===============
กระทิงเถื่อนทองแดงวิ่งเข้าหาก่อน ตาประหารสีแดงเลือดของมันเปล่งแสงออกมา
ทุกคนเชื่อว่าโจรน้อยคงเสร็จแน่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องตายแน่ๆ
ตาของกระทิงเถื่อนทองแดงสว่างวาบขึ้น บ่งชี้ว่ามันปล่อยตาประหารออกมาฆ่าอย่างรวดเร็ว ในวินาทีต่อมา วิญญาณของโจรน้อยนี่คงถูกกำจัด จนต้องทิ้งร่างไร้วิญญาณไว้ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยหลับตาลงแล้ว เขาทนดูต่อไปไม่ได้ ผู้มีคัมภีร์อัญเชิญ 2 คนตายในเมืองไป๋ฉือคงต้องเกิดเรื่องยุ่งแน่นอน บางทีคงได้นองเลือดกันทั้งเมือง พลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังโจรน้อย 2 คนคงไม่ยอมปล่อยให้ฆาตกรลอยนวลแน่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนึ่งในผู้แข็งแกร่งทั้งคู่ นักสู้ชั้นยอดฝีมือระดับ 4 นางเป็นผู้ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญมาจากหมู่บ้านภมรบุปผา
เพิ่มนักสู้ชั้นยอดฝีมือระดับ 4 ผู้ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญชั้นเงินเป็นอะไรที่คนระดับหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเอื้อมไม่ถึง ต้องมีการสืบสวนขนานใหญ่แน่ สำหรับเรื่องที่นักรบอัจฉริยะถูกฆ่า เป็นไปได้อย่างไรที่หมู่บ้านภมรบุปผาจะไม่โต้ตอบ?
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยรู้ว่าพวกเขาต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่ใกล้เขามา เขาก็ไม่มีทางหยุดยั้งอูอี้และเสียหั่วจากการร่วมมือกันฆ่าโจรน้อย 2 คนนี้แน่
ทั้งนี้เป็นเพราะพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังอูอี้และเสียหั่วก็แข็งแกร่ง เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่หัวหน้าหน่วยอย่างเขาจะเข้าไปสอดแทรกได้ ตอนแรกเขาได้แต่หวังว่าปรมาจารย์ดาบทองซึ่งเดินทางไปกับเจ้าเมืองไป๋ฉือจะสามารถรับข่าวเหตุการณ์นี้ได้เร็วแล้วรีบกลับมาห้ามภัยพิบัติไม่ให้เกิดขึ้นได้ทันเวลา
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสายไปแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า” อูอี้ยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยความพอใจ และสนามต่อสู้กึกก้องไปด้วยเสียงหัวเราะของเขา เสียงหัวเราะชั่วช้าคล้ายกับเสียงนกฮูก ได้ยินแล้วทำให้คนหดหู่
อย่างไรก็ตาม เสียงหัวเราะของเขาก็ชงักใน 3 วินาทีต่อมา
ก่อนนั้น ถ้ามีคนพูดว่ากระทิงเถื่อนชั้นทองแดงระดับ 5 ไม่สามารถใช้เนตรประหารฆ่าโจรน้อยได้ ทุกคนคงจะคิดว่าคนผู้นั้นบ้าไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์ต่อหน้าต่อตาพวกเขาเอง เย่ว์หยางโดนประกายแสงจากเนตรประหารเล่นงานแล้ว ต่อจากนั้นก็กลับคืนสู่สภาพเดิมทันที ทั้งสนามต่อสู้ต่างตกใจจนเงียบกริบ กลุ่มทหารรับจ้างถึงกับตะลึงปากอ้าตาค้างจนเอาสัตว์อสูรยัดเข้าไปได้ทั้งตัว
ตัวเย่ว์หยางเองรู้สึกว่าผลเช่นนี้คาดไม่ถึงอยู่บ้าง
เขาได้คิดกลยุทธ์เอาชนะกระทิงเถื่อนทองแดงไว้แล้ว ด้วยเหตุนั้นจึงต้องใช้เงาปีศาจ อสูรผู้พิทักษ์ที่สามารถคืนชีพได้เมื่อมันตาย ให้คอยป้องกันเนตรประหารของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง
ในตอนนั้น เมื่อกระทิงเถื่อนทองแดงเริ่มใช้เนตรประหาร ร่างจริงของเย่ว์หยางได้หลบออกไปแล้ว เหลืออยู่แต่เพียงเงาปีศาจ
เขาหวังจะใช้เจ้าเงานี้ทดสอบความแข็งแกร่งของเนตรประหาร
มันคือวิธีฆ่าอย่างรวดเร็วใช่ไหม?
