===============
เย่ว์หลิ่งไม่ได้รู้สึกผิดหวังกับการกลับมาของผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ ตรงกันข้ามเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แรงกดดันของการเป็นรักษาการประมุขตระกูลช่างมหาศาลเสียจริง ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเย่ว์หยางคอยสนับสนุน เย่ว์หลิ่งคิดว่าเขาคงจะพังทลายไปแล้ว ตอนนี้บิดาของเขากลับมาแล้วแรงกดดันจึงลดลงฮวบฮาบ
เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่บิดาของเขายกย่องเขามากกว่าครั้งไหนๆ ทำให้เขาพึงพอใจ
ไม่ใช่ความพึงพอใจจากการได้รับอำนาจ แต่เป็นความพึงพอใจจากสายใยครอบครัวที่เขาไม่ได้รู้สึกมายาวนาน
ภายใต้แรงกดดันของพี่น้องที่โดดเด่นของเขาเย่ว์ซานและเย่ว์ชิว, ทำให้เย่ว์หลิ่งไม่เคยมีคุณค่าและเป็นที่ยอมรับจากบิดาจนกระทั่งวันนี้ แม้ว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่จะกลับมาแล้วก็ตาม เขายังพาเย่ว์ถิงที่เขาเอาไปซ่อนตัวไว้ในที่ลับกลับมาด้วย อย่างไรก็ตามตำแหน่งรักษาการประมุขตระกูลก็ยังคงอยู่กับเย่ว์หลิ่ง
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่สัญญากับเย่ว์หลิ่งว่า ถ้าเย่ว์เฟิงต้องการเป็นประมุขตระกูล เขาจะให้โอกาสที่เท่าเทียมกันและสอนให้ความรู้ให้เขา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่ว์หลิ่งตื้นตันใจมากจนร้องไห้
เพราะลักษณะทางกายภาพ, สัตว์อสูรและบุคลิกของเย่ว์ถิง บิดาของเขาและเหล่าผู้อาวุโสต่างเลือกให้เขาเป็นประมุขตระกูล อย่างไรก็ตาม สัญญาเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมของบิดาของเขา เย่ว์เฟิงไม่เหมาะจะเป็นประมุขตระกูล แต่อย่างน้อยที่สุด บิดาก็จะไม่ละเลยเรื่องการศึกษาของเขา บิดาของเขายอมรับเย่ว์เฟิง และด้วยคำชี้แนะของเย่ว์หยางในอนาคต ประกอบกับความจริงที่ว่าศักยภาพของเขาไม่เลว เย่ว์หลิ่งเชื่อว่ามิใช่เป็นไปไม่ได้ที่บุตรชายของเขาจะเลื่อนชั้นเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ในร้อยปี
“เสี่ยวซาน! เนื่องจากเจ้าไม่ต้องการเป็นประมุขตระกูลและเจ้าก็งานยุ่งมาก ปู่จะไม่บังคับเจ้า จงรับนี่ไว้ ตระกูลเย่ว์หวังจะสร้างนักสู้ปราณก่อกำเนิดสักคน เราตั้งความหวังกันมาหลายร้อยปีแล้ว สิ่งนี้ได้รับตกทอดให้ประมุขตระกูลเป็นเวลาหลายร้อยปีหวังว่าจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดสักคน แต่ก็มักจะไม่มีโอกาสเสมอ.. วันนี้ปู่ขอมอบให้เจ้า”
ต่อหน้าทุกคน ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่มอบผลึกอักษรรูนให้เย่ว์หยาง
นี่คือกุญแจตำหนักหุ่นที่แท้จริง
ตำหนักหุ่นถูกสร้างขึ้นโดยภูตอัจฉริยะเย่ว์กง สามวีรบุรุษยุครุ่งเรืองของตระกูลหวังว่าจะสร้างนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ในอนุชนรุ่นหลัง เขาจะได้รับตกทอดสมบัติใหญ่ที่สุดของตระกูล เป็นผลให้พวกเขาเก็บสมบัติทั้งหมดจากเมื่อพันปีที่แล้วไว้ในตำหนักหุ่น เดิมที เย่ว์ไห่คิดว่าเย่ว์ชิวบุตรของเขาเองจะมีโอกาสมากที่สุดที่จะได้รับตกทอดกุญแจตำหนักหุ่น เขาไม่ได้คาดไว้เลยว่าบุตรเขาจะตาย และผู้ที่รับตกทอดกุญแจตำหนักหุ่นแทนก็คือหลานชายผู้ไม่มีอะไรดี เย่ว์หยางที่ทำได้ดีเกินคาดหวัง ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ต้องการจะให้กุญแจตำหนักหุ่นนี้กับเย่ว์หยางมานานแล้ว แต่หลานชายคนนี้อารมณ์ร้าย เขาไม่รู้ว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อตระกูลเขาเกือบพังพินาศด้วยฝีมือของเย่ว์ชิวตัวปลอม เขาก้าวเข้ามาอย่างกล้าหาญและสู้อย่างสุดกำลังกับซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย ตัดหัวผู้อาวุโสนิกายสองคนที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขา นิกายบรรพตขจี และยังฆ่าพันธมิตรเจ็ดดาว เขาใช้พลังของตนเองพลิกสถานการณ์การต่อสู้และเพิ่มกำลังใจให้กับตระกูล ศึกครั้งนี้ได้สร้างความมั่นใจกับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ที่มีต่อความชื่อสัตย์ภักดีของเย่ว์หยาง
