ตอนที่ 347 – ตอนที่ 327 เป้าหมาย..ต้องได้โล่วฮัว
===============
วันที่สัญญาไว้กับเต่ามังกรใกล้เข้ามาทุกที
เย่ว์หยางฝีมือรุดหน้าทุกวัน แต่เขาก็มีความวิตกกังวลมากขึ้น เป็นเรื่องยากกว่าที่เขาจะบรรลุปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่หกได้ การบรรลุขั้นที่หกไม่จำเป็นต้องทำให้ความสามารถก้าวหน้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความก้าวหน้าในสภาวะจิต นี่จำเป็นต้องเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องฟ้ากับดิน นางเซียนหงส์ฟ้าเตรียมพร้อมเสร็จแล้วและกลับมา นางฝึกกับเย่ว์หยางเป็นการส่วนตัว 2 วัน ในที่สุดเย่ว์หยางรู้สึกว่าเขายังห่างจากการบรรลุขอบเขตใหม่ เขายังไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกเสียดายมาก บรรลุขอบเขตใหม่ในเวลาที่เหมาะสม ไม่สามารถพึ่งพาแค่การขยันฝึกฝนเท่านั้น มิฉะนั้นอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าคงไม่ค้างคาอยู่จุดนั้นมาเป็นสิบๆ ปี ในเมื่อเขาอยู่ห่างจากระดับปราณก่อกำเนิดเพียงแค่นิ้วเดียว
“ความวิตกกังวลเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนักรบ จงผ่อนคลายให้มากกว่านี้!” เสวี่ยอู๋เสียปลอบเย่ว์หยาง ยากนักที่นางจะทำเช่นนี้
“เสี่ยวซาน! แม้ว่าเจ้าจะยังบรรลุขอบเขตใหม่ไม่ได้ แต่เราจะต้องประสบความสำเร็จจนได้!” เย่ว์หวี่พี่สาวคนรองเตรียมอาหารเลิศรสให้น้องชายนาง นางปลูกผักและผลไม้ไว้มากมายในโลกคัมภีร์ ภายใต้ทักษะเร่งเติบโตของนางไม้แสงเขียวของเย่ว์ปิง ผักและผลไม้เจริญเติบโตรวดเร็วมาก เย่ว์หวี่คิดว่าถ้าเย่ว์หยางไม่สามารถเอาชนะศึกวังเทพจักรพรรดิอวี้ได้ เขาสามารถพาทุกคนเข้าไปซ่อนภายในโลกในคัมภีร์ได้ หลังจากพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บและหายดีแล้ว เขาค่อยออกมาสู้กับศัตรูได้ต่อ
เย่ว์หวี่หวังว่า แม้ว่าเขาต้องใช้ชีวิตภายในโลกคัมภีร์และฝึก 2-3 เดือนหรือไม่กี่ปี เขาต้องเอาชนะที่วังเทพจักรพรรดิอวี้ได้โดยไม่สูญเสียอะไร
ไม่มีใครต้องสูญเสียชีวิตในการทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จ ไม่มีแม้แต่คนเดียว
เจ้าเมืองโล่วฮัวผู้รักการปลูกดอกไม้โดยเฉพาะก็ยังสนับสนุนความคิดของเย่ว์หวี่เป็นพิเศษ
