===============
เย่ว์หยางได้กลิ่นไม่ดีขณะเอานิ้วลูกขอบมีดของเขา
“มีคำสั่งเสียสุดท้ายเจ้าพูดออกมาเดี๋ยวนี้ได้เลย” เย่ว์หยางทำเป็นมองออกไปไกล จงใจละเลยเสียหั่ว เขารู้ว่าเสียหั่วไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เขามุ่งมั่นอัญเชิญอสูรที่แข็งแกร่งกว่าออกมา เพื่อพลิกสถานการณ์การต่อสู้
เย่ว์หยางต้องการใช้การต่อสู้ในคืนนี้ในฐานะเป็นบททดสอบความแข็งแกร่งของเขา และขอบเขตที่เขาบรรลุถึง
เย่ว์หยางไม่คิดว่าการเอาชนะอูอี้และเสียหั่วเป็นเรื่องที่ยาก เขาแค่ต้องการควบคุมสถานการณ์ในกรณีที่มีเหตุการณ์ท้าท้ายการพิสูจน์ ซึ่งจะช่วยให้เขาได้ประสบการณ์การต่อสู้มากมายเท่าที่เป็นไปได้ การฝึกอย่างต่อเนื่องจะเพิ่มพูนประสบการณ์ให้เขา การต่อสู้นองเลือดเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แม้ว่าเขาจะมีความสามารถมาก เขาคงไม่สามารถได้ผลต่อสู้ที่น่าพอใจ ยามเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีพลังมาก หากว่าเขาขี้เกียจฝึก บางทีอาจไม่รับประกันได้ว่าจะมีชีวิตรอดมาได้
เย่ว์หยางไม่รู้ว่าพวกเก่งๆ ในโลกนี้ทรงพลังขนาดไหนกันแน่ แต่ตั้งแต่เขาออกมาจากผนึกหลุมดำได้ก่อน เขาก็ตระหนักได้ถึงข้อเท็จจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้, ในอดีต แผ่นดินมังกรทะยานมีคนเก่งที่สามารถเอาชนะนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอย่างง่ายดายและผนึกนางเอาไว้นานหมื่นปี
คนเก่งพวกนั้นตายหมดหรือยัง?
เย่ว์หยางรู้สึกว่าคำตอบคำถามนี้ ส่วนใหญ่อาจตอบว่าไม่
แม้ว่าปัจจุบันไม่มีสุดยอดนักสู้ในแผ่นดินมังกรทะยาน แต่อาจจะมีอยู่บ้างในหอทงเทียน ตำนานบอกไว้ว่า มีแต่นักสู้ชั้นปราชญ์สามารถย่างเท้าเข้าสวรรค์ได้ ถ้าคนอย่างนั้นยังมีอยู่ แล้วจะขาดแคลนนักสู้ระดับสุดยอดได้อย่างไร?
คนเก่งสุดยอดผู้ผนึกนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไว้นานหมื่นปี เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่เย่ว์หยางจะขึ้นไปทัดเทียมได้ นั่นคือสาเหตุที่เขาจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
เพิ่มความแข็งแกร่ง แล้วก็แกร่งให้ยิ่งขึ้นไปเรื่อย เขาต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก
นี่คือปณิธานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเย่ว์หยาง
ด้วยวิธีฝึกกระบี่ไร้ลักษณ์ปราณชั้นก่อกำเนิด เย่ว์หยางไม่กังวลถึงอนาคตเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เขายังต้องการพิสูจน์ตัวเองและบรรลุขอบเขตที่สูงขึ้นไปโดยการคร่ำเคร่งฝึกสร้างประสบการณ์การต่อสู้ คนอย่างหยานฉือ, เถี่ยขวง, อูอี้, และเสียหั่วก็แค่ก้อนหินให้ข้ามผ่านโดยใช้ตัวพวกเขาเอง เขาต้องการเดินไปสู่เป้าหมายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาจำเป็นต้องทำตอนนี้
“ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด” ขณะที่คำพูดของอูอี้ยังติดอยู่ในลำคอ มีดสั้นก็ทะลวงเข้าปากทะลุออกทางหลังศีรษะเขา
“ว้าว, คำพูดสุดท้าย พูดได้กระชับดี” เย่ว์หยางจงใจยักไหล่ตนเอง