แม้ว่าหลานเขาจะเจ้าอารมณ์และรังสีอำมหิตของเขาก็รุนแรง แต่เมื่อว่าไปแล้วก็ยังนับว่าเป็นหลานชายของเขาอยู่ดี เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของเขายังคงเป็นเลือดของตระกูลเย่ว์
นอกจากนี้ ความวุ่นวายที่เขาก่อขึ้นในอดีตก็เป็นเพราะทุกคนดูถูกหยามหมิ่นเขา
ความจริงทุกคนก็รู้ว่าเจ้าเด็กนี่มากไปด้วยความกตัญญู วันนั้นเมื่อเขาและปิงเอ๋อลากรถม้าด้วยกันและแทบพลิกคว่ำปราสาทตระกูลเย่ว์ ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อกู้คืนชื่อแม่สี่ มีหลานชายแบบนี้ เจ้ายังจะต้องเสียใจในชีวิตอีกหรือ?
“ถ้ามีบางอย่างที่ใครๆ สามารถใช้ได้ ข้าจะนำกลับมา” เย่ว์หยางไม่ได้ทำท่านอบน้อม เขารับผลึกอักษรรูนมาทันที
แก้วผลึกอักษรรูนในมือผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เป็นเหมือนแก้วผลึกธรรมดา และมีอักษรรูนสวรรค์จางๆ
แต่ทันทีที่แก้วผลึกอักษรรูนวางอยู่ในมือเย่ว์หยาง มันเปล่งแสงเจิดจ้าสดใสอาบทั้งห้องเต็มไปด้วยแสงพร่างพราย ใช้เวลานานกว่าจะหายไป
เป็นไปได้หรือไม่ว่านี่คือเครื่องมือเทพที่เลือกผู้ใช้ ตามตำนานที่กล่าวขาน?
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ มองดูแก้วผลึกเปล่งแสงด้วยความประหลาดใจ เย่ว์หยางลอบหัวเราะ นี่ไม่ใช่เครื่องมือเทพเลือกผู้ใช้ แก้วผลึกอักษรรูนนี้จำเป็นต้องทำสัญญาด้วยปราณก่อกำเนิดและมันจะค่อยๆ ปลดผนึก ถ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ธรรมดา จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันกว่าจะปลดผนึกได้หมด อย่างไรก็ตาม พลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางบริสุทธิ์และชัดเจน ทั้งเขายังมีความเข้าใจอักษรรูนสวรรค์ ฉะนั้นใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีเขาก็ปลดผนึกได้ เย่ว์หยางปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดทำให้ผนึกอักษรรูนสวรรค์ถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิง ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงผู้นี้สร้างแก้วผลึกอักษรรูนนี้ไม่ใช่แค่ใช้เป็นกุญแจเท่านั้น แต่ยังใช้ทดสอบพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกด้วย ทันทีที่แก้วผลึกรับรองว่าเย่ว์หยางคือนักสู้ปราณก่อกำเนิด มันจะเปล่งแสงสว่างและส่งผ่านข้อมูลของแผนที่ตำหนักและเครื่องกลกับดักไว้ในใจของเย่ว์หยาง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่ว์หยางพบว่าภูตอัจฉริยะเย่ว์กงนี้นับเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
เขาไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่เขาก็ยังสร้างอุปกรณ์ประเมินนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้
มีสมบัติมากแค่ไหนที่เต็มไปด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของภูตอัจฉริยะเย่ว์กงที่คล้ายกับหุ่นหนูเบญจธาตุค้นสมบัติและแก้วผลึกอักษรรูนภายในตำหนักหุ่น
ตอนนี้ใจของเย่ว์หยางเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ท่านปู่! ข้ายังคงต้องการรู้ว่าสมบัติที่บรรพบุรุษของเราทิ้งไว้ให้เป็นแบบไหนกันแน่” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ยิ้มพอใจ ในสายตาของเขา สมบัติที่บรรพบุรุษตกทอดให้ ยอมรับเย่ว์หยาง ข้อมูลนี้ไม่เพียงแต่แสดงว่าสมบัติของบรรพบุรุษของพวกเขามีอยู่จริง แต่ยังแสดงว่าสถานะของเย่ว์หยางไม่มีปัญหา
ถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่ลูกหลานตระกูลเย่ว์ แล้วเขาจะรับความรู้จากบรรพบุรุษได้อย่างไร?
