===============
หลังจากยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ทัศนคติของนางเซียนหงส์ฟ้าก็เปลี่ยนไปมาก
ตอนนี้ นางเซียนหงส์ฟ้าที่ตอนแรกยังขัดแย้งกับสาวๆ จะยิ้มอย่างเป็นมิตรให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแม้จะเผชิญหน้ายามที่นางหน้าแข็งเป็นไม้กระดาน ทุกๆ วันนางจะศึกษาอักษรรูนสวรรค์กับอู๋เหินหรือไม่ก็คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การฝึกผสานร่างกับเสวี่ยอู๋เสีย มิฉะนั้นนางจะคอยชี้แนะเย่ว์หวี่และอี้หนานแทนเย่ว์หยาง แน่นอนว่านางปฏิบัติกับเย่ว์หยางเป็นอย่างดีที่สุด นางจะเรียกเขาด้วยฉายาพิเศษว่า “โจรน้อย” ด้วยน้ำเสียงชัดเจนเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของทักษะแฝงเร้นของนางและด้วยน้ำเสียงของคนรัก นางยังพูดหวานแม้กับเย่ว์ปิงผู้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันท์บุรุษและสตรี เพียงแต่พอนางฟังเสียงของนางเซียนหงส์ฟ้าแล้วรู้สึกขนลุก
นางเซียนหงส์ฟ้า แต่เดิมทีค่อนข้างจะเกียจคร้าน แต่ละวันของนางจะกินแล้วก็นอน แต่นางกลับกลายเป็นคนขยันมากขึ้นในช่วงเวลานี้
นางฝึกฝนเหมือนกับถูกผีสิง
เมื่อใดที่เย่ว์หยางว่าง นางจะลากเขาไปฝึกผสานร่างทันที
นางผ่านสภาวะคอขวดของการฝึกปรือและยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 เริ่มมีเป้าหมายใหม่แล้วในตอนนี้
และนั่นคือเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด (จื่อจุนอีกคนหนึ่ง)
ตามที่นางเซียนหงส์ฟ้าเข้าใจ สุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดเป็นขอบเขตปราณก่อกำเนิดอีกระดับหนึ่ง สูงกว่าเขตแดนของนักสู้ปราณก่อกำเนิดธรรมดาและแยกต่างหากออกมาเป็น 10 ระดับ นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับก็เท่ากับ ยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ในจุดเริ่มต้นใหม่นี้ นางเซียนหงส์ฟ้าจะไม่ยอมทิ้งโอกาสที่จะไล่ตามพี่สาวนางให้ทัน
นางเซียนหงส์ฟ้าไม่ได้บอกเย่ว์หยางว่าจื่อจุนเป็นยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับใด และนางยังไม่พูดถึงว่านางเป็นน้องสาวของจื่อจุน
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางสงสัยมานานแล้ว
ทั้งนี้เป็นเพราะนางเซียนหงส์ฟ้าดูเหมือนจื่อจุนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอกขนาดมหึมาของพวกนาง นอกจากพี่น้องสาวคู่นี้แล้ว เย่ว์หยางไม่เคยเห็นคนอื่นที่มีหน้าอกงามขนาดนี้ ยิ่งกว่านั้นทั้งสองคนมีประวัติคล้ายกัน จื่อจุนบอกเย่ว์หยางว่านางมีน้องสาวดื้ออยู่นางหนึ่ง ส่งผลทำให้นางให้อิสระไม่มีขีดจำกัดกับเย่ว์หยาง
แน่นอน เมื่อสาวงามอกโตไม่ได้พูดอะไร เย่ว์หยางและสาวอื่นๆก็จะไม่พูดอะไรด้วย
ในทุกๆ วัน เย่ว์หยางจะถ่ายพลังปราณก่อกำเนิดให้นางเซียนหงส์ฟ้าเพื่อชำระพลังในร่างนาง บางครั้งเขาก็ใช้เพลิงอมฤตบ้าง
อย่างไรก็ตาม การทุ่มเทฝึกผสานกายไม่ได้เน้นที่นางเซียนหงส์ฟ้าซึ่งเพิ่มระดับไปถึงระดับ 10 แล้ว แต่กลับเน้นที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้เตรียมบรรลุเข้าขอบเขตปราณก่อกำเนิด
ด้วยความช่วยเหลือของเย่ว์หยางและอิทธิพลของคู่แข่งความรัก องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดในไม่กี่วันมานี้ เดิมทีนางจำเป็นต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่เดี๋ยวนี้นางกำลังคิดจะบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดภายใน 22 วัน ถ้าไม่ใช่เย่ว์หยางแนะนำให้นางรอให้นานมากกว่าสองวัน ในกรณีที่เร่งร้อนเกินไป จะเกิดการบาดเจ็บได้โดยไม่จำเป็น องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการจะบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดตั้งแต่สองวันที่แล้ว
