===============
ยักษ์ทองตระหนักว่า เจ้าเด็กที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่เพียงไม่สูญเสียความเชื่อมั่นเท่านั้น หากแต่ร่างของเขายังปลดปล่อยพลังเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
พลังที่ปล่อยออกมารุนแรงบวกกับพลังเพลิง ก่อเกิดเป็นภูเขาเพลิงโดยไร้เสียง
ศัตรูที่ก่อนนี้ยังด้อยกว่าเขาแท้ๆ ทำให้เขารู้สึกว่าเขากำลังโดนไล่ตามทัน สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือมีความสว่าง เขากำลังส่งสัญญาณว่ากำลังจะบรรลุขอบเขตใหม่
เขาต้องไม่ปล่อยให้เจ้าเด็กนี่ยกระดับได้อีกต่อไป เขาต้องฆ่าเจ้าเด็กนี่ก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปกว่านี้
ยักษ์ทองไขว้แขนในระดับอกและตวาดลั่น ปล่อยคลื่นกระแทกที่มีความร้อนยิ่งกว่าแรงระเบิดรอบๆ ดวงอาทิตย์ แม้แต่ซาฟี่ที่เพิ่งรักษาบาดแผลเสร็จ ยังต้องหนีทันทีเมื่อเขาเห็นการโจมตีนี้ ลูเธอร์, โบเว่นที่มีสถานะครึ่งมนุษย์ครึ่งวิญญาณก็ยังรีบหนี เพราะกลัวว่าจะสัมผัสกับพลังทำลายล้างโดยตรง ในทันใดนั้นเอง พลังของยักษ์ทองก็ระเบิดรุนแรงมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า ด้านหลังเขา ปรากฏเสาโทเท่าอักษรรูนสวรรค์ขนาดยักษ์อาบแสงสว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ พยัคฆ์สีทองปรากฏอยู่ตรงกลาง มันคำรามจนพื้นสะเทือนไปหมด
จากนั้นยักษ์ทองก็กราดหมัด
หมัดเหมือนดาวตกของเขาพุ่งตรงใส่เย่ว์หยาง
ผู้เฒ่าเต่ามังกรเสี่ยงชีวิตตนเองและปล่อยโล่เต่ากางขวางไว้ข้างหน้าเย่ว์หยาง
Boom!
บึ้ม!
เสียงระเบิดดังสะท้อนกึกก้อง
โล่รูปกระดองเต่าถูกหมัดของยักษ์ทองทำลายทันที ไม่ใช่เพียงแค่นั้น กระดองเต่าของผู้เฒ่าเต่ามังกรที่แข็งมากก็ยังแตกจากพลังหมัด ทิ้งไว้แต่รูที่เหวอะ กำปั้นของยักษ์ทองโผล่ออกมาจากหน้าอกของผู้เฒ่าเต่ามังกรเฉียดใบหน้าของเย่ว์หยางทิ้งรอยลึกสายหนึ่งอยู่บนเสาหินที่อยู่ห่างไปหลายสิบเมตร
“เจ้าแส่หาที่ตายชัดๆ!” ยักษ์ทองหมิงรี่ฮ่าวหมุนตัวเตะใส่เต่ามังกรที่กระอักเลือดออกปากต่อเนื่อง
ร่างของผู้เฒ่าเต่ามังกรกระแทกใส่กองซากปรักหักพังโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
กำปั้นที่เฉี่ยวใบหน้าของเย่ว์หยางก่อให้เกิดรอยแผลตื้น
เลือดยังคงไหลซึมออกมาไม่หยุด…
หมัดที่สองติดตามมาทันที ยักษ์ทองหมิงรี่ฮ่าวไม่ยอมปล่อยให้เย่ว์หยางมีโอกาสพักหายใจ เขาต้องฆ่ามนุษย์น้อยผู้นี้ที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีอยู่ภายในให้ได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้เผ่าพันธุ์มนุษย์มีจักรพรรดิอวี้คนที่สอง!