เย่ว์ชิวตัวปลอมสร้างความสงสัยบางอย่างขึ้นในใจของผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ อย่างไรก็ตาม ภายใต้แสงเจิดจ้าที่เปล่งออกมาโดยแก้วผลึกอักษรรูน ความสงสัยเหล่านี้ก็จางหายไปจากใจของเขา
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ เชื่อสถานะของเย่ว์หยาง ว่าเขาไม่ใช่ตัวปลอมที่ “อาเสียน” สะใภ้สี่ของเขาพากลับมา พวกเหล่านั้นไม่ยอมเชื่อญาติที่อยู่ต่อหน้าพวกเขากลับไปเชื่อคำยุยงของปีศาจแทนล้วนเป็นพวกโง่ การปรากฏตัวของเย่ว์ชิวตัวปลอมบังคับให้เย่ว์ซานต้องจากไป ตอนนี้ทุกคนรู้สึกว่าเย่ว์ซานมีความลับแน่นอน มิฉะนั้น เขาคงไม่ถูกเย่ว์ชิวตัวปลอมข่มเหง เป็นผลให้เขาต้องระเห็จออกไปจากบ้าน
ถ้าเย่ว์ซานเป็นปีศาจจริง ก็หมายความว่าเขากับเย่ว์ชิวตัวปลอมเป็นพวกพ้องกันมิใช่หรือ? และก็กลายเป็นว่าพวกเขาร่วมมือกันครอบงำตระกูลเย่ว์
เนื่องจากเขาต้องการหลบหนี ก็พิสูจน์ได้ว่าเขามีบางอย่างปิดซ่อนไว้….
พอออกมาจากห้องเรียน เย่ว์หยางเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรออยู่ข้างนอก
“พระบิดาผู้เฒ่านั้นดูเหมือนว่าเขามีบางอย่างต้องการคุยกับเจ้า ข้าขอเตือนเจ้านะ อย่าพูดเรื่องสถานการณ์ของเราในการสนทนาของเจ้า มิฉะนั้น ข้าจะไม่สนใจเจ้าตลอดไป” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฉลาด โดยนิสัยแล้วนางรู้ว่าการสนทนาระหว่างเย่ว์หยางและพระบิดาของนางก็คงเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานระหว่างนางกับเขา
“อย่าห่วง, ถ้าฝ่าบาทพูดเรื่องการแต่งงาน ข้าจะปฏิเสธอย่างนุ่มนวล” ธรรมดาแล้วเย่ว์หยางรู้ว่าแม่เสือสาวจะอายและว่านางยินดีจะแต่งงานกับเขา ดังนั้นเขาจึงแกล้งหยอกล้อนาง
“เจ้า….” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธและทุบเย่ว์หยางอย่างดุร้าย
“ดูเจ้าตอนนี้สิ, เหมือนกับว่าเจ้ากลัวจะไม่ได้แต่งจริงๆ อย่างนั้นแหละ เจ้าเป็นแม่เสือสาวที่น่าเห็นใจมากนะ ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะไม่เต็มใจตกลงแต่งกับเจ้าหรอกน่า” ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอายเต็มที่ นางชักดาบที่หลังนางออกมาต้องการจะฟันเจ้าเด็กแสบนี่ให้ตาย แต่เย่ว์หยางรีบลุกร้องลั่นเผ่นออกไปทันที
เมื่อเย่ว์หยางไปพบจุนอู๋โหย่ว ทุกคนได้แต่รออยู่ข้างนอก
แต่ละคนต่างก็กลั้นหายใจสงบใจรอฟังข่าวดี
ผ่านไปนานเห็นว่าไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ทุกคนชักกังวลว่าเย่ว์หยางจะอารมณ์ไม่ดี เขาเข้าไปถกเหตุผลกับจุนอู๋โหย่ว
ขณะที่ทุกคนกังวลมากเหมือนกับว่ามีอะไรติดคอพวกเขา จู่ๆ เย่ว์หยางก็เดินออกมา
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่พอเห็นว่าเย่ว์หยางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเหมือนกับว่าพบทอง ทุกคนจึงรู้ว่าเรื่องของเขากับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสำเร็จแล้ว
