ตอนที่ 351 เพลิงชีวิต
บึ้ม!
ผนังแตกร่วงกราวกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ
เย่ว์หยางถูกกระแทกกระเด็นลงพื้นก็หายตัวไปทันที เขาปรากฏตัวที่ด้านหลังของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ชุดขาวพร้อมกับถือดาบวิเศษฮุยจินซึ่งมีไฟลุกโพลงจากพลังของเย่ว์หยาง เขาฟันลงอย่างดุเดือดด้วยท่าดาบผ่าปฐพี
“เจ้ายังไม่มีพลังพอและความเร็วของเจ้าก็งั้นๆ” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลกลายเป็นเงาหายตัววับทันที
ภายในชั่ววินาทีเดียวกัน เขากลับมาปรากฏตัวที่ด้านหลังเย่ว์หยาง
ฝ่ามือของเขาสัมผัสที่ร่างของเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนมีแมมมอธยักษ์พุ่งเข้าชนร่างของเขา ร่างของเขากระเด็นขึ้นไปในอากาศและหมุนควงอย่างรวดเร็ว
เย่ว์หยางพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมร่างตนเองในอากาศ เมื่อร่างของเขากำลังจะกระแทกลงพื้น เขาตวัดดาบฮุยจินทันทีเพื่อลดแรงปะทะจากการหล่นกระแทก นี่เองทำให้ร่างของเขาเลื่อนถอยหลบพ้นการโจมตีต่อเนื่องที่น่ากลัวของศัตรูของเขาได้ หลังจากสร้างรอยแยกบนพื้นยาวเกือบร้อยเมตร เย่ว์หยางจึงค่อยหยุดการไถลร่างถอยหลังได้ จากนั้นเขาพุ่งเข้าหาผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้เขาไม่เพียงแต่ถือดาบฮุยจินที่อัดพลังหยางเท่านั้น แต่เขายังถือดาบจันทร์เสี้ยวที่เสริมพลังหยินของเขาเพิ่มลงไปด้วย
ในอากาศ เขาสร้างวงกลมหยินหยางที่ดูลึกลับรูปหนึ่ง
น้ำแข็งและไฟโคจรและผสมเข้าด้วยกันภายในวงกลมอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้า
ดวงตาผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เป็นประกายแวววาว เขาไม่ได้หลบเลี่ยงการโจมตี แต่ยกมือที่ขาวดุจมือสตรีขึ้น
เขาใช้แค่เพียงมือขวาก็หยุดท่าดาบที่ผสานพลังไฟและน้ำแข็งได้
ไม่ว่าจะเป็นดาบจันทร์เสี้ยวซึ่งมีความคมจนไม่มีอะไรเปรียบหรือดาบวิเศษฮุยจินที่พัฒนาความแข็งแกร่งมาพร้อมกับเย่ว์หยางจนถึงบัดนี้ ทั้งสองเล่มนั้นยังไม่สามารถทำอันตรายมือข้างขวาที่ขาวดุจหิมะและดูนุ่มนวลนั้น ศัตรูหยุดท่าดาบที่สองถล่มฟ้าทลายดินได้ซึ่งเป็นท่าโจมตีที่สังหารนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับต่ำได้ง่ายดาย ด้วยพลังป้องกันระดับต่ำสุดของร่างกายเขา
“ฝีมือของเจ้าไม่น่าต่ำระดับนี้นะ” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูลโบกมือข้างขวาเบาๆ
“บึ้ม!”
