===============
เป็นไปได้อย่างไรที่จู่ๆ ก็มีปูหน้าผีกัดกร่อนอสูรทองระดับ 6 มาโผล่อยู่แถวนี้?
สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยพบในทวีปมังกรทะยานมาก่อน ในทวีปมังกรทะยานหรือหอทงเทียนระดับชั้นต่ำๆ ช่วงที่อสูรระดับทองปรากฏตัว โดยปกติมักจะเป็นจ้าวอสูร
อย่างไรก็ตาม จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางสามารถเห็นได้ว่าปูหน้าผีกัดกร่อนเหล่านี้ไม่มีระดับจ้าวอสูรเลย พวกมันแค่เป็นอสูรที่อยู่ในระดับสูง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกมันเป็นเพียงทหารไร้ประโยชน์ แต่ก็มีพลังมาก
ถ้าอสูรระดับจ้าวปีศาจโผล่ออกมาที่นี่ เย่ว์หยางอาจไม่มีปัญหาอะไรที่จะรับมือมัน แต่จุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ บางทีอาจต้องสู้อย่างยากลำบาก
“ฮ่า.”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนควงดาบยักษ์และใช้วิชาพยัคฆ์ขาวของนางขณะฟันใส่ตาของปูหน้าผีกัดกร่อน ปกติจุดอ่อนของปูจะอยู่ที่ตา พวกนักรบจะเล็งทำร้ายตรงส่วนนี้ให้หนัก ฟันให้ลึกด้วยดาบที่คมกริบ ทันทีที่ดาบของพวกเขาสร้างความเสียหายให้กับตาปูยักษ์แล้ว มันจะตกอยู่ในความพ่ายแพ้แน่ และแน่นอนว่าไม่เพียงแต่ปูยักษ์เท่านั้น จุดอ่อนของอสูรเกือบทั้งหมดจะอยู่ที่ตาของพวกมัน ยกเว้นแต่พวกแมลงที่ดูน่ากลัวซึ่งมีนัยน์ตาเป็นร้อยอยู่บนใบหน้าของมัน
เกี่ยวกับกระดองที่แข็งของปูยักษ์ คงเป็นเรื่องไม่เกิดประโยชน์ที่จะโจมตีใส่หลังหรือก้ามทั้งสองของมัน อาจจะสร้างได้แต่รอยขีดข่วนเท่านั้น
นักรบควรจะมุ่งโจมตีใส่ตาของพวกมันก่อนและดับความรับรู้ในการรับภาพ นี่คือวิธีที่ประหยัดเรี่ยวแรงมากที่สุด
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปล่อยพลังโจมตีผสมผสานพลังของพยัคฆ์ขาวของนางกับกระบี่จักรพรรดิจู่โจมใส่ปูหน้าผีกัดกร่อนอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ด้วยปฏิกิริยาที่รวดเร็วของกระดองด้านนอกและความสามารถในการหดตัว มันหลุบนัยน์ตากลับเข้าไปในเบ้าได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้การโจมตีขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไร้ผล
ตาของปูหน้าผีกัดกร่อนแตกต่างจากอสูรอื่นๆ ตาของมันมองดูเหมือนตาทาก แต่ไม่อ่อนนุ่ม แม้แต่ก้านตาของมันยังถูกหุ้มด้วยเกราะแข็งทำให้มองดูเหมือนค้อนยาว มันสามารถหดตาเข้าไปข้างในกระดองและยื่นออกมาด้านนอกได้ เบ้าตาของมันยังมีเปลือกตาปิดอีกชั้นทำให้ยากที่นักรบจะใช้ดาบฟันใส่จุดอ่อนได้