นางยังคงมีดอกไม้และสมุนไพรมากมายอยู่ในโลกคัมภีร์ ถ้านางมีเวลาไม่จำกัด นางต้องการย้ายสวนดอกไม้ของนางในหอทงเทียนชั้นสี่เข้ามาไว้ในโลกคัมภีร์
ถ้าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะศัตรูแข็งแกร่งในวังเทพจักรพรรดิอวี้ได้ พวกที่เข้าร่วมต่อสู้ก็สามารถซ่อนตัวอยู่ในโลกในคัมภีร์ได้เพื่อพักฟื้นขณะต่อสู้ นี่นับเป็นความคิดที่เยี่ยมมาก ในกรณีที่ถ้าพวกเขาฆ่าศัตรูผู้แข็งแกร่งในวังเทพจักรพรรดิอวี้เทีละคน พวกเขาจะสามารถสู้ศึกและฝึกฝีมือไปด้วย
แน่นอนว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
ถ้าสาวน้อยกิเลนและพี่น้องหงส์เพลิงยินดีช่วยพวกเขาเมื่อพวกเขาบุกวังเทพจักรพรรดิอวี้ ปัญหาทั้งหมดก็จะคลี่คลายได้
แต่ว่าสาวกิเลนไม่ยอมออกมาข้างนอกอีกเลยหลังจากครั้งล่าสุด ดูเหมือนว่านางไม่มีความสนใจเรื่องบุกวังเทพจักรพรรดิอวี้แม้แต่น้อย เย่ว์หยางคาดว่าเว้นแต่ชีวิตเขาตกอยู่ในอันตราย สาวกิเลนและพี่น้องหงส์เพลิงจะไม่ช่วยเขาสู้ศึกครั้งนี้แน่นอน
นี่เป็นไปได้ไหมว่าเทพธิดากระบี่ฟ้าสั่งให้พวกเธอแอบทำเช่นนั้น?
บางครั้งเย่ว์หยางก็คิดในทำนองนั้น
แม้ว่าจะยากเย็นแสนเข็ญสำหรับเย่ว์หยาง แต่เขามองว่าเป็นโอกาสฝึกฝนและยกระดับ ถ้าเทพธิดากระบี่ฟ้าประสงค์จะสู้ด้วย เย่ว์หยางเชื่อว่านางสามารถกวาดได้ทั่วทวีปมังกรทะยานได้หมด อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยทำเช่นนั้น และนางไม่เคยร่วมสู้กับเย่ว์หยางมาก่อน นางปล่อยให้เย่ว์หยางจัดการทุกอย่าง
นางเพียงแต่บังคับให้เย่ว์หยางฝึกและพัฒนาฝีมือในดินแดนแห่งความฝันเท่านั้น
จุดอ่อนทั้งหมดของเย่ว์หยางและพื้นที่ซึ่งจำเป็นต้องปรับปรุงได้รับการชี้แนะโดยพี่สาวคนสวยในฝันซึ่งเทพธิดากระบี่ฟ้าสร้างขึ้นด้วยปราณกระบี่ของนาง นางบังคับให้เย่ว์หยางแก้ไขสิ่งเหล่านั้น
เทพธิดากระบี่ฟ้า นางสามารถออกมาจากดินแดนในฝันได้หรือ? เกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่ว์หยางมักสงสัยอยู่เหมือนกัน เหตุผลที่พี่น้องหงส์เพลิงไม่สนใจการต่อสู้ของเย่ว์หยาง นอกจากความจริงที่ว่าพวกเธอเป็นอสูรรักสงบและจิตใจดีไม่มีทางทีจะโจมตีใครก่อน อาจเป็นเพราะพวกเธอฟังคำสั่งจากเทพธิดากระบี่ฟ้าหรือไม่?
ทำไมพี่น้องหงส์เพลิงถึงออกมาข้างนอกตอนอยู่ที่วังปีศาจเล่า? ทำไมพวกเธอถึงเปิดเผยตัวเองและกดดันจ้าวปีศาจทั้งสามและสองราชาลิชทำให้พวกเขากลัวไม่กล้าไล่ตามเย่ว์หยาง?
