ตอนที่ 354 ของขวัญอำมหิต มนุษย์ท่อนไม้
ประกายสายฟ้านับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ที่มือของนางเซียนหงส์ฟ้าแล้วก่อตัวเป็นรูปบอลไฟฟ้าขนาดมหึมา
โถงวิหารที่สามทั้งสิ้นสว่างเจิดจ้าราวกับเวลากลางวันจากแสงสายฟ้า
โลกทั้งโลกถูกกลบบังด้วยความสว่างของสายฟ้า
พลังอาญาสวรรค์นี้ไม่ใช่สิ่งที่คนๆ หนึ่งจะต้านรับได้แน่นอน ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมา เขาไม่อาจละเลยพลังเช่นนี้ได้
“ระวัง!” แม้ว่าเย่ว์หยางจะตื่นตะลึงกับภาพพลังอาญาสวรรค์ แต่ภาพที่แปลกนั้นเริ่มกระตุ้นให้เขารู้สึกถึงอันตราย พ้นจากมุมมองหางตาเขา เขาค่อยพบว่าเงาร่างมนุษย์ลอยออกมาจากหลุมดำ เป็นผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ซ่อนตัวจริงอยู่เบื้องหลังสนามพลังหลุมดำของเขา เจ้าผู้นั้นรวมหลุมดำทั้งสองที่สามารถกลืนสรรพสิ่งไว้ในมือของเขา เหมือนกับว่าเขาเตรียมจะลอบทำร้ายนางเซียนหงส์ฟ้า
เย่ว์หยางตื่นตระหนกและพุ่งเข้าโดยไม่ยั้งคิด ใช้ร่างของเขาปกป้องหลังของนางเซียนหงส์ฟ้าไว้
เขาปล่อยสนามพลังระเบิดดวงดาวและโยนมันใส่ศัตรู
ขณะเดียวกัน นางเซียนหงส์ฟ้าก็ใช้มือทั้งสองของนางโจมตี
พลังอาญาสวรรค์ที่ขยายพลังถึงร้อยเท่าบดใส่ร่างของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ถือตรีศูล… ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่มีสนามพลังหลุมดำใช้หลุมดำหนึ่งหยุดพลังระเบิดดวงดาวที่ทรงพลังของเย่ว์หยาง มืออีกข้างหนึ่งถือหลุมดำอีกลูกหนึ่งยื่นทะลุผ่านโล่ปกป้องของคัมภีร์อัญเชิญกระแทกใส่อกของเย่ว์หยางอย่างไม่ปราณี
พื้นที่ทั้งหมดเกิดอาการบิดเบี้ยว
ไม่ใช่มีเพียงพลังอาญาสวรรค์เท่านั้น แต่พื้นที่ถูกบิดโดยแรงปะทะจากแรงระเบิดดวงดาวและหลุมดำและพลังปะทะระหว่างบอลหลุมดำอีกลูกหนึ่งกับปราณก่อกำเนิดคุ้มครองตัวของเย่ว์หยาง ยังมีการปะทะระหว่างสนามพลังหลุมดำของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์และโล่ปกป้องของเย่ว์หยางอีกด้วย
แม้แต่เสียงจากแรงระเบิดก็ยังมีพลังอัดกระแทกแฝงมาอีกด้วย
ทุกอย่างภายในพื้นที่ นอกจากคนทั้งสี่ ถูกทำลายเป็นผุยผง
แรงอัดกระแทกส่งผลให้เทวทูตสายลมที่อยู่ในสภาพวิญญาณกระเด็นออกไปหลายร้อยเมตร ผนังและเสาในโถงวิหารที่สามถูกทำลาย แม้แต่หลังคาก็พังทลายเกือบหมด
ถ้าไม่ใช่เพราะปณิธานของจักรพรรดิอวี้คอยค้ำยันโถงวิหารที่สามและป้องกันมิให้พังทลาย และถ้าเป็นสิ่งก่อสร้างตามปกติ ก็คงกลายเป็นเศษอิฐเศษปูนจากคลื่นแรงระเบิดมหาศาลไปแล้ว ท่ามกลางเศษวัตถุปลิวว่อน คนทั้งสี่ไม่ขยับเลยแม่แต่น้อย คนแรกที่ขยับคือผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูล เขาดิ้นรนจนหลุดมาจากพลังอาญาสวรรค์ร้อยเท่าของนางเซียนหงส์ฟ้า
เขาเสียแขนไปข้างหนึ่งและหน้าโชกไปด้วยเลือด
ไหล่ซ้ายและร่างกายซีกซ้ายของเขาได้รับบาดเจ็บหนัก ร่างกายบางส่วนมีกระดูกโผล่ออกมา
