เวทพายุโหยหวนเป็นดาวข่มของสัตว์อสูรที่บินได้ทั้งหมด
มันไม่ใช่ทักษะแฝงเร้นธรรมชาติ แต่เป็นคาถาพิเศษชนิดหนึ่ง จำเป็นต้องมีสมบัติพิเศษสำหรับเรียกมันออกมา
กำแพงพายุที่วังวนหมุนวนของคาถาพายุโหยหวนสร้างขึ้นมีความแข็งแกร่งและสู้ตอบโต้ได้ ศัตรูระดับสูงกว่าสามารถบินได้ พลังดึงดูดที่แข็งแกร่งต้านกำแพงวายุและกระแสหมุนวนได้ กำแพงวายุที่สร้างจากพายุหมุนหลายๆ ลูกสามารถอัดบดวัตถุใดๆ ก็ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพลังพันธนาการลึกลับที่สามารถหยุดการเทเลพอร์ตและแปลงร่างหนีได้
ในระยะสั้น ทันทีที่มีคนติดอยู่ในคาถาวายุโหยหวน เป็นเรื่องยากที่จะหลบหนีจากพันธนาการได้ นอกจากเจ้าของผู้เรียกมันออกมาหรือคนบางคนที่มีภูมิคุ้มกันต่อพลังลมแล้ว ทุกคนจะได้รับผลเหมือนกันหมด
จุดอ่อนอย่างเดียวของมันก็คือเวทวายุโหยหวนนี้มีขีดจำกัดเวลา หลังจากผ่านไปราวๆ สองชั่วโมง มันจะอ่อนกำลังลงและหายไป
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางอยู่ในช่วงรีบเร่งเพื่อไปให้ถึงห้องเก็บโลงศพในโถงวิหารที่สาม และขัดขวางไม่ให้สองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ฟื้น จึงเป็นธรรมดาที่เขาไม่สามารถรอให้เวทพายุโหยหวนสลายตัวไปเอง
“พลังของลมใช่ไหม?” ก่อนนั้น เย่ว์หยางเข้าใจ “หัวใจธรรมชาติ” ไปแล้ว บวกกับเขาฝึกฝนปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ซึ่งเป็นวิทยายุทธระดับปราณก่อกำเนิด ด้วยทักษะทั้งสองนี้ เขาจึงมีความเข้าใจและหยั่งรู้ถึงพลังชีวิตและพลังธาตุต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคนอื่น และพี่สาวในฝันยังคงสอนให้เย่ว์หยางมากมายหลายอย่าง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ค่อยได้ใช้พลังลมและพลังดินมากนัก เขากับใช้แค่พลังไฟหยางและพลังน้ำหยินแทน ตอนนี้ เวทวายุโหยหวนที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นอุปสรรคท้าทายที่ดีที่สุด แม้เย่ว์หยางจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญพลังลม แต่เขาอยากจะสัมผัสความลับของเวทวายุโหยหวนให้ได้
“หวิวววว”
ตะขาบยักษ์สองตัวพบเหยื่อของพวกมัน เย่ว์หยางที่เพิ่งจะออกมา
พอเห็นเช่นนี้ เสวี่ยอู๋เสียถึงกับประหลาดใจ
นางได้สังเกตรายละเอียดที่นางไม่ได้สังเกตพบมาก่อน ตะขาบแดนสวรรค์ไม่สามารถพบมิติผนึกได้ แต่หลังจากเย่ว์หยางออกไปจากเสาเจ็ดดาวได้ พวกมันค่อยพบความคงอยู่ของเย่ว์หยางทันที
หนีกั่วและสหายอีกสองคน ที่หลบมุมอยู่ในโถงวิหารที่สอง ก็เพิ่งสังเกตเห็น พวกเขารีบมาทางนี้และเตรียมซ่อนตัวในที่ปลอดภัยภายในมิติผนึก
นักสู้แดนสวรรค์ที่เหลืออยู่ 2-3 คน หันกลับและมุ่งหน้ามาที่เสาเจ็ดดาว
ตะขาบยักษ์ตัวหนึ่งรีบไล่ตามพวกเขาทันที ตัวมันยาวขนาดร้อยเมตรแต่ก็ไวราวสายฟ้า ขานับร้อยของมันมีขนาดต่างกัน เป้าหมายของมันก็คือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม คือหนีกั่ว มันพุ่งมาเหมือนลูกกระสุนแต่เร็วกว่าสิบเท่า มันอ้าปากและเขี้ยวพิษกว้างและพุ่งใส่หนีกั่วซึ่งมีปีกสีน้ำเงินที่ทำจากปรอทไม่สามารถบินได้
“แก่นพลัง”
หนีกั่วฮึดฮัดไม่พอใจ
ทันใดนั้น ตลอดทั้งร่างของเขาก็ละลายกลายเป็นปรอทและอยู่ในสถานะของเหลว