หรือว่าไม่ได้ผล?
ในชั่วเวลาวินาทีนั้น เมื่อเขาพบประสบการณ์ที่กระทิงเถื่อนใช้เนตรประหารฆ่าเงาปีศาจ เย่ว์หยางสามารถรับรู้ในจิตสำนึกที่แสดงออกมาเป็นภาพจากวิญญาณของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึง เหมือนสายฟ้าโจมตีจิตสำนึกของเขาโดยตรงในช่วงเวลาที่ไม่ทันรู้ตัวแล้วก็หายไปทันที
ในพื้นที่จิตสำนึกในใจเขา ภาพเหมือนยมทูตดูเหมือนว่าต้องการจับเงาปีศาจ แต่ไม่สามารถทำได้ ยิ่งไปกว่านั้น ภาพนั้นปรากฏแก่จิตวิญญาณของเย่ว์หยางชัดเจน เหมือนเขากำลังดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างใกล้ชิด เมื่อการโจมตีล้มเหลว ภาพยมทูตก็หายไปอย่างรวดเร็ว จนเหมือนไม่มีอะไร
ในทันทีนั้น เย่ว์หยางก็สว่างวาบในใจ เข้าใจถึงสิ่งทีแปลกและมหัศจรรย์มากมายในจักรวาล และยังมีความก้าวหน้าในภายในเพราะการแทงตลอดความจริงนี้
การแทงตลอดความเป็นจริงนี้ ทำให้ทักษะญาณทิพย์ของเขายกระดับขึ้นอย่างลึกลับ
แรงกระตุ้นนั้นผุดขึ้นมาในใจเย่ว์หยางโดยไม่ได้ตั้งใจว่า ถ้าเขาใช้โซ่ล่องหนตอนนี้ บางทีเขาอาจจับภาพยมทูตนั้นได้
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาจับภาพยมทูตนั้นได้?
เย่ว์หยางไม่ค่อยมั่นใจ แต่เขาเชื่อว่ามันก็ไม่เลวและคุ้มค่ากับการลองดู
เป็นที่น่าเสียดายที่ตอนนี้ เขาระมัดระวังเกินไป เลยไม่ได้ใช้โซ่ล่องหนจับภาพเหมือนยมทูต
แม้ว่าเขาจะพลาดโอกาสเคลื่อนไหว เย่ว์หยางก็ยังตื่นเต้นในใจจนบอกไม่ถูก ทักษะญาณทิพย์ของเขายกระดับขึ้นไปแล้ว อยู่ๆ เขาก็เห็นทักษะลึกลับมากมายของเงาปีศาจ ตัวอย่างเช่น ทักษะให้กลุ่มเงาปีศาจรวมตัวกันสร้างเป็นรูปเงายักษ์
ช่วงเวลาที่เงายักษ์คงอยู่ได้นั้นสั้น สามารถคงอยู่ได้เพียง 1 นาที
แต่ละครั้งที่เพิ่มเงาปีศาจมา 1 ตน เวลาจะขยายออกไปได้ 30 วินาที อย่างไรก็ตาม เงายักษ์แบบนี้มีระยะเวลาสั้น แต่แข็งแกร่งมาก เกือบเท่ายักษ์ไตตัน เมื่อเย่ว์หยางซ้อนเงาต่อตัวกันถึง 5 ตน มันจะเปลี่ยนรูปเป็นเงายักษ์ จากนั้นใช้มันมาเสริมพลังตัวเขาเอง เขาถึงกับตื่นตะลึงเมื่อพบว่าความแข็งแรงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100 เท่า!
แม้ว่าข้อจำกัดเวลาจะไม่ใช่ 3 นาที แต่เย่ว์หยางในตอนนี้ มั่นใจเต็มเปี่ยมที่จะเผชิญหน้ากับหุ่นศิลาแล้ว
“สุดยอด! เป็นไปได้ว่าการแปลงกายเป็นอุลตร้าแมนก็ให้ความรู้สึกอย่างนี้ใช่ไหมนี่?” หลังจากใช้เงายักษ์เสริมพลังเข้ากับตัวเขาแล้ว เย่ว์หยางใช้มือรวบเขาที่แหลมคมของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงไว้แน่น เขาไม่สามารถจะระงับอารมณ์ตัวเองได้ จึงแผดเสียงคำรามออกมาอย่างหนักหน่วงและทรงพลัง “ฮาาาาาาาาาาาห์!”