ตาซ้ายเขาปิดและหน้าผากมีเลือดไหลจากผมเข้าไปในตาและแก้มเหมือนกับว่าเขากำลังร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือด ที่มือข้างขวายังมีเลือดไหลหยดอยู่ มือขวาของเขายังคงถือตรีศูล แต่เขาไม่ได้โจมตีนางเซียนหงส์ฟ้า เขากลับแทงกลับหลังใส่ช่องว่างระหว่างชายโครงและแขนของเย่ว์หยางเพื่อหยุดการโจมตีครั้งที่สองของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้ใช้สนามพลังหลุมดำ สร้างความประหลาดใจให้กับเขา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าก็ตกใจมากเช่นกัน
คนผู้นี้ไม่เพียงแต่โจมตีตอบโต้ แต่กลับหยุดการโจมตีที่รุนแรงของสหายเขาและช่วยชีวิตเย่ว์หยางด้วยหรือ?
เป็นไปได้ไหมว่าสมองของคนผู้นี้กระทบกระเทือนจากพลังอาญาสวรรค์? เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าเกือบจะพ่ายแพ้อยู่แล้ว
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่มีสนามพลังหลุมดำดูเหมือนจะไม่เข้าใจการกระทำของสหายเขาเช่นกัน เขายื่นมือเข้ามาช่วยเมื่อสหายของเขาตกอยู่ในอันตราย ทำไมเขาถึงไม่ยินดียอมรับ?
“จิ่วเซียว! นี่คือการต่อสู้ของข้า ต่อให้จะถูกฆ่า แต่ข้ามีทระนงในฐานะเป็นผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ ข้าจะไม่ยอมขอความช่วยเหลือ ความประสงค์เช่นนี้จะทำให้ข้าอับอายในภายหลัง ถ้าเป็นเจ้าบ้าง ถ้าเจ้าถูกศัตรูเล่นงานจนล้มลงกับพื้น เจ้าจะร้องขอชีวิตของเจ้าเหมือนสุนัขหรือเปล่า? เจ้าปรารถนาจะให้ข้าช่วยเจ้าหรือไม่? ข้าไม่ต้องการมองหาข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น ชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ แม้ว่าพลังของข้าจะยังไม่ฟื้นคืนดีและศัตรูของข้าจะใช้เพลิงชีวิตร้อยเท่าสังหารข้าก็ตาม นี่คือข้อแก้ตัวสำหรับความพ่ายแพ้ของข้างั้นหรือ?” เมื่อผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ถือตรีศูลพูดเช่นนี้ ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้มีสนามพลังหลุมดำรีบรั้งหลุมดำกลับมาโดยไม่พูดอะไรเลย
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่มีตรีศูลหันกลับมา ร่างของเขายังมีเลือดท่วม เขาปิดตาที่มีเลือดออกและใช้ตาอีกข้างหนึ่งมองดูนางเซียนหงส์ฟ้า “เจ้าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง… นอกจากจักรพรรดิอวี้แล้ว เจ้าเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่เล่นงานข้าจนอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างนี้ อีกเพียงนิดเดียวเจ้าก็สามารถฆ่าข้าได้ ถ้าข้าไม่มีเทพศัตราอยู่กับตัว ข้าคงต้องหลับต่อไปอีกพันปีอีกครั้ง.. ด้วยเทพศัตรานี้ เจ้าจะไม่สามารถฆ่าข้าได้ สำหรับข้าแล้ว ข้าไม่ต้องการฆ่า ข้าโหยหาคู่ต่อสู้อย่างเจ้า เด็กหนุ่มคนนั้นกับเจ้า พวกเจ้ายังคงมีศักยภาพเพิ่มขึ้นได้อีกมาก พวกเจ้าทั้งสองคนยังอายุเยาว์นัก จงฝึกฝนต่อไป ข้าจะรอพวกเจ้าในแดนสวรรค์ บทเรียนครั้งนี้ ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ ข้าจะจำไว้ในใจตลอดไป”
เขาเรียกอัญเชิญคัมภีร์ออกมาและร่างของเขาค่อยๆ เลือนหายไป “ลาก่อน นักรบชาวมนุษย์ทั้งสองผู้นำความตื่นเต้นมาให้ข้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสร้างความประทับใจให้ข้าได้ เมื่อเจ้ามาพบเราในแดนสวรรค์ในอนาคต!”