การโจมตีด้วยพิษไม่มีผลต่อหนีกั่ว จากนั้นตะขาบยักษ์อ้าปากของมันและดูดของเหลวนั้น มันต้องการจะสูบร่างหนีกั่วลงไปในท้องของมัน แต่ขณะเดียวกันร่างของหนีกั่วกลับคล้ายเหล็กกล้า ขาของเขากลายเป็นหนามลึกเจาะพื้นและหลังคาตรึงตัวเองกับที่ ไม่ว่าตะขาบยักษ์ที่แข็งแกร่งจะใช้วิธีการที่รุนแรงเพียงไร มันก็ไม่สามารถขยับร่างของเขาได้แม้แต่นิ้วเดียว ที่สำคัญ หนีกั่วมีพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 ถ้าตะขาบยักษ์ต้องการฆ่าเขา คงไม่ใช่เรื่องง่าย
ตะขาบยักษ์เปลี่ยนเป้าหมายของมันเร็วมาก
มันเลือกเป้าหมายที่สองของมันทันที เป้าหมายนี้ไม่ใช่สหายนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 ทั้งสองคนของหนีกั่ว แต่เป็นผู้เคราะห์ร้ายที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 2
เจ้าผู้นั้นเรียกตะกวดหุ้มเกราะระดับทองออกมาและประสานตัวกับมัน ร่างของเขาสูงและยาวมากกว่าสามสิบเมตร หนังของตะกวดเกราะทองจะเหมือนโล่หนาคอยปกป้องตลอดทั้งร่างของเขา หลัง, ศีรษะและขาทั้งสี่มีหนามแหลมคอยปกป้อง
ถุงคู่ที่อยู่ใต้ตาหลั่งเลือดพิษและน้ำเหม็น ถ้าคนอื่นๆ ได้กลิ่นมันพวกเขาจะอาเจียนออกมา
อย่างไรก็ตาม วิธีป้องกันทั้งหมดนี้ไม่สามารถป้องกันชีวิตของเขาได้
ร่างของตะขาบยักษ์แดนสวรรค์กระโดดพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วราวกับดาวตก ปากมหึมาของมันกัดเข้าที่หัวขนาดใหญ่ของนักสู้ปราณก่อกำเนิดจากแดนสวรรค์อย่างโหดเหี้ยมพร้อมกับฉีดน้ำพิษเข้าไปข้างใน
ผู้เคราะห์ร้ายร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด นอกจากดิ้นรนด้วยพลังทั้งตัวแล้ว เขายังยิงพิษเขียวและฉีดน้ำสีแดงใส่ร่างของตะขาบยักษ์ หวังว่าจะขับไล่มันให้หนีไป พิษกับน้ำที่มีกลิ่นเหม็นรวมกันพ่นใส่กระดองแข็งของตะขาบยักษ์ทำให้เกิดเสียงฉี่ๆ มันกัดกร่อนเปลือกของตะขาบออกไปก้อนใหญ่ อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บหนักได้ กลับทำให้เจ้าตะขาบยักษ์โกรธจัดยิ่งขึ้น
ขาจำนวนมากของมันเงื้อออกดูเหมือนหลาวยาวและแทงลึกลงไปบนร่างยักษ์นั้น
เกล็ดหนาของเขายุ่ยเหมือนกระดาษชำระและถูกแทงทะลุได้ง่ายดาย
ในชั่วพริบตาเขาก็ล้มลงกับพื้น ก่อนที่พิษจะสังหารเขา ตะขาบยักษ์แดนสวรรค์ได้ตัดร่างเขาเป็นส่วนๆ ขณะที่เขายังมีชีวิต มันอ้าปากและกินเขาทั้งเป็น นี่ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้เขายิ่งกว่าตายเสียอีก
ตะขาบยักษ์แดนสวรรค์อีกตัวหนึ่งไล่กวดตามเย่ว์หยางไปมีปัญหาบ้างเล็กน้อย
เจ้าตะขาบยักษ์มั่นใจว่ามันจะไล่กวดตามเย่ว์หยางได้ทัน แต่ทันใดนั้นมันกลับพบว่ามนุษย์ผู้นี้ว่องไวมาก มากกว่าที่มันคาดไว้
สิ่งที่ประหลาดที่สุดก็คือมนุษย์ผู้นี้หายเข้าไปในกำแพงเวทวายุโหยหวนข้างหน้า เหมือนกับว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบจากเวทพายุโหยหวนเลยแม้แต่น้อย เขาผ่านไปได้เกินกว่าที่มันคาดไว้มาก
หนีกั่วไม่สนใจตรวจสอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเย่ว์หยางหรือสหายของเขา เขาสนใจแต่เพียงชีวิตน้อยๆ ของเขาก่อนเท่านั้น