นักรบที่ดูอยู่รอบๆ เงียบเสียงสิ้นเชิง
ทุกคนรู้ว่าอูอี้คงจะไม่รอด อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครคิดถึงเลยว่า นักสู้ชั้นวีรบุรุษระดับ 3 อย่างอูอี้จะพบจุดจบเช่นนี้
แววตาอูอี้เริ่มสลัวและไฟชีวิตของเขาดับไปก่อนที่เขาจะได้ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ อินทรีสงครามที่หวาดกลัว มันบินวนอยู่บนท้องฟ้าตลอดเวลาได้ทอดทิ้งคนทำสัญญากับมันทันทีที่เขาตาย มันกระพือปีกและพุ่งหายไปในความมืด เพื่อไปดำเนินชีวิตของมันเอง
“เหลือแต่เจ้าคนเดียวแล้วนะ เสียหั่ว” เย่ว์หยางหันมามองเสียหั่วที่เอาแต่เงียบมาตลอด เจ้าบัดซบนั่นยังมีไม้ตายหลงเหลืออยู่ เขาจะเคลื่อนไหวต่อไปเพื่อแสดงฝีมือที่คาดไม่ถึงอย่างใดกันแน่? เย่ว์หยางไตร่ตรองอยู่เงียบๆ
“ข้ารู้ว่าข้าคงไม่รอดผ่านคืนนี้ไปได้ อย่างไรก็ตาม ข้าจะฉุดเจ้าลงนรกด้วยกัน บอกเจ้าเลยก็ได้ ตราบใดที่เจ้ายังเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ ข้าสามารถอัญเชิญจ้าวปีศาจที่น่ากลัวสามารถทำลายล้างเมืองไป๋ฉือทั้งเมืองได้…ฮ่าๆๆๆๆๆ…………ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ…” เสียหั่วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งชั่วร้าย ทำให้ผมบนศีรษะทุกคนลุกชูชัน
เสียหั่วมีแผนอะไรกันแน่?
นักรบที่เฝ้าสังเกตการณ์โดยรอบสั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจ จ้าวปีศาจที่น่ากลัวอาจทำลายเมืองไป๋ฉือได้ทั้งเมืองหรือ?
อย่างน้อยที่สุด นี่หมายความว่าต้องเป็นระดับสัตว์อสูรชั้นทองฝ่ายปีศาจใช่ไหม?
หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยรีบตอบสนองทันที เขาชักกระบี่ยาวข้างตัวเขาสั่งการให้ทุกคนโจมตี เพื่อยับยั้งเสียหั่วที่เสียสติไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะที่ทหารโดดออกมาจากระเบียงอาคารนั้น มวลไฟสีดำนับไม่ถ้วนปะทุออกมาจากร่างของเสียหั่ว
เปลวไฟเหล่านี้เหมือนกับผุดขึ้นมาจากนรก
เสียหั่วหัวเราะลั่น พอเขาโบกมือเท่านั้น เปลวไฟนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมาเหมือนดาวตก พุ่งเข้าหานักรบที่อยู่รอบๆ เช่นเดียวกับนักร้องหญิงผู้ร้องเพลงอยู่บนเวทีโรงเตี๊ยมอย่างมีชีวิตชีวา
“อ๊า….”
คนที่ถูกเปลวไฟสีดำแปลกๆ กระทบถูกก็ติดไฟทันที
เหล่านักร้องสตรีร่างอ้อนแอ้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ขณะที่พวกเขาถูกไฟโหมกระหน่ำ ก่อนที่พวกเขาจะได้ดิ้นรนหรือขอความช่วยเหลือ ทุกคนก็ถูกย่างตายกันหมด เลือดเนื้อสดๆ แขนขาระเบิดกระจายอยู่บนพื้น
ที่น่าสยดสยองที่สุดก็คือแม้ว่าเลือดเนื้อแขนขาพวกเขาจะระเบิดไปแล้วก็ยังมีเปลวไฟที่ดับไม่ได้ ไหม้ต่อไป
บนพื้นและผนังก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน มีเปลวไฟปะทุขึ้นเผาไหม้ไม่หยุดยั้ง
นักรบบางส่วนหลบพ้นการโจมตีได้ แต่เปลวไฟดำกลับไล่ตามพวกเขาโดยอัตโนมัติหากว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ มันไล่ตามเป้าหมายก่อนที่จะกระหน่ำใส่พวกเขา จนไม่มีใครหลบได้ ยกเว้นนักรบไม่กี่คนที่มีปฏิกิริยาว่องไวที่สุด