ก่อนที่เขาจะหายไป เขาโบกตรีศูลของเขา
รัศมีแสงวาบขึ้นมาคราหนึ่ง
ลายเส้นอักษรรูนสวรรค์ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในท้องฟ้า เย่ว์หยางรู้จักอยู่ 2-3 คำ เขาคาดว่าอักษรรูนเหล่านี้น่าจะเป็นที่อยู่ในแดนสวรรค์ของผู้ยิ่งใหญ่นั้น
ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ผู้มีตรีศูลกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์และหายตัวไปไม่เหลือร่องรอย คำพูดของเขายังสะท้อนก้องอยู่ในโถงวิหารที่สามซึ่งถูกทำลาย “จดจำชื่อของข้าไว้ ข้าชื่อซิวคง”
ขณะที่ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ซิวคงกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ เทวทูตสายลมผู้อยู่ในสภาวะวิญญาณยังคงตามเจ้านายโดยมีแสงตรีศูลนำทาง
ในเวลานี้ ในโถงวิหารที่สาม เหลืออยู่เพียงผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์จิ่วเซียวผู้มีพลังหลุมดำ
แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรเลย แต่ความสามารถที่แท้จริงของเขายังคงเหนือกว่าซิวคงมากนัก
รูทั้งห้าปรากฏอยู่บนอกของเย่ว์หยาง
แม้ว่าเย่ว์หยางจะแข็งแกร่งมากและครอบครองพลังเพลิงอมฤต จึงทำให้เขามีความสามารถดับแล้วเกิดได้ แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ศัตรูของเขาสร้างเอาไว้ได้ บอลสีดำที่มีพลังของหลุมดำ สามารถกลืนกินทุกอย่างภายในได้รุกเข้ามาภายในร่างกายเย่ว์หยาง ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงกลายเป็นศพไปแล้ว ศพของพวกเขาคงจะไม่เหลืออยู่อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางครอบครองสนามดูดกลืนทำให้ร่างของเขากลายเป็นสนามรบ ต่อสู้กับบอลหลุมดำ… ถ้าเป็นนักสู้ธรรมดา พวกเขาจะไม่สามารถทนอยู่ในสภาพที่มีการต่อสู้ในร่างเขาแน่นอน อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางมีพลังปราณก่อกำเนิดและพลังดับแล้วเกิดคุ้มครองตน และยังทนต่อการต่อสู้ภายในร่างของเขาที่มิอาจจินตนาการได้ ยิ่งกว่านั้น ต้นกำเนิดสนามพลังกลืนกินก็กลายเป็นแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่มันยังคงกลืนกินพลังของศัตรูอย่างต่อเนื่อง และเปลี่ยนแปลงการกลืนกินเป็นแหล่งพลังกลืนกินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น…
บอลหลุมดำได้กระตุ้นศักยภาพและแหล่งกำเนิดสนามพลังกลืนกินของเย่ว์หยางไปในขณะเดียวกัน
แหล่งสนามพลังกลืนกินของเขาที่ยังไม่แข็งแกร่งนักในตอนแรกกลับมีพลังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่าเพราะการบุกรุกของพลังที่แปลกประหลาดนี้
ยิ่งกว่านั้น หลังจากแหล่งสนามพลังกลืนกินผสานกับพลังรุกล้ำของศัตรู พลังจึงเริ่มมีวิวัฒนาการ
มันเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นพลังที่แข็งแกร่งขึ้น
