===============
สัตว์ประหลาดที่เย่ว์หยางจู่โจมใส่ดูเหมือนจะประหลาดพิลึกกึกกือ มันมองดูเหมือนปลามีเขาและเหมือนหนอนที่มีก้าม
สัตว์ประหลาดนั้นมีแขนสิบข้างเหมือนหนวดปลาหมึกซึ่งเต็มไปด้วยปุ่มหนามและแผ่นดูดขนาดแตกต่างกัน หนวดยังมีปากแดงเหมือนเลือดขนาดใหญ่อยู่ตรงปลายหนวด สามารถปล่อยเหล็กไนพิษคล้ายกับหลาวได้ ร่างของมันใหญ่โตปานภูเขา และมันมีความสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ มันสามารถเปิดผิวเมื่อใดก็ได้แสดงให้เห็นปากที่น่ากลัวของมันพร้อมกับฟันฉลามในปาก มองคล้ายกับอมีบา
ตาของมันอยู่บนหัวฝังอยู่ในเนื้อของมัน
มีตานับไม่ถ้วนอยู่ด้านข้างทั้งสอง
สัตว์ประหลาดมีเขาอยู่บนหัวของมัน เขาแหลมคมนับสิบปกคลุมอยู่บนส่วนยอดบนหัวของมัน
ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ใช้เพียงปกป้องตนเอง แต่ยังคงใช้เป็นอาวุธโจมตีอีกด้วย
ไฟและน้ำแข็งของเย่ว์หยางกระแทกลงบนพื้น ถ้าเป็นปูหน้าผีกัดกร่อน มันก็คงระเบิดตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม สัตว์ประหลาดที่แปลกตัวนี้กลับคลั่งแทนเมื่อมันเจอพลังไฟและน้ำแข็งของเย่ว์หยางโจมตี มันไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก พูดให้ถูกก็คือ มันแค่เจอพลังตัดของดาบจันทร์เสี้ยวและดาบฮุยจินของเย่ว์หยาง พลังไฟและน้ำแข็งไม่มีผลต่อร่างมหึมาของมัน ผิวนุ่มของมันดูเหมือนต้านทานไฟและน้ำแข็งได้ เย่ว์หยางเห็นว่าแม้ว่าหนังของมันจะถูกไฟไหม้ แต่มันจะลอกออกอย่างรวดเร็ว ขณะที่น้ำแข็งจะแช่แข็งร่างของมันได้เล็กน้อยและทำให้มันเคลื่อนไหวช้าลง แต่ผลกระทบลดลงอย่างมากขณะที่มันหายได้รวดเร็ว
เย่ว์หยางประหลาดใจมากกับผลเช่นนี้ มันต้านทานไฟและน้ำแข็งได้จริงๆ หรือนี่?
นี่มันสัตว์ประหลาดแบบไหนกันแน่?