รังสีของแสงขาวฉายวาบและสะท้อนใส่ดาบจันทร์เสี้ยวและดาบฮุยจินในมือของเย่ว์หยาง เย่ว์หยางยังคงกำอาวุธไว้แน่น ตามตัวได้รับบาดแผลผิวเผินหลายแห่งจากแสงรังสีนี้
เย่ว์หยางเซถอยหลังไม่กี่ก้าวแล้วกัดฟันพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง
อักษรรูนสวรรค์และรูนโบราณก่อตัวขึ้นในมือของเขา
เป็นแสงสว่างแพรวพราวเหมือนกับทางช้างเผือก
ในที่สุดก็ก่อรูปเป็นวงจักรล้างโลก พลังที่ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้ มันพุ่งเข้าหาผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ทันที
ก่อนหน้านี้ ไม่มีผู้ใดกล้าหยุดวงจักรล้างโลกตรงๆ มาก่อน ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย, ประมุขนิการพันปีศาจ, ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธและศัตรูอื่นๆ ที่แข็งแกร่งกว่าเย่ว์หยางทั้งหมด เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับวงจักรล้างโลก ก็ทำได้เพียงแต่หลบและถอยหนีมันเท่านั้น ไม่เคยมีผู้ใดกล้าหยุดวงจักรล้างโลกตรงๆ มาก่อน วงจักรล้างโลกไม่ใช่อาวุธที่จะถูกหยุดได้ด้วยพลังล้วนๆ เพียงอย่างเดียว มันคือพลังทำลายล้าง สิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามที่เข้ามาขวางทางมัน จะต้องถูกทำลายแน่นอน ยกเว้นแต่เย่ว์หยางที่เป็นผู้ใช้มัน คนเดียวเท่านั้นที่สามารถควบคุมวงจักรล้างโลกได้
“ช่วงชิง!” เมื่อผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูลเห็นมัน เขาไม่ได้ตกใจ แต่กลับตื่นเต้นแทน
เหมือนกับว่าเขากำลังรอให้เย่ว์หยางแสดงวงจักรล้างโลกออกมา
เขาผายมือที่ว่างเปล่าและกดลงเพื่อจับการเคลื่อนไหว
จากนั้นเขาดึงมือเข้าหาตัว
วงจักรล้างโลกที่ไม่มีอะไรหยุดได้นั้นสามารถทำลายทุกชีวิตได้บินเข้าหามือขวาเขาทันที
วงจักรล้างโลกที่กำลังบินอยู่ในอากาศหมุนคว้างอย่างรวดเร็วและมาหยุดอยู่ที่กลางมือของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูล มันยิ่งหมุนเร็วยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่สามารเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เลยแม้แต่น้อย
ปีกขาวที่ด้านหลังของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์นั้นเปล่งแสงสว่างสดใสเป็นประกายนับไม่ถ้วนและกลายเป็นเชือกแสงเส้นยาวหลายเส้น เชือกเหล่านั้นเคลื่อนตัวเข้ามาเหมือนกับสิ่งมีชีวิต เหมือนกับปลาหมึกกำลังจับเหยื่อของมัน เชือกแสงนับไม่ถ้วนรายล้อมวงจักรล้างโลกที่กำลังหมุนปั่นเร็วแรง
อักษรรูนสวรรค์ที่อาบอยู่บนผิวของวงจักรล้างโลกดูเหมือนจะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้เชือกแสงได้
มันกลับถูกเชือกแสงรุมล้อมห่อหุ้มแทน
ฉากต่อสู้ที่แปลกประหลาดนี้ไม่ใช่สิ่งที่เย่ว์หยางหรือแม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าจะเคยเห็นมาก่อน นางเคยได้ยินอักษรรูนที่ว่า “ช่วงชิง” มาก่อน และรู้ว่านักรบผู้แข็งแกร่ง จะเก่งในการชิงขโมยอักษรรูนของคนอื่นโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม นางเซียนหงส์ฟ้าไม่เคยเห็นคนที่ชิงอักษรรูนโดยใช้พลังเชือกแสงอย่างนี้ พอเห็นชั้นวงเวทอักษรรูนสวรรค์ถูกรื้อออกไปทีละชั้นๆแล้ว นางเซียนหงส์ฟ้าถึงกับใจตกวูบ เป็นไปได้ไหมว่าผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้นี้จะแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ แม้แต่วงจักรล้างโลกก็ยังทำอันตรายเขาไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
เย่ว์หยางกำลังจะพุ่งจู่โจมและใช้พลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์
ทันใดนั้น อักษรรูนดึกดำบรรพ์ที่อยู่ตรงกลางวงจักรล้างโลก ปรากฏขึ้นหลังจากที่อักษรรูนห่อหุ้มทับไว้หลายชั้นถูกรื้อออกไป
มีแสงสว่างวาบขึ้นอีกครา