แน่นอนว่า ผลกระทบนั้นเป็นเหตุให้ร่างกายของเย่ว์หยางเจ็บปวดทรมานมาก
เย่ว์หยางเจ็บปวดหนักจนสั่นไปทั้งตัว นางเซียนหงส์ฟ้าคอยดูแลเย่ว์หยางที่เกือบจะสูญเสียการควบคุมตนเองและล้มลงกับพื้นมือที่มีเล็บงดงามของนางยังคอยประคองเขาอยู่ ขณะที่นางจ้องมองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์นามจิ่วเซียวอย่างเย็นชา
จิ่วเซียวผู้มีสนามพลังหลุมดำยังไม่ได้จากไป
เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการฆ่านางเซียนหงส์ฟ้าและเย่ว์หยาง
ความปรารถนาของซิวคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
แม้ว่าซิวคงจะได้ขอให้นางเซียนหงส์ฟ้าและเย่ว์หยางมาสู้กันอีกครั้งในแดนสวรรค์ในอนาคต แต่จิ่วเซียวในตอนนี้กำลังคิดจะกำจัดคนทั้งสองนี้ให้เร็วเท่าที่จะเป็นไปได้
“ข้ามักจะคิดว่ามนุษย์นั้นอันตรายเสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะอ่อนแอแค่ไหนก็ตาม ตราบใดที่ยังคงมีปาฏิหาริย์ พวกเขาจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะมีช่วงอายุไม่ยาวนาน แต่อัตราการเติบโตของพวกเขาก็เร็วมาก เจ้าเป็นตัวอย่าง บุรุษหนุ่มน้อยอายุเพียงยี่สิบปี แต่ครอบครองพลังที่แทบจะแข็งแกร่งเท่าข้าในปัจจุบัน ถ้าขืนข้าให้เวลาเจ้าอีกร้อยปี ข้าคงมิอาจจินตนาการได้ว่าเจ้าจะมีพลังมากขึ้นถึงเพียงไหน… “ จิ่วเซียวผู้ซ่อนร่างอยู่ภายในสนามพลังหลุมดำค่อยๆ ลอยตัวออกมา เขาไม่ได้เปิดเผยรูปร่างหน้าตาเต็มที่ แต่พลังและปราณของเขากดดันเย่ว์หยางถึงขนาดที่เขาแทบจะหายใจไม่ออก
เทียบกับซิวคงผู้มีตรีศูลแล้ว เขาแข็งแกร่งกว่าถึงสามเท่า
ยิ่งกว่านั้น จิ่วเซียวผู้นี้เยือกเย็นกว่ามาก เขามีสติปัญญาที่ลึกซึ้งเยือกเย็น
เมื่อเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าทำให้เขารู้สึกถึงอันตราย เขาคงไม่เหมือนสิ่วคงที่ยังเปิดโอกาสให้เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าโจมตี เขาปรารถนาจะฆ่าคนทั้งสองให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เป็นการตัดปัญหาที่จะตามมา
จิ่วเซียวยกมือทั้งสองขึ้นในท้องฟ้าและสร้างบอลดำสองลูกในท้องฟ้า
นางเซียนหงส์ฟ้ายกมือขึ้นเตรียมเรียกอาญาสวรรค์อีกครั้ง
จิ่วเซียวยังใจเย็นมากจนแทบจะเป็นน้ำแข็งถามว่า “เจ้าสามารถเรียกอาญาสวรรค์ในสภาพไฟชีวิตร้อยเท่าได้อีกกี่ครั้ง? แล้วเจ้าจะทนอยู่ได้นานแค่ไหน? ถ้าข้าคาดไม่ผิด เจ้าทนได้อย่างมากก็เพียงนาทีเดียว ด้วยเวลาน้อยนิดเพียงเท่านี้ เจ้าไม่สามารถเรียกอาญาสวรรค์ได้อีกครั้งแน่ ยิ่งกว่านั้น เจ้าคิดหรือว่าข้าจะสู้กับเจ้าโดยตรง? เจ้ายังคงรอต่อไปเถอะ รอจนกว่าชีวิตของเจ้าจะถูกเผาผลาญอย่างเต็มที่…”