เฟิงขวง, บุรุษตาเหยี่ยว, เจ้าเมืองไป๋ฉือ, จอมยุทธดาบทองและคนอื่นๆ ยินดีกับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ ไม่ได้พูดถึงเรื่องการฉลอง เย่ว์หยางทักทายพวกเขาเล็กน้อยและกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ของเขา
แม้ว่าการก่อสร้างเพิ่งเริ่มต้นและยังอีกนานกว่าจะเสร็จ แต่พวกสาวๆ ก็ใช้หินลอยเมฆขาวและหินอัคนีแดนปีศาจสร้างห้องเล็กๆ ไม่กี่ห้องและนำของใช้ในชีวิตประจำวันเข้ามาด้วย ค่อนข้างจะเรียบง่ายไปนิด แต่คนที่อยู่ภายในก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด
เกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างของบ้าน เย่ว์หยางไม่ต้องช่วยเลย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการช่วย แต่เพราะรสนิยมของเขาขัดแย้งกับสาวๆ นิสัยไม่ดีของเย่ว์หยางที่ใช้วัสดุสิ้นเปลืองเกินไปก็ถูกสาวๆ ต่อว่า และด้วยความช่วยเหลือของนางพญากระหายเลือดหง, โคเงาอาหมัน, นางพญาดอกหนามมงกุฎทองและตั๊กแตนมัจจุราช การก่อสร้างของสาวๆ ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บ้านที่สร้างก็ยังไม่ใช่บ้านอพาร์ทเมนท์สี่เหลี่ยมน่าเกลียดที่เย่ว์หยางบอกว่าดี แต่กลับมีลักษณะเหมือนปราสาทขนาดเล็ก
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเวลาสั้น สาวๆ คงคิดใช้หินลอยฟ้าและหินอัคนีทำการแกะสลักประดับตกแต่งภายในบ้านอย่างละเอียด
แค่ผลที่พวกนางต้องการ ก็มีแค่สิ่งเดียวและนั่นก็คือความสมบูรณ์แบบ
ในบ้านที่ก่อสร้าง เย่ว์หยางแค่ช่วยโดยการจารึกอักษรรูนสวรรค์ลงบนผนังด้วยพลังปราณของเขา
“พี่สาม! ฝ่าบาทอนุญาตงานแต่งไหม?” ขณะที่เย่ว์หยางกลับเข้ามา เย่ว์ปิงเป็นคนแรกที่มาต้อนรับเขา นางต้องการรู้ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะได้เป็นพี่สะใภ้นางหรือไม่
“ดู, นี่คือสินสอด” เย่ว์หยางล้วงไข่มุกออกมา และแนะนำอย่างอารมณ์ดี “นี่คือมุกมังกรขาว สมบัติของต้าเซี่ยที่พระราชทานให้ข้า”
“ฝันไปเถอะ! ใครจะแต่งให้เจ้า!” ใบหน้าที่น่ารักขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเขินอายขณะที่นางฉกไข่มุกคืน
“ข้าจะยอมรับ “ปีศาจค้ำเจดีย์” นี้ด้วย กล่าวกันว่ามันสามารถกักจ้าวปีศาจได้ นี่คือสมบัติที่นำกลับมาจากแดนสวรรค์ด้วยฝีมือบรรพบุรุษตระกูลจุน อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดสามารถใช้มันได้ มันจึงตกมาอยู่มือข้า ฮ่าฮ่าฮ่า!” เย่ว์หยางหัวเราะอย่างมีความสุข มุกปีศาจค้ำเจดีย์นี้ถูกเก็บอยู่ในท้องพระคลังของราชตระกูลจุนเป็นเวลาพันปีฝุ่นจับเขรอะ และไม่มีผู้ใดสามารถใช้มันได้ แม้ว่าบรรพบุรุษจะพูดว่าสมบัตินี้ตกทอดให้ทายาทตระกูลจุน แต่จุนอู๋โหย่วรู้สึกว่าให้เย่ว์หยางก็ไม่มีปัญหา ถ้าเย่ว์หยางแต่งกับเชี่ยนเชี่ยน อย่างนั้นเขานับเป็นราชบุตรเขยนับว่าเป็นคนในตระกูลครึ่งหนึ่ง
ยิ่งกว่านั้น มุกปีศาจค้ำเจดีย์สามารถใช้กักจ้าวปีศาจได้ แต่โชคร้าย ตระกูลจุนไม่เคยมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่สามารถจับจ้าวปีศาจได้เลย