กรรรร…
เย่ว์หยางที่อยู่เงียบๆ มาตลอดเวลาท่ามกลางมรสุมต่อสู้ จู่ๆ ก็ปล่อยเสียงคำรามสะเทือนแผ่นดิน นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนกับปีศาจ เมื่อยักษ์ทองกำลังพุ่งเข้ามาหาเขามีหมัดมหาประลัยนำหน้า เย่ว์หยางไม่ได้หลบเขา แต่กลับตีโต้ด้วยหมัดของเขา หมัดทั้งสองซึ่งต่างจากหมัดคนธรรมดาไม่ว่าในเรื่องพลัง, ขนาด แรงบดใส่กันและกัน
หลังจากปะทะกันสองครั้ง หมัดของยักษ์ทองหมิงรี่ฮ่าวก็เอาชนะหมัดของเย่ว์หยางได้สำเร็จ ส่งผลให้เย่ว์หยางกระเด็นออกไป
เย่ว์หยางถูกหมัดกระเด็นออกไปจากแรงอัดกระแทกของหมัดพุ่งเข้าไปในวิหารที่หนึ่งราวกับดาวตก หลังจากปลิวไปหลายร้อยเมตรและกระแทกเข้าไปในเสาใหญ่ วิหารที่หนึ่งทั้งหลังสั่นโคลงเคลง ขณะที่เสียงกระแทกดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ หมิงรี่ฮ่าวผู้สุดแข็งแกร่ง กลับตรงกันข้าม ถูกพลังโจมตีของเย่ว์หยางดันถอยหลังไปหนึ่งก้าว นี่สร้างความประหลาดใจให้กับเขาจริงๆ เป็นไปได้อย่างไรที่นักรบมนุษย์นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 สามารถผลักดันนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 ให้ถอยหลังได้?
“พวกเจ้าฆ่ามันเดี๋ยวนี้!” หมิงรี่ฮ่าวเกร็งหมัดของเขาเล็กน้อย หลังจากเพิ่งแลกหมัดกับเย่ว์หยาง ดูเหมือนว่ามือของเขารู้สึกจะขัดๆ เล็กน้อย โชคดีที่เจ้านั่นยังไม่แข็งแกร่งขึ้น มิฉะนั้น เขาคงจะเป็นระดับเดียวกับจักรพรรดิอวี้แน่นอน
“ท่านหมิงรี่ฮ่าว เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือ?” ซาฟี่ประหลาดใจ เป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 จะรอดพ้นจากพลังหมัดที่น่ากลัวเช่นนั้นได้?
“…..” หน้าของหมิงรี่ฮ่าว เรืองแสงสีทองที่ไม่อาจจะอ่านได้ อย่างไรก็ตาม มีคลื่นปั่นป่วนโกลาหลก่อกวนจิตใจของเขา
“เอาอีกครั้ง!” เสียงสะท้อนอย่างเกรี้ยวกราดดังมาจากที่ไกล
ด้วยความเร็วกว่าดาวตกถึงสิบเท่า เย่ว์หยางพุ่งตรงเข้ามา
ซาฟี่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก ยังไม่สามารถเห็นร่างของผู้ที่บินตรงเข้ามาหาเขา
ยักษ์ทองหมิงรี่ฮ่าวสามารถโต้ตอบได้ทันเวลา แต่เขาไม่สามารถหลบความเร็วในการจู่โจมขนาดนี้ อาศัยความรู้สึกในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขาเอามือซ้ายบังหน้าไว้ และใช้มือขวาโต้ตอบ หมัดที่ลุกโพลงด้วยเพลิงอมฤตกระแทกใส่ฝ่ามือซ้ายของเขาอย่างรุนแรง ถ้าเขาป้องกันไม่ทันเวลา หมัดจะกระแทกเข้าที่ตาซ้ายของหมิงรี่ฮ่าว หมิงรี่ฮ่าวสะท้านในใจ อย่างไรก็ตามหมัดของเขาอัดใส่ศัตรูของเขากระเด็นลงไปในกองซากปรักหักพลังด้วยความเร็วกว่าครั้ง
ซาฟี่ไหวตัวได้ทัน เขาร้องลั่นตกใจ “เจ้าเด็กนี่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย เขายังไม่ตาย!”