ในที่สุดภายใต้ความช่วยเหลือของเย่ว์หยาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตัดสินใจเข้าสู่ขอบเขตปราณก่อกำเนิดในวันที่ยี่สิบห้า
ขณะที่นางเต็มไปด้วยความมั่นใจและคิดจะเติมเต็มความฝัน ทันใดนั้นก็มีเรื่องเกิดขึ้นก่อกวนแผนทั้งหมดของนางจนยุ่งเหยิงไปหมด
จู่ๆ อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็ตามถึงบ้านในสวนน้อย นำข่าวดีที่มีความสุขมาแจ้ง จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่รวมทั้งนักสู้อื่นจากต้าเซี่ยและเทียนหลัวถูกจักรพรรดิมังกรแห่งเผ่าปีศาจบูรพาปล่อยตัวแล้ว พวกเขาถูกองครักษ์พิทักษ์ฟ้าพาตัวไปและเข้าไปในหนึ่งในทางผ่านโบราณของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เพราะพวกนักรบวิบัติและทหารกบฏของเผ่าปีศาจบูรพาลอบจู่โจมกะทันหัน มหาอำมาตย์แห่งต้าเซี่ยถูกบังคับให้ต้องเปิดประตูเทเลพอร์ตฉุกเฉินส่งจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ เข้าไปในทางผ่านโบราณอีกทางหนึ่ง ที่ไม่เคยมีใครเข้าไปเป็นเวลานานแล้ว
ในที่สุด เมื่อองครักษ์พิทักษ์ฟ้าสามารถผลักดันศัตรูให้ถอยร่นไป พวกเขาก็ตระหนักว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าไปในประตูเทเลพอร์ตที่นำเข้าไปในทางผ่านโบราณในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ เนื่องจากขีดจำกัดโดยสถานที่
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีพลังในเรื่องนี้
มีเพียงความคิดเดียวที่ทำให้เขามายังที่นี้และดูว่าเด็กที่ไม่ธรรมดาอย่างเย่ว์หยางจะมีความคิดดีๆ หรือไม่ บางทีเย่ว์หยาง นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ผิดธรรมดา อาจเข้าไปได้ ระดับของเขายังคงบันทึกไว้ว่าเป็นนักสู้ระดับ 4 ในคัมภีร์อัญเชิญ เขายังไม่ได้เป็นนักสู้ระดับ 5 ด้วยซ้ำ
ถ้าเย่ว์หยางไม่สามารถเข้าไปในทางผ่านโบราณได้ อย่างนั้นอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าต้องการให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียลองเข้าไปช่วยจุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ ออกมา
“เราสามารถเข้าไปในโลกคัมภีร์และลอบเข้าไปในทางผ่านโบราณได้ไหม?” นางเซียนหงส์ฟ้าไม่ค่อยเต็มใจจะแยกกับเย่ว์หยางเล็กน้อย เขาสามารถชำระพลังของนางให้บริสุทธิ์ได้ทุกวัน
“ไม่เลย พวกองครักษ์พิทักษ์บางส่วนได้ทดลองดูแล้ว ปราณก่อกำเนิดถูกจำกัดไม่ให้เขา” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าส่ายศีรษะและถอนหายใจ
“อย่างนั้นข้าจะกลับไปเตรียมตัวก่อน เย่ว์หยาง! แล้วค่อยมาพบกันที่นี่อีกสามวันให้หลัง” ตอนนี้นางเซียนหงส์ฟ้าไม่ได้คัดค้านการบุกวิหารเทพจักรพรรดิอวี้อีกต่อไปแล้ว หลังจากยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ความมั่นใจของนางเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากเย่ว์หยางไม่สามารถพานางเข้าไปในทางผ่านโบราณได้ นางตัดสินใจกลับไปวังมารก่อน เพื่อเตรียมตัวต่อสู้ วิหารเทพจักรพรรดิอวี้ไม่ใช่สถานที่จัดการได้ง่าย นางต้องเตรียมตัวให้เพียงพอ
