“นั่นคือสัญญาณมือดูถูกเราใช่ไหม? โอว, นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพบคนผู้บังอาจต่อต้านและดูถูกข้า, น่าสนใจนัก!” ผู้นำแดนสวรรค์คนที่สวมชุดยาวสีขาวไม่ได้โกรธ แต่กลับยิ้มแทน “แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรู แต่ข้าคงไม่โกรธ เพราะพวกเขามีศักดิ์ศรีและบุคลิกภาพที่ยิ่งใหญ่”
เงาร่างดำด้านซ้ายเผยให้เห็นรูปร่าง เขาเป็นเหมือนกับหลุมดำ ครอบครองร่างที่ดึงดูดแสงสว่างรอบตัวของเขา
ดูเหมือนกระแสหมุนวนสีดำ
เขายืนอยู่เงียบๆ ทางด้านขวา
ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อย
แม้เมื่อเย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดู เขาไม่อาจตรวจเห็นลักษณะและระดับที่แท้จริงของเขาได้
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกอันตรายที่เย่ว์หยางรู้สึกได้ไม่ได้ด้อยกว่าผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์คนที่สวมชุดยาวขาวและกวัดแกว่งตรีศูลเลย พลังของเขาอาจจะมากกว่าผู้นำแดนสวรรค์ชุดขาวก็ได้
“หมิงเย่ว์กวงฉลาดจริงๆ นางจากไปแล้วหรือ? ข้ารู้นะ นางจะไม่มีทางยอมปล่อยให้เราตื่นเร็วกว่านางแน่” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลถอนหายใจ เทวทูตสายลมรีบตอบเขา “นายท่าน! หมิงรี่ฮ่าวร่วมมือกับศัตรูเป็นพันธมิตรกับเด็กผู้ชายที่อยู่ต่อหน้าท่าน เขาเพิ่มความแข็งแกร่งของผนึกด้วยการยอมสละเลือดและขอให้เด็กหนุ่มผู้นี้ถอนดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในขณะเดียวกัน หมิงเย่ว์กวงจากไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหมิงรี่ฮ่าวหักหลังเรา หมิงเย่ว์กวงคงไม่มีทางฟื้นก่อนแน่นอน”
“แม้ว่าเจ้าและเทวทูตสายฟ้าจะแข็งแกร่งกว่าหมิงรี่ฮ่าวเล็กน้อยในแง่ฝีมือต่อสู้ แต่เมื่อว่าถึงแผนการต่อสู้ หมิงรี่ฮ่าวก็ยังดีกว่าพวกเจ้าเสียอีก ถ้าเป็นคนอื่นๆ พวกเขาจะคิดถึงแผนการที่ยอดเยี่ยมร่วมมือกับศัตรูเพื่อถอนดาบไหม?” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลยกย่องหมิงรี่ฮ่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน จากนั้นเขาทอดถอนใจอีกครั้งพูดเสียงเบาว่า “แม้ว่าข้าจะเข้ากันได้ไม่ดีนักกับหมิงเย่ว์กวง และนั่นอาจทำให้เรากินแหนงแคลงใจกันเอง แต่นางก็ยังเป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ เจ้าต้องให้เกียรตินาง มีเพียงนักรบที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะสามารถให้เกียรติศัตรูของพวกเขาผู้มีพลังและสถานะมากกว่าพวกเขา
“ขอรับ!” เทวทูตสายลมเหงื่อกาฬแตกและตัวสั่นด้วยความกลัว เขารีบคุกเข่าอย่างนอบน้อม
“……” เย่ว์หยางขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเขามีความคิดขึ้นมาว่าผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลนั้นน่ากลัวมาก
เขามีพลังแข็งแกร่งมาก ไม่เพียงแต่อดทนต่อการยั่วยุของศัตรูของเขาเท่านั้น เขายังจัดการผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเข้มวงด เขาให้เกียรติศัตรูของเขา นี่ไม่ใช่ทัศนคติที่ธรรมดาแน่นอน