หมิงรี่ฮ่าวพึมพำ “สวะที่ใช้การไม่ได้”
มือซ้ายของเขามีเปลวเพลิงอมฤตลุกไหม้อยู่ยังดับไม่ได้ตั้งนานแล้ว
นี่คือสิ่งที่เย่ว์หยางไม่สามารถทำได้มาก่อน แม้ว่าเย่ว์หยางจะสามารถควบคุมเพลิงอมฤตได้ แต่ก็ยังเป็นไปอย่างจำกัด เมื่อเขาใช้ต่อต้านกับศัตรูผู้แข็งแกร่งกว่าเขามาก อย่างไรก็ตาม ในการต่อยครั้งนี้ เพลิงอมฤตดูเหมือนจะสามารถสำแดงพลังที่แท้จริงออกมาได้
แม้แต่มือของหมิงรี่ฮ่าวยังถูกไฟลุกไหม้ต่อเนื่อง ต่างกับการเผาไหม้ตื้นๆ ครั้งก่อน
เพลิงอมฤตครั้งนี้ ทรงพลังมาก ไม่สามารถหยุดยั้งได้ มีแต่พี่น้องหงส์เพลิงเท่านั้นที่ใช้ในระดับนี้ได้ หรือว่าพี่น้องหงส์เพลิงจะออกมาช่วยเขา?
ภายในวิหารที่หนึ่ง ในท่ามกลางซากหินปรักหักพัง ปรากฎบุรุษหนุ่มร่างโชกเลือดเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งลุกขึ้นยืน
เป็นเย่ว์หยางนั่นเอง
เขาฉีกเสื้อผ้าออกทั้งหมดและพ่นเลือดออกมาจากปาก
บนร่างของเขาปรากฏอักษรรูนโบราณสีทองเข้ม อักษรรูนสวรรค์สีทองและเงินล้อมรอบเขาไว้ในวงแหวน วงเวทอักษรรูนแบบใหม่ก่อตัวขึ้น รูปเกราะอักษรรูนเลือนลางก่อตัวขึ้นบนร่างของเย่ว์หยาง แน่นอนว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเพลิงอมฤตที่ลุกโชนอยู่บนแขนทั้งสองของเย่ว์หยาง เพลิงอมฤตเหล่านั้นดูเหมือนเพิ่งจะถือกำเนิดใหม่ แดงเข้มกว่าเดิมและทรงพลังกว่าเดิม มันลุกโหมอยู่ในร่างของเย่ว์หยาง โดยเผาจากภายในลุกโหมออกไปภายนอกกลายเป็นหนึ่งเดียวกับร่างของเย่ว์หยาง พอเห็นว่าศัตรูของเขาไม่ตาย แต่กลับตระหนักรู้ถึงพลังที่แท้จริงของเพลิงอมฤตในระหว่างต่อสู้แทน สีหน้าของหมิงรี่ฮ่าวเปลี่ยนแปลงไปมาก
ศัตรูแบบนี้เป็นศัตรูที่เขาไม่ชอบใจเลย
ในฐานะนักรบ เขากระหายที่จะได้พบศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว
ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวสามารถกระตุ้นเขาได้ ทำให้เขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม ศัตรูที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นจนมากกว่าเขาเป็นผู้ที่เขาเกลียดมากที่สุด
“เอาอีกครั้ง!” เพลิงอมฤตบนตัวเย่ว์หยางระเบิดออกอีกครั้ง ทำให้ทั้งร่างของเขาเป็นเหมือนกับกิเลนไฟกระโจนเข้าใส่ศัตรู
เขาเรียนวิธีนี้มาจากสาวกิเลน
เย่ว์หยางไม่รู้ว่าทำแบบนี้จะมีผลหรือไม่ แต่ตอนนี้ เขาสู้โดยอาศัยสัญชาตญาณและความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อในหัวใจเขา
ยักษ์ทองหมิงรี่ฮ่าวไม่กล้าใช้มือซ้ายของเขาต้านรับพลังจู่โจมของศัตรูอีก เขาเพิ่งจะดับเพลิงอมฤตที่แขนซ้ายได้ แต่แผลจากเพลิงอมฤตยังไม่หาย เขายื่นมือขวาปิดป้องหมัดของเย่ว์หยาง จากนั้นใช้ขายันใส่ร่างของเย่ว์หยางจนปลิวออกไปเป็นครั้งที่สาม
ซาฟี่ตกตะลึงจริงๆ พลางมองดูการต่อสู้ทั้งหมด
มนุษย์คนหนึ่งยังไม่ตายหลังจากถูกเล่นงานหลายครั้งมีด้วยหรือ? เขาไม่เคยเห็นมาก่อน!
