋เหินจะมีน้ำมีนวล อก เอว สะโพกและขาทั้งสองของนาง ส่วนร่างกายอื่นๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่คือลักษณะผู้ใหญ่ของคนที่กลายเป็นภรรยาจะแตกต่างจากสาวพรหมจรรย์อย่างเสวี่ยอู๋เสีย สำหรับนางเซียนหงส์ฟ้า แม้ว่านางจะสวมชุดเหมือนมารฟ้าผู้ยั่วยวนตัณหา แต่คิ้วอ่อนของนางยังอยู่ กระดูกเชิงกรานของนางไม่ผาย เอวนางยังอ่อนนุ่ม บั้นท้ายของนางยังเชิดไม่นุ่มและกลม ผิวของนางยังมันแต่ไม่เป็นประกาย เทียบกับหญิงงามอู๋เหินแล้ว นางยังแตกต่างกันมาก สิ่งเดียวที่น่าอิจฉาก็คืออกของนางตั้งพุ่งตรงดี นางยังเป็นสาวบริสุทธิ์ทั้งที่มีอกอย่างนี้ ถ้านางกลายเป็นภริยาจะมิกลายเป็นโอ้อวดมากยิ่งขึ้นหรือ?
“ข้าเดาเอา” เยว์หยางเผยโดยมิได้ตั้งใจ
“เจ้าทำกับข้าไปแล้ว และทำลายสิ่งสำคัญของข้าไปแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบ! มีแต่เจ้าที่แตะต้องข้าและยังทำข้าเจ็บ ถ้าเจ้าไม่รับผิดชอบ ข้าจะราวีกับเจ้าสุดกำลัง เจ้าโจรใจร้าย” ทันทีที่นางเซียนหงส์ฟ้าพูดจบ เจ้าเมืองโล่วฮัวถึงกับพ่นน้ำที่กำลังดื่ม
“เจ้าบาดเจ็บตรงไหน?” เย่ว์หยางถามด้วยความสงสัย
“เป็นจุดที่ละเอียดอ่อน และบอบบางมาก..” นางเซียนหงส์ฟ้าเตรียมอธิบายรายละเอียดให้เย่ว์หยาง
เย่ว์หยางรีบโบกมือพัลวัน “นั่นเป็นการกล่าวหาที่ไม่มีมูล ข้ารับรองได้ว่าข้าไม่ได้ทำอะไรตรงนั้น”
นางเซียนหงส์ฟ้ายังไม่หยุด “เจ้าทำมันเลือดออกด้วย แล้วเจ้ายังพูดว่าไม่มีอะไรได้อย่างไร? ถ้าเจ้าบอกว่าไม่มีอะไร อย่างนั้นจะร้องไห้ต่อหน้าเจ้าจนตาย”
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนั้น เขาตบอกแสดงความกลัวร้องขอความช่วยเหลือจากสาวๆ “ตอนนั้นพวกเจ้าก็อยู่ที่นั่น ถ้ามีหรือไม่มีอะไรอย่างนั้นพวกเจ้าก็ควรบอกมา ถ้างั้นทำไมพวกเจ้าถึงไม่ตรวจสอบ ถ้านางยังบริสุทธิ์อยู่จะมาบอกว่าข้าผิดได้หรือไม่”
เสวี่ยอู๋เสียยิ้มเล็กน้อย “แม่นางทรงโต, ไม่ว่าเขาจะทำลายพรหมจรรย์ท่านหรือไม่ ข้าก็ยังไม่แน่ใจชัดนัก อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ท่านฝึกผสานกายกับเขา มันอาจจะถูกทำลายได้ ท่านต้องคิดให้ดีๆ เราทุกคนเป็นคู่หมั้นของเขา เรื่องเช่นนั้นไม่ช้าก็เร็วก็จะเกิดขึ้น ถ้าท่านเป็นคนนอก อย่างนั้นจะอาจประสบความสูญเสียก็ได้ เสี่ยวซานของเราเชี่ยวชาญมากในเรื่องไม่ซื่อสัตย์ เราไม่กล้ารับรองว่าเขาจะประพฤติตัวดีๆ ขอให้ใคร่ครวญด้วยความระวังสักนิด”
นางเซียนหงส์ฟ้าพึมพำกับตัวเองและคิดต่ออีกนิด
ในที่สุด นางก็ยิ้ม “อย่าทำให้ข้ากลัวเลย แม้แต่น้องของเขาก็ยังฝึกได้เช่นกัน ไม่ใช่เรื่องสำคัญแม้ว่าข้าจะไม่ใช่คู่หมั้น ข้าจะฝึกอย่างที่เย่ว์ปิงและอี้หนานฝึก โจรน้อย ถ้าเจ้ามีฝีมืออย่างนั้นก็มาลองดูกัน บางทีข้าอาจจะได้รับบางอย่างจากการนี้ก็ได้”