นึกถึงช่วงเวลานั้น ความจริงตอนนั้นเย่ว์หยางก็อยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมเช่นกัน
ช่วงเวลาที่ประมาทแทบจะทำให้เขาถูกจ้าวปีศาจทั้งสามฆ่าตายทันที
ดังนั้น พี่น้องหงส์เพลิงจึงปรากฏตัว มิฉะนั้นเย่ว์หยางคงไม่สามารถออกมาจากวังปีศาจได้ เขาคงไม่สามารถออกมาได้ด้วยความช่วยเหลือของสาวกิเลนนางเซียนหงส์ฟ้าผู้ฟื้นคืนพลังมาได้…เทพธิดากระบี่ฟ้า, พี่น้องหงส์เพลิงและแม้แต่สาวกิเลนสมองกลวงต่องก็หยุดใส่ใจเขา แต่พวกนางก็ยังช่วยเขาในทางลับ ในเวลาปกติพวกนางจะไม่สนใจการต่อสู้ในชีวิตของเขา แต่ในช่วงเวลาที่ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจะเคลื่อนไหวทันที
“ข้าจะไม่เร่งยกระดับของข้าอีกต่อไปแล้ว ความวิตกกังวลจะนำพาความล้มเหลวมาให้ บรรลุขอบเขตใหม่จำเป็นต้องได้จุดเปลี่ยน นี่เป็นเรื่องที่เร่งกันไม่ได้” เย่ว์หยางปล่อยวางภาระหนักในใจเขาและไม่ฝืนตัวเองเร่งรัดยกระดับอีกต่อไป เขาช่วยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวให้ยกระดับแทน
“ทำไมเจ้าไม่ฝึกกับพี่โล่วฮัวเล่า?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนดึงเย่ว์หยางมาข้างหนึ่งและพูด “อู๋เสียกับข้าตัดสินใจเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดในระหว่างต่อสู้ในวังเทพจักรพรรดิอวี้!”
“ว่าไงนะ?” เย่ว์หยางตกใจกับวิธีคิดของพวกนาง
“ความจริง ข้าจวนเจียนจะยกระดับได้อยู่แล้ว ด้วยการชี้แนะของเจ้า คงไม่มีปัญหาสำหรับข้าที่จะยกระดับกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด นอกจากนี้ พี่โล่วฮัวยังคงตามหลังอยู่ ถ้าเจ้าช่วยนางให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างสุดความสามารถ ข้าก็จะพยายามให้หนักในช่วงไม่กี่วันนี้ คงจะไม่มีปัญหาแน่นอน!” จู่ๆ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็หน้าแดงขี้นมาเล็กน้อย “อีกอย่างหนึ่ง เรื่องที่พระบิดาข้าบอกเจ้า ข้าไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย เจ้ายังไม่สามารถปฏิบัติกับข้าเหมือนที่ทำกับพี่อู๋เหินแน่นอน ข้าจะยังไม่ตกลงด้วย อาจจะเอาเปรียบเล็กน้อยในเรื่องเวลา ข้าแค่ยอมให้เจ้าตามเกี้ยวข้า เมื่อข้ายังไม่ยินยอมพร้อมใจ ต่อให้เจ้าแข็งขืนกับข้าก็ตาม ขอให้ลืมไปเลยที่จะทำกับข้าเหมือนกับพี่อู๋เหิน..”