ดูเหมือนเจ้าผู้นี้มีชีวิตในฐานะหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์แน่นอน
นางเซียนหงส์ฟ้ากระตุกเย่ว์หยางเบาๆ ส่งสัญญาณให้เลิกจ้องพวกเขาและเริ่มโจมตีแทน มิฉะนั้น พวกเขาจะได้หนีไปได้เร็ว คงไม่ใช่ความคิดที่ดีที่ยังจะยืนอยู่อย่างนี้
เย่ว์หยางพยักหน้าเบาๆ แสดงว่าเข้าใจนาง
อย่างไรก็ตาม การกระทำถัดไปของเขาก็ยังคอยสังเกตพวกเขาเงียบๆ
ในความเป็นจริงนั้น เขากังวลมาก ยิ่งเวลาผ่านไปมาก สองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ก็จะฟื้นพลังได้มากขึ้น
หลังจากผู้นำแดนสวรรค์เหล่านี้ออกมาจากห้องเก็บโลงศพแล้ว พวกเขามองดูคล้ายกับหมิงเย่ว์กวง พวกเขายังคงอ่อนแอมาก เพราะเพิ่งออกมาจากผนึกโลงแก้ว
แน่นอนว่า นี่ถือว่าเป็นความอ่อนแอ แม้ว่าสองผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้จะมีพลังเพียงเปอร์เซ็นต์เดียวจากพลังที่แท้จริงของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่ศัตรูที่เย่ว์หยางจะเอาชนะได้ในสภาพเช่นนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะกังวลต่อไป เย่ว์หยางข่มใจที่กำลังเต้นรัวอย่างดุเดือดและสังเกตคำพูดและพฤติกรรมของศัตรูของเขาด้วยจิตใจที่เยือกเย็น การหนีและเคลื่อนไหวทั้งสองอย่างเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด เขาต้องหาจุดอ่อนของศัตรู
มิฉะนั้น การต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างไรความหมาย
“เจ้าสามารถถอนดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้หรือนี่? เจ้า เจ้าช่างแปลกจริงๆ แม้ว่าหมิงเย่ว์กวงอาจจะไม่ฆ่าเจ้า แต่นางน่าจะจับเจ้าไปเป็นเชลย ข้าเชื่อว่าสายตานางไม่ได้ด้อยไปกว่าข้า แล้วนางยอมปล่อยมนุษย์ผู้น่าสนใจอย่างเจ้าไปได้ง่ายๆ อย่างไร?” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์คนที่ถือเทพตรีศูลมองดูเย่ว์หยาง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกับว่าพยายามคิดอะไรบางอย่าง
“นายท่าน เขาถอนดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้แน่นอน ข้าเห็นกับตาตนเอง เขาใช้มุกลักษณะแปลกๆ และเพิ่มพลังปราณจักรพรรดิของเขาจึงสามารถดึงดาบเทพจักรพรรดิอวี้ออกมาได้โดยง่ายดายทั้งที่ตอนแรกดาบก็ต่อต้านเขา” เทวทูตสายลมรายงานโดยเร็ว
“เจ้าใช้สิ่งประดิษฐ์ช่วยยกระดับพลังด้วยหรือนี่? เป็นความคิดที่ดี!” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ชุดยาวขาวพยักหน้าให้เย่ว์หยางและพูดว่า “เจ้าฉลาดกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก”
“ฮืม.. ข้าว่าท่านก็เหมือนกัน!” ทันใดนั้นเย่ว์หยางก็พูดทันที “ข้าคิดว่าท่านก็มีพลังมากมาย แต่ยังไม่สามารถไปจากวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ได้ นั่นคือเหตุผลให้ที่มีความคิดแบบเรา ขอโทษด้วยที่ต้องขัดคอ ขอให้ข้าพูดคำตอบที่แท้จริงก็ได้ เราก็ยังไม่สามารถไปจากวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ได้…. หลังจากได้ยินคำตอบนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ ท่านจะผิดหวังมากหรือเปล่า?”