ถ้าเป็นมนุษย์คนอื่น อย่าว่าแต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 เท่านั้นเลย ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 หรือระดับ 7 ก็ต้องตายทันที ถ้าพวกเขารับพลังโจมตีของท่านหมิงรี่ฮ่าวเพียงครั้งเดียว
เจ้าเด็กนี่ตอบโต้ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อซาฟี่มองเห็นว่าเพลิงอมฤตกำลังเผาผลาญมือของหมิงรี่ฮ่าวไม่หยุดหย่อน เขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หวาดกลัวสั่นสะท้านอย่างเดียว
เป็นไปได้ไหมว่าแม้แต่ท่านหมิงรี่ฮ่าวก็ไม่สามารถต่อต้านความเสียหายที่เกิดจากเพลิงอมฤต?
“เจ้าเป็นมนุษย์ที่น่ารังเกียจจริงๆ!” ยักษ์ทองหมิงรี่ฮ่าวรู้ว่าจากภายในโถงวิหารที่หนึ่ง ร่างของเย่ว์หยางที่มีเพลิงอมฤตลุกท่วมเดินออกมาทีละก้าวอีกครั้ง อาการบาดเจ็บหนักของเขาได้รับการเยียวยาจากเพลิงอมฤตกำเนิดใหม่ เขารู้ว่าเด็กคนนี้เชี่ยวชาญหัวใจเพลิงอมฤตและกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับเพลิงอมฤตไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าร่างของเขาอยู่ในเพลิงอมฤต ก่อนหน้านี้พลังของเขาหมดสิ้นไม่เหลือแม้แต่น้อย การโจมตีทางกายภาพไม่มีทางฆ่าเขาได้ เพราะตอนนี้เขาครอบครองเพลิงบริสุทธิที่ชุบชีวิตได้
ยักษ์ทองหมิงรี่ฮ่าวหมุนตัวเตรียมจะจากไป
ซาฟี่ตกใจเมื่อเห็นเช่นนี้ “ใต้เท้า ท่านจะกลับไปนอนพักผ่อนที่วิหารที่สามแล้วหรือ?”
หมิงรี่ฮ่าวพึมพำเย็นชา “การโจมตีทางกายภาพไม่มีผลต่อเขาในสภาพปัจจุบันนี้ ขืนสู้ต่อไปก็เปลืองพลังเปล่าๆ อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะคงสภาพเพลิงอมฤตให้คงอยู่เป็นอันหนึ่งเดียวกับร่างเขาในตอนนี้ เขาเพียงยืนกรานดื้อดึงอยู่ได้เพราะจิตใจนักสู้และความโกรธ และเพราะร่างของเขาผสานเข้ากับเพลิงอมฤต เมื่อเขาหลุดออกจากสภาวะหนึ่งเดียวกับเพลิงอมฤต เจ้าก็สามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆ พอไม่มีข้า เป้าหมายกระตุ้นจิตใจนักสู้และความโกรธของเขาจะหายไป ข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการต่อ!”
ร่างของเขาเปล่งแสงวาบสว่างยิ่งกว่าดวงอาทิตย์
เสาโทเท่มอักษรรูนกระพริบแสงอยู่ใต้เท้าของเขา
เย่ว์หยางพุ่งเข้าหาเขาราวกับดาวตก หมัดของเขาที่เพลิงอมฤตกำลังลุกโหมเปลี่ยนเป็นมังกรไฟบินพุ่งตรงเข้าศีรษะของหมิงรี่ฮ่าว
แว่บ
หมัดของเขาต่อยใส่อากาศเปล่าๆ
หมิงรี่ฮ่าวหายไปแล้ว
วินาทีต่อมาเขาปรากฏตัวอีกครั้งที่โถงวิหารที่สามซึ่งลอยสูงอยู่ในท้องฟ้า มีแสงวาบขึ้นจากนั้นเขาก็หายไป
และเป็นเหมือนอย่างที่เขาพูด หลังจากสูญเสียเป้าหมายโจมตี พลังต่อสู้และพลังโกรธหายไป ทำให้เย่ว์หยางไม่สามารถคงอยู่ในสภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับเพลิงอมฤต ความเหน็ดเหนื่อยครอบงำจิตใจเขาทำให้ไม่สามารถพยุงร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยเหมือนกันต่อไปได้ เขาร่วงลงพื้นเสียงดังตุ้บ
เมื่อซาฟี่เห็นเย่ว์หยาง เขากลืนน้ำลายทันที
ตอนนี้โอกาสมาถึงเขาแล้ว
ฆ่าเด็กน่ะหรือ? บรรลุผลสำเร็จอันงดงามที่แม้แต่ท่านหมิงรี่ฮ่าวก็ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้อย่างนั้นหรือ?