ในที่สุด แม่เสือสาวมักจะพูดหลายสิ่งหลายอย่าง นางก็ไม่ได้ถึงกับตั้งหมัดอวดตัวว่านางไม่ใช่จะถูกรังแกกันได้ง่ายๆ
เย่ว์หยางหัวเราะ
เขาต้องการดูจริงๆ ว่าแม่เสือสาวนี้จะทนได้นานแค่ไหน ความเป็นตัวของตัวเองเป็นเรื่องที่ดี เขาค่อยๆ สอนนางก็ได้ เขารู้สึกว่าแบบนั้นจะสำเร็จได้มากกว่าไม่ใช่หรือ?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของเย่ว์หยางผิดธรรมดาไปเล็กน้อยทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจ นางรู้สึกว่าร่างของนางอ่อนลง ดังนั้นนางจึงรีบหลบ เสวี่ยอู๋เสียอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ ในทางเดินก็ปิดหนังสือและค่อยๆ หายไป
เสวี่ยอู๋เสียสามารถส่งกระแสจิตทำความเข้าใจเย่ว์หยางได้ดีอยู่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดคุยกัน แต่พวกเขาก็รู้ความคิดกันและกัน
ยิ่งกว่านั้น เย่ว์หยาง, อี้หนาน, เย่ว์ปิงและนางได้แบ่งปันทักษะหัวใจกระจกที่พวกเขาได้รับเป็นรางวัลในการผ่านด่านวิหารเทพสตรี ถ้าพวกเขาส่งกระแสจิตถึงกันและกัน พวกเขาก็สามารถแบ่งปันความคิดและจิตใจกันและกันได้
พลังของทักษะหัวใจกระจกนี้ขึ้นอยู่กับระยะห่างทางกายภาพและระดับของความเข้าใจกันระหว่างพวกเขา ถ้าความรู้สึกที่ถูกส่งไปลางเลือน ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะเข้าใจคำพูดได้ อย่างไรก็ตาม เขาจะสามารถเข้าใจแก่นหลักของการส่งกระแสจิตได้ ยกตัวอย่าง ก่อนที่เสวี่ยอู๋เสียจะปิดหนังสือและเดินออกไป นางก็ส่งกระแสจิตแล้วว่า “กล้าๆ ปล้ำนางหน่อย” เป็นการส่งสัญญาณลับให้เย่ว์หยางช่วยให้เจ้าเมืองโล่วฮัวเข้าถึงขอบเขตปราณก่อกำเนิด แม้ว่าเขาจำเป็นต้องใช้กำลังกับนาง แต่เขาก็จำเป็นต้องทำ แม้ว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวจะไม่มีทักษะต่อสู้ที่ดีนัก แต่พลังแสงอุษาของนางแข็งแกร่งรุนแรงยิ่งนัก ยิ่งกว่านั้นพลังโจมตีของนางเป็นดาวข่มของความมืด, เป็นดาวข่มพวกอสูรผีอมตะ จะได้ใช้ประโยชน์ในวังเทพจักรพรรดิอวี้แน่นอน ยังมากกว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนด้วยซ้ำ ดังนั้น เย่ว์หยางต้องแสดงความกล้า เขาไม่ควรปล่อยมือโล่วฮัว
มีเวลาไม่มากนัก แค่เพียงสามวัน
แม้ว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวจะรุดหน้าเร็ว แต่ถ้าพวกเขายังไม่ใช้ผสานร่างขั้นตอนสุดท้ายซึ่งเป็นวิถีของคนรักที่แต่งงานกัน พวกเขาจะทำไม่ทันเวลาจริงๆ