“ไม่เลย, ข้าไม่เคยกังวลเรื่องที่ไม่อาจไปจากวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ได้” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือเทพตรีศูลหัวเราะลั่น “บอกกล่าวตามตรง, สิ่งที่ข้ากังวลที่สุดก็คงเป็นเรื่องหมิงเย่ว์กวงคงจะเตรียมลอบทำร้ายเมื่อข้ากลับไปยังแดนสวรรค์ ดังนั้น ข้าต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า”
“การเตรียมตัวของท่าน มีอะไรที่เกี่ยวกับข้าด้วย?” เย่ว์หยางถาม
“ไม่เลย, เพียงแต่ข้าสงสัยเล็กน้อย ทำไมหมิงเย่ว์กวงถึงยอมปล่อยเจ้า? ถ้านางต้องการจับเจ้าที่เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง นับว่าเป็นเรื่องง่ายมาก บางทีนางคงทำเพื่อตั้งใจให้ข้าคาดเดาตัวเจ้าจนเสียเวลาไปเปล่าๆ หรือว่าเจ้าซ่อนเล่ห์กลอะไรไว้ทำให้นางกลัวที่จะจู่โจมใส่เจ้า?” เมื่อผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้มีตรีศูลพูดเช่นนี้ เย่ว์หยางสงบจิตใจได้มาก
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ทรงพลังมากมายแน่นอน แม้ว่าเขาจะซ่อนพลังปราณของเขาไว้ แต่ศัตรูของเขาก็สามารถเห็นบางอย่างได้ แม้จะไม่ชัด
ที่สำคัญที่สุด ศัตรูที่ดูเหมือนจะคอยวิเคราะห์คนอื่น จะจัดการได้ยากที่สุด
ศัตรูเช่นนี้น่ากลัวมากที่สุดแน่นอน
ในฐานะหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ เขามีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ และเขายังคงมีความระมัดระวังและความสำคัญกับสัญญาณต่างๆ เขาวิเคราะห์จำแนกคู่ต่อสู้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะไปกระตุ้นโทสะคนเช่นนี้ พวกเขามีแต่จะปวดหัวหนักยิ่งขึ้น
ถ้าพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น เย่ว์หยางไม่คิดจะเริ่มสู้กับศัตรูเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อศัตรูของเขาพบว่าเย่ว์หยางยังไม่เติบใหญ่กล้าแข็งเต็มที่ พวกเขาจะตกเป็นเบี้ยล่างทันทีที่เริ่มต่อสู้
เย่ว์หยางคงไม่เปิดเผยจุดอ่อนใดๆ ต่อหน้าศัตรูเหล่านี้ ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลผู้นี้แข็งแกร่งมากมายแน่นอน แต่เขาไม่มีเนตรจันทราเหมือนหมิงเย่ว์กวง ดังนั้นเขาคงไม่อาจมองเห็นความแข็งแกร่งที่เย่ว์หยางซ่อนไว้ เขามีเพียงสมองที่จะใช้คิดวิเคราะห์เพื่อหาบทสรุปด้วยตนเอง เขาจะวิเคราะห์ท่าทางหรือสีหน้าใดๆ ก็ตามที่เย่ว์หยางทำ
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรา เจ้าไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับเทวทูตสายลมด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่มีความกลัว แต่นี่ก็ไม่ใช่เพราะเจ้ากล้าหาญแน่นอน ในตัวของเจ้า มีความสามารถพิเศษที่ทรงพลังและต่อต้านเราได้” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ชุดขาวสรุป
“งั้นก็ยินดีด้วย, ท่านสันนิษฐานได้ถูกต้อง” เย่ว์หยางถือโอกาสยอเขา
“บางทีข้าอาจเดาผิดก็ได้ แต่ข้าไม่คิดว่าข้าจะพลาดไปจากจุดใหญ่ใจความมากนัก มนุษย์น้อย เจ้าปกปิดพลังบางอย่างไว้ลึกล้ำมาก อายุระดับเจ้า เจ้าไม่น่าจะครอบครองพลังมากนัก นี่พิสูจน์ว่าเจ้าเป็นคนพิเศษประเภทหนึ่ง ยิ่งกว่านั้น สตรีชาวมนุษย์ข้างๆ เจ้าพลังนางใกล้จะถึงขั้นเทพระดับ 1 แล้ว นี่ต้องไม่ใช่เพราะประเพณีของสตรีชาวทวีปมังกรทะยานยอมรับนับถือบุรุษแน่ ต้องเป็นเพราะพลังที่แท้จริงของเจ้าที่ปกปิดไว้ยังเหนือล้ำกว่านางมาก ดังนั้นนางจึงเข้าใจพลังของเจ้าอย่างลึกซึ้ง ยอมอนุโลมตามเจ้าโดยไม่มีคำถาม…” เมื่อผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์พูดเช่นนี้ นางเซียนหงส์ฟ้าถึงกับใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