แม้ว่านางจะไม่ได้พูดออกมา แต่สีหน้าหมองคล้ำของนางเซียนหงส์ฟ้าก็พิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่จิ่วเซียวพูดนั้นเป็นเรื่องจริง
นางไม่ต้องการยอมรับความพ่ายแพ้ แต่นางก็ถึงขีดจำกัดของพลังเพลิงชีวิตร้อยเท่าแล้ว
“เหลือเพียงครึ่งนาที เจ้าสั่งเสียคำสุดท้ายได้แล้ว!” จิ่วเซียวไม่ได้โจมตีนางเซียนหงส์ฟ้าและเย่ว์หยางทันที เขากลับยืนอยู่ต่อหน้าสนามพลังหลุมดำของเขา เหมือนกับว่าเขาจะกลับเข้าไปข้างในได้ทุกเมื่อ เขารู้ว่าเขาเพิ่งตื่นจากการหลับที่ยาวนานของเขา ดังนั้นพลังของเขามีไม่ถึง 1% ของพลังปกติ เขาไม่ต้องการสู้กับนางเซียนหงส์ฟ้าในสภาพปัจจุบันนี้ตรงๆ เขากลับใช้กลยุทธต่อสู้ที่แตกต่างจากซิวคง เขาเลือกที่จะรอ
“ข้าตายโดยไม่มีอะไรต้องเสียใจ” นี่คือคำพูดสุดท้ายของนางเซียนหงส์ฟ้า
“ทำไมเจ้าถึงไม่ถามว่าข้าจะพูดคำสั่งเสียสุดท้ายว่ายังไง?” เย่ว์หยางทนจบปวดในอกและถามคู่ต่อสู้ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“เจ้าต้องการพูดอะไรล่ะ?” จิ่วเซียวเพียงแต่ระมัดระวังนางเซียนหงส์ฟ้าเท่านั้น เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บปางตายของเย่ว์หยาง เขาผ่อนความระมัดระวังไปมาก
“แม้ว่าข้าไม่อาจเทียบกับเจ้าได้ แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าอยู่ยงคงกระพัน… สาวกิเลน.. ข้าไม่เคยเรียกร้องเงินค่าเช่าจากเจ้าเลย ตอนนี้ข้ากำลังจะตาย ถ้าเจ้าไม่ออกมาช่วย อย่าตำหนิว่าข้าไล่เจ้าออกจากบ้านนะ” เย่ว์หยางสบถตะโกนลั่นทันที
“อย่าเพิ่งโกรธกันสิ ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้ากำลังต่อสู้? ข้ากำลังหลับอยู่ เพิ่งจะตื่นเดี๋ยวนี้เอง ยังรู้สึกงัวเงียอยู่บ้าง” เด็กสาวกิเลนผู้อยู่ในชุดนอนอ้าปากหาวในอาการงัวเงียและมองดูอย่างเกียจคร้านและสะลืมสะลือเหมือนกับว่านางเพิ่งจะตื่น จากนั้นนางยืดมือมาขยี้ตา แล้วมองดูเย่ว์หยางที่มีตัวโชกเลือด มีรูอยู่ที่หน้าอกเขา นางถามเขาอย่างสงสัยว่า “เจ้าบาดเจ็บหรือ?”
“มันชัดเจนอยู่แล้ว!” เย่ว์หยางอยากหวดก้นนางแรงๆ นัก อย่าว่าแต่นางไม่ต้องการจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เขาเลย นางยังมีอารมณ์พอใจกับการดูภาพที่อยู่ข้างหน้าอีกด้วย
“อาการบาดเจ็บนี้รักษาไม่ยาก แต่ข้ามีแค่มือคู่เดียว นางหรือเจ้าล่ะ, ข้าช่วยได้คนเดียว จะให้ข้าช่วยคนไหน?” หญิงสาวกิเลนชูนิ้วเพียงนิ้วเดียว แสดงว่านางช่วยได้เพียงคนเดียว
“ช่วยนาง!” เย่ว์หยางรีบขอให้นางช่วยรักษานางเซียนหงส์ฟ้าก่อน เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น
“ข้าช่วยนางได้ แต่ข้าไม่รับรองนะ เพราะมันสายไปนิดที่จะช่วยนาง” ก่อนที่สาวกิเลนจะพูดจบ เย่ว์หยางเงื้อมือขึ้นและตีก้นนางอย่างแรง “งั้นเจ้าจะเสียเวลาพล่ามอยู่ทำไม? รีบๆ ช่วยนางเดี๋ยวนี้!”