“อย่างนั้น ไปกันเถอะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโล่งใจมาก โชคดีที่นางยังไม่ยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด มิฉะนั้นนางคงไม่อาจเข้าไปช่วยเหลือพระบิดาของนางได้
“ใช่เลย!” เจ้าเมืองโล่วฮัวก็คิดเช่นเดียวกัน
“พี่สาม…” เย่ว์ปิงกลัวว่าเย่ว์หยางจะเข้าไปไม่ได้ ในกรณีเช่นนั้นนางไม่อาจสู้ด้วยกันกับพี่ชายนางและช่วยเหลือปู่พร้อมกัน
“ไม่เป็นไร ไปเตรียมตัวกันเถอะ” เย่ว์หยางให้อู๋เหิน, เย่ว์หวี่และอี้หนานเข้าไปในโลกคัมภีร์ ขณะที่ให้เย่ว์ปิงขี่หลังของเขา จากนั้นเขาไปพร้อมกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัวและเสวี่ยอู๋เสีย พวกเขาตามอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไปที่ทางผ่านเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
ทางผ่านโบราณนี้แตกต่างจากทางผ่านที่พวกเขาเคยผ่านมาเมื่อคราวที่ไล่ตามเผ่าปีศาจบูรพา
มันมีขนาดยิ่งใหญ่พอๆ กัน แต่เป็นทางเดินที่ชื้นมาก มีน้ำหยดออกมาตามรอยแตกในเพดาน พื้นที่บางส่วนกลายเป็นลำธาร
พื้นที่เกือบทั้งหมดมีน้ำท่วม
ข้างหน้าวงแหวนเทเลอร์ต องครักษ์พิทักษ์ฟ้าของต้าเซี่ยและเทียนหลัวเดินกลับไปกลับมาอย่างช่วยอะไรไม่ได้
ไม่มีผู้ใดคาดเลยว่าจะมีข้อจำกัดอยู่จริงๆ ซึ่งจำกัดพวกเขาไม่ให้เข้าไปข้างในเพื่อช่วยจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ สิ่งที่พวกเขากังวลที่สุดก็คือประตูเทเลพอร์ตไม่เคยถูกผู้ใดเปิดออกมาก่อน พวกเขาไม่มีทางรู้ว่าข้างในอันตรายเพียงใด ในขณะที่นักรบวิบัติและทหารกบฏเผ่าปีศาจบูรพาก็ยังไม่ยอมแพ้ อาจจะมีการโจมตีระลอกที่สองเมื่อใดก็ได้ องครักษ์พิทักษ์ฟ้าไม่สามารถจะจากไปได้ ก่อนที่พวกเขาจะช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายได้ พวกเขาต้องปกป้องประตูเทเลพอร์ตเพื่อป้องกันไม่ให้นักรบวิบัติและกองทัพกบฏทำลายมัน พวกเขาหวังว่าเย่ว์หยางจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ หรืออย่างน้อย พวกเขาหวังว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะสามารถเข้าไปข้างในและตรวจดูสถานการณ์ เพื่อที่ว่าพวกเขาอาจจะช่วยจุนอู๋โหย่วและบุคคลสำคัญทั้งสองออกมาได้
“ลองดูก่อน บางทีเจ้าอาจทำได้!” ความจริงเซียนนักพรตไม่กล้าหวังไว้มาก ทุกคนยังคงคิดทำนองเดียวกัน พวกเขาคิดว่าข้อจำกัดอาจจะไม่ยกเว้นให้เย่ว์หยาง พวกเขาได้แต่หวังให้เขาสามารถทดลองก่อน
“อย่าห่วง, ข้าจะช่วยเหลือทุกคนได้แน่นอน!” เย่ว์หยางเกรงว่าพวกเขาจะถูกลอบทำร้ายทันทีที่เขาเข้าไป ดังนั้นเขาจึงขอให้เจ้าเมืองโล่วฮัวและเย่ว์ปิงเข้าไปในโลกคัมภีร์เช่นกัน จากนั้นจับมือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียคนละข้างซ้ายขวาตามลำดับ ภายใต้การจับตาขององครักษ์พิทักษ์ฟ้าหลายคน, มหาอำมาตย์และอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า เขาก้าวยาวๆ เข้าไปในวงแหวนเทเลพอร์ต มหาอำมาตย์เริ่มกระบวนการเทเลพอร์ตอย่างรวดเร็ว มีแสงสว่างเจิดจ้าขึ้น ร่างของเย่ว์หยาง, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียก็หายไปจากสายตาพวกเขาทั้งหมด
“อา! เด็กคนนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!” เซียนนักพรตและคนอื่นๆ ตกตะลึง
พลังจำกัด จำกัดใครก็ตามที่พลังเหนือระดับปราณก่อกำเนิดไม่ให้เข้าไป แต่น่าประหลาดสิ้นเชิง เย่ว์หยางยังคงได้รับการยกเว้น
บางทีเป็นเพราะเด็กคนนั้นยังคงเป็นนักสู้ระดับ 4 เพียงแต่ได้รับพลังปราณก่อกำเนิดแล้ว ต่างจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่นผู้เป็นนักสู้ระดับ 9 แล้ว
