===============
พอข้ามผ่านค่ายฉางอู่ เย่ว์หยางและเจ้าเมืองโล่วฮัวเทเลพอร์ตเข้าหอทงเทียน
แบกสาวงามอยู่บนหลัง ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกภูมิใจมาก เจ้าเมืองโล่วฮัวกลับตรงข้าม นางเกรงว่าจะมีคนจำนางได้จึงรีบดิ้นรนลงจากหลังเขาเอง นางมองดูรอบๆ อย่างผิดธรรมดา แตกต่างจากบุคลิกปกติที่เป็นคนตรงไปตรงมาของนาง ดูนางตอนนี้แล้ว เหมือนคนรักที่ลอบนัดพบกับคนรัก
เมื่อเย่ว์หยางและเจ้าเมืองโล่วฮัวเทเลพอร์ตเข้าไปข้างใน องครักษ์เกราะเงินเกาหัวแกรกกรากด้วยความสับสน “นั่นเจ้าเมืองโล่วฮัวที่หมั้นกับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่ใช่หรือ? ทำไมนางถึงได้เดินแนบชิดสนิทกับเจ้าไตตันนั้นเล่า?”
หัวหน้าองครักษ์เกราะเงินที่ดูแลป้องกันหอทงเทียนตบหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาทันที “เจ้าเป็นใคร ถึงได้แส่เรื่องของพวกคนระดับสูง? ยิ่งกว่านั้น เจ้าตาบอดหรือเปล่า? ผู้นั้นก็คือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเขาเป็นองครักษ์ส่วนตัวของนาง? ไตตันก็คือนามแฝงในหอทงเทียนของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ อย่าพูดพล่อยๆ อีกทั้งที่เจ้าไม่รู้เรื่องอะไร คนที่ปากพล่อย มักจะถูกรังเกียจ เจ้ารู้เรื่องนั้นไหม?”
แรงตบทำให้องครักษ์เกราะเงินตัวสั่นด้วยความกลัว เขายิ้มหวาดๆ ทันที “หัวหน้า ข้าผิดไปแล้ว อย่าโกรธข้าเลย, ท่านผู้นั้นคือคุณชายสามตระกูลเย่ว์หรือ? ข้ากลัวแทบตาย!”
ในหอทงเทียนชั้นสี่
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางมายังชั้นที่สี่ เจ้าเมืองโล่วฮัวได้นำเขามาเมื่อตอนที่เขามาชั้นที่สองและสาม
พวกเขาจะมีส่วนร่วมทุกครั้งในแต่ละชั้นที่พวกเขาไป หากปราศจากเจ้าเมืองโล่วฮัวผู้มีความรู้ดีในฐานะผู้นำทางและเข้มงวดกฎระเบียบของนักผจญภัยแล้ว เย่ว์หยางอาจต้องเสียเวลาในการดำเนินการเกี่ยวภารกิจของนักผจญภัยเป็นร้อยอย่างกว่าจะผ่านในแต่ละระดับได้ แม้ว่าความยากจะไม่สูงเกินไปนัก แต่ก็ทำให้เขาเบื่อระอาก็เป็นได้
สวนลอยฟ้า ตั้งอยู่ในหอทงเทียนชั้นสี่ หอทงเทียนนี้กว้างขวางใหญ่โต พื้นที่ของหอทงเทียนจะมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกๆ ระดับ
หลังจากชั้นสามเป็นต้นไป ปีศาจจากแดนอเวจีและนักรบจากทวีปมังกรทะยานได้แบ่งพื้นที่เหมือนๆ กัน
และด้วยเหตุนั้นเองสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ก็เริ่มขึ้น
ทั้งสองฝ่ายกำลังต่อสู้เพื่อครอบครองทรัพยากรอันมีค่าในหอทงเทียน มักจะเป็นทำนองนั้นมานานเป็นพันปีแล้ว เมื่อหลายพันปีที่ผ่านมา มนุษยชาติโดดเด่น แต่ตอนนี้ มนุษยชาติกำลังแพ้
มีทวีปไม่กี่แห่งในหอทงเทียนชั้นสี่และชั้นที่ห้า เช่นทวีปฉีหลัน, ทวีปฮวงหมันและอื่นๆ เกี่ยวกับทวีปเหล่านี้ นักรบจากทวีปมังกรทะยานเรียกทวีปเหล่านี้ว่าดินแดนรอบนอก หอทงเทียนชั้นที่หกมีพื้นที่กว้างยิ่งกว่า ที่นั่นมีดินแดนรอบนอกอยู่มากมาย ตำนานกล่าวไว้ว่ามีเกาะมังกร, ดินแดนลับของภูต, ทวีปคนแคระและยังมีแม้แต่เผ่าปีศาจบูรพา…