เย่ว์หยางไม่ตอบได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย
ถ้าเขาบอกว่าเขาไม่อยากฝึกผสานร่างกับนาง เขาก็คงโกหก
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบ่นงึมงำ ใครจะปล้ำใครกันแน่ ยากจะบอกได้ชัด
ในตอนเริ่มแรก เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าไม่กล้าใช้ปราณก่อกำเนิดในการฝึกผสานกาย พวกเขาแค่เสริมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีและเพลิงอมฤต เพื่อให้นางมารฟ้าได้ควบคุมและชำระร่างนาง
เย่ว์หวี่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จึงลากเย่ว์ปิงและอี้หนานเข้าไปในโลกคัมภีร์เพื่อสร้างบ้านใหม่ให้เย่ว์หยาง
หญิงสาวอื่นๆ ยอมทนอายและคอยจับตานางเซียนหงส์ฟ้า กลัวว่านางมารฟ้าจะปล้ำเย่ว์หยาง ขณะเดียวกัน ยังมีหญิงงามอู๋เหิน ก็เหมือนในกรณีที่เย่ว์หยางไม่สามารถทนอยู่ในความร้อนได้ หญิงงามอู๋เหินเป็นภรรยาของเย่ว์หยางอยู่แล้ว สามารถรอและคอยช่วยระบายความร้อนส่วนเกินในตัวของเขา
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกเขาเริ่มฝึก เย่ว์หยางก็มุ่งเน้นอยู่ในจิตใจของเขา ในที่สุด เขาใช้สัญชาตญาณของเขาผสานกายเต็มรูปแบบ ลดการระวังตัวโดยสิ้นเชิง
แน่นอนว่าความระมัดระวังของเขามากเกินไปบ้าง เพราะนางเซียนหงส์ฟ้าไม่ได้เชี่ยวชาญการขโมยทักษะ
ต่อให้มี นางก็ไม่เคยคิดจะเปิดดูความลับของเขา
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เย่ว์หยางไม่รู้ก็คือ ถ้าเทพธิดากระบี่ฟ้าไม่ถ่ายเทปราณกระบี่ให้ ก็จะไม่มีใครเรียนรู้กระบี่ไร้ลักษณ์ได้ แม้ว่าเย่ว์หยางจะถ่ายทอดมันจากความทรงจำ หรือรวบรวมบันทึกลงในหนังสือและแจกจ่ายให้ทุกคนเรียนรู้ก็ตาม ทักษะปราณก่อกำเนิดนี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าวิชาตีเหล็กหรือวิชาค้อนทุบศิลาที่เป็นทักษะของนักผจญภัยธรรมดาเลย หากปราศจากปราณกระบี่ ก็ไม่มีใครสามารถเรียนทักษะปราณก่อกำเนิดที่แท้จริงได้ นอกจากเย่ว์หยางผู้ปล่อยปราณกระบี่ของเขาผ่านนิ้วหรือส่วนต่างๆ ในร่างกายเขาซึ่งมีชีพจรเชื่อมถึงกันหมดแล้ว
“โอว..พระเจ้า, ข้ากำลังจะตาย” นางเซียนหงส์ฟ้ากำลังถูกเผาและถูกชำระด้วยเพลิงอมฤต นางทั้งรู้สึกเจ็บปวดทั้งยินดี ขณะที่ปากก็ครางไม่หยุด
“เสียงดังมาก” เย่ว์หยางไม่สามารถต้านทานทักษะแฝงเร้นเสน่ห์ของนางที่นางปล่อยออกมาตามธรรมชาติ ในที่สุดสำนึกในเหตุผลของเขาก็ค่อยๆ หายไป
เขาจับนางกดลงและมองหน้านาง จากนั้นก็ประกบริมฝีปากปิดเสียงครางของนาง