โอกาสแรกของเขา เขากระโจนเข้าไปในพื้นที่ผนึกทันที แม้ว่าจะมีเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจ้องมองเขาอยู่เหมือนนักล่าก็ตาม พวกนางก็ยังดีกว่าตะขาบยักษ์แดนสวรรค์ทั้งสองซึ่งไม่สามารถตอบสนองความหิวโหยของพวกมันได้
“ออกไปซะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าศัตรูเป็นนักรบปราณก่อกำเนิดระดับ 6 แต่ตอนนี้นางครอบครองดาบเทพจักรพรรดิอวี้ ดังนั้นนางมีความมั่นใจพอจะเอาชนะศัตรูของนาง
“ด้วยพลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 อย่างเจ้าน่ะหรือ?” หนีกั่วแค่นเสียงเหยียดหยาม อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงระวังนาง เพราะนางมีดาบเทพจักรพรรดิอวี้ ไม่มีดาบเทพจักรพรรดิอวี้ เขาจะเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 อยู่ในสายตาหรือ? สำหรับเขาแล้ว เขาสามารถฆ่าพวกนางเมื่อใดก็ได้ ไม่ว่าพวกนางจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ประหลาด อยู่ต่อหน้าเขายอดฝีมือปราณก่อกำเนิดระดับ 6 นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ก็ไม่ยกเว้น
“ยังคงมีเรา…” เสวี่ยอู๋เสียตอบเยือกเย็น
นางฉุดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไปข้างหน้า แทนที่จะถอยหลัง
ขณะที่หนีกั่วเตรียมโจมตีพวกนางและสังหารพวกนางทันที แสงรัศมีจากลำแสงที่ยิงออกมาส่องสว่างเจิดจ้าไปทั้งมิติผนึก
หนีกั่วกางปีกทั้งสี่ของเขาและกางแขนพยัคฆ์ของเขาขณะที่ป้องกันพลังแสงอุษา
เขาปล่อยพลังปราณคุ้มครองตัวเพื่อปกตนเอง
“เอ๊ะ?”
เมื่อพลังแสงอุษายิงมาถึงเขา หนีกั่วพบว่าเขาประมาทพลังแสงอุษานี้เกินไป
มองดูผิวเผิน แสงอุษานี้ไม่มีอะไรพิเศษ
อย่างไรก็ตาม เมื่อแสงนั้นต้องร่างของเขา หนีกั่วก็ต้องแปลกใจว่าพลังแสงอุษาเข้มข้นกว่าพลังแสงอุษาตามปกติถึงสิบเท่า พลังของมันเกินกว่าจะจินตนาการได้ ยังดีที่มีอสูรมนุษย์วิหคปีกเงินซึ่งหนีกั่วเรียกออกมาฉับพลัน มันถือดาบยักษ์อยู่ในมือป้องกันแสงอุษาที่อยู่ข้างหน้าหนีกั่วไว้ได้ และใช้ร่างของมันต้านรับแสงอุษาที่น่ากลัวแทนเจ้านายของมัน
แสงอุษาหายไปอย่างรวดเร็ว และหนีกั่วถอนหายใจโล่งอก
โชคดีที่เป็นระยะเวลาสั้น มิฉะนั้นเขาคงได้รับบาดเจ็บหนักแน่ เขามองดูฝ่ามือของเขาและพบว่ามือของเขาซึ่งใช้ปราณคุ้มครองของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 ยังถูกแผดเผาอย่างหนัก
ฝ่ามือของเขาไหม้เกรียม ผิวของเขาเปิดลอกจนมองเห็นกระดูก
เขาได้รับความเสียหายทั้งที่มีมนุษย์วิหคปีกเงินปกป้อง หากไม่ได้มันช่วยปกป้อง มือของเขาคงหายไปแล้ว
หนีกั่วเงยหน้ามองและตรวจดูเจ้าปีกเงิน อสูรของเขา
แต่ต้องตกใจเมื่อได้เห็นภาพ
สภาพร่างกายของเจ้าปีกเงินในตอนนี้มีควันลอยกรุ่น ปีกของมันถูกเผาจนเตียนไปหมด ตลอดทั้งร่างกลายเป็นสีดำ เหมือนไก่ที่ถูกโยนลงไปในกองไฟและถูกเผามอดไหม้ไปครึ่งหนึ่งและตายก่อนที่จะหลบหนีจากไฟได้
ดาบยักษ์ที่ใช้ป้องกันร่างของมันได้เล็กน้อย แต่เดิมเป็นอาวุธระดับเงิน แต่ตอนนี้มันถูกทำลายเรียบ
“ข้าจะส่งเจ้าเดินทางด้วย!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเก็บพลังไว้มากมาย ภาพพยัคฆ์ขาวปรากฏอยู่ด้านบนศีรษะนาง
ดาบเทพจักรพรรดิอวี้เปล่งพร่างพรายสีทองและสว่างเจิดจ้าดุจดวงอาทิตย์
นางฟันลงทันที
พลังน่ากลัวที่สามารถสั่นสะท้านฟ้าและพสุธา..