แน่นอนว่า การศึกการต่อสู้ในหอทงเทียนชั้นที่หกแทบจะไม่มีผลอะไรต่อทวีปมังกรทะยาน
สถานที่นั้น มีไว้ให้พวกนักสู้ปราณก่อกำเนิดและเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ใช้ชีวิตอยู่ ถ้านักสู้ระดับ 6 จากทวีปมังกรทะยานไปถึงที่นั่น พวกเขาก็ไม่ต่างจากนักเผชิญโชคระดับธรรมดาในหอทงเทียน เป็นเรื่องยากลำบากที่พวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้ นอกจากเป็นนักสู้ระดับ 6 อายุเยาว์และมีศักยภาพมากพอและไปที่นั่นเพื่อฝึกฝน นักสู้ระดับ 6 ที่อายุมากเกือบทั้งหมดจะฝึกฝนในระดับต่ำกว่าชั้นที่ 6
เจ้าเมืองโล่วฮัวมีสวนลอยฟ้าอยู่ในหอทงเทียนชั้นที่ 4
ด้วยความสามารถก่อนนั้นของนาง เป็นเรื่องยากมากสำหรับนางในการอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน นักรบจากแดนปีศาจและทวีปอื่นเป็นจำนวนมากต้องการได้แผ่นดินของนางมาก
อย่างไรก็ตาม สวนลอยฟ้านี้เป็นที่พำนักเดิมของจักรพรรดินีราตรี มีแต่พวกโง่ๆ อย่างเช่นนักรบหรือปีศาจจากแดนปีศาจระดับต่ำผู้มาอยู่ได้ไม่นานและไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคิดจะครอบครองที่นี้ หลังจากถูกเจ้าเมืองโล่วฮัวเล่นงานจนเกือบตาย พวกมันถึงได้กลัวสถานที่แห่งนี้ ขณะเดียวกัน เมื่อชื่อเสียงเจ้าเมืองโล่วฮัวเริ่มขจรขจาย นักรบระดับต่ำก็ไม่มีความคิดและเล็มสวนลอยฟ้าอีกต่อไป
It was the same with the warriors from the Demon Abyss.
ก็เป็นเช่นเดียวกันกับนักรบจากแดนปีศาจ
แม่ทัพใหญ่ปีศาจ, จ้าวปีศาจและนักรบผู้มีประสบการณ์แข็งแกร่งอื่นๆ จะไม่ลงมาที่ระดับชั้นล่างๆ และขุนพลปีศาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเมืองโล่วฮัว ในตอนนั้นมีเพียงแม่ทัพปีศาจที่สามารถสู้กับโล่วฮัวได้ เนื่องจากการบุกโจมตีสวนลอยฟ้าสร้างความโกรธให้กับจักรพรรดินีราตรีได้ง่าย นักรบจากแดนอเวจี จึงไม่เคยสร้างความลำบากให้เลย
การปกป้องของจักรพรรดินีราตรีมีชื่อเสียงไปทั้งหอทงเทียน
เนื่องจากเจ้าเมืองโล่วฮัวเป็นลูกหลานของนาง พวกที่โลภอยากได้สวนลอยฟ้าจึงล้มเลิกความคิดใช้กำลังโจมตีแย่งชิง ถ้าพวกเขาฆ่าเจ้าเมืองโล่วฮัว จักรพรรดินีราตรีไม่มีทางปล่อยพวกเขาไว้แน่นอน
นี่ก็เป็นเช่นเดียวกันเมื่อเย่ว์หยางบุกไปก่อเรื่องในวังปีศาจ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าการปรากฏตัวของพี่น้องหงส์เพลิงสร้างแรงกดดันต่อบารุธ, ฮาซิน, กรุนและปีศาจอื่นๆ บางทีพวกเขาอาจไม่ยอมปล่อยเย่ว์หยางไปก็ได้ แม้จะมีนางเซียนหงส์ฟ้าช่วยปกป้องก็ตาม นี่เป็นเพราะการบุกวังปีศาจก็เท่ากับตบหน้าพวกเขานั่นเอง ในฐานะจ้าวปีศาจ พวกเขายอมไม่ได้แน่นอน แต่เหตุที่ว่าพี่น้องหงส์เพลิงแข็งแกร่งเกินไป เนื่องจากพวกเขาเกรงว่าจะถูกฆ่าทันที พวกเขาจึงยอมปล่อยให้เย่ว์หยางหนีไปได้
เมื่อทั้งคู่มาใกล้จะถึงสวนลอยฟ้า เย่ว์หยางจำได้เรื่องเกี่ยวกับเมล็ดบุปผางามปีศาจจึงเอ่ยถาม “ดอกไม้งามปีศาจที่เราได้มาตอนนั้น บานหรือยัง?”