ถ้าแรงฟันขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รุนแรงขนาดนั้น มันคงไม่ยอมหลุบตากลับลงไปในเบ้าแน่นอน
“ระวังให้มากนะ!” เย่ว์หยางไม่อาจช่วยได้ จึงได้แต่เตือนนาง ปูหน้าผีกัดกร่อน อสูรสายมืดค่อนข้างจะเจ้าเล่ห์ คนจะไม่คิดอะไรเมื่อสู้กับมัน
“ข้ารู้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเต็มไปด้วยความมั่นใจ นางรู้สึกว่านางสามารถเอาชนะปูตามลำพังได้โดยไม่มีปัญหา
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนในปัจจุบันนี้ไม่ใช่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่เย่ว์หยางพบเป็นครั้งแรก
บนผิวน้ำอีกด้านหนึ่ง เสวี่ยอู๋เสีย, นางเงือกวายุและเมดูซ่าศิลากำลังสู้กับปูสองตัว
เสวี่ยอู๋เสียและอสูรอื่นๆ ใช้กลยุทธที่แตกต่างจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน พวกเขาไม่โจมตีบ่อย แต่เมื่อพวกนางโจมตี พวกนางจะปล่อยพลังโจมตีร้ายแรงอย่างคาดไม่ถึง ร่วมกับพลังสายฟ้าและน้ำแข็ง ทันทีที่พวกนางโจมตี ศัตรูของพวกนางจะได้รับบาดเจ็บหนักและตายทันที เมดูซ่าศิลายังคงรอโอกาสเหมาะ ทันทีที่ปูยักษ์อ้าปาก นางจะยิงธนูอย่างดุเดือดซึ่งมีผลในปากมัน
เงือกวายุกำลังยั่วยุปูที่อยู่ข้างหน้า นางว่ายน้ำเร็วกว่าปูถึงสิบเท่า
ถ้าจำเป็น นางสามารถเรียกน้ำวนและโยนปูยักษ์ขึ้นฟ้าหรือกดพวกมันให้จมลงไปใต้น้ำเมื่อใดก็ได้
นอกจากเป็นผู้รับผิดชอบให้การสนับสนุนกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินแล้ว เย่ว์หยางยังคงลอบจับตาความเคลื่อนไหวของปูหน้าผีกัดกร่อนที่เหลืออีกด้วย นี่คือโอกาสต่อสู้ที่ยากจะพบพาน ดังนั้นเขาตัดสินใจปล่อยให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสู้ด้วยตนเองเป็นการฝึกอุ่นเครื่องก่อนเข้าวิหารเทพจักรพรรดิอวี้
เขาลอยตัวไปยังจุดที่มีรอยเท้าเหมือนรอยมนุษย์ทันทีที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกวัดแกว่งดาบ เมื่อเขาสังเกตดูรอยใกล้ๆ ก็รู้ได้ว่าไม่ใช่รอยเท้าของจุนอู๋โหย่วหรือคนอื่น ความจริงเป็นหลุมที่เกิดจากการปล่อยแก๊สมีเทน ดูเผินๆ จากด้านนอกเหมือนกับรอยเท้ามนุษย์ แน่นอนว่าหลุมเหล่านี้อาจเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมที่สร้างขึ้นด้วยฟองอากาศของปูหน้าผีกัดกร่อน เย่ว์หยางไม่รู้สึกถึงการปรากฏตัวของมนุษย์แต่อย่างใด และตัดสินใจไม่สำรวจอุโมงค์ใต้ดินของปูหน้าผีกัดกร่อนเพื่อดูว่ามีสมบัติซ่อนอยู่ข้างในหรือไม่ ในช่วงเวลานี้ การช่วยจุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญที่สุด เมื่อเขาเห็นปูหน้าผีกัดกร่อนที่เหลือทั้งหมดกำลังออกมาจากอุโมงค์ของพวกมัน ตั้งใจจะล้อมกรอบเขา เขาชักดาบจันทร์เสี้ยวเล่มใหม่ออกมาและปล่อยเพลิงม่วงสร้างเป็นมังกรคะนองด้วยทักษะหยางของเขา