บางทีเพราะเรื่องนี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจึงพูดว่านางจะยกระดับในวังเทพจักรพรรดิอวี้แทน และบอกให้เย่ว์หยางช่วยเจ้าเมืองโล่วฮัวก่อน
“สหายน้อย ต้องการให้ข้าสอนเจ้าสัก 2-3 ท่าไหม?” นางเซียนหงส์ฟ้าจู่ๆ ก็ปรากฏตัวด้านหลังเย่ว์หยาง ปากแดงๆ ของนางกระซิบข้างหูเย่ว์หยาง นางจูบหูเขาเบาๆ และเป่าหูเขายั่วยวนด้วยกลิ่นหอม
“ชู่วว ใครจะเป็นคนสอนกันแน่!” เย่ว์หยางหัวเราะลั่นทันที ในฐานะสาวพรหมจรรย์ นางจะสอนวิธีปล้ำสาวให้เขาได้อย่างไร? ตลกจริงๆ
“เจ้าน่ะไม่รู้จักอายแม้แต่น้อย..” นางเซียนหงส์ฟ้ายักไหล่ทำให้หน้าอกนางสะท้อนตาม เย่ว์หยางแทบสะดุดเพราะจ้องมองนาง ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่านางแข็งแกร่งกว่าเขามากนัก เย่ว์หยางคงปล้ำนางเซียนหงส์ฟ้าเจ้าเสน่ห์ไปนานแล้ว อกขนาดมหึมาอย่างนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาไม่เคยเห็นอกที่สวยสมบูรณ์แบบอย่างนางมาก่อน
อย่าว่าแต่จื่อจุน เย่ว์หยางก็มองนางไม่ชัดนัก ต่างกับนางเซียนหงส์ฟ้าผู้ที่เขาได้มองเต็มที่
อกงามขนาดนั้น ต่อให้เขาได้ซุกหน้าลงจนสำลักเต้านางตาย เขาก็คงไม่มีอะไรต้องเสียใจ
เย่ว์หยางกลืนน้ำลายช้าๆ
ฝากไว้ก่อนเถอะ นางเซียนหงส์ฟ้าจะต้องเป็นของเขาไม่ช้าก็เร็ว เขาคงไม่ต้องกังวลในตอนนี้ นางคงไม่หนีไปไหนแน่
หลังจากอาหารค่ำ เสวี่ยอู๋เสียและคนอื่นๆ เข้าไปพักผ่อนในโลกคัมภีร์เร็วขึ้น ปล่อยให้เจ้าเมืองโล่วฮัวผู้เอียงอายไว้ตามลำพัง
แน่นอนว่า นางเข้าใจความนัยที่คนอื่นทำเช่นนั้น แต่นางรู้สึกอายอย่างช่วยไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น ยังอยู่กับเย่ว์หยางสองต่อสองอีกด้วย มีกันเพียงสองคน เป็นความปรารถนาของนางนานแล้ว เจ้าเมืองโล่วฮัวพยายสงบหัวใจที่เต้นรัวบ้าคลั่งและพยายามทำเป็นใจเย็นและสงบ “เจ้าเมืองหญิงผู้นี้ไม่ได้ตรวจตราปราสาทมานานแล้ว ดังนั้นข้าของสั่งเจ้า องครักษ์ผู้ไร้ความสามารถ จงนำข้าไปตรวจตราบริเวณใกล้เคียงด้วย มิฉะนั้นข้าจะตัดเงินเดือนเจ้า!”
พอนึกถึงวิธีที่นางพบกับเย่ว์หยางครั้งแรก เจ้าเมืองโล่วฮัวอดที่จะหัวเราะไม่ได้
ใครจะรู้กันว่าพวกเขามีชะตาพบกันครั้งแรกแบบนั้น? อาจเป็นได้ว่ามีด้ายชะตาสีแดงผูกพันพวกเขาเข้าด้วยกันอย่างลับๆ ก็เป็นได้
ชะตาเช่นนี้ สวรรค์ลิขิตมาจริงๆ หรือ?