“เจ้าไม่อาจได้กลิ่นหรอก นั่นไม่ได้มีไว้ให้บุรุษดม” เจ้าเมืองโล่วฮัวดุเขาทันที และบอกเขาไม่ให้ใจร้อน
“ฮะฮะ!” เย่ว์หยางผู้รอบรู้สามารถนุกรมสมุนไพร เข้าใจชัดเจนว่าดอกไม้งามปีศาจมีผลเช่นไร มันเป็นดอกไม้มหัศจรรย์ที่มนุษย์ใช้วิวัฒนาการอสูรจิ้งจอก แต่เมื่อมนุษย์ดมกลิ่นของมัน พวกเขาจะสูญเสียความต้องการทางเพศได้เมื่อสูดดมนานเกินไป ถ้าพวกเขากิน ก็จะกลายเป็นหมัน ถ้าใช้ผสมกับสมุนไพรอื่นและให้บุรุษกิน เขาจะกลายเป็นกระเทย มันเป็นสมุนไพรที่น่ากลัวอย่างแท้จริง ห้าพันปีที่แล้ว มีราชินีพระองค์หนึ่งค้นพบผลกระทบของต้นไม้ชนิดนี้ เนื่องจากนางเกลียดชังการแต่งงานที่โชคร้ายของนาง นางจึงจัดวางแจกันบุปผาปีศาจงามไว้ที่พระแกล (หน้าต่าง) ของพระราชา พระราชาทรงโปรดมากถึงขนาดใช้น้ำและกลิ่นดอกไม้นี้ทุกวัน พระองค์ถึงขนาดใช้กลีบดอกไม้ทำเป็นชาดื่ม จนในที่สุด ชีวิตของพระองค์ก็จบลงอย่างน่าสังเวช
อย่างไรก็ตาม คนที่รับทุกข์มากที่สุดก็คือเจ้าชายของอาณาจักร เพราะเจ้าชายรัชทายาทคนปัจจุบันไม่ใช่พระโอรสที่ประสูติจากราชินี พระราชินีเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้สมุนไพรได้ลอบสับเปลี่ยนโอสถให้รัชทายาทเสวย
ในที่สุด เจ้าชายทุกพระองค์ นอกจากพระโอรสของราชินี กลายเป็นกระเทยกันหมด
อย่างไรก็ตาม พระนางก่อกรรมมากเกินไป และในไม่ช้าการกระทำของพระนางก็ถูกหมอหลวงตรวจพบ พระราชินีถูกพระราชาพิโรธ และสั่งปลงพระชนม์ แต่แม้ผ่านมาห้าพันปีแล้ว เรื่องนี้ก็ยังเล่าตกทอดมาถึงคนรุ่นหลัง ชื่อเสียงของบุปผาปีศาจงามโด่งดังไม่แพ้เรื่องของหญ้าประกายดาว
มันสามารถขู่ขวัญพวกบุรุษได้เสมอ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรอันตรายเพียงใดก็ตาม แต่มันก็ใช้ประโยชน์พิเศษได้แน่นอน สามพันปีที่แล้ว หมอผู้เชี่ยวชาญนามจิ่งปั๋วค้นพบประโยชน์อื่นของบุปผางามปีศาจ
และนั่นก็คือใช้วิวัฒนาการอสูรจิ้งจอก
ถ้าเป็นคำพูดของเย่ว์หยวางก็คือ สมุนไพรนี้ถูกใช้เพื่อวิวัฒนาการภูตจิ้งจอก
อย่างไรก็ตาม สมุนไพรใช่ว่าจะใช้ได้ผลกับอสูรจิ้งจอกทั้งหมด บุปผางามปีศาจใช้ได้ผลกับภูตจิ้งจอกหรือปีศาจจิ้งจอกที่มีศักยภาพวิวัฒนาการเป็นร่างมนุษย์ กล่าวกันว่าภูตจิ้งจอกและปีศาจจิ้งจอกที่ดูดซับพลังงานของบุปผางามปีศาจจะกลายเป็นสาวงามทันทีที่มันวิวัฒนาการเป็นรูปมนุษย์ ยิ่งกว่านั้น ร่างของมันจะปล่อยกลิ่นหอมปลุกกำหนัดซึ่งมีประสิทธิภาพ มันสามารถทำให้บุรุษป่วยมีสุขภาพแข็งแรงดีอีกครั้ง ในสามพันปีมานี้ หลายๆ อาณาจักรพยายามบ่มเพาะภูตจิ้งจอกแสนสวย แต่จิ่งปั๋วหมอผู้เชี่ยวชาญปฏิเสธจะเผยความลับในการบ่มเพาะดูแลมัน ไม่มีใครในโลกนี้สามารถสร้างนางจิ้งจอกสาวแสนสวยได้ ยิ่งกว่านั้นจำนวนภูตจิ้งจอกและปีศาจจิ้งจอกที่มีศักยภาพวิวัฒนาการเป็นอสูรร่างมนุษย์มีน้อยนิด