เสียงดุจอสนีบาตดังสนั่นกึกก้องผ่านท้องฟ้า ราวกับสวรรค์ถล่มแผ่นดินทลายจนทุกคนถึงกับหน้าซีดเผือด
กระทิงเถื่อนชั้นทองแดงที่มีร่างกายดุจกำแพงถูกเหวี่ยงพลิกหงายกับพื้นด้วยเรี่ยวแรงเย่ว์หยาง
เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางใช้พลังของเงายักษ์ เขาจึงใช้พลังมากเกินไป อีกทั้งยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจความรู้เรื่องศูนย์ถ่วงของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงมากพอ เขาของกระทิงเถื่อนทองแดงเป็นอวัยวะที่แข็งจนไม่มีอะไรเปรียบเทียบถึงหักเสียงดังเป๊าะ เดิมทีเย่ว์หยางไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น กะว่าจะยกตัวมันทุ่มใส่หุ่นศิลา แต่ใครก็คงคาดไม่ถึง แทนที่จะยกมันขึ้นกลับจบลงแบบนั้น เย่ว์หยางทำเขาของมันหักโดยไม่ได้ตั้งใจ
ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นเพราะเย่ว์หยางเคลื่อนไหวผิดพลาด ในความเป็นจริงพวกเขาคิดว่าเย่ว์หยางจงใจหักเขากระทิงเพื่ออวดความแข็งแกร่งของเขา
ชั่วขณะนั้น นักรบที่รายล้อมดูทั้งหมดตกตะลึงจากความรู้ของพวกเขาเอง ตระหนกจนหน้าซีดถอดสี
“สวรรค์, เรี่ยวแรงของคนๆ เดียวหรือนั่น?”
“เฮ้อ….ตูจะเป็นลมซะให้ได้”
“ภาพหลอน นี่เป็นภาพหลอน ข้าไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้ ข้าไม่มีทางเชื่อเรื่องอย่างนี้แน่ๆ มันเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่ๆ” อูอี้ไม่อาจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่เห็นเป็นเพียงภาพหลอน ต้องเป็นสัตว์อสูรที่โจรน้อยอัญเชิญออกมาแน่นอน ซึ่งมันมีความสามารถสะกดจิตทำให้เขาเห็นภาพหลอนได้
เรี่ยวแรงของคนธรรมดาไม่อาจทุ่มกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงระดับ 5 ลงกับพื้นแน่นอน
แม้ว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่จะหักเขาของมันได้ เขากระทิงเป็นส่วนที่แข็งที่สุดของร่างมัน แข็งกว่าเหล็กกล้าอย่างน้อย 10 เท่า เป็นไปได้อย่างไรที่จะใช้มือหักมันได้
แม้เมื่อเป็นแบบนั้น ไม่ว่าโจรน้อยจะแข็งแรงขนาดไหนก็ตาม ไม่มีทางที่จะรอดชีวิตไปได้หลังจากโดนเนตรประหารเล่นงานไปแล้ว แค่เฉพาะความแข็งแกร่งที่เหนือกว่ากระทิงเถื่อนชั้นทองแดงอาจเทียบเท่ากับนักสู้ชั้นผู้แก่กล้าระดับ 6 ที่แทบจะไล่หลังนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิด พวกเขาอาจต้านรับการโจมตีได้ นักรบโดยทั่วไปไม่สามารถต้านทานพลังโจมตีของกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงได้ เนตรประหารที่ไม่สนการป้องกันทางกายทุกอย่างและมุ่งจัดการวิญญาณของนักรบเพียงเท่านั้น เป็นไปได้ว่าโจรน้อยผู้นี้แท้ที่จริงคือนักสู้ชั้นผู้แก่กล้าระดับ 6? นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ เห็นกันอยู่แล้วว่าเขาเป็นนักสู้ฝึกหัดระดับ 1 เท่านั้น