คนผู้นี้ฉลาดล้ำเกินไปเสียแล้ว
ด้วยการสังเกตมองดู เขาก็สามารถสรุปอะไรออกมาได้หลายอย่าง
โชคดีที่เขาตื่นขึ้นช้า ถ้าเขาตื่นขึ้นเร็วกว่านี้และเห็นการต่อสู้ของเย่ว์หยาง เขาก็คงเดาแผนการณ์สุดท้ายของพวกเขาได้แน่
เย่ว์หยางจับมือนางเซียนหงส์ฟ้ายิ้มเล็กน้อย
ศัตรูของพวกเขาแข็งแกร่งและฉลาดมาก อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่ยากลำบากนี้กระตุ้นจิตวิญญาณต่อสู้ของเย่ว์หยาง แม้ว่าดูเผินๆ เหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะศัตรู แล้วยังไงเล่า? แม้ว่าสัตว์ประหลาดตัวที่เป็นเจ้านายจะสู้ได้ยาก แล้วทำไมผู้คนถึงยังมีผู้สู้กับคนอื่นที่ท้าทายอสูรตัวเจ้านายด้วยเล่า? เหตุผลก็เป็นเพราะสัตว์ประหลาดตัวที่เป็นเจ้านายน่าท้าทายมาก, น่าตื่นเต้นมากและน่าพึงพอใจมากกว่าสู้กับสัตว์ประหลาดทั่วๆ ไป
โดยเฉพาะการเอาชนะศัตรูเช่นนี้ได้จะสร้างความรู้สึกสาแก่ใจยิ่งนัก
เย่ว์หยางสูดลมหายใจลึก
แรงกดดันที่เขารู้สึกได้ในใจแต่เดิมนั้นหายไปในที่สุด
หลังจากเข้าวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีสีหน้าผ่อนคลาย เขาบอกว่า “เนื่องจากข้าก็ครอบครองพลังพิเศษบางอย่างที่ท่านยังค้นไม่พบ แล้วท่านจะทำยังไง?”
“มันเป็นสถานการณ์ค่อนข้างยากลำบาก หมิงเย่ว์กวงทิ้งการตัดสินใจที่ยากลำบากให้เจ้าทำกับข้า” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลเทพขมวดคิ้ว “ถ้าข้าไม่พยายามอะไรและปล่อยเจ้าไปอย่างนั้น มันน่ารู้สึกเสียดาย อย่างไรก็ตาม ถ้าข้าเคลื่อนไหวโดยประมาท ผลอาจจะออกมาเกินกว่าที่ข้าคาดไว้ ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้น ข้าคงตกลงไปในกับดักของหมิงเย่ว์กวงจริงๆ”
“นายท่าน, เด็กหนุ่มคนนี้มีพลังเพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลก หมิงรี่ฮ่าวตัดสินใจร่วมมือกับพวกเขาก็เพราะทักษะเหล่านั้น” เทวทูตสายลมรีบรายงานผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ทันที
“เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ?” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์พยักหน้า “ครอบครองเพลิงอมฤตก็หมายความว่าเจ้ามีร่างอมตะ สำหรับวงจักรล้างโลกนับเป็นเครื่องยั่วยวนใจอย่างดี! ข้าอยากรู้จักอักษรรูนโบราณบนวงจักรล้างโลกมานานแล้ว อันตรายจริงๆ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หมิงเย่ว์กวงทิ้งเจ้าไว้ให้ข้า นางคิดว่าข้าจะตายเพราะเพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลกอย่างนั้นหรือ? ข้าต้องคิดอย่างระมัดระวังเสียแล้ว หนุ่มน้อย, ข้าไม่อาจปฏิเสธความปรารถนาจะชิงเอาอักษรรูนโบราณบนวงจักรล้างโลกจากเจ้า อย่างน้อยที่สุด ถ้าข้าไม่ลอง ข้าไม่วางใจง่ายๆ เลย ในการเผชิญหน้ากับความเย้ายวนเช่นนี้ เราจะไม่รู้สึกถึงความปรารถนาหรือความโลภได้ยังไง? ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้าฆ่าเจ้า อย่างนั้นต้องพิสูจน์ต่อข้าว่าเจ้าเป็นนักรบที่โดดเด่น เป็นผู้ที่สมควรครอบครองวงจักรล้างโลก สำหรับเพลิงอมฤต นั่นไม่ใช่สิ่งที่ใครจะชิงกันได้ ดังนั้นข้าไม่ตั้งความหวังเอาไว้”
“อย่างนั้นก็ได้ ข้าเองก็คิดจะสู้กับท่าน” เย่ว์หยางข่มความกังวลในใจและบีบมือนางเซียนหงส์ฟ้าเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้นางถอยไป