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยกวัดแกว่งกระบี่ไปรอบๆ ตัดเปลวไฟสีดำได้
กระบี่ของเขาก็ถูกไฟไหม้ไปด้วยขณะฟันผ่านลูกไฟสีดำ มันเผามือเขาโดยตรง ทำให้เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะควบคุมได้อย่างถูกต้อง พอเห็นฉากนี้แล้ว นักรบที่รอดตายและหน่วยรักษาความปลอดภัยมีสีหน้าเหมือนคนตาย “พระเจ้าช่วยด้วย, นี่มันคือไฟนรก ไฟนรกที่ไม่เคยมอดดับ เสียหั่วต้องอัญเชิญปีศาจจากนรกมาแน่ เราเสร็จแน่ เสร็จกันทุกคนแน่”
ยังมีลูกไฟหลายลูกอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง
เขายกมือและใช้ลมทำลายเปลวไฟได้อย่างง่ายดาย ทำให้มันแฉลบลงพื้นไปหมด อิฐโดยรอบทั้งหมดติดเปลวไฟสีดำ
ในที่ห่างออกไป เขาเห็นได้ว่าไม่มีเปลวไฟใดๆ เล็ดลอดเข้าไปภายในโล่ห์แสงสีแดงได้ ลูกไฟหลายสิบลูกกระทบใส่มัน แต่ก็หายไปในทันทีโดยไม่เหลือร่องรอยตอนที่มันกระทบโล่ห์แสง เย่ว์หยางโล่งใจเมื่อพบว่าโล่ห์แสงปลอดภัย ไม่เสียหาย
เสียหั่วมองดูเย่ว์หยางและหัวเราะอย่างชั่วร้าย
เขาชักดาบโค้งออกมาจากเอวแล้วเดินมาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง จากนั้นก็ฟันท้องของตัวเอง ทำให้ลำไส้ของเขาทะลักออกมากองที่พื้น
“ข้าขอพลีชีวิตและเลือดเนื้อทั้งหมดให้จอมมารฮาซินที่ข้านับถือ สาวกผู้ต่ำต้อยของท่านขอพลีทั้งเลือดเนื้อและวิญญาณเรียกร้องให้ท่านจอมมารฮาซินปรากฏตัวด้วยเถิด โปรดฆ่าคนในพื้นที่นี้ทั้งหมดด้วยพลังสูงสุดของท่านเถิด” เสียหั่วขยับมีดตัดอวัยวะภายในตนเองจนขาดแล้วโปรยไปในอากาศ สีหน้าของเขาบ้าไปแล้ว และดวงปรากฏแววคลุ้มคลั่ง
“…” เย่ว์หยางขมวดคิ้ว เขาไม่ประมาทอยู่แล้ว เตรียมตัวเผชิญกับจอมมารที่อัญเชิญมาด้วยพลังของเขาทั้งหมด
“ฆ่าเสียหั่วเร็วเข้า!” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยกังวลอย่างมากว่าเขาจะละเมิดสัญญา
“ฮ่าาาาาาห์” นักรบที่เหลือรอดอยู่ระงับความกลัว แล้วเข้าจู่โจมพร้อมกันทั้งหมด
“สายไปแล้ว, ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าทุกคนจะตายพร้อมกับข้า และเราจะพบกันอีกในนรกเมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะรอต้อนรับพวกเจ้าอย่างมีมารยาท” เสียหั่วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ร่างของเขาสั่นเทิ้ม จากนั้นก็ระเบิดเป็นเศษเลือดเศษเนื้อนับไม่ถ้วนและมีไฟติดด้วย
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บหนัก เขาล้มกับพื้นและกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
นอกจากคนหลายร้อยในสนามรบทั้งหมดแล้วแล้ว นอกจากเย่ว์หยางและนางโจรที่หมดสติอยู่ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยเป็นเพียงผู้รอดที่เหลืออยู่
ขาขวาของเขาติดเปลวไฟสีดำซึ่งมันเริ่มลามขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