ปราณก่อกำเนิดไร้ขีดจำกัดในร่างของนางเซียนหงส์ฟ้าถูกเพลิงอมฤตเผาผลาญและชำระไปพร้อมกัน การถูกรุกจากทั้งสองด้านโดยเพลิงอมฤตและร่างเย่ว์หยางที่อยู่ด้านบนตัวนาง ทำให้ร่างของนางเซียนหงส์ฟ้าสั่น นางยังคงมีสติชัดเจนและยังรู้สึกเจ็บปวดสุดจะพรรณนา แต่นางไม่สามารถปฏิเสธกระบวนการดับแล้วเกิดใหม่ได้
ถ้านางสามารถอดทนจนถึงที่สุด ร่างของนางจะถูกชำระให้บริสุทธิ์จนสำเร็จกระบวนการ นางจะผลัดขนกลายเป็นจอมมารฟ้าคนใหม่
เดิมทีนางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 และมีความน่าจะเป็นอย่างยิ่งที่นางจะบรรลุขอบเขตใหม่
ความจริง ครั้งหนึ่งร่างของนางบริสุทธิ์อยู่แล้วเมื่ออยู่ที่วังมาร อย่างไรก็ตามนั่นเป็นพิธีชำระที่สั้นเกินไป คงอยู่ได้เพียงสิบวินาที แล้วนางยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่มีพลังระดับ 9 นางจึงฟื้นคืนสภาพได้เร็วมาก แต่ด้วยเพลิงอมฤต นางถูกเผาผลาญต่อเนื่อง นางอาจจำเป็นต้องถูกเผาต่อเนื่องชั่วโมงหนึ่งหรืออาจจะ 2-3 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะความบริสุทธิ์ภายในร่างของนางคอยให้ความชุ่มชื้นและฟื้นคืนความเสียหายจากการเปิดชีพจร นางเซียนหงส์ฟ้าคงสลบไปเพราะความเจ็บปวดแล้ว
ภายในตัวนาง ทางเดินปราณค่อยๆ สะดวกไม่มีอะไรติดขัดและขยายกว้างขึ้น แม้แต่เส้นชีพจรที่นางไม่รู้ว่ามีอยู่ก็ยังเชื่อมถึงกัน กลายเป็นทางเดินปราณใหม่
นางเซียนหงส์ฟ้าเจ็บปวดหนัก และคิดจะดิ้นรนอย่างเดิม
อย่างไรก็ตามนางรู้ว่าเป็นกระบวนการดับแล้วเกิดใหม่ เป็นกระบวนการที่น่าอัศจรรย์ที่นางอาจไม่มีโอกาสได้รับแม้ผ่านไปพันปี มันคือสิ่งที่คนอื่นๆ ได้แต่โหยหาในความฝัน แต่ไม่มีทางได้รับ นางพยายามอดทนและไม่ต่อต้านการบุกล้ำเข้ามาของปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยาง
ไม่ว่ามือทั้งสองของเขาที่ลุกไหม้ด้วยเพลิงอมฤตสัมผัสตรงไหน นางทำได้เพียงอดทนอย่างสุดความสามารถ
ชุดของนางหายไปหมดแล้ว เหงื่อเม็ดโตพร่างพรูต่อเนื่อง
ผิวเรียบลื่นของนางถูกเผาลอกและคืนสภาพใหม่อย่างต่อเนื่อง ความเจ็บปวดจากกระบวนการนี้ยากจะจินตนาการได้
นางเซียนหงส์ฟ้ารู้ว่ามีสิ่งแปดเปื้อนในพลังของนาง ต่างจากหญิงสาวอื่นที่บริสุทธิ์มาก เป็นผลให้ความเจ็บปวดที่นางต้องทนรับมากกว่าหญิงสาวอื่น และต้องใช้เวลาชำระนานเช่นกัน
“ถ้าข้าจะตาย อย่างนั้นก็ตายเถอะ!” นางเซียนหงส์ฟ้าอ้าแขนดุจหยกของนางกอดเย่ว์หยางแน่น นี่เป็นวิธีเดียวที่นางทำเพื่อให้แน่ใจว่านางไม่สู้ ไม่หลบหนี
ในท่ามกลางเพลิงอมฤต อักษรรูนนับไม่ถ้วนออกมาจากตัวของเย่ว์หยางและรวมตัวกับอักษรรูนในร่างของนางเซียนหงส์ฟ้า ก่อตัวเป็นรูปแบบใหม่