ไฟเป็นวิธีจัดการกับสัตว์ร้ายได้ดีที่สุด
แน่นอนว่า ยกเว้นอสูรประเภทไฟ
ปูหน้าผี 2-3 ตัวพ่นคลื่นโคลนออกมาทันที พยายามจะหยุดมังกรคะนอง
พวกมันว่องไวมาก ปูสองตัวเคลื่อนตัวไปด้านข้างทันที ขณะที่อีกตัวหนึ่งดำลงไปในทรายและโผล่ออกมาจากน้ำ ฟาดก้ามยักษ์โจมตีใส่เย่ว์หยางอย่างดุร้าย
ถ้าก้ามปูยักษ์เหล่านี้คว้าจับศัตรูได้ ดูเหมือนว่ามันสามารถหักขาแมมม็อธยักษ์ได้ อย่างไรก็ตาม ศัตรูที่มันพบก็คือเย่ว์หยาง บรรดายอดฝีมือรุ่นเยาว์เย่ว์หยางได้รับฉายาว่า “นักฆ่าอสูรทอง” จำนวนอสูรทองที่พลาดท่าตายในเงื้อมมือของเย่ว์หยางนั้นนับไม่ถ้วน
“ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสชาติไฟและน้ำแข็ง” เย่ว์หยางควงดาบของเขาและใช้พลังหยิน ในทันใดนั้นอากาศรอบๆ ตัวเขาเปลี่ยนเป็นเย็นจัด
ปูยักษ์ถูกแช่แข็งก่อนที่จะเข้ามาใกล้ตัวเย่ว์หยาง
ความเคลื่อนไหวของมันช้าลงมาก
ปูหน้าผีกัดกร่อนที่พยายามโจมตีเย่ว์หยางก็พยายามจะหลบหนีทันที เกรงว่าเพลิงม่วงจะตกลงมาใส่มันจากท้องฟ้า… เย่ว์หยางชักดาบฮุยจินออกมาใช้อีกมือหนึ่งฟันใส่ปูยักษ์แช่แข็งอย่างอำมหิต เพลิงแตกปะทุขณะที่ร่างของปูยักษ์ถูกไฟของเย่ว์หยางเผาทันที ปูหน้าผีพยายามอ้าปากทันทีแล้วพ่นโคลนใส่ไฟตรงก้ามของมัน แต่เย่ว์หยางยิงไฟมังกรใส่ปากที่เปิดอ้าของมันอย่างดุเดือด
เหมือนว่าปูหน้าผีนั้นตกลงไปในน้ำเดือดพล่านมันดิ้นรนอย่างสุดกำลัง
“งั้นข้าจะช่วยให้เจ้าตาย “เย็น” เขาใช้ทักษะหยินบนดาบจันทร์เสี้ยวและฟันใส่ปากของปูที่ไฟกำลังไหม้อย่างไม่ปราณี
ในทันใดนั้น ปากของปูหน้าผีกลายเป็นสภาพแช่แข็ง แม้แต่ตาของมันก็พลอยถูกแช่แข็งไปด้วย
ภายในสิบวินาที การปะทะระหว่างไฟของเย่ว์หยางและทักษะน้ำแข็งทำให้เกิดการระเบิดที่ปากปูอย่างรุนแรง อวัยวะภายในของมันทั้งหมด เนื้อและส่วนอื่นๆ ระเบิดกระจายลงพื้น
พอเห็นพวกของมันตายอย่างน่าอนาถ ปูหน้าผีอีกสองตัวที่เข้ามาถึงรีบดำลงในโคลนทันทีและเผ่นหนีไปอยู่ห่างๆ จากเย่ว์หยางซึ่งเป็นดาวข่มของพวกมัน
อีกด้านหนึ่ง เสวี่ยอู๋เสียจัดการแช่แข็งปูหน้าผีกัดกร่อนต่อหน้านางได้แล้ว