อย่างไรก็ตาม เจ้าเมืองโล่วฮัวเป็นข้อยกเว้น ความลับในการฝึกฝนบ่มเพาะจิ้งจอก นางได้รับสืบทอดมาจากจักรพรรดินีราตรี
อาณาจักรเทียนหลัวเป็นเพียงแห่งเดียวที่กำความลับในการฝึกฝนพัฒนาไว้ ไม่เคยเปิดเผยให้ใครอื่น นอกจากสมาชิกราชตระกูล
สำหรับคนอื่น บุปผางามปีศาจเป็นสมุนไพรอันตรายซึ่งมีพิษต่อบุรุษโดยเฉพาะ เจ้าเมืองโล่วฮัวเข้าใจผลกระทบของมันเต็มที่ เห็นได้ชัดว่านางต้องการใช้ในฝึกฝนวิวัฒนาการจิ้งจอกหิมะสามหางของนาง เพื่อที่ว่ามันจะได้วิวัฒนาการเป็นร่างมนุษย์และกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ในไม่ช้า
แม้ว่านางจะรู้ว่าเย่ว์หยางเชี่ยวชาญสารานุกรมสมุนไพร แต่นางยังคงเตือนเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก นางไม่ต้องการให้บุปผางามปีศาจมีผลต่อร่างกายของเย่ว์หยาง
ความจริง ถ้าเย่ว์หยางไม่สูดกลิ่นเป็นเวลานานหรือกินมัน การสูดกลิ่นบุปผางามปีศาจแต่เพียงเล็กน้อยไม่อาจทำอันตรายร่างกายเขาได้แม้แต่น้อย
ยิ่งกว่านั้น เย่ว์หยางครอบครองร่างที่ผิดธรรมดา ทำไมเขาถึงต้องกลัวพิษของดอกไม้ด้วยเล่า
เย่ว์หยางเข้าใจว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวกังวลห่วงใยเขา เขาหันไปแตะจมูกนางแล้วหัวเราะลั่น
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้หัวเราะนะ น่าหงุดหงิดนัก!” เจ้าเมืองโล่วฮัวขุ่นเคืองจ้องเย่ว์หยาง จำได้ว่าเวลานั้นเมื่อพวกเขาไปที่ตำหนักลอยฟ้าเพื่อเก็บบุปผางามปีศาจ แต่โชคไม่ดีเผชิญกับแม่ทัพปีศาจหม่าเหลียงแทน ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางเจ้าเมืองโล่วฮัวอาจประสบความสูญเสียหนักก็ได้ หลังจากต่อสู้กันอย่างหนัก ภูเขาแตกทลาย และสภาพทุลักทุเลที่เขาแบกนางขึ้นหลังหนีออกมาได้ยังฝังอยู่ในใจนาง นางไม่รู้จะทำยังไงก็หัวเราะด้วยเช่นกัน นางหัวเราะจนตัวสั่นคลอน
ในที่สุดเย่ว์หยางก็เห็นเจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะอย่างปลอดโปร่งอีกครั้ง เขาได้แต่รู้สึกตื่นเต้น เสียงหัวเราะของเจ้าเมืองโล่วฮัวยั่วยวนมีเสน่ห์ เย่ว์หยางชอบให้นางหัวเราะอย่างนั้น
ทันใดนั้นเขายื่นมือออกมาดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
แล้วโน้มศีรษะลงจูบนางอย่างดูดดื่ม..