ทันใดนั้นอักษรรูนโบราณรายล้อมอักษรรูนดึกดำบรรพ์และระเบิดพลังแสงออกมาเป็นประกายแสงสว่างเจิดจ้า เชือกแสงที่ปล่อยมาจากด้านหลังผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ถูกตัดขาดทันที ยิ่งกว่านั้นเชือกแสงเหล่านั้นยังถูกดูดกลืนโดยวงเวทอักษรรูนดึกดำบรรพ์ตรงกลางที่ยังปั่นหมุนรุนแรงต่อเนื่อง อักษรรูนสวรรค์ที่ถูกจับไปก่อนนั้นก็หวนกลับคืนมาทีละชั้นๆ ผสานรวมกันจนซับซ้อนยิ่งขึ้น
เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจพบว่าวงจักรล้างโลกดูเหมือนจะปลดผนึกได้ความสามารถใหม่เพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้เขายังพบว่ามันสามารถแสดงพลังความสามารถได้เต็มที่อีกด้วย
อำนาจทำลายล้างของมันเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่มีความแข็งแกร่งและใจเย็นอย่างมากรีบชักมือกลับทันทีและหงายตัวหลบการโจมตีของวงจักรล้างโลกทันที ขณะที่วงจักรล้างโลกแตกสลายเป็นชิ้นและกลับเข้าไปอยู่ในร่างของเย่ว์หยาง ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เพ่งมองเย่ว์หยางด้วยสายตาลึกซึ้ง
มือข้างขวาของเขาถูกวงจักรล้างโลกบาดเล็กน้อย เขาพึมพำกับตัวเอง “มีอักษรรูนดึกดำบรรพ์อยู่ในวงจักรล้างโลกจริงๆ ด้วย”
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ร่างเหมือนกับหลุมดำตั้งแต่แรกก็ไม่ได้พูดอะไร แต่จู่ๆ เขาปล่อยคลื่นพิเศษอย่างหนึ่ง
ดูเหมือนว่าเขาพยายามสื่อสารกับสหายของเขา ผู้ยิ่งแดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูล
“ถูกแล้ว นี่คือวงจักรล้างโลกของจริง มันคือวงจักรล้างโลกจากตำนานที่กล่าวขานกันว่ามีพลังทำลายล้างทุกอย่างในโลก กลับดูเหมือนอย่างนี้นี่เอง ข้าชักอิจฉาขึ้นมาบ้างเสียแล้ว ทำไมแค่เด็กมนุษย์คนหนึ่งถึงได้ครอบครองวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤตเล่า? เขาเต็มไปด้วยความโชคดีจริงๆ แม้แต่หมิงเย่ว์กวงและพวกเราทั้งสอง ที่รู้จักกันในนามสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ ก็ยังไม่มีทักษะอย่างนั้น อักษรรูนดึกดำบรรพ์มีเพียง 36 อย่างและหนึ่งในนั้นก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าเรา น่าเสียดายที่ข้าชิงมาไม่ได้ นี่เป็นเรื่องเสียใจที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าแน่นอน” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูลพยักหน้าให้สหายของเขาและถอนหายใจหนักหน่วง
“มาหาข้า!” นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกว่าเย่ว์หยางไม่ควรจะโจมตีพวกเขาอีกต่อไป ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ศัตรูอาจจะริษยาเขาและตัดสินใจฆ่าเขาจริงๆ
“ด้วยความสามารถของเจ้า ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์มากแล้วที่เจ้าทำร้ายข้าได้ ด้วยวงจักรล้างโลก ก็สมเหตุผลดีแล้วที่เจ้าทำร้ายร่างกายข้าได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ลองใช้เพลิงอมฤตของเจ้าซิ แม้ว่าข้าจะชิงมันมาไม่ได้ แต่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าคงจะเสียใจถ้าข้าไม่ได้เห็นสักครั้งในชีวิต” สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์กลับคืนสู่สภาพปกติ
“ตามใจเจ้า” เย่ว์หยางจุดเพลิงอมฤตไว้ในมือทั้งสองและพุ่งใส่คู่ต่อสู้ของเขา
“เพลิงอมฤตสองกองหรือ? นั่นมากกว่าที่ข้าคาดหวังไว้!” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ยื่นมือขวาออกมาหยุดหมัดของเย่ว์หยางได้อย่างง่ายดาย
เย่ว์หยางดันกลับไป
สำหรับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ เขาสังเกตมือขวาของเขาด้วยความสงสัย เพลิงอมฤตยังคงเผานิ้วของเขาที่กันหมัดของเย่ว์หยางอยู่
ไม่ว่าเขาจะทุ่มเทพลังมากขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถดับเพลิงอมฤตได้เลย
เพลิงอมฤตมีพลังเผาผลาญและชำระทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันทรงพลังมากกว่าวงจักรล้างโลกที่ครอบครองแต่พลังทำลายล้างอย่างเดียว ไม่มีพลังกำเนิดใหม่
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เลื่อนมือขวาขวางเข้าหาตรีศูลและปาดเนื้อออกไปทันที
เขาปาดเนื้อที่ติดเพลิงอมฤตทิ้ง
แผลที่นิ้วของเขาสมานตัวหายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เมื่อเย่ว์หยางตั้งหลักได้ในที่สุด บาดแผลบนมือของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ก็สมานตัวแล้ว เหมือนกับว่าไม่เคยมีบาดแผลมาก่อน
“โชคดีที่เจ้าไม่เชี่ยวทักษะควบคุมเพลิงอมฤตจากระยะไกล มิฉะนั้น ข้าคงเจ็บตัวจริงๆ แล้ว” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูลพึมพำเล็กน้อย จากนั้นถามเย่ว์หยางต่อ “เจ้าไม่มีทักษะแข็งแกร่งอีกแล้วใช่ไหม? ข้ารู้สึกว่าเจ้ายังเก็บงำตัวเองไว้อยู่ แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แต่ข้ายังรู้สึกได้ว่าเจ้ายังคงซ่อนบางอย่างไว้ มนุษย์หนุ่ม ข้านับถือในความรอบคอบของเจ้าจริงๆ แม้จะอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ แต่เจ้ายังคงรักษาจิตวิญญาณนักสู้อยู่ได้ เจ้ามีความตั้งใจจะฆ่าข้า ถ้านับจักรพรรดิอวี้แล้ว เจ้าเป็นมนุษย์คนที่สองที่เผชิญหน้ากับข้าด้วยความกล้าหาญ และยังกล้าต่อกรกับข้าอีกด้วย”
“ข้ามีทักษะที่แข็งแกร่งกว่า เจ้าต้องการลองดูไหม?” ความต้องการฆ่าฉายลึกอยู่ในแววตาของเย่ว์หยาง
ศัตรูของพวกเขาแข็งแกร่ง พวกเขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาคาดไว้
แม้ว่าเขาฝืนใจสู้กับเขา เขาก็ยังไม่สามารถฆ่าศัตรูของเขาได้
มีผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ถึงสองคน ทันทีที่คนหนึ่งตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ พวกเขาก็คงร่วมมือกันจู่โจมแน่
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองรวมพลังกันไม่ใช่สิ่งที่จะเอาชนะได้ด้วยพลังห้าวหาญและจิตวิญญาณนักสู้
วิธีเดียวก็คือต่อสู้ต่อไปและหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ในระหว่างต่อสู้ ก่อนที่พวกเขาจะพบจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ ก็คงเป็นเรื่องตลกหากพวกเขาจะพูดว่าต้องการฆ่าศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เหล่านี้
ถ้าเป็นคนอื่นที่ต้องต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่น่ากลัว บางทีพวกเขาคงทรุดตัวลงกับพื้นอย่างสิ้นหวังไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ในใจเย่ว์หยาง ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างน่าประหลาดใจ เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้มีประสบการณ์ท้าทายต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง
ชายชาตรีจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาพบกับอุปสรรคที่ยากลำบาก เขาก้าวหน้าช้ากว่าจะไล่ตามทันเป้าหมายในก่อนหน้านั้น ก็คือซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและประมุขนิกายพันปีศาจ เย่ว์หยางเลิกใช้พวกเขาเป็นเป้าหมายมานานแล้ว ปัจจุบันนี้เย่ว์หยางมีเป้าหมายใหม่ นั่นก็คือผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่แข็งแกร่งและฉลาดกว่าซุ่นเทียนและประมุขนิกายพันปีศาจมากนัก
เย่ว์หยางรู้สึกว่าตราบใดที่เขาพบจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ เขาจะมีโอกาสฆ่าศัตรูของเขาได้
มีหลายวิธีการในการฆ่าศัตรูของพวกเขา เพลิงอมฤต, วงจักรล้างโลกและยังมีปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ ปัญหาเพียงประการเดียวก็คือ จะหาจุดอ่อนของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูลได้อย่างไร? ในโลกนี้ เขามีจุดอ่อนอยู่ตรงไหน?