ถ้าให้เขายอมเชื่อว่าโจรน้อยคือนักสู้ชั้นผู้แก่กล้าระดับ 6 อย่างนั้นอูอี้อาจยินยอมเชื่อว่าบิดาของเขาเองเป็นสตรี
ฉากถัดไปที่เหลือ นักรบโดยรอบตะลึงจนนิ่งเหมือนหิน ราวกับมีลมกัดเซาะความรู้สึกเป็นจริงของพวกเขา
ทุกคนรู้สึกว่า พวกเขาเหมือนกับยอมปล่อยให้ลมโหมพัดปัดเป่าความตะลึงงันให้หายไป ผลลัพธ์เช่นนี้ยอมรับไม่ได้เลยจริงๆ นั่นเป็นเพราะ ยักษ์ศิลาที่เดิมทีพุ่งตรงเข้าโจรน้อยพร้อมกับเงื้อกำปั้นยักษ์เตรียมทุบเขาให้เป็นเนื้อแหลกเหลว กลับหักหลังผู้อัญเชิญเดิม เมื่อเย่ว์หยางเอื้อมมือไปลูบมันเบาๆ
ยักษ์ศิลาซึ่งไม่มีความรู้สึกนึกคิด ได้ยกกำปั้นของมันขึ้นแล้วทุบอย่างแรงลงไปที่กระทิงเถื่อนทองแดงที่ยังนอนอยู่บนพื้นดิน
ทันทีที่โจรน้อยเหยียดแขนออกไป ยักษ์ศิลาก็กลายเป็นสัตว์อสูรอัญเชิญของเขา
นี่….เป็นไปไม่ได้
หุ่นศิลาเป็นสัตว์อสูรประเภทหุ่นเชิดย่อมไม่มีทางทรยศผู้อัญเชิญนี่คือข้อดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกมัน เนื่องจากมันไม่มีสติปัญญา มีแต่เพียงสัญชาตญาณต่อสู้ พวกมันไม่รู้จักพฤติกรรมที่เรียกว่า “ทรยศ” ทันทีที่สัญญาได้รับการยืนยัน พวกมันจะมีความจงรักภักดีต่อผู้ทำสัญญาชั่่วนิรันดร์
สิ่งที่ทำให้อูอี้สิ้นหวังสุดๆ ก็คือหุ่นศิลานั้นที่ตอนนี้กำลังทุบกระทิงเถื่อนชั้นทองแดงอย่างเหี้ยมโหดนั้นไม่ได้หักหลังเขาเลย หุ่นศิลายังคงเป็นสัตว์อสูรอัญเชิญของเขา เพียงแต่มันถูกควบคุมโดยพลังที่เขาไม่รู้จัก จึงทำให้มันไม่ฟังคำสั่งเขา แล้วทำงานเองโดยพลการ โดยเข้าเล่นงานกระทิงเถื่อนชั้นทองแดง
สัตว์อสูรอัญเชิญที่ใช้พื้นที่อัญเชิญอย่างจำกัดจำนวน ยังไม่เชื่อฟังคำสั่งผู้เป็นนาย หุ่นศิลานี้ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่สุดของเขามิใช่หรือ?
อูอี้อยากร้องไห้จริงๆ แต่ก็ทำไม่ได้
เขาอยากตาย แต่ไม่มีเวลาหยิบมีดออกมาฆ่าตัวตาย
นั่นเป็นเพราะพลังของโจรน้อยยังอยู่แค่ผู้ฝึกหัดระดับ 1 มายืนอยู่ต่อหน้าเขา กำลังดูถูกเขาด้วยท่าทีเหยียดหยาม
ขณะนั้นเอง อูอี้รู้สึกเหมือนตัวเองกระจ้อยร่อย ถ้ามีผู้ใดบอกว่าศัตรูของเขาเหมือนพยัคฆ์ร้ายกินคน จากนั้นแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนหนูตัวน้อยที่ไม่คู่ควรแม้แต่จะเข้าไปติดอยู่ตามซอกฟันนักล่าชนิดนี้เลย ตลอดทั้งชีวิตเขา นี่เป็นครั้งแรกที่อูอี้รู้สึกว่าตัวเองกระจ้อยร่อยขนาดนี้ อ่อนแอและหวาดกลัว ความกลัวแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
“เจ้าเก่งไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่หัวเราะเยาะข้าอีก? ยังจะเอาอะไรอย่างอื่นออกมาเล่นกับข้าอีกไหม? เย่ว์หยางเหยียบร่างอูอี้ผู้กำลังสั่นไปทั้งตัว โดยไม่สนใจมองคนรอบๆ เขากระทืบไม่ยั้งอย่างโหดเหี้ยม
“… …” พอเห็นนักสู้ชั้นผู้ฝึกหัดระดับ 1 เอาชนะนักสู้ชั้นวีรบุรุษระดับ 3 ได้ทุกคนยิ่งตะลึงงันจนพูดไม่ออก
*********************