“อ๊า” หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยกัดฟันล้มกับพื้น จากนั้นฝืนใจตัดขาขวาของเขาทั้งหมด เขาใช้ 2 แขนพยุงตัวเองไว้ และดึงตัวเองหนีจากพื้นที่ไฟไหม้ เขาตะโกนใส่เย่ว์หยางว่า “รีบออกไปจากเมืองไป๋ฉือเดี๋ยวนี้ ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้ เสียหั่วเอาชีวิตตนเองบูชายัญอัญเชิญปีศาจจากนรก อีกไม่นานที่นี่จะถูกเปลี่ยนเป็นนรก
อากาศรอบบริเวณที่ซากเสียหั่วระเบิดแยกเป็นส่วน จนทำให้หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยร้องอย่างตกใจ
รอยแยกค่อยๆ เปิดออกกลางอากาศ เผยให้เห็นประตูมิติ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้หัวใจของเย่ว์หยางเต้นแรงก็คือ ประตูมิติยักษ์นี้สูง 10 เมตรยังใหญ่ไม่พอให้จอมมารจากนรกผ่านออกมาได้
เขาเพียงแต่เห็น 2 มือยื่นออกมาจากประตูมิติ มันมีไฟนรกแผดเผาอยู่ แขนยักษ์ของมันมีเกล็ดเลือดคมคลุมไว้กำลังฝืนเปิดประตูมิติโดยพลการ ดูเหมือนว่ามันต้องการเปิดประตูมิติให้กว้างขึ้นอีกหน่อย ต้องการออกจากสระเวทที่ลึกล้ำและเข้าไปในแผ่นดินมังกรทะยาน ถ้าเย่ว์หยางยอมให้ปีศาจที่น่ากลัวออกมาโดยไม่ขัดขวาง เขาคงเป็นจอมโง่เง่าขนานใหญ่แน่
เขารอโอกาสนี้มาตลอดเวลา นี่เหมือนกับโอกาสที่สวรรค์มอบให้เขาลอบโจมตี
“โซ่ล่องหน” เย่ว์หยางสาธายในใจ ใช้โซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลีสู้กับปีศาจที่น่ากลัว
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือโซ่ล่องหนสามารถยับยั้งกระทิงเถื่อนทองแดงและยักษ์ศิลาได้ 10 วินาที ไม่มีเพิ่มแม้แต่วินาทีเดียว
นั่นหมายความว่าเขาต้องโจมตีมันภายในวินาทีเดียว มิฉะนั้น โซ่ล่องหนจะล้มเหลว
ไม่มีโซ่ล่องหน ปีศาจที่น่ากลัวนั้นจะออกมาได้ทันที และเมืองไป๋ฉือก็จะพินาศ
เย่ว์หยางมั่นใจว่าเขาสามารถหลบหนีปีศาจที่น่ากลัวได้ ถ้ามันไล่ตามเขา แต่ไม่มีทางที่แม่พระของเขาและน้องสาวตัวน้อยที่อยู่ในเมืองไป๋ฉือจะสามารถรอดได้
ข้าจะฆ่าเจ้า” ตาของเย่ว์หยางเปล่งประกายเหมือนดวงดาว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขานับแต่ถูกส่งข้ามมิติมา ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นก่อกำเนิดระเบิดพลังออกมาเต็มที่ รังสีประกายสดใสเปล่งออกมาจากแขนเขาเหมือนสีรุ้งและเริ่มพันรอบๆ ตัวเขา ปราณก่อกำเนิดของเขาทั้งหมดรวมเข้าด้วยกันและก่อตัวเป็นรูปกระบี่ทำลายล้าง ร่างของปีศาจที่น่ากลัวที่มีจิตใจโหดอำมหิตยังคงติดอยู่ภายในประตูมิติ
ถ้าโจมตีครั้งนี้ได้ถูก เย่ว์หยางเชื่อว่าจะสามารถฆ่าสัตว์อสูรประเภทสัตว์รบที่มีประสบการณ์ได้ทันที สัตว์ที่มีพลังและความยืดหยุ่นสูงหรือแม้แต่สัตว์อสูรยักษ์ สัตว์จำนวนมากอย่างที่เจอตรงนี้
นี่..คือ สุดยอดพลังกระบี่ของเย่ว์หยาง
การโจมตีปีศาจที่น่ากลัวนี้จะมีผลอะไรบ้างไหม? จะทำให้มันได้รับบาดแผลหรือไม่มีผลอะไรเลย?
เย่ว์หยางไม่มีทางรู้คำตอบ แต่นี่คืออาวุธที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในคลังแสงของเขา ใช้โซ่ล่องหนมีเงายักษ์คอยสนับสนุน ซึ่งสร้างความแข็งแกร่งได้เป็นร้อยเท่า บวกกับทักษะกระบี่ไร้ลักษณ์ชั้นปราณก่อกำเนิดเพิ่มไปอีก กระบี่สุดยอด
หลังจากการโจมตีครั้งนี้ เขาจะชนะ หรือว่าแพ้?
********