มีสัตว์ประหลาดอยู่มากที่ต้านทานไฟได้ แต่มีสัตว์ประหลาดเพียงน้อยที่ต้านทานไฟและน้ำแข็ง และการปะทะกันของธาตุทั้งสอง
“ระวังนะ เจ้าตัวนี้ต้านทานไฟได้และพลังโจมตีของมันยากจะรับมือได้!” เฟิงขวง, เฟิงเส้าหวิน, เสวี่ยเวิ่นเต้า, เหยียนเชียนจ้ง, ราชันย์ฟ้าบูรพา, ราชันย์ฟ้าปัจจิมและคนอื่นๆ ที่เริ่มสู้กับสัตว์ประหลาดนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่พวกเขาถอยออกมาทันทีเมื่อพวกเขาเห็นเย่ว์หยาง ปล่อยให้การต่อสู้เป็นของนักสู้ปราณก่อกำเนิด เฟิงขวงตะโกนเตือนเย่ว์หยาง “มันรักษาตนเองได้ ดังนั้นมันจึงต้านทานแรงฟันและรักษาบาดแผลได้ เจ้าต้องนึกหาวิธีอื่น”
“….” แน่นอนว่าเย่ว์หยางมีวิธีจัดการกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ แม้ว่ามันจะต้านไฟได้ แต่เพลิงอมฤตสามารถเผามันจนตายแน่นอน
ตราบใดที่รูปแบบชีวิตของมันไม่บริสุทธิ์ เพลิงอมฤตจะเผาผลาญรูปแบบชีวิตและวัตถุได้ แม้แต่วิญญาณและพลังจิตก็ยังไม่สามารถต้านทานพลังชำระล้างได้เลย ถ้ามันทรงพลังและมีความประสงค์แรงกล้า กระบวนการชำระก็จะใช้เวลานาน แต่มันก็ยังใช้ได้ผล ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะต้านเพลิงอมฤตได้
แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้ายังถูกเผาถึงจุดที่นางอยากตาย
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยาง นางคงไม่สามารถทนต่อพลังกระแสเพลิงอมฤตได้เอง
เพราะเพลิงอมฤตเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ มันสามารถทำลายสรรพสิ่งในโลกแม้ที่มีความปนเปื้อนอยู่เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เพลิงอมฤตยังมีความสามารถพิเศษในการเกิดใหม่ซึ่งเป็นสาเหตุให้คนจำนวนหนึ่งในโลกเคารพบูชาเพลิง ไม่มีการประเมินเรื่องนี้แต่แรก เพราะไม่มีเพลิงอื่นหรือจิตตานุภาพอื่นที่มีผลต่อเพลิงอมฤต เพลิงอมฤตสามารถเผาผลาญและชำระทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตได้
เย่ว์หยางอาจเป็นเพียงนักรบคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ควบคุมเพลิงอมฤตได้เต็มที่
แน่นอนนี่เป็นบางสิ่งที่ต้องทำร่วมกับหงส์เพลิงคุ่
นอกจากเพลิงอมฤตแล้ว เย่ว์หยางยังมีวงจักรล้างโลก
เขามีวงจักรล้างโลกซึ่งอาบด้วยอักษรรูนโบราณและรูนสวรรค์ นี่ทำให้เขาคงอยู่ได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าเย่ว์หยางใช้ทักษะนี้ แม้แต่ซุ่นเทียนผู้แข็งแกร่งมาก ก็ยังต้องรับมือด้วยความยากลำบาก
เหตุผลที่เย่ว์หยางไม่สามารถใช้พลังวงจักรล้างโลกได้เต็มที่ไม่ใช่เพราะเขามีพลังไม่พอ แต่เป็นเพราะเย่ว์หยางไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมันได้เต็มที่
นอกจากสองทักษะแล้ว เย่ว์หยางยังมีท่าสังหารศัตรูสูงสุดอีกมาก
ไม่เพียงแต่ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เท่านั้น แม้แต่ธนูเพลิงศรน้ำแข็งที่เย่ว์หยางสร้างขึ้นก็น่ากลัวมาก
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่ได้ใช้ไม้ตายเหล่านี้
เขากลับเริ่มลอบกลั่นระเบิดดวงดาวแทน
สัตว์ประหลาดจอมละโมบเตรียมจะกินเย่ว์หยางทั้งตัวด้วยปากยักษ์ของมัน เย่ว์หยางซัดระเบิดดวงดาวเข้าไปในปากของมันแล้วถอยออกมาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามดูเหมือนสัตว์ประหลาดจะไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี ดูเหมือนอวัยวะภายในของมันยังคงมีพลังป้องกันที่สูง
“บึ้ม!”
