===============
เต่ามังกรชราไม่ได้ใช้ระเบิดพลีชีพวิญญาณตนเอง เขากลับคืนสู่ร่างเดิม กลายเป็นเต่ามังกรยักษ์และเก็บหัวและแขนขาทั้งสี่เงียบอยู่ในกระดองไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
วงเวทอักษรรูนนั้นที่เริ่มระเบิดพลีชีพวิญญาณยังคงเรืองแสงลางๆ อยู่บนกระดองเต่าของเขา
ขณะที่เต่ามังกรชราเข้าสู่ภาวะพักผ่อน วงเวทอักษรรูนค่อยๆ จางหายไปช้าๆ
ซาฟี่มองลงมาจากท้องฟ้าในใจต้องการจะโยนบอลพลังงานเพื่อย่างเต่ามังกรชราทั้งเป็น แต่ในที่สุดเขาก็คิดว่าระเบิดพลีชีพและวิญญาณอาจจะทำงานได้เพราะการกระทำนั้น เขาเปลี่ยนใจเหาะไปที่โถงวิหารที่สองทันที เพื่อทอดระยะให้ห่างจากผู้เฒ่าเต่ามังกรที่พร้อมจะฆ่าตัวตายทุกเมื่อ ไม่ว่ายังไงก็ตามสองผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์ก็จะทำลายผนึกเทพของจักรพรรดิอวี้ได้แน่ อย่างมากอีกเพียงไม่กี่ร้อยปี พวกเขาจะได้กลับไปแดนสวรรค์อย่างสงบสุขหลังจากนั้น ทำไมจะต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ที่นี่ด้วยเล่า? พวกเขาทนมานานหกพันปีแล้ว จะรอต่อไปอีกสักร้อยปีไม่ได้หรือ?
เย่ว์หยางทั้งที่ยังสลบอยู่กับพื้นถูกเสี่ยวเหวินหลีพากลับเข้ามาในโลกคัมภีร์
เมื่อสาวๆ เห็นว่าเขากลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกนางพากันถอนหายใจโล่งอก
ก่อนหน้านี้ นางเซียนหงส์ฟ้าพ่ายแพ้กลับมาและยังไม่ได้สติ ทำให้สาวๆ กังวลใจมากในเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางปฏิเสธที่จะพาพวกนางออกไปสู้
เย่ว์ปิงเกือบร้องไห้ด้วยความตกใจกลัว ตาของนางแดง ขณะที่นางพยายามอย่างหนักที่จะไม่ร้องไห้ นางกลัวว่าการร้องไห้จะนำโชคร้ายมาสู่พวกเขา เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวบังคับตังเองให้สงบจิตใจขณะปลอบโยนเย่ว์ปิง ตอนนี้ พอเห็นว่าเย่ว์หยางกลับมาโดยปลอดภัย แม้แต่คนเข้มแข็งอย่างเสวี่ยอู๋เสียยังลอบปาดน้ำตาที่อาบแก้ม
เนื่องจากเขาได้กลับเข้ามาภายในโลกคัมภีร์ได้แล้ว เย่ว์หยางยังคงหลับต่อไป
ตอนแรก สาวๆ คิดว่าเขาแค่พลังหมดเกลี้ยง แต่เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้าฟื้นขึ้นมา พวกนางจึงได้รู้ว่าเขาอยู่ในระหว่างเข้าสมาธิในสภาวะดับและเกิดใหม่
พวกนางไม่รู้ว่าเขาจะตื่นจากสภาวะสมาธิดับและเกิดใหม่นี้เมื่อไหร่
ภายในดินแดนแห่งความฝัน พี่สาวในฝันกำลังนั่งอยู่ข้างหน้าเย่ว์หยาง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางนั่งนิ่งเงียบต่อหน้าเย่ว์หยาง แทนที่จะบังคับเขาให้ฝึกต่อ
พี่สาวในฝันดูเหมือนจะต้องการปลอบเย่ว์หยาง แต่ก็ยังดูเหมือนว่านางต้องการสอนเขา เหมือนบอกเป็นนัยว่าทำอย่างนี้จะส่งผลบางอย่าง เพียงแค่นั้นเอง นางนั่งนิ่งเงียบต่อหน้าเขา ไม่พูดอะไรแม้แต่น้อย เย่ว์หยางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย พี่สาวในฝันพยายามจะบอกความนัยอะไรแก่เขา? หรือว่าเป็นวิธีสอนพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่หก? หรือว่านางพยายามสอนวิชาใหม่กับเขาหรือ?