ทุกคนมีจุดอ่อนอย่างหนึ่ง
บางคนมีมาก บางคนมีน้อย จุดอ่อนของบางคนชัดเจนมาก บางคนก็ซ่อนไว้อย่างมิดชิด
ตัวอย่างเช่น ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูลนี้ซ่อนจุดอ่อนไว้ลึกจริงๆ มองโดยผิวเผิน ดูเหมือนเขาไม่มีจุดอ่อนแต่อย่างใด เหมือนกับว่าเป็นผู้ที่สมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางรู้ว่าเขามีจุดอ่อนอย่างหนึ่ง
ไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่มีจุดอ่อน รวมทั้งสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ด้วย
เย่ว์หยางยังใช้จักษุญาณทิพย์คอยตามสังเกตดูเขาตั้งแต่เริ่มต่อสู้ คิดอย่างหนักว่าจะหาจุดอ่อนศัตรูพบได้อย่างไร เขารู้สึกว่าเขากำลังจะหาพบ ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นในใจเขา ตราบใดที่เขายังต่อสู้เขาก็จะหาจุดอ่อนของศัตรูพบในเวลาไม่นาน
“นักรบหนุ่ม เจ้าคิดหรือว่าข้าจะโง่รอให้เจ้าใช้พลังต่อสู้ทั้งหมด?” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์หัวเราะลั่น
“ตุ้บ….”
เย่ว์หยางที่เตรียมจะโจมตีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง และหลับลึกทันที
เขาถูกสะกดจิตให้หลับ
เดิมที ด้วยพลังจิตและความสามารถของเย่ว์หยาง ไม่มีใครในทวีปมังกรทะยานจะสะกดจิตเขาได้ อย่างไรก็ตาม ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ เขายังถูกสะกดจิตได้โดยไม่รู้ตัว เขาหลับสนิทเหมือนกับเด็กทารกที่ป้องกันตนเองไม่ได้
ที่มือขวาของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์มีสร้อยข้อมือเล็กเส้นหนึ่ง
บนสร้อยข้อมือจะมีมุกเปล่งแสงสีเขียวลูกหนึ่ง
มันแตกเป็นเสี่ยงโดยไร้เสียงกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย ค่อยๆ กระจายหายไปในอากาศ
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลหันมาดูนางเซียนหงส์ฟ้า “ดูเหมือนเจ้าไม่ห่วงชีวิตเขาเลยนะ? บอกเหตุผลข้าได้ไหม?”
“เขามีเพลิงอมฤตอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงมีร่างอมตะ ทำไมข้าต้องกลัว?” นางเซียนหงส์ฟ้ามองดูเย่ว์หยาง มีแววอ่อนโยนที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นนักบนใบหน้านาง
“ไม่, นั่นยังไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ไม่เห็นด้วย
“ก็ได้ อย่างนั้นข้าจะบอกคำตอบที่แท้จริง คำตอบที่แท้จริงก็คือข้ากำลังจะลงมือ ข้าตายไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่าได้คิดแม้แต่จะฆ่าเขา” สายตาของนางเซียนหงส์ฟ้าเด็ดเดี่ยวมากขึ้น และจงใจมองหน้าผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ นางพึมพำว่า “ข้าไม่ใช่จักรพรรดิอวี้ ดังนั้นข้าไม่มีทางจะผนึกเจ้า อย่างไรก็ตามอย่าดูถูกนักรบชาวมนุษย์ที่นอกจากจักรพรรดิอวี้ล่ะ มิฉะนั้น ข้าอาจะฆ่าเจ้าได้!”
“ข้าได้ยินถูกหรือเปล่า?” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ไม่ได้เยาะเย้ยนาง เสียงของเขาแฝงด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“มีทักษะอัญเชิญอย่างหนึ่งที่ใช้ได้ครั้งเดียวในชีวิตของพวกเรา” ทันใดนั้นนางเซียนหงส์ฟ้ายิ้มเล็กน้อย “มันจะเกิดขึ้น ข้ารู้ว่าทักษะอัญเชิญชนิดนี้ต้องมีการเสียสละ!”
“เพลิงชีวิตหรือ?” สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที
“คำตอบที่ถูกต้องก็คือเพลิงชีวิตร้อยเท่า!” ทันทีที่นางเซียนหงส์ฟ้าพูดจบ ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้มีใบหน้าสงบและใจเย็นอยู่เสมอแสดงความไม่สบายใจออกมา..
นางเซียนหงส์ฟ้าสูดหายใจลึกและเริ่มอัญเชิญ