“มันสามารถกลืนกินคลื่นกระแทกได้!” จอมยุทธดาบทองเตือนเย่ว์หยางเสียงดัง เขาถือโอกาสปล่อยคลื่นดาบและฟันใส่มันเมื่อสัตว์ประหลาดอ้าปาก คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
เย่ว์หยางกำหมัดแน่น นี่คือการพยายามเร่งให้สนามพลังทำงาน
สนามพลังของเขา ระเบิดดวงดาวซึ่งเล็กพอๆ กับลูกบอลในตอนนี้ระเบิดทันทีภายในท้องของสัตว์ประหลาดน่าเกลียดนั้น
สัตว์ประหลาดน่าเกลียดสามารถกลืนพลังงานคลื่นกระแทกได้แน่นอน
แต่ก็ยังคงขึ้นอยู่กับว่าเป็นพลังงานแบบไหน
ตัวอย่างเช่น มดมีความสามารถในการขนย้ายเมล็ดข้าว นี่คืออยู่ในช่วงของการใช้พลังงาน สำหรับมด การยกเมล็ดข้าวง่ายๆ เป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว แต่ถ้ามันถูกให้ขนย้ายก้อนหินแทน ไม่ว่ามดตัวน้อยจะแข็งแรงเพียงใดก็ตามมันก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายลูกหินได้
ถ้าพลังคลื่นดาบของจอมยุทธดาบทองใหญ่เหมือนกับที่มดยกเมล็ดข้าว อย่างนั้นสนามพลังระเบิดดวงดาวของเย่ว์หยางก็เป็นเหมือนก้อนหินหนักห้าตัน
รูเลือดขนาดใหญ่ระเบิดเปิดท้องของสัตว์ประหลาดน่าเกลียดทันที
หนวดปลาหมึกของมัน เขาแหลมคมบนหัวของมัน ตาที่น่าเกลียดและอวัยวะภายในของมันทั้งหมดระเบิดออกมาเหมือนน้ำพุ
ด้วยจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง เขามองเห็นมุกดำลอยออกมาจากร่างของมัน
เอ๋?
นั่นต้องเป็นของดีแน่!
เย่ว์หยางแอบคว้ามันและเก็บไว้ในแหวนลิช จากนั้นเขาหันกลับไปที่สัตว์ประหลาด ร่างของมันถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง แต่สัตว์ประหลาดนั่นยังมีชีวิตอยู่
จุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ ตื่นเต้นอย่างมาก
พวกเขาสู้กับสัตว์ประหลาดนั่นมาครึ่งวัน ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่สามารถฆ่าสัตว์ประหลาดน่าเกลียดจอมตะกละได้ แต่พวกเขายังเกือบถูกมันฆ่าอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางทำลายร่างมันไปครึ่งหนึ่งด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ดูเหมือนนักสู้ปราณก่อกำเนิดมีระดับที่แตกต่างจริงๆ เฟิงขวงและเฟิงเสี่ยวหวิน, เสวี่ยเวิ่นเต้าและคนอื่นๆ ได้แต่มองหน้ากันเองและยิ้มขมขื่น พวกเขาทุกคนคิดว่าเย่ว์หยางไม่เหมือนกับเย่ว์หยางที่พวกเขาเคยเห็นเมื่อไม่กี่เดือน เขาแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน ตอนนี้ เขาใช้ได้กระทั่งสนามพลัง ความรุดหน้าครั้งนี้ไวปานสายฟ้า น่าเสียดายที่เฟิงชิซาและเหยียนพั่วจวินที่เป็นผู้เยาว์ระดับเดียวกันยังคงเป็นนักสู้ระดับ 6 แม้จะมีประสบการณ์มากแต่ก็ยังเกือบตายด้วยเงื้อมมือของเผ่าปีศาจบูรพา
นักสู้ระดับ 7 เป็นเหมือนภูเขาใหญ่ที่ขวางหน้าของผู้เยาว์ทั้งสองนี้
พวกเขาจะเทียบกับเย่ว์หยางผู้ที่ไม่เพียงแต่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเท่านั้น แต่ยังเชี่ยวชาญสนามพลังได้อย่างไร นั่นเป็นพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 หรือสูงกว่านั้นถึงจะทำได้
It was really frustrating to compare themselves to another person!