อย่างไรก็ตาม พี่สาวในฝันมิได้พูดอะไร นางยังคงนั่งนิ่งเงียบ ดังนั้นเย่ว์หยางจึงไม่อาจทำอะไรได้ เขาได้แต่นั่งดูนาง ฝืนสงบใจสังเกตความเคลื่อนไหวของนางเงียบๆ
หลังจากนั่งนิ่งเงียบเป็นเวลานาน เมื่อสภาวจิตของเย่ว์หยางคลายจากฟุ้งซ่านว้าวุ่นและสงบลงได้ หญิงสาวจึงพยักหน้าให้เขา
เย่ว์หยางมึนงงเล็กน้อย พี่สาวในฝันหมายความถึงอะไร?
ทันใดนั้น รัศมีนับพันก็วาบขึ้น
เทพธิดากระบี่ฟ้าปรากฏตัว…
ลักษณะของนางสร้างความประหลาดใจให้เย่ว์หยาง
เป็นความจริงที่ว่าเทพธิดากระบี่ฟ้าปรากฏตัวได้ยาก และเมื่อนางปรากฏตัวนางก็ไม่เคยพูด นางแค่ปรากฏตัวเป็นครั้งคราวแล้วก็หายไป
เพียงการเคลื่อนมือของเทพธิดากระบี่ฟ้า เกิดเสียงกึกก้องจากท้องฟ้า หงส์เพลิงสีสดสว่างสดใสเปล่งแสงสีทองปรากฏตัวในโลกแห่งความฝันทันที สายเพลิงอมฤตลุกโหมอยู่ในท้องฟ้าสลัดหยดไฟนับไม่ถ้วนให้หยดลง ก่อนที่หยดไฟจะมารวมตัวก่อรูปเป็นหงส์เพลิงขนาดยักษ์ร่อนลงมาบนพื้น หงส์เพลิงสีสดใสบินควงสว่านก่อนที่จะพุ่งตรงมาหาหงส์เพลิงตัวที่ออกมาจากเสาเพลิงอมฤตช้าๆ หงส์เพลิงทั้งสองเปลี่ยนร่างเป็นเด็กหญิงตัวน้อยน่ารักสองคน มองดูยังอ่อนเยาว์กว่าเย่ว์ซวง มีกระพรวนห้อยอยู่ที่ข้อมือซ้ายและขวาของเธอตามลำดับ พวกเธอสวมเอี๊ยมแดงสว่างปักลายหงส์ไว้บนเอี๊ยม
เด็กหญิงหงส์เพลิงพี่น้องมีเท้าเปล่าลอยตัวอยู่ในอากาศ พวกเธอประพฤติตัวเรียบร้อยเหมือนกับผู้ใหญ่แสดงความคารวะต่อเทพธิดากระบี่ฟ้า
เย่ว์หยางมาสำนึกตัวได้เมื่อเขาเห็นเช่นนี้ แน่นอนว่าพี่น้องหงส์เพลิงรู้จักเทพธิดากระบี่ฟ้า
ความจริงบางทีคงมีไข่หงส์เพลิงอยู่ในกระเป๋ามิติและเทพธิดากระบี่ฟ้าคงใช้วิธีบางอย่างฟักพวกมันออกมา เห็นอย่างนี้แล้ว ต้องมีสมบัติอย่างอื่นอยู่ในกระเป๋ามิติเป็นแน่ น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถใช้มันได้
เทพธิดากระบี่ฟ้าชี้นิ้วมาที่เย่ว์หยาง และลำแสงหลากสีสันถูกยิงตรงมาที่เขา
เย่ว์หยางไม่ทันได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบก็ถูกแสงหลากสีสันยิงใส่ตัวเขา
แม้ว่าเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ แต่ใจเขายังคงตื่นรับรู้อยู่ เขาตระหนักว่าสองพี่น้องหงส์เพลิงกำลังขี่หงส์เพลิงตัวหนึ่ง และไม่ได้เข้าไปในตัวของเขา ชั่วเวลาต่อมา สำนึกเพลิงอมฤตชนิดใหม่ผุดขึ้นมาในใจของเขา
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดเย่ว์หยางก็เข้าใจลึกซึ้งในสภาวะดับของเขา ร่างของเขารู้สึกได้ถึงการเกิดใหม่ เหมือนผีเสื้อที่ทำลายดักแด้ออกมา
ร่างของเขาผ่อนคลายและสดชื่น
ในที่สุดเย่ว์หยางก็เข้าใจว่าสิ่งที่เขาทำมานั้นผิด
เขามักคิดว่าควรเร่งฝึกตนเองให้แข็งแกร่งเพื่อเข้าถึงระดับฝีมือที่สูง อย่างไรก็ตาม หลังจากการตระหนักรู้ครั้งใหม่ เขาเข้าใจว่าความรู้ของเขายังอ่อนอยู่มาก วิธีนี้ไม่ต่างจากนักรบธรรมดาเลย ผู้ชำนาญที่แท้จริงจะต้องเริ่มฝึกจากพื้นฐานเบื้องล่างไล่ไปจนถึงจุดสูงสุดและค่อยเริ่มขยายใหญ่ออกไป เขาจะมีอำนาจทุกอย่าง เรียนรู้ทุกอย่างและควบคุมได้ทุกอย่าง
ถ้าบางคนลืมหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาได้เรียนมาก่อนเพราะเขาเอาแต่ไล่ตามขอบเขตและความแข็งแกร่งระดับสูง ก็เท่ากับเขาทอดทิ้งรากฐานที่เขาได้เพียรสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดี
เปรียบเสมือนยักษ์ที่เอาแต่มองระยะที่ห่างไกลจากตัว แต่ไม่ยอมก้มมองเท้าเบื้องล่างของตนเอง
ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงควรจะเป็นเหมือนยักษ์ เมื่อเขาต้องการเห็นในระยะไกล และเป็นคนธรรมดาเมื่อเขาต้องการดูเบื้องล่างเท้าตนเอง ถ้าเขาต้องการเห็นสิ่งที่เล็กยิ่งกว่า เขาสามารถกลายเป็นมดหรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกว่า เพียงแค่นั้นเขาก็จะสามารถควบคุมได้ทุกอย่าง
เย่ว์หยางตระหนักได้ถึงความไม่พอเพียงของเขาและรู้สึกว่ามันเล็กน้อยจริงๆ
เทียบกับนักพรตเฒ่าและเทพธิดากระบี่ฟ้า เขาก็แค่คนไม่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ทั้งนักพรตเฒ่าและเทพธิดากระบี่ฟ้าไม่ได้ทอดทิ้งเขา พวกเขากลับวางตัวอยู่ในระดับเดียวกับเขา พูดคุยกับเขาแลกเปลี่ยนความคิดกับเขาและแนะนำปรับปรุงให้เขา นี่จึงเป็นวิธีกระทำของผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง เมื่อเขากลายเป็นผู้แข็งแกร่งพอๆ กับนักพรตเฒ่าหรือเทพธิดากระบี่ฟ้า เขาจะทำแบบนี้ได้เช่นกันหรือ? ถ้าทำไม่ได้ อย่างนั้นเขาจะเข้าถึงขอบเขตที่นักพรตเฒ่าทำได้หรือเปล่า? เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
เป็นเรื่องที่แน่นอน เพราะจิตของนักพรตเฒ่ามีพลังทุกอย่าง เขาสามารถฝึกทุกอย่างจากต่ำไปหาสูง จากเล็กไปหาใหญ่ จากอ่อนแอไปหาความเข้มแข็ง ทุกอย่างรวมทั้งโลกก็ยังอยู่ในความเข้าใจของเขา นี่คือความคงอยู่พิเศษที่นักพรตเฒ่ามี
ต่อเมื่อเขาไปถึงจุดนั้นได้ เขาก็จะเข้าถึงในระดับเดียวกับนักพรตเฒ่า
“ขอบคุณท่าน ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะเริ่มฝึกจากจุดเริ่มต้นเป็นต้นไป!” เย่ว์หยางโค้งศีรษะคำนับเทพธิดากระบี่ฟ้าผู้แนะนำเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคำนับนาง และเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกอยากแสดงความเคารพต่อใครสักคน เทพธิดากระบี่ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเด็กมีความสุขในขณะที่นางค่อยหายไปอย่างเงียบงัน
“….” หญิงสาวในฝันและพี่น้องหงส์เพลิงคำนับอย่างมีมารยาท
เย่ว์หยางยังคงคำนับให้ทั้งสาวใหญ่และสาวน้อย หลังจากรอให้พวกนางกลับไปแล้ว เย่ว์หยางเปลี่ยนท่าทางของเขาและค่อยๆ ฝึกปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ระดับที่หนึ่ง
ตอนนี้ ขณะที่เขากลับไปฝึกระดับที่หนึ่ง เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีสิ่งใหม่เผยให้รู้
ผลจากการฝึกใหม่เป็นเหมือนกับเปิดประตูบานใหม่ เย่ว์หยางเป็นเหมือนกับย่างเท้าออกมานอกบ้าน แต่ก่อนนั้น เขารู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ภายในบ้านได้แต่มองสวนข้างนอกจากริมหน้าต่าง แม้ว่าเขาจะเห็นทิวทัศน์มากมาย แต่ก็ยังแตกต่างจากการออกไปข้างนอกด้วยตนเอง การเดินออกไปในสวนและออกไปถนนภายนอก ทำให้เขาสามารถเห็นสิ่งต่างๆ จากนั้นพี่สาวในฝันก็ปรากฏตัวและร่วมฝึกกับเย่ว์หยาง นอกจากนี้ พี่น้องหงส์เพลิงก็ปรากฏตัว ขี่อยู่บนหงส์เพลิงขนาดใหญ่บินวนเวียนอยู่รอบเย่ว์หยาง
ระดับ 1, ระดับ 2, ระดับ 3, ระดับ….