“…..” นางเซียนหงส์ฟ้าก็บีบมือเขาเช่นกัน มือของนางชื้นเล็กน้อย ขณะที่ตัวนางหลั่งเหงื่อพร่างพรู
เห็นได้ชัดว่านางเป็นห่วงเขามาก
เป็นที่ชัดเจนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้กระทั่งของเทวทูตสายลมด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาต้องการสู้กับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้แข็งแกร่งกว่าเทวทูตสายลมเป็นร้อยเท่า คู่ต่อสู้ของเขามีกระทั่งอาวุธเทพเจ้า ถ้านางเซียนหงส์ฟ้าพูดว่านางไม่กังวลห่วงใย ก็คงเป็นการโกหกแน่
อย่างไรก็ตาม นางเข้าใจและให้เกียรติการตัดสินใจของเย่ว์หยาง
การต่อสู้ครั้งนี้ นางคงไม่ห้ามเขา อย่างไรก็ตาม นางจะไม่จากไป นางจะใช้พลังสูงสุดของนางปกป้องเขา
เว้นแต่ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือเทพตรีศูลแปลกๆ จะฆ่านางพร้อมกับเย่ว์หยาง
มิฉะนั้น เขาคงเลิกคิดว่าเขาจะมีวิธีการของเขา
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์คนที่สองที่ยืนสงบเงียบ อยู่ทางด้านขวาแต่ก่อนนั้นหันไปทางสหายของเขา ดูเหมือนเขาจะพูดอะไรบางอย่าง เขาสื่อสารให้สหายของเขาด้วยคลื่นความคิดโดยไม่มีเสียง เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าไม่สามารถได้ยินอะไรได้ ตามท่าทางและสีหน้าของพวกเขา เย่ว์หยางสามารถสรุปได้ว่า ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ที่คล้ายกับหลุมดำนี้ ไม่ได้สงวนท่าที ดูเหมือนเขาไม่เห็นด้วยกับการเริ่มต่อสู้
อย่างไรก็ตาม หลังจากสหายของเขา ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูลเทพยังคงยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดเขาจึงยอมตามด้วย
คนที่ดูเหมือนหลุมดำนั้น มองตรงมาทางเย่ว์หยาง
ทันใดนั้นเย่ว์หยางรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังถูกเอ๊กซเรย์ เขารีบซ่อนความสามารถทั้งหมดและเรียกคัมภีร์ทองเงียบๆ ออกมาป้องกัน “ข้าอ่อนเพลียมากแล้ว จะไม่โจมตีใส่ข้าหรือ” เขาพยายามหลอกศัตรูของเขา
แสดงความสามารถของเจ้าทั้งหมดต่อหน้าศัตรู เป็นพฤติกรรมที่โง่เง่าที่สุด
เย่ว์หยางต้องโจมตีแบบคาดไม่ถึงเพื่อให้ได้เปรียบเล็กๆ น้อยๆ
‘แกล้งเป็นรอง’ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่เย่ว์หยางก็อาจจะทำไม่สำเร็จก็ได้ คู่ต่อสู้ของเขาเป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ แกล้งทำเป็นอ่อยก็เท่ากับหาที่ตาย
“เผยพลังที่แท้จริงของเจ้าออกมา!” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลพูดอย่างใจเย็น เขามาปรากฏตัวต่อหน้าเย่ว์หยาง ก่อนที่เย่ว์หยางจะได้ทำอะไร เขายื่นมือทะลุผ่านโล่ปกป้อง เขาแตะหน้าเย่ว์หยางและปล่อยปราณออกมาทำให้เย่ว์หยางกระเด็นถอยหลังไปไกลเป็นร้อยๆ เมตร เย่ว์หยางกระแทกเสายักษ์จนทะลุไปสามเสาจากพลังกระแทกของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ จากนั้นเขาจึงหยุดได้ในที่สุด
“….” นางเซียนหงส์ฟ้าที่อยู่ข้างๆ เย่ว์หยางก่อนนั้นจ้องมองตะลึงงัน นางแทบไม่อยากเชื่อความเร็วของพลังโจมตีจากศัตรู
ความเร็วขนาดนี้ นอกเหนือการคาดคิดใดๆ ทั้งนั้น
แม้ว่านางและเย่ว์หยางจะเตรียมตัวไว้ก่อนนั้นแล้ว แต่พวกเขาไม่อาจรับมือผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ได้เลยแม้แต่น้อย
สวรรค์! นี่คือผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ยังอยู่ในสภาพอ่อนแรง เขาเพิ่งจะเป็นอิสระออกมาจากผนึกแท้ๆ ถ้าพวกเขาอยู่ในสภาพพร้อมสูงสุด อย่างนั้นพวกเขามิพบกับฝันร้ายหรอกหรือ?
**************