เป็นที่น่าผิดหวังจริงๆ ถ้าจะเปรียบเทียบตัวพวกเขากับคนอื่นๆ
“เอ๋?” เย่ว์หยางตระหนักว่าร่างครึ่งหนึ่งของสัตว์ประหลาดที่ถูกทำลายไปแล้วค่อยๆ ฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บ แม้ว่าร่างของมันจะถูกทำลายไปเกือบทั้งหมดแล้ว แต่เนื้อและหนังก็งอกขึ้นมาใหม่ ภายในห้านาที มันก็กลับสู่สภาพปกติ
แน่นอนว่า พลังของมันลดลงอย่างมาก ตอนนี้มันดูแตกต่างเล็กน้อยจากลักษณะก้าวร้าวของมันก่อนนั้น
นอกจากต้องการพลังงานมากเพื่อฟื้นฟูร่างที่ถูกทำลายแล้ว เย่ว์หยางคิดว่าเหตุที่ทำให้สัตว์ประหลาดนี้อ่อนแอลงต้องเป็นเพราะมุกที่เขาเก็บเข้าแหวนลิชไปเรียบร้อยแน่ ดูเหมือนมีพลังที่ซ่อนเร้นบางอย่างอยู่ในมุกดำลูกนี้
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทักทายจุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ เพียงไม่กี่คำ ทันทีที่พวกนางเห็นว่าสัตว์ประหลาดฟื้นคืนสภาพแล้ว พวกนางรีบเข้ามาช่วยเย่ว์หยางทันที
พอเห็นธิดาปล่อยบิดาให้รอก่อนและไล่ตามคนรักของนางไป จุนอู๋โหย่วไม่อาจทำอะไรได้ ได้เพียงแต่มองผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และยิ้มจนใจพลางส่ายศีรษะ
ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถหลีกหนีสัมพันธ์อาภัพเช่นนี้ได้ต่อไป
ในอนาคต ชื่อและลำดับอาวุโสต้องแยกจากกัน มิฉะนั้นจะกลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิง
ถ้าเขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจ ก็คงเป็นความเห็นแก่ตัวของเขา แน่นอนพวกเขาหวังว่าจะรับความเห็นชอบจากสองครอบครัวก่อนที่พวกเขาจะได้แต่งงานกันอย่างมีความสุข แค่ช่วงเวลาที่เขาอนุมัติ การจัดลำดับอาวุโสระหว่างครอบครัวก็จะกลายเป็นเรื่องน่าอึดอัด จุนอู๋โหย่วได้เห็นอะไรมาหลายอย่างหลังจากกลับมาจากเผ่าปีศาจบูรพา เขาคิดว่าธิดาของเขาจะตกเป็นเบี้ยล่างเย่ว์หยาง ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็ยังเป็นบุตรเขยผู้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาอาจจะทะเลาะกันเพื่อยื้อแย่งให้ลูกสาวแต่งงานกับเย่ว์หยาง ตัวอย่างเช่น ราชันย์ฟ้าบูรพาผู้นิสัยแข็งกระด้าง เขาไม่เคยคิดถึงชื่อเสียงหรืออะไรอื่น เขาตรงดิ่งมาหาเย่ว์หยางทันทีและช่วยให้ธิดามีความสุขในชีวิตของนางทันที
สหายผู้นั้นเป็นบิดาที่ดีอย่างแท้จริง
เสวี่ยอู๋เสียจับมือเย่ว์หยางและเริ่มเรียกพลังน้ำแข็งของนาง
อุณหภูมิของพื้นที่ทั้งหมดลดลงฮวบฮาบ
ด้วยความช่วยเหลือของพลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยาง พายุหิมะที่สร้างโดยการรวมพลังหยินจากเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียจะน่ากลัวขนาดไหน พวกเขาใช้การผสานกายด้วยความเข้าใจหรือนี่?