แม้ว่าปูหน้าผีตัวนั้นจะยังไม่ตาย แต่มันคงไม่สามารถหลบหนีดำดินไปได้ ขณะเดียวกันปูหน้าผีตัวอื่นๆ ถูกเมดูซ่าศิลายิงศรทองใส่ตาของมัน มันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา กลายเป็นหินช้าๆ ปูหน้าผีต้องการจะดำน้ำหลบหนี แต่นางเงือกวายุยังเชี่ยวชาญในการควบคุมน้ำใต้น้ำ เสาลำน้ำขนาดยักษ์ยิงใส่ร่างยักษ์ของปูหน้าผีจนลอยขึ้นผิวน้ำ และเสวี่ยอู๋เสียจบชีวิตมันด้วยพลังโจมตีสายฟ้า
ในทันใดนั้น ปูหน้าผีอสูรทองระดับ 6 กลายเป็นปูเผาไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม ปูหน้าผีตัวนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่
พลังชีวิตของมันแข็งแกร่งมาก เกินกว่าที่เสวี่ยอู๋เสียคาดไว้มาก
เมดูซ่าศิลาครอบครองเพลิงอมฤตเทียมอยู่ในผมงูของนาง เย่ว์หยางให้นางไว้ตั้งแต่ในวิหารคนคู่ แม้ว่ามันยังเทียบกับเพลิงอมฤตจริงๆ มิได้ แต่พลังของมันคือสิ่งที่สัตว์ประหลาดธรรมดาไม่มีทางต้านรับได้
ผมงูของเมดูซ่าศิลาอ้าปากของมันออก และลูกศรก็ถูกยิงออกใส่ปากและตาของปูหน้าผีที่ถูกแช่แข็ง
นี่แตกต่างเล็กน้อยจากการปะทะของไฟและน้ำแข็งที่เย่ว์หยางได้สร้างขึ้น แต่ผลที่ได้ใกล้เคียงกัน
พลังงานระหว่างน้ำแข็งและไฟปะทะกันทำให้เกิดระเบิดขนานใหญ่
พลังระเบิดก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ น้ำกระเซ็นขึ้นไปในอากาศ ขากรรไกรและตาของปูหน้าผี ระเบิดกระเด็นไปไกล
ปูหน้าผียังไม่ตาย แต่ปูหน้าผีใกล้จะตายเหลือพลังความแข็งแกร่งไม่มาก ร่างและก้ามของมันแหลกอยู่บนพื้น เงือกวายุเรียกคลื่นเพื่อผลักมันขึ้นฝั่งและจัดการทำลายก้ามทั้งสอง
พอเห็นว่าเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ทั้งคู่แล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็เริ่มกังวล
นางทำลายปูหน้าผีข้างหน้านางได้แล้ว แต่นางยังไม่สามารถจัดการขั้นเด็ดขาดได้
ไม่ใช่เพราะนางด้อยกำลัง แต่เป็นเพราะดาบยักษ์ในมือนางไม่ใช่อาวุธชั้นดี มันเป็นแค่ดาบหนักชั้นทองแดง ก่อนหน้านี้ดาบใหญ่ของนางหักมานับครั้งไม่ถ้วน และในที่สุดก็ถูกทำลายเมื่อปีศาจเย่ว์ชิวตัวปลอมพ่นแสงมรณะโจมตีนาง นางยังไม่มีอาวุธคู่มือตัวเอง แม้คลังสมบัติของอาณาจักรต้าเซี่ยจะมีอาวุธระดับสูงมากมาย แต่นั่นไม่ใช่ดาบยักษ์ซึ่งนางเคยใช้
เย่ว์หยางต้องการสร้างดาบยักษ์ให้นางก่อน ทว่าหลายวันมานี้นางบังคับเขาให้ฝึกกับนางเพื่อที่ว่าจะได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้โดยเร็ว เขายังไม่มีเวลาสร้างดาบให้นาง
อาวุธระดับทองแดงไม่อาจเปล่งอานุภาพพลังขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้เต็มที่
“โจมตี!”