เจ้าเมืองโล่วฮัวดิ้นรนเล็กน้อย แต่เมื่อลิ้นร้อนๆ ของเขาไล้ผ่านริมฝีปากนาง นางรู้สึกเหมือสายฟ้าแล่นผ่านร่างกายนาง นางรู้สึกว่าตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด ขณะที่นางหลับตาเอียงอาย เปิดโอกาสให้เจ้าวายร้ายน้อย เมื่อเขาเปิดปากริมฝีปากแดงเรื่อของนางจูบลึกลงไปอีก เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกเหมือนสติกำลังเลือนลางหายไป เหมือนกับว่านางเข้าสู่เมฆหมอกแห่งความฝัน ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจูบนาง แต่การจูบครั้งนี้แตกต่างจากคราวก่อนสิ้นเชิง
บางทีเป็นเพราะนางยอมรับเขาและอุทิศจิตใจให้เขาทั้งหมด ดังนั้นนางจึงผ่อนคลายตัวเองและรับรู้ถึงความรู้สึกยอดเยี่ยม
มือนุ่มนิ่มของนางโอบศีรษะของเย่ว์หยางโดยที่นางไม่รู้ตัว
ภายใต้พลังดูดดื่มของเขา นางพยายามตอบสนองเขาแต่ยังเงอะงะอยู่ จากนั้นนางปล่อยให้เป็นไปตามสัญชาตญาณตอบโต้เขา
เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวเรียกความรู้สึกกลับมาได้ในที่สุด นางตระหนักว่าริมฝีปากนางเริ่มบวมบ้างแล้วและมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
นางเงื้อหมัดแล้วทุบเขาเบาๆ
เจ้าเด็กนี่จูบนางยาวนานไม่ยอมหยุด ถ้านางหายใจไม่ออกแพราะเขาจูบนานเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น?
มือซุกซนของเย่ว์หยางเลื่อนเข้าไปในชุดนางและนวดที่ท้องและเอวนางช้าๆ ทำให้เจ้าเมืองโล่วฮัวผ่อนคลาย เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเขาบังอาจสำรวจสัมผัสหน้าอกขาวราวหิมะของนาง นางคงจะดึงมือเขาออก อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกผ่อนคลายสะดวกสบายขณะที่มือของเขานวดท้องและหลังของนางตอนนี้ สร้างความรู้สึกอ่อนละมุนและสบายให้กับนางจนบอกไม่ถูก
นางไม่ปฏิเสธเขา กระทั่งวิธีแสดงความรักและเจ้าชู้ที่เขาแสดงกับนางตรงนู้นบ้างตรงนี้บ้าง
นางชอบให้เขาทำอย่างนี้มากที่สุดไม่ชอบให้เขาเอาแต่ถอดเสื้อผ้าตนเองแล้วใจจดใจจ่ออยู่กับจุดที่อ่อนในร่างกายของนางแต่อย่างเดียว
นางมีความสุขมากที่เย่ว์หยางไม่รีบร้อนฉวยโอกาสกับนาง เขากลับแสดงความรักในตัวนางอย่างระมัดระวัง นี่ยิ่งทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัย
“พ่อตัวร้าย, ไปเถอะ ตอนนี้ข้ารู้สึกง่วงเล็กน้อยแล้ว” เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ได้รู้สึกง่วง แต่นางต้องการกอดเย่ว์หยางและหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขา ไม่ว่ามือของเขาจะถือโอกาสเอาเปรียบอย่างไร นางก็พร้อมยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นนานแล้ว
****************