คำตอบสามารถเห็นได้จากใบหน้าของจุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ
จุนอู๋โหย่วและคนอื่นตระหนักได้ว่าสิบวินาทีที่ผ่านมา อุณหภูมิยังปกติอยู่ อย่างไรก็ตาม จู่ๆ ลมหายใจที่พวกเขาระบายออกมา ก็เปลี่ยนเป็นไอหมอก ผิวทะเลสาบปั่นป่วนเนื่องจากคลื่นกระแทกจากการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม ทะเลสาบกำลังแข็งตัวอย่างรวดเร็วทั้งที่มองด้วยตาเปล่า
หิมะโปรยปรายลงพื้นขณะที่น้ำแข็งบนพื้นผิวทะเลสาบทับถมหนาต่อเนื่อง ในที่สุดแม้ตอนที่สัตว์อสูรของเจ้าเมืองไป๋ฉือก้าวลงไปบนผิวน้ำแข็ง ก็ยังสามารถทนรับน้ำหนักที่มากเป็นพันๆ ชั่งโดยไม่มีการแตกร้าว เมื่อเฟิงขวงและคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ทุกคนตะลึงตกใจกันหมด กลับกลายเป็นว่าไม่เพียงเย่ว์หยางเท่านั้นที่ไม่ธรรมดา แม้แต่เสวี่ยอู๋เสียก็ยังน่ากลัวอีกด้วย นางอาจจะยังไม่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดในตอนนี้ แต่ก็ใกล้เต็มที ตราบใดที่นางยังคงฝึกฝนให้ก้าวหน้าอีกเล็กน้อย นางจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดแน่นอน
อาจารย์ตาเหยี่ยวคิดว่า แม้แต่รองครูใหญ่..อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็ยังไม่เคยทำให้เขารู้สึกถึงพลังกดดันมากมายเมื่อยามที่เขาปลดปล่อยพลังครั้งก่อน
ยังจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดอายุยี่สิบปีอีกคนหรือนี่?
จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่มองหน้ากันและกันทั้งมีความสุขทั้งตื่นเต้น
พวกท่านรู้ว่านางได้รับความช่วยเหลือจากเย่ว์หยางแน่นอน มิฉะนั้น ไม่ว่าเสวี่ยอู๋เสียจะมีพรสวรรค์เพียงใด นางก็ยังไม่สามารถกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดในวัยยี่สิบเป็นแน่
พวกท่านไม่สนว่าทั้งสองคนนั้นจะเป็นคู่ครองหรือคนรัก พวกท่านรู้แต่ว่าอาณาจักรต้าเซี่ยจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดในไม่ช้านี้ ท่านทั้งสองหวังว่า ต้าเซี่ยจะคงอยู่ได้เป็นพันๆ ปีและอยู่รอดได้หลายชั่วอายุคน แน่นอนว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดใหม่จะปรากฏขึ้นและช่วยปกป้องอนุชนรุ่นหลัง
“ฮ่า…!”
ทันใดนั้นเย่ว์หยางประสานนิ้วกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนซึ่งยืนอยู่ข้างขวา ขณะที่นางตวาดลั่น
ปราณของนางเหมือนกับพายุหมุนรุนแรงถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างนาง
แรงปะทะจากคลื่นอัดกระแทกที่ถูกปล่อยออกมานั้นแทบจะทำให้เหยียนเชียนจ้ง, เฟิงเสี่ยวหวิน, เสวี่ยเวิ่นเต้าและนักรบผู้แข็งแกร่งอื่นๆ ยืนแทบไม่อยู่ อาจารย์ตาเหยี่ยวเกือบจะล้มลงจากแรงฉุดกระชากของลม สำหรับเหยียนพั่วจวินและเฟิงชิซาผู้ยังหมดสติ พวกเขาเกือบปลิวไปเป็นสิบเมตรแล้ว โชคดีที่เจ้าเมืองไป่ฉือและจอมยุทธดาบทองคว้าตัวไว้ทัน ด้วยพลังแรงระเบิดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นักสู้รุ่นอาวุโสถึงกับอึ้งตะลึงงันไปอีกคำรบหนึ่ง
นาง นางก็ยังเป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดด้วยหรือ?