หนีกั่วรีบหลบการโจมตีนี้ที่สามารถฆ่าเขาได้ทันทีง่ายๆ ที่สำคัญที่สุดคือดาบเทพจักรพรรดิอวี้ เป็นอาวุธในตำนาน แม้ว่าผู้ใช้จะไม่สามารถดึงพลังของมันมาใช้ได้เต็มที่ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะดูแคลนกันได้ หนีกั่วหลบไปอยู่ห่างๆ ก่อนที่พลังดาบจะฟันถึงตัวเขา พลังปราณดาบที่แฝงมากับแรงฟันยังไวกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้และมันเฉียดผ่านไหล่ของเขานิดเดียว แต่ก็สร้างรอยแยกตลอดทางผ่านภายในมิติผนึก
ถ้าแรงฟันนี้ฟันใส่ตัวหนีกั่ว เขาคาดว่าแม้ว่าเขาพลังสภาพเหลวเพื่อฟื้นฟูสภาพ จะคงใช้เวลาในการฟื้นฟูนาน ระหว่างเวลาฟื้นฟูนี้ ศัตรูของเขาอาจมีเวลาพอที่จะตัดร่างของเขาได้เป็นล้านๆ เสี่ยง
แม้ว่าจะได้ครอบครองพลังแก่นสาร ก็ไม่ได้หมายความว่าเขามีร่างกายเป็นอมตะ
แม้ว่าจะมีคนครอบครองร่างอมตะ แต่ต้องมารับการจู่โจมจากอาวุธระดับตำนานก็มีโอกาสตายได้ทันที
“เจ้ายังมีอะไรที่มากกว่านี้อีกไหม?” หนีกั่วหัวเราะเยาะ ด้วยความสามารถเพียงแค่นี้ เป็นไปได้อย่างไรที่พวกนางจะฆ่าเขาผู้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 ได้? พวกนางประเมินตัวเองสูงเกินไปหรือเปล่า? ถ้าพวกนางไม่มีดาบเทพจักรพรรดิอวี้ พลังโจมตีเหล่านี้ก็เปล่าประโยชน์ ทำอะไรเขาไม่ได้ ความจริงนอกจากเด็กมนุษย์ผู้ครอบครองวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤตเป็นคนที่หนีกั่วหวั่นเกรงอยู่บ้าง แต่สำหรับคนอื่นๆ เขาไม่ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย เจ้าเด็กที่ผิดธรรมดาก็จากไปแล้ว ตอนนี้ มีสตรีอ่อนแอเหลืออยู่ไม่กี่คน พวกนางจะทำอะไรได้? ถ้าไม่มีดาบเทพจักรพรรดิอวี้ เขาก็สามารถสังหารศัตรูของเขาได้แน่นอน รวมทั้งเจ้าเต่ามังกรหวงถิ่นและปากดีที่ยังไม่ยอมตายนั้นด้วย
“คลื่นวารีคลั่ง!” เย่ว์หวี่เรียกคลื่นน้ำของนางและปล่อยพลังน้ำท่วมเต็มที่
“เจ้าหวังจะให้ข้าขำจนตายใช่ไหมนี่?” หนีกั่วรู้สึกว่าสตรีพวกนี้บ้าไปแล้ว ทำไมพวกนางพยายามใช้น้ำโจมตีใส่เขาเล่า? เขาไม่ใช่หวงซา, น้ำทำอะไรเขาไม่ได้แน่
“เอะอะ น่ารำคาญ!”