“เจ้ากล้าตีข้าหรือ?” สาวกิเลนโกรธ, นางกำลังเตรียมระบายอารมณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็นเย่ว์หยางที่ดูเหมือนจะกินคนได้ทั้งคน นางโดดผางแลบลิ้นด้วยความตกใจ จากนั้นนางรีบอุ้มนางเซียนหงส์ฟ้าที่หมดสติไปแล้วแบกใส่หลังกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ ในที่สุดนางถามเย่ว์หยางว่า “เจ้าคนที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวนั่นเป็นใคร? ไม่เป็นไรหรอกถ้าหน้าตาเขาดูไม่ได้ แต่นี่เขากล้าเผยหน้าต่อคนทั่วไป ข้าไม่เข้าใจเลย นี่เขาไม่รู้ตัวเองเลยหรือ?”
“รีบช่วยนางเร็วๆ เข้า! เจ้าไม่ได้จะแต่งงานกับเขาสักหน่อย ทำไมต้องสนด้วยเล่าว่าเขาจะเหมือนอะไร!” เย่ว์หยางฉุนเฉียวตวาดใส่นาง
“อย่างนั้นเจ้าก็มีอสูรอมตะคอยปกป้องจริงๆ มิน่าเล่าหมิงเย่ว์กวงและซิวคงถึงยอมปล่อยเจ้า แม้ว่าอสูรอมตะจะแข็งแกร่ง แต่เจ้านึกหรือว่าพวกมันไม่มีจุดอ่อน?” ผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์นามจิ่วเซียวหายตัวกลับเข้าไปในสนามพลังหลุมดำของเขา คลื่นความคิดของเขายังคงส่งออกมา “ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่าข้าเพิ่งจะตื่น ข้าคงฆ่าเจ้าพร้อมกับอสูรอมตะไปแล้ว บุรุษหนุ่ม ข้าจะให้ของขวัญเจ้าสักอย่าง!”
ประกายแสงดำเหมือนดาบยิงออกมาจากหลุมดำ
มันหายไปในทันที
ขณะที่เย่ว์หยางเตรียมพร้อมรับการโจมตี ทันใดนั้น เทวทูตสายฟ้าที่ดูเหมือนยักษ์สายฟ้าปรากฏตัวขึ้น เขาถือแสงสีดำไว้ในมือ ขณะที่เขาคำนับไปทางหลุมดำ
สนามพลังหลุมดำค่อยๆ หายไป ในที่สุดคลื่นความคิดที่เย็นยะเยือกก็ลอยเข้ามา “ตัดแขนขาเขาให้หมดเพื่อที่ว่าเขาจะได้กลายเป็นมนุษย์ท่อนไม้ จำไว้ด้วย เจ้าไม่อาจทำอันตรายต่อชีวิตของเขา มิฉะนั้นอสูรอมตะที่ปกป้องเขาจะโจมตีตอบโต้เจ้าทันที จุดอ่อนของอสูรอมตะก็คือนางต้องทำตามกฎ นางไม่อาจเริ่มโจมตีสิ่งมีชีวิตอ่อนแอก่อน ยกเว้นชีวิตของเจ้านายนางตกอยู่ในอันตราย พลังต่อสู้ของมนุษย์ขึ้นอยู่กับแขนขาทั้งสี่ ทันทีที่เขาสูญเสียแขนขา พลังต่อสู้ของเขาก็จะลดลงไปมาก ยิ่งกว่านั้น มนุษย์ไม่สามารถงอกแขนขาได้ใหม่… เจ้าเด็กมนุษย์! ข้าหวังว่าเจ้าจะชอบของขวัญของข้านะ!”
*************