เดี๋ยวนี้การเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดกลายเป็นเรื่องง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“….” นัยน์ตาของจุนอู๋โหย่วเบิกโพลงด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ท่านไม่กล้าพอที่จะยอมรับธิดาของท่านเองในตอนนี้เสียแล้ว
“ดี, ดี, ทำได้ดีมาก!” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ลูบเคราด้วยความสุขใจ เรื่องนี้จะไม่ดีได้อย่างไร? ในเมื่อเขาจะได้หลานสะใภ้ที่เป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกคนหนึ่ง เย่ว์หยางเก่งเกินไปแล้ว เขาไม่เพียงแต่มีภรรยาหลายคนเท่านั้น แต่พวกนางทุกคนยังคงประชันความสามารถกันและกัน เขาไม่เห็นโล่วฮัวและอี้หนาน ดังนั้นเขาไม่รู้ แต่เชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียเป็นชั้นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว ถ้าทุกคนอยู่ร่วมกันในตระกูลเย่ว์ งั้นตระกูลเย่ว์ก็มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดสามคนมิใช่หรือ?
เย่ว์หยางนำเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนขณะที่พวกเขายังลอยตัวอยู่ในท้องฟ้า
เสวี่ยอู๋เสียปล่อยพลังหยินของนางและเตรียมตัวจะแช่แข็งสัตว์ประหลาดที่เคลื่อนไหวได้ช้าให้เป็นตุ๊กตาน้ำแข็ง เย่ว์หยางพาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรุกหน้า
ในท้องฟ้า มีภาพที่เหมือนกับพยัคฆ์ขาวคำราม
ปราณกระบี่สายหนึ่งยาว 2-3 เมตรขยายออกมาจากดาบขององค์หญิงเชียนเชี่ยน
ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนควงดาบ ปราณกระบี่ก็ตัดผ่าอากาศและฟันใส่สัตว์ประหลาดที่ถูกแช่แข็งเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง
ในช่วงที่ควงดาบ มือซ้ายขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังกุมมือขวาของเย่ว์หยางไว้แน่นตลอดช่วงเวลานั้น
แรงฟันนั้นดูเหมือนมีพลังผ่าฟ้าทลายโลก
ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว รูปปั้นน้ำแข็งก็ถูกตัดขาดครึ่ง
“พยัคฆ์ขาว โจมตี!”
เสียงขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่งคลื่นกระแทกลงบนพื้นทันทีที่นางตวาด นี่คือพยัคฆ์คำรามที่เย่ว์หยางฝึกให้นางอย่างเอาใจใส่
เสียงคำรามนี้ ทำให้รูปปั้นน้ำแข็งที่ถูกฟัน ขาดแตกสลาย
ทันใดนั้นมันก็แตกสลายเป็นก้อนน้ำแข็งล้านๆ ชิ้น
จุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และนักรบอาวุโสผู้แข็งแกร่งอื่นๆ มองดูภาพข้างหน้าพวกเขาอย่างตกตะลึง พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่พวกเขาเห็น นี่..นี่คือ..จ้าวอสูรทองระดับ 8 มันถูกเย่ว์หยางและสองสาวสังหารในกระบวนท่าเดียว อย่างนั้นหรือ?
เป็นไปได้หรือที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดจะสามารถสังหารสัตว์ประหลาดชั้นทองระดับ 8 ได้ฉับพลัน?
นี่ นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้?
ยิ่งกว่านั้น องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียยังคงเป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกด้วย!
เย่ว์หยางไม่สนใจปฏิกิริยาของพวกเขา เขาวุ่นวายกับการค้นหาผลึกเวทของสัตว์ประหลาดน่าเกลียด ในใจของเขาคิดว่า เป็นอสูรทองระดับ 8 แล้วยังไง? อสูรศักดิ์สิทธิ์และนักสู้ปราณก่อกำเนิดเขาก็ยังฆ่ามาแล้ว
*************