เสวี่ยอู๋เสียพึมพำเสียงเยือกเย็นพลางยกมือทั้งสองของนาง
นางค่อยๆ สร้างวงเวทอักษรรูนโบราณช้าๆ นางระเบิดพลังเยือกแข็งออกมาจากร่าง
ที่ด้านหลังของนาง ยักษ์น้ำแข็งและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งปรากฏขึ้นโดยไร้เสียงและร่วมสร้างบรรยากาศหนาวเย็นยิ่งขึ้น หนุนส่งพลังหยินของเสวี่ยอู๋เสียโจมตีเข้าใส่หนีกั่ว
พอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หนีกั่วพุ่งเข้าหาเสวี่ยอู๋เสียทันที
เขาปล่อยหมัดใส่นางด้วยพลังของเขาทั้งหมด
จากกระบวนท่าของเขาแสดงว่าต้องการสังหารเสวี่ยอู๋เสียให้ตายทันทีในหมัดเดียว
อย่างไรก็ตาม ในทันที่ที่หมัดของเขาพุ่งเข้ามาใกล้จะถึงตัวเสวี่ยอู๋เสีย พลังหยินที่แข็งแกร่งเหลือเฟือของนางได้แช่แข็งร่างของหนีกั่ว เสวี่ยอู๋เสียผู้ซ่อนปิดบังพลังตนเองไว้ตลอดและรอโอกาสใช้พลังนั้นจู่โจมในกระบวนท่าของนาง ทันทีที่นางเคลื่อนไหวแสดงพลังที่แท้จริงในทันที นางก็โค่นหนีกั่วและผนึกเขาไว้ในน้ำแข็งได้
ถ้าหนีกั่วไม่ประมาทดูถูกหญิงสาวชาวมนุษย์เหล่านี้ว่าไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาอาจจะไม่พ่ายแพ้รวดเร็ว และน่าอนาถขนาดนี้เป็นแน่
ความสามารถแช่แข็งขั้นสุดยอด ทำให้เสวี่ยอู๋เสียครอบครองพลังที่แข็งแกร่งที่สุด สามารถฆ่าศัตรูได้ทันที
นางถอยออกมา 2-3 ก้าวและมองดูหนีกั่วถูกผนึกอยู่ในน้ำแข็ง
ปีศาจอสรพิษน้ำแข็งมองดูหนีกั่วเหมือนกับนักล่ามองดูเหยื่อ นางควงดาบและตัดผ่านน้ำแข็งได้อย่างง่ายดายและผ่าเข้าที่อกของหนีกั่ว
ที่ด้านหลังของนางยังมีองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงปล่อยพลังพยัคฆ์ขาวอย่างต่อเนื่อง ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในมือของนางเปล่งแสงเจิดจ้าขณะที่มันปล่อยพลังปราณดาบที่สามารถแยกฟ้าทลายพสุธาได้ ดูเหมือนเร็วมากแต่ก็ช้ามากในขณะเดียวกัน นี่คือสิ่งที่แว่บเข้ามาในความคิดของหนีกั่วก่อนที่เขาจะสูญเสียการมองเห็น ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ปล่อยกระบวนท่าดาบที่งดงามเหมือนแสงดาวตกในยามราตรี ฉากสวยงามเช่นนี้คือประกายที่แว่บผ่านสายตาของหนีกั่วเป็นครั้งสุดท้าย
ความคิดสุดท้ายของหนีกั่วไม่ได้ชื่นชมต่อท่าดาบที่งดงามแน่นอน
แต่กลับเป็นความประหลาดใจที่พลัง “แก่นสาร” ในร่างของเขาซึ่งทนทานต่อไฟและน้ำแข็งกลับถูกผนึกในน้ำแข็งได้
แต่ก่อนนั้น ไม่เคยมีใครใช้พลังน้ำแข็งผนึกพลังของเขามาก่อน ทว่า ไม่ใช่เพราะพลังของเขาทนทานต่อพลังน้ำแข็ง เพียงแต่เขาไม่เคยพบคนผู้ครอบครองพลังเยือกแข็งที่แท้จริง
น่าเสียดาย เขารู้คำตอบเมื่อสายเกินไป
บนทางเข้าทางผ่านเข้ามิติผนึก สหายนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 สองคนมองอย่างตกตะลึง พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เรื่องนี้เกินกว่าจะจินตนาการไว้เสียอีก เมื่อเทวทูตสายลมเรียกตะขาบยักษ์สวรรค์มาฆ่าคนของตนเอง
หนีกั่วครอบครองพลังแก่นสารและเป็นรองแค่หวงซาที่มีร่างกายที่ใครก็ฆ่าไม่ได้ ทว่าเขายังถูกมนุษย์คนหนึ่งฆ่าตายได้ง่ายดายอีกหรือ?
ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ใช้พลังสังหารเขา ความจริงเป็นหญิงสาวชาวมนุษย์ที่ยังไม่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดด้วยหรือนี่?
**************