กฎอาจจำกัดที่นักสู้ระดับ 9 และเหนือกว่า ไม่ใช่ปราณก่อกำเนิด แน่นอน ไม่มีผู้ใดรู้ความจริงมาก่อน ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพและเนื่องจากเย่ว์หยางสามารถเข้าไปได้นั่นเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด
เซียนนักพรตปลาบปลื้มใจมาก
พอออกมาจากวงแหวนเทเลพอร์ต เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาหล่นลงไปบนผืนน้ำ
โชคดีที่เขายังจับมือเชี่ยนเชี่ยนและอู๋เสียอยู่ มิฉะนั้น คงจะเป็นเรื่องน่ากลัวหากเขาพลัดกับพวกนาง
นี่ยังเป็นจุดพิสูจน์ได้อีกอย่างหนึ่ง คนที่เข้ามาไม่ได้กระจัดกระจายออกไปและถูกส่งเข้ามาในที่เดียวกัน ตอนนี้ เขาอาจมองหาร่องรอยและติดตามจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ ได้ เสี่ยวเหวินหลีลอยออกมาจากตัวเขาและลอบเรียกเมดูซ่าศิลาและเงือกวายุ เมื่ออยู่ในน้ำ พลังของอสูรทั้งสองจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เมดูซ่าศิลายังคงเรียกฉลามเสือทองออกมาสั่งให้มันหาร่องรอยจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ
ฉลามเสือทองมีจมูกไวต่อกลิ่นคาวเลือดมาก ถ้าหนึ่งในพวกเขาได้รับบาดเจ็บ มันจะได้กลิ่นอย่างแน่นอน
“มองดูรอบๆ แล้ว นี่น่าจะเป็นถ้ำใต้ดิน” เสวี่ยอู๋เสียลอยตัวบนผิวน้ำและสังเกตดูรอบๆ ชั่วขณะ หลังจากนั้นเมื่อเย่ว์หยางกำลังมองหาร่องรอยใต้น้ำโผล่ขึ้นมา นางจึงบอกความคิดของนางกับเขา
“กว้างใหญ่มาก!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลูบน้ำบนหน้าตนเอง นางรู้ว่ามีหินงอกหินย้อยนับไม่ถ้วนแขวนอยู่เหนือศีรษะนาง กลุ่มใหญ่ก็โตพอๆ กับบ้าน ยาวเป็นสิบๆ เมตร แท่งเล็กก็ราวๆ สิบเมตรมองดูคล้ายกับหอก เพดานถ้ำใต้ดินนั้นสูงมาก มีหยดน้ำนับไม่ถ้วนหยดลงพื้นล่างก่อตัวเป็นเหมือนพายุฝน เย่ว์หยางขี่หลังฉลามเสือทองแล้วตะโกน “ตรงนั้นมีใครอยู่หรือเปล่า?”
เสียงของเขาสะท้อนก้องอยู่ในถ้ำเป็นเวลานาน แต่หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่มีคำตอบเลย ดูเหมือนจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และคนอื่นๆ จะเดินออกไปไกลแล้ว
หญิงสาวทั้งสองอยู่ข้างๆ เย่ว์หยางกอดแขนเขาไว้คนละข้าง
ฉลามเสือทองว่ายน้ำบ่ายหน้าติดตามกลิ่นเจือจางที่คงอยู่ไม่นานนัก มันไม่สามารถระบุทิศทางได้แต่อย่างใด ทิศเบื้องหน้านี้ส่วนใหญ่จะตัดสินตามสัญชาตญาณของเย่ว์หยางและเสี่ยวเหวินหลี โดยเฉพาะเสี่ยวเหวินหลี เธอมีประสาทรับรู้ไวกว่าเย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียและเจ้าเมืองโล่วฮัว
หลังจากว่ายน้ำมาชั่วครู่ จู่ๆ ฉลามเสือทองก็ตื่นเต้นทันที
ทั้งนี้เพราะมั้นได้กลิ่นเลือด เลือดของคนเหมือนกับว่าเพิ่งผ่านการต่อสู้ตรงนี้ นี่คือเลือดของจุนอู๋โหย่วและนักรบอีกสองคนหรือ? ไม่มีนักสู้แข็งแกร่ง พวกเขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาทุกคนเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง? เป็นไปได้ไหมว่ามีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวอยู่ภายในถ้ำนี้? เย่ว์หยางขมวดคิ้วเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมดูซ่าศิลาและเงือกวายุทั้งสองชี้ไปทางหนึ่ง มีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอยู่ข้างหน้า
เป็นจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ หรือเปล่า หรือว่าเป็นอสูรพิทักษ์ถ้ำแห่งนี้?