เย่ว์หยางมีความหลักแหลมมาก ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งเดียว เขาก็แบกเจ้าเมืองโล่วฮัวเหมือนเมื่อครั้งที่แบกนางลงมาจากภูเขาตอนที่พวกเขาไปที่ตำหนักลอยฟ้า
เจ้าเมืองโล่วฮัวบิดตัวเล็กน้อยไม่ได้ใช้อารมณ์แต่แรกเริ่ม อย่างไรก็ตาม นางสงบจิตใจได้เร็ว ขณะที่นางยังคงจำได้เมื่อนางหมดสติหลังจากการต่อสู้และถูกแบกขึ้นหลังลงมาจากเขา จากนั้นนางยังคงได้เมล็ดดอกไม้งามปีศาจที่นางปรารถนามาเป็นเวลานาน
“เจ้าตัวร้าย! ตอนนั้นเจ้าแตะต้องข้าหรือ?” เจ้าเมืองโล่วฮัวจำได้เลือนลางว่ามือของเขาไม่ค่อยสุภาพนักในตอนนั้น
“ท่านหมายความว่ากระไร? ข้าเป็นเด็กสุภาพออกอย่างนั้น ข้าคงไม่ถูกต้องแม้เมื่อเห็นก็เถอะ” เย่ว์หยางปฏิเสธทันที
“ใครเค้าหยอกเจ้ากันเล่า!” เจ้าเมืองโล่วฮัวคงเชื่อคำพูดของเขาเมื่อก่อนนั้น แต่ตอนนี้ นางรู้ว่าเขาเป็นตัววายร้าย เขาแบกนางลงเขาตลอดทางอย่างนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เขาว่าง่ายนัก ไม่แตะต้องนางเลยสักครั้งหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้! เจ้าเมืองโล่วฮัวหน้าแดงเล็กน้อย แต่นางก็อดคิดได้อีกว่าไม่ช้าก็เร็วเขาจะหาเรื่องอาเปรียบนางจนได้ ดังนั้นแตะเนื้อต้องตัวนิดก็คงไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่นางก็เคยถูกเอาเปรียบอยู่แล้วช่วงระหว่างฝึกกับเขา อย่างไรก็ตาม ไม่ว่านางจะรู้สึกอย่างไร ปากของนางจะปฏิเสธไว้ก่อน
“ข้าเป็นเด็กดีจริงๆนะ! ในฐานะองครักษ์ส่วนตัวของท่าน ข้ามีคุณสมบัติพอแน่นอน ข้าทำงานล่วงเวลา และช่วยท่านอุ่นเตียงได้ทั้งคืนนะ!” เย่ว์หยางเสนอตัวเองคอยบริการอย่างแนบเนียนเหมือนกับที่เหมาซุ่ยเสนอตัว (นิทานโบราณหมายถึงกล้าที่จะเสนอตัว)
อย่างไรก็ตามมือซุกซนของเขายังเล็ดรอดรุกเร้า
มือนั้นค่อยโอบอ้อมไปที่บั้นท้ายนางทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบของนางและเริ่มซุกซนมากขึ้น
ในฐานะที่เป็นสาวที่มีความรู้สึกไว เจ้าเมืองโล่วฮัวเข้าใจกลโกงของเจ้าวายน้อยชัดเจนทีเดียว นางเริ่มตีมือที่ซุกซนของเขาเบาๆ แต่ผ่านไป 2 วินาทีมือที่อยู่ไม่สุขนั้นก็กลับมาอีก ทำให้นางไม่มีวิธีอื่น ในที่สุดเจ้าเมืองโล่วฮัวใช้อาวุธสุดยอดของนาง ใช้ฟันซี่น้อยขาวคมของนางงับหูเย่ว์หยาง
ขณะที่นางงับหูเย่ว์หยาง นางผ่อนลมหายใจร้อนใส่เขา “ข้าจะยอมให้เจ้าเป็นตัวร้าย ข้าจะยอมให้เจ้าแกล้งทำตัวเป็นเด็กว่าง่าย.. แต่ข้าต้องลงโทษเจ้า ตามข้ามาที่สวนลอยฟ้าของข้า และเจ้าต้องไม่หยุดพักระหว่างทางด้วย!” มีสาวสวยอยู่บนหลัง เย่ว์หยางไม่ยอมโง่พักอยู่แน่ เขาเห็นด้วยทันที “ข้าจะทำตามปรารถนาของท่าน เจ้าเมืองที่รัก ข้าจะฟังคำสั่งท่านและตามใจท่านแน่นอน!”
ขณะเดียวกัน มือของเขายังคงลูบอยู่ตรงก้นนาง ทำให้นางถึงกับครางออกมา
เย่ว์หยางเทเลพอร์ตออกจากบ้านในสวนน้อยและแบกเจ้าเมืองโล่วฮัวไปตลอดทางจนถึงหอทงเทียน จุดหมายคือสวนลอยฟ้าในหอทงเทียนชั้นที่สี่ แน่นอนเป้าหมายของเขาก็คือมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเจ้าเมืองโล่วฮัว
**************