ถ้าเย่ว์หยางไม่หมดสติ ซาฟี่คงไม่กล้ากระตุ้นเขาได้ง่ายๆ ที่สำคัญ แม้แต่หมิงรี่ฮ่าวก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ อย่างไรก็ตาม สภาพปัจจุบันนี้เขาไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ เขาล้มลงหมดสติหลังจากต่อสู้อย่างยากลำบาก ซาฟี่กำหมัดแน่น นี่คือโอกาส มันจะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง
“ข้าขอแนะนำเจ้าว่าให้ยกเลิกความคิดโจมตีเขาดีกว่า” ผู้เฒ่าเต่านั่งลงบนพื้นทันที เขายังคงมีชีวิตอยู่
“ด้วยสารรูปเต่ามังกรชราอย่างเจ้าน่ะหรือ?” ตอนแรกซาฟี่ตกใจ แต่ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะลั่น
“ถ้าเจ้าไม่เคยได้ยินระเบิดพลังกายและจิตด้วยตนเองมาก่อน เจ้าจะลองดูก็ได้” ผู้เฒ่าเต่ามังกรเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา เขาใช้ไม้เท้าพยุงตัวที่สั่นเทิ้มยันตัวเองยืนขึ้นอีกครั้ง ถ้าเย่ว์หยางยังไม่หมดสติ เขาคงตะโกนใส่ผู้เฒ่าเต่ามังกรแล้วว่า “ท่านต้องเกิดราศีแมลงสาบในราศีจีนแน่ๆ ใช่ไหม?” มิฉะนั้นเขาคงพูดว่า “ท่านผู้นี้มิใช่เต่ามังกรแล้ว เขาคือผู้เฒ่าแมลงสาบ เขาคือแมลงสาบตัวจริง”
“….” แน่นอน ซาฟี่เคยได้ยินการระเบิดพลังกายและจิตวิญญาณมาก่อน วิชาระเบิดตัวเองแบบนั้นเป็นทักษะต้องห้ามในแดนสวรรค์
การระเบิดกายจิตวิญญาณเองเป็นทักษะที่เสียสละร่างและวิญญาณตนเองปล่อยพลังระเบิดใส่ศัตรูด้วยพลังที่มากกว่าความแข็งแกร่งปกติเป็นร้อยเท่า
ระหว่างกระบวนการ แรงปะทะจากภายนอกจะไม่สามารถหยุดได้ แม้ว่าร่างของผู้ระเบิดเองจะถูกทำลายสิ้นเชิง แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการระเบิดตนเองได้
จุดที่น่ากลัวที่สุดก็คือทันทีที่กระบวนการระเบิดตนเองนี้ทำได้สำเร็จ ทั้งผู้ระเบิดตนเองและผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายจะหายไปจากโลก ไม่สามารถฟื้นฟูโดยผ่านวิธีการใดๆ ได้อีก พวกเขาจะไม่สามารถหลับและฟื้นฟูในสภาวะวิญญาณได้ ระเบิดตนเองชนิดนี้เป็นการทำลายชั่วนิรันดร์ มีพลังสังหารเช่นเดียวกับวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤต อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีผู้เสียสละระเบิดตนเอง
ซาฟี่ไม่คิดว่าเขาจะมีความสามารถต้านทานพลังระเบิดตนเองของผู้เฒ่าเต่ามังกรได้
อย่างไรก็ตาม เขาสงสัยเล็กน้อย เต่ามังกรชราผู้ไม่เคยไปแดนสวรรค์มาก่อน รู้จักทักษะต้องห้ามเช่นนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม เห็นสีหน้าของเต่ามังกรชราแล้วไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เขาคงพูดทำนองนี้ว่า “ข้าขอบอกไว้ก่อน ข้ามีชีวิตมานานพอแล้ว!”
เมื่อซาฟี่เห็นมือของเต่ามังกรชราวาดวงเวทอักษรรูนระเบิดกายและวิญญาณ เขารีบบินขึ้นไปในอากาศด้วยความเร็วสูงสุดทันที ระเบิดกายวิญญาณน่ะหรือ? มีแต่พวกโง่ๆ ที่จะยอมโดนระเบิดไปพร้อมกับเขา อย่างมากที่สุดผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองจะทำลายผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ในอีกหลายร้อยปีแล้วกลับแดนสวรรค์ได้ ใครจะเอาชีวิตมาเสี่ยงกับระเบิดพลีชีพวิญญาณ?
***************