นอกจากเย่ว์หยางเจ้าเด็กที่ผิดธรรมดานี้ คนอื่นๆ พูดกันว่ามุกปีศาจค้ำเจดีย์นี้ไม่ค่อยมีค่ามากนัก
ประกายไฟลอยหมุนหลายทบจากปีศาจค้ำเจเดีย์ที่วางอยู่หน้าสาวๆ พอเห็นเช่นนี้ทุกคนถอนหายใจชมเชย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเย่ว์หยางวางด้วงหยกขาวและมุกลึกลับที่อสุรกายดำทิ้งไว้เข้าด้วยกัน ปีศาจค้ำเจดีย์จะเปล่งแสง อย่างไรก็ตาม แสงนั้นไม่เจิดจ้า แต่นุ่มนวลและงดงาม
แสงนี้เหมือนกับรัศมีที่นุ่มนวลเป็นพิเศษ
เย่ว์หยางสังเกตว่ามุกลึกลับบนปีศาจค้ำเจดีย์เปล่งแสงขาวนุ่มนวลและมีคลื่นความคิดที่แปลกประหลาด
คลื่นความคิดหยุดลงทันที แต่เย่ว์หยางจับความรู้สึกในหัวเขาได้ไว
คลื่นความคิดนั้น อาจจะกลัวหรือมีความคิดอย่างอื่น อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางสามารถกำหนดได้ในเสี้ยววินาทีว่า อสุรกายทองดำยังไม่ตายอย่างแท้จริง อาจเป็นได้ว่าจิตสำนึกของมันหายไปแล้วแต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมันยังคงอยู่ มันเชื่อว่ามันสามารถคืนชีพได้อีกครั้ง หากมันมีพลังเพียงพอ นี่คล้ายกับการตายของอสูรบางพวกที่เจ้าของสามารถไปวิหารอัญเชิญของหอทงเทียนและคืนชีพสัตว์อสูรพวกเขาอีกครั้ง
ก่อนนั้น ทำไมสำนึกที่เหลืออยู่ของแก่นหลอมเหลวของจ้าวอัคคีและผลึกมังกรปีศาจถึงได้กลัวมุกลึกลับ?
เหตุผลง่ายมาก เป็นเพราะอสุรกายดำในมุกลึกลับยังไม่ตายจริง มันยังเป็นอันตรายอย่างยิ่งและคงอยู่จนแก่นหลอมเหลวของจ้าวอัคคีและผลึกมังกรปีศาจกลัว
“รอจนกว่าข้าจะมีเวลา ข้าจะค่อยๆ กลั่นเจ้า! หลังจากกลั่นแล้ว ข้าจะติดตั้งเจ้าไว้ในดาบฮุยจิน แล้วมาดูซิว่าดาบจะยกระดับขึ้นได้หรือไม่” เย่ว์หยางโยนมุกลึกลับไว้ในพื้นที่เล็กๆ ในปีศาจค้ำเจดีย์ ด้วยพลังปีศาจค้ำเจดีย์ในมือ เย่ว์หยางรู้ว่าถ้าเขาบุกจู่โจมวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ เขาอาจได้กำไรขนานใหญ่ได้
เย่ว์หยางคาดว่านักรบแดนสวรรค์ในวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้น่าจะคล้ายกลับอสุรกายดำ มันคงไม่ได้ตายจริงๆ แต่ทิ้งของลี้ลับเอาไว้เหมือนกับมุกลึกลับนี้
ตอนนี้เขามีปีศาจค้ำเจดีย์แล้ว เขาไม่กลัวสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว เขาสามารถไปเก็บรวบรวมของเหล่านั้นให้หมดแล้วค่อยๆ ศึกษาเพิ่มเติมในภายหลัง
มีความคิดหนึ่งแว่บเข้ามาในหัวของเย่ว์หยาง เป็นไปได้ไหมว่าวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้ความจริงก็คือปีศาจค้ำเจดีย์อย่างหนึ่ง
เป็นไปได้ไหมว่านั่นคือสมบัติที่จักรพรรดิอวี้ใช้ผนึกศัตรูไว้
แน่นอนว่า คิดเรื่องเหล่านี้ไปก็ไร้ประโยชน์ เย่ว์หยางตัดสินใจว่าก่อนที่จะบุกวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ จะดีที่สุดหากว่าเขาเข้าตำหนักหุ่นและสำรวจดูสมบัติที่ภูตอัจฉริยะเย่ว์กงทิ้งไว้ให้.. ยิ่งเขามีสมบัติเพิ่มขึ้น โอกาสที่จะพิชิตวิหารเทพก็จะมีมากขึ้นหลายเท่า
****************