หลังจากคิดชั่วขณะ เย่ว์หยางตัดสินใจเข้าไปตรวจดู
หลังจากว่ายน้ำไปข้างหน้า 2-3 กิโลเมตร ภูมิประเทศคล้ายทะเลสาบใต้ดินปรากฏขึ้นทันที มีปลาพันธุ์แปลกประหลาดมากมายและพืชน้ำสายพันธุ์ประหลาดนับไม่ถ้วน มีต้นหนึ่งดูเหมือนเป็นเถากินคนลอยอยู่ผิวน้ำคอยจับปลาที่ว่ายเข้าไปใกล้มัน ฉลาดเสือทองเกือบจะถูกจับกินเช่นกัน โชคดีที่มันรู้สึกจากแรงดันน้ำ ดังนั้นมันจึงดิ้นหลุดและหลบออกมาโดยไม่จำเป็นต้องให้เย่ว์หยางช่วย
บนชายฝั่งทะเลสาบท้ายถ้ำ มีหาดทรายโคลนที่ส่งกลิ่นแปลกๆ
เงือกวายุสยิ้วหน้าด้วยความขยะแขยง
เมดูซ่าศิลาดึงธนูออกมาเตรียมพาดลูกศร ดูเหมือนนางสังเกตเห็นศัตรู
“ปู่ยักษ์โบราณหรือ? ไม่สิ นี่คงเป็นปูหน้าผีกัดกร่อน!” เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์มองดูศัตรูเจ้าเล่ห์ที่หมกตัวอยู่ในหาดทรายโคลน ตัวของมันใหญ่มากพอๆ กับปูยักษ์โบราณขนาดเนินเขาย่อมๆ ที่เขาพบเจอในวิหารกรกฏ ยิ่งกว่านั้นเจ้านี่ ยังมีระดับสูงเป็นอสูรทองระดับ 6
“ข้าจะสู้กับมัน!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าเย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องลงมือกับปูหน้าผีตัวนี้ นางจะจัดการกับมันด้วยตนเอง
“ระวังด้วยนะ ปูตัวนี้จัดการไม่ง่าย ยิ่งกว่านั้น ปูจะอาศัยรวมกันเป็นกลุ่ม ข้าไม่คิดว่าจะมีแค่เพียงตัวเดียว” เสวี่ยอู๋เสียคิดว่ายังมีอย่างน้อยก็ปูตัวผู้และตัวเมีย
“ใช่ ไม่ได้มีแค่เพียงปูตัวเดียว มีรังทั้งหมดอยู่ที่นี่” จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางเห็นว่าลึกเข้าไปในหาดทราย ยังมีอุโมงค์ใต้ดินลึกลงไปซึ่งมีปูมากกว่า 2-3 ตัวซ่อนอยู่ อาจมีปูหน้าผีกัดกร่อนอยู่ลึกลงไปใต้ดินอีกมาก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ดูเหมือนมีรอยเท้ามนุษย์ 2-3 คนอยู่ใกล้ทางเข้าอุโมงค์ที่พวกมันซ่อนอยู่ รอยเท้าเหล่านั้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆทิ้งไว้
“ทำไมเราไม่บินขึ้นฟ้าล่ะ? ถ้ายากที่จะปะทะกับพวกมันทั้งหมด ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเราต้องค้นหาคนที่หายไปทั้งหมด” เสวี่ยอู๋เสียรู้สึกว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากถ้าต้องต่อสู้กับปูทั้งหมด ไม่เพียงแต่ปูหน้าผีเหล่านี้จะอยู่ในระดับสูงเท่านั้น แต่กระดองของพวกมันแข็งและพวกมันสามารถมุดโคลนได้ คงเป็นเรื่องยากมากที่จะสู้กับพวกมันในโคลน
“บึ้ม!” ก่อนที่เสวี่ยอู๋เสียจะพูดจบ ปูหน้าผีกัดกร่อนไชผิวดินออกมาเผยให้เห็นร่างขนาดภูเขาย่อมๆ ของมัน
แม้ว่าพวกมันจะดูเงอะงะ แต่ความเร็วของพวกมันเร็วมากจริงๆ
พวกมันพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางและพวกอย่างอุกอาจ