พอเห็นว่าปูหน้าผีพยายามจะหลบหนี องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไล่ตามมันทันทีกระโดดสูงลงไปที่พื้น เมื่อร่างของนางแตะพื้น นางใช้พลังปราณกระบี่จักรพรรดิบนดาบยักษ์ชั้นทองแดงอีกครั้งและปล่อยพลังพยัคฆ์ขาวยิงใส่ปากของปูยักษ์
ดาบยักษ์ของนางแทงลึกลงไปสองเมตรจนถึงด้าม
ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่านางเอาชนะศัตรูได้ แต่พลังชีวิตของปูหน้าผีแข็งแกร่งมาก ทันใดนั้น มันพ่นสารกัดกร่อนสีดำออกมาจากปากที่บาดเจ็บของมัน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้แขนป้องกันหน้าของนางและถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
ร่างของนางสวมชุดเกราะหนักเงินคลุมตัวทั้งหมด ดังนั้นสารกัดกร่อนจึงไม่สามารถทำร้ายร่างกายนางได้
อย่างไรก็ตามสารกัดกร่อนสิ่งของได้กัดกร่อนเกราะเงินของนาง ได้ยินเสียงแตกของมัน ขณะที่มันละลายเกราะของนางเป็นของเหลวสีเขียว เย่ว์หยางตกใจหนักรีบเทเลพอร์ตไปอยู่ข้างนางทันที เขารีบใช้ดาบจันทร์เสี้ยวฟันและเฉือนเกราะหนักของนางทีละชิ้นๆ นอกจากนี้เขายังรีบใช้มือขวาถอดดเกราะที่ละลายออกไป เพื่อไม่ให้ร่างกายนางถูกสารกัดกร่อนไปด้วย
ใช้เวลาไม่ถึง 2 วินาที เย่ว์หยางถอดเกราะองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำให้นางเหลือแต่ตัวเปล่า
“ระวัง!” เสวี่ยอู๋เสียเตือนเสียงดัง
“ควับ, ควับ…” ก้านตาของปูหน้าผีระเบิดออกทันที และฉีดน้ำสีเขียวสองสายพุ่งตรงมายังเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่สนใจตนเอง นางกอดเย่ว์หยางโดยอัตโนมัติและกระโดดถอยหลัง
นางกอดเย่ว์หยาง ขณะที่พวกเขาหลบน้ำที่ฉีดออกมาสองสาย
ในที่สุดเมื่อนางรู้ตัว สภาพในตอนนี้ทำให้ดูเข้าใจผิดอย่างมาก ขณะที่นางกอดศีรษะเย่ว์หยางแนบอกนางเอาไว้ หน้าของเย่ว์หยางซบอยู่ระหว่างร่องอกนางซึ่งไม่มีอะไรปกปิด องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอับอายมาก นางต้องการจะพูดบางอย่าง แต่เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นเหมือนไม่เห็นอะไร เขาแค่สำรวจร่างกายองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอย่างใกล้ชิด ในที่สุดก็ถอนหายใจโล่งอกเมื่อเขาเห็นว่าบนร่างของนางไม่มีอาการบาดเจ็บ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้มือข้างหนึ่งปิดหน้าอก และใช้อีกข้างหนึ่งต่อยเย่ว์หยางพลางตวาดว่า “เจ้ากำลังทำอะไร?”
ในที่สุดเย่ว์หยางก็เรียกสติคืนมา เขาเข้าใจว่าทำให้แม่เสือสาวอาย
ความจริงชุดของนางจะถูกทำลายหมดเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาฝึกผสานกาย อกขาวราวหิมะของนางไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงแต่เขาแกล้งทำเป็นไม่เห็น แน่นอนว่าแม่เสือสาวยังใส่ใจเรื่องชื่อเสียงของนาง ดังนั้นเขาได้แต่หัวเราะแหะๆ “ข้านึกว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทั้งอายทั้งปลื้ม นางจ้องเขาและพูดว่า “เจ้าต่างหากที่จะถูกทำร้าย เจ้าไม่รู้วิธีหลบน้ำพิษที่ฉีดออกมาหรือ โง่ ไม่มีหัวคิด!”
“ข้ามีแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้น มันก็แค่ฉีดน้ำพิษออกมา ไม่มีผลอะไรต่อข้าอยู่แล้ว” เย่ว์หยางหัวเราะ
“น่าโมโหนัก, เจ้าโง่เง่า!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจำได้ว่าเขาครอบครองแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี พิษทุกอย่างเป็นเหมือนยาชูกำลังสำหรับเขา นางกังวลมากเกินไป แสดงให้เห็นนิสัยนางที่ต้องการปกป้องเขา อย่างนั้นนางจะยอมให้เขาเอาเปรียบนางด้วยหรือ? เมื่อนางนึกไปในทำนองนั้น หน้าของนางกลายเป็นสีแดง นางเห็นเสื้อผ้าที่เย่ว์หยางนำออกมาให้นางเป็นของนางจริงๆ ไม่ใช่ของเย่ว์ปิง ทำให้นางรู้สึกวาบหวามใจ อย่างไรก็ตามปากของนางก็ยังติต่อไป “ใครขอให้เจ้าถอดชุดผู้อื่นโดยพลการกันฮึ? อะไรนี่? เจ้าเอาชุดชั้นในข้ามาด้วยหรือนี่? เจ้าโรคจิต!”
นางเขินอายเมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางเก็บไว้แม้กระทั่งชุดชั้นในของนาง นางยกมือสาบานว่าจะไม่มีทางยกโทษให้เขาแน่นอน
เสวี่ยอู๋เสียแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไร
สำหรับเมดูซ่าศิลาและนางเงือกวายุ ต่างก็มองดูด้วยความสนใจ ขณะเดียวกันพวกนางก็ศึกษาพฤติกรรมรูปแบบต่างๆ ของมนุษย์ไปด้วย สำหรับพวกนางปฏิสัมพันธ์และความรู้สึกที่ใกล้ชิดของมนุษย์คือสิ่งที่ขาดแคลนในชีวิตพวกนาง ถ้าพวกนางต้องการกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ พวกนางจำเป็นต้องเรียนรู้จากเจ้านายพวกนางก่อน
พอสวมใส่ชุดรวดเร็วราวกับสายฟ้า องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงกระหน่ำทุบหน้าอกเย่ว์หยาง เพราะนางทนอายไม่ได้
ขณะเดียวกัน นี่ยังเป็นการห้ามไม่ให้เจ้าเด็กนี่ใช้สายตาลามกมองดูนาง
หลังจากพวกเขาควักผลึกเวทของปูออกมาแล้ว เย่ว์หยางไม่ได้ไล่ตามปูหน้าผีกัดกร่อนเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดิน
สำหรับซากของปูหน้าผี เขาเพียงแต่เก็บก้ามยักษ์ของพวกมันไว้ และทิ้งกระดองและส่วนอื่นๆ เดิมทีส่วนเหล่านั้นถือเป็นวัสดุสร้างเกราะเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญในขณะนี้ก็คือตามหาคนที่หาย ดังนั้นพวกเขาตัดสินใจทิ้งกระดองปูและส่วนอื่นๆ
พวกเขากลับเข้าเส้นทางของพวกเขาก่อนนั้นและล่องไปตามกระแสน้ำต่อไป
เหตุผลที่พวกเขาไม่สามารถหาร่องรอยพวกเขาได้ในน้ำก็คงเป็นเพราะจุนอู๋โหย่วและนักรบอื่นล่องไปตามกระแสน้ำ ดังนั้นกระแสน้ำจึงล้างกลิ่นพวกเขาออก กลิ่นที่เหลือจึงเจือจางมากแล้ว และยังผสมกับกลิ่นของสัตว์ประหลาดในน้ำ แม้แต่ฉลามเสือทองที่มีประสาทรับกลิ่นไวมากก็ยังไม่สามารถจำแนกความต่างกันได้ ล่องไปตามกระแสน้ำ พวกเขาพบสัตว์น้ำประหลาดกำลังมองมา อย่างน้อยพวกมันก็เป็นอสูรทองแดง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอสูรเงิน มีจำนวนน้อยที่เป็นอสูรทองที่มองเห็นได้เป็นครั้งคราว
ในทางผ่านโบราณนี้ อย่างน้อยที่สุดสัตว์ประหลาดในนี้อยู่ในระดับเดียวกับชั้นห้าหอทงเทียน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกังวลเล็กน้อย เกรงว่าบางอย่างจะเกิดขึ้นกับพระบิดาของนาง
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะถูกเผ่าปีศาจบูรพาปล่อยตัว ตอนนี้พวกท่านยังเพิ่งผ่านเหตุเปลี่ยนแปรอีกมากมายด้วย
“ดูเหมือนจะได้ร่องรอยใหม่? เป็นรอยเลือด!” ทันใดนั้นฉลามเสือทองได้กลิ่นเลือดและเริ่มว่ายน้ำเร็วดุจลูกธนู เมื่อมันไปถึงที่แห่งหนึ่ง เย่ว์หยางตระหนักว่ามีรอยเลือดอยู่บนผิวหินข้างหน้าพวกเขา เลือดยังไม่ข้น แสดงว่าคนได้รับบาดเจ็บยังไปจากที่นี่ไม่นาน
ลักษณะของรอยเลือดทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกังวลห่วงใยพระบิดานางและนักรบคนอื่นๆ ว่าจะพบกับสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่ง นางเกรงว่าชีวิตของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย หัวใจของนางเต้นรัวเร็ว
เย่ว์หยางปลอบนางขณะที่พวกเขามุ่งหน้าตามหาต่อไป
ทันใดนั้นข้างหน้า แม่น้าเลี้ยวเข้าน้ำตกขนาดยักษ์กะทันหัน ฉลามเสือทองซึ่งกำลังว่ายมาเต็มแรงไม่อาจหยุดได้ทันเวลา ดังนั้นมันจึงกระโจนลงไปในน้ำตกพร้อมกับเย่ว์หยางและคนอื่นๆ บนหลังของมัน ด้านล่างของน้ำตกไม่สามารถมองเห็นได้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, และเสวี่ยอู๋เสียกอดเย่ว์หยางแน่นขณะที่พวกเขาตื่นเต้นที่ตกลงมาจากที่สูง และกรีดร้องออกมา
ก่อนที่จะตกลงไปในน้ำเบื้องล่าง เย่ว์หยางกอดทั้งสองสาวไว้ขณะที่เขาใช้พลังปราณก่อกำเนิดชลอตัวในอากาศ พวกเขาลอยอยู่ในอากาศและเลื่อนลงมาช้าๆ
อย่างไรก็ตาม ฉลามเสือทองยังคงถูกปล่อยให้พุ่งลงไปในน้ำเบื้องล่างเหมือนกระสุนปืนใหญ่ และเอาตัวรอดได้ น้ำกระเซ็นสูงขึ้นมาถึงสิบเมตร
เสี่ยวเหวินหลีปรากฏตัวด้วยแสงรุ้งอีกครั้งและชี้ไปที่เบื้องหน้า
ในที่สุดเธอก็รู้สึกว่ามาถูกที่ มีคนอยู่เบื้องหน้า
เย่ว์หยางไม่สามารถรอให้ฉลามเสือทองหายงง เขาพาหญิงสาวทั้งสองเหินข้ามน้ำพุ่งไปข้างหน้า
พวกเขาไปกันเร็วขึ้น กลิ่นคาวเลือดชัดเจนขึ้น ในที่สุดแม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียก็รู้สึกได้เช่นกัน หลังจากรุดหน้าไปได้ 2-3 กิโลเมตร มีหาดทรายขนาดยักษ์อีกแห่งหนึ่ง เย่ว์หยาง, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียมองเห็นจุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และนักรบอื่นๆ กำลังร่วมกันต่อสู้กับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ เป็นสัตว์ประหลาดที่ดูแปลกประหลาด แต่แข็งแกร่งมาก มันไม่สนใจว่ามันถูกรุมล้อม แต่มันกลับไล่ต้อนนักรบถอยกลับไปแทน พวกผู้เยาว์ เหยียนพั่วจวินและเฟิงชิซายังคงหมดสติเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แม้แต่อาจารย์ตาเหยี่ยวผู้ค่อนข้างแข็งแกร่งก็ยังมีเลือดท่วมตัว
ดูเหมือนกลิ่นคาวเลือดที่พวกเขารับรู้มาตลอดทางคงจะเป็นของเขา
เมื่อเย่ว์หยางเห็นสถานการณ์วิกฤติ เขาไม่ยอมเสียเวลาทักทายจุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ต่อไป ทันใดนั้นเขาตวาดลั่นและชักดาบจันทร์เสี้ยวและดาบฮุยจินออกมา เรียกพลังหยินและพลังหยางแล้วยิงและฟันไปยังสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์
“ปลอดภัยแล้วตอนนี้ ในที่สุดเจ้าเด็กนั่นก็มาถึงจนได้” เมื่อจุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เห็นเย่ว์หยางพุ่งตรงมาทางเขาเหมือนดาวตกกับไฟและน้ำแข็งในดาบทั้งสอง พวกท่านถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุด
*******************