อักษรรูนสวรรค์, รูนโบราณรวมตัวกันต่อเนื่องและเปล่งแสงอยู่บนผิวของนางเซียนหงส์ฟ้า อักษรรูนบนร่างของพวกเขายังคงเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง เหมือนกับว่ามีชีวิต ในที่สุดอักษรรูนก็ลอยขึ้นฟ้า ก่อรูปเป็นทางช้างเผือกอักษรรูน เมื่ออักษรรูนถูกตัวเสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัว อักษรรูนในร่างพวกนางก็ถูกปลุกให้ตื่น เป็นผลให้อักษรรูนของพวกนางรวมตัวกันเป็นทะเลอักษรรูน
ลำแสงเพลิงอมฤตพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวแตกต่างจากนางเซียนหงส์ฟ้า พวกนางผ่านการชำระมาหลายครั้งแล้วและไม่รู้สึกเจ็บปวดจากเพลิงอมฤตอีกต่อไป ตรงกันข้าม พวกนางรู้สึกยินดีจากการได้อาบเปลวเพลิงอมฤตดับเกิด เหมือนกับเสี่ยวเหวินหลี, นางพญากระหายเลือดหง, โคเงาเถื่อนอาหมันและปีศาจดอกหนามขี้เซา พวกเขาสามารถยืนอยู่ในเสาเพลิงอมฤตและอาบเพลิงอมฤตด้วยกันได้ ที่ไม่สามารถทนเปลวเพลิงได้ก็อยู่แต่ขอบๆ ทะเลอักษรรูน แต่พวกนางยังคงเพลิดเพลินกับกระบวนการวิวัฒนาการของอักษรรูนที่รวมอยู่ในตัวพวกนาง
นี่เป็นกระบวนการที่นานมาก และคงอยู่ได้นานกว่าชั่วโมง
เมื่อเพลิงอมฤตหายไป ทะเลอักษรรูนก็ค่อยๆ ลดลงและกลับเข้าไปในร่างของเย่ว์หยางทีละอักษร คัมภีร์เพชรของนางเซียนหงส์ฟ้าลอยขึ้นมาทันที
มันเปิดเองโดยอัตโนมัติ หน้าที่มีทักษะแฝงเร้นและอสูรพิทักษ์ตั้งอยู่ หลังจากนั้นลำแสงสีทองฉายขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่ทักษะแฝงเร้น “เสน่ห์” อสูรพิทักษ์และแม้แต่ตัวนางเซียนหงส์ฟ้าเองก็ยกระดับทันที
นางเซียนหงส์ฟ้าตัวแดงไปทั้งตัว ลอยขึ้นไปในอากาศสูงหลายร้อยเมตรจากใต้ตัวของเย่ว์หยาง
ปราณของนางระเบิดเป็นคลื่นพลังปราณขนาดยักษ์ ส่งผลให้มีแรงอัดกระแทกกระจายไปทุกที่
ร่างของนางรวมกับอสูรพิทักษ์ ทำให้ปีกสีม่วงปรากฏอยู่ที่หลังของนางอย่างรวดเร็วและกางออกมากกว่าสิบเมตร หางหนามปรากฏอยู่บนก้นขาวของนาง เขาปีศาจที่เล็กและน่ารักปรากฏอยู่บนศีรษะนาง เล็บทั้งสิบค่อยๆ งอกยาวและกลายเป็นกรงเล็บปีศาจสีม่วง ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือตาของนางกลายเป็นสีม่วงเหมือนกับตาของจ้าวปีศาจ
แผ่นแสงสวยสมบูรณ์ทำให้เกิดแสงม่วงเข้ม ม่วงแดงและม่วงอ่อนกระจายอยู่รอบตัวนางเซียนหงส์ฟ้า
สัญญาณที่ไม่เหมือนใครเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าอสูรพิทักษ์ของนางเซียนหงส์ฟ้า ปีศาจเจ้าเสน่ห์ยกระดับเป็นอสูรเพชรระดับ 10 ซึ่งเป็นระดับราชันย์จ้าวปีศาจ
นางเซียนหงส์ฟ้ากรีดร้องจนพื้นสั่นสะเทือน
พลังงานของนางหมุนอยู่รอบตัวนางเหมือนกับว่าเป็นพายุหมุนทอร์นาโด แม้แต่ลำแสงสีทองจากคัมภีร์ดูเหมือนจะบิดเบี้ยวไปด้วย นางเซียนหงส์ฟ้าติดชะงักในลักษณะคอขวดแบบนี้มานานนับร้อยปี ไม่อาจบรรลุเป็นระดับ 10 ได้ แต่ตอนนี้นางประสบความสำเร็จแล้ว นางบรรลุเข้าขอบเขตระดับใหม่
*****************Succubus