ยิ่งเย่ว์หยางฝึกมากขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกว่าวิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เป็นวิชาที่ลึกลับและลึกซึ้งมากเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปเขาได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ปราณกระบี่ที่เขาฝึกฝนเริ่มมีประสิทธิภาพที่เปลี่ยนไป พลังยังคงอยู่เหมือนเดิม แต่ในที่สุด หลังจากเย่ว์หยางเผยพลังออกมา ปราณกระบี่ทั้งหมดได้รับพลังดับแล้วเกิดใหม่!
เย่ว์หยางค่อยๆ ควบคุมการใช้ปราณกระบี่ให้ได้หลากหลายเหมือนที่สาวงามในฝันใช้
ปราณกระบี่สีทองกลับกลายเป็นหลากหลายสีสัน กลายเป็นสีแดงเพลิง สีเขียวมรกตและสีน้ำทะเล ในที่สุดก็เป็นสีแดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน ครามและม่วง สีสันทุกชนิดเย่ว์หยางสามารถใช้ออกได้ดังใจปรารถนา ขณะที่รูปแบบการใช้ปราณกระบี่และพลังก็เปลี่ยนไป สีสันของปราณกระบี่ก็เปลี่ยนไปด้วย ปราณกระบี่ซึ่งมีสีสันที่ต่างกันย่อมใช้ปริมาณพลังต่างกันอีกด้วย
เย่ว์หยางผู้สามารถสร้างปราณกระบี่ได้ยาวหนึ่งเมตรเป็นอย่างมากในครั้งก่อน เดี๋ยวนี้สามารถสร้างกระบี่ได้ยาวถึงสองเมตรแล้ว
เขายังคงมีพลังความเข้มแข็งเหลืออยู่หลังจากที่ทำเช่นนั้น
เย่ว์หยางสามารถควบคุมรูปลักษณ์ของปราณกระบี่ให้ยืดขยายออกมาจากตัวของเขาเป็นรูปโค้ง หรือคดเหมือนงูเลื้อย และเป็นเกลียวก็ได้ เมื่อเขาฝึกฝนในขั้นที่ห้าอีกครั้ง เขาก็สามารถควบคุมให้เป็นรูปได้ตามต้องการ สาวงามในฝันดูเหมือนไม่ต้องการช่วยให้เย่ว์หยางบรรลุปราณกระบี่ขั้นที่หกทันที หลังจากเย่ว์หยางฝึกซ้ำขั้นที่ห้าจบ นางค่อยๆ หยุดและคำนับเย่ว์หยางจากนั้นก็หายตัวไป พี่น้องหงส์เพลิงที่ขี่หงส์เพลิงยักษ์ก็ค่อยร่อนลงมาและกลับเข้าไปในบ้านในตัวเย่ว์หยาง
ภายในโลกคัมภีร์ เย่ว์หยางหลับมาสามวันสามคืนเริ่มเปล่งแสงสว่างหลากหลายสี
หลังจากสาวๆ เข้าใจว่าเย่ว์หยางอยู่ในระหว่างฝึกฝนให้ก้าวหน้าและจะตื่นขึ้นในไม่ช้า พวกนางจึงไม่รู้สึกกังวลใจแม้แต่น้อย ได้แต่รอคอยอย่างอดทน
ยามนั้น เย่ว์ปิงพบว่าจู่ๆ เปลวเพลิงอมฤตพุ่งออกมาเป็นสายจากร่างพี่ชายนาง เสียงร้องกึกก้อง สั่นสะเทือนโลกคัมภีร์ทั้งหมด จากนั้นเย่ว์ปิงรู้ได้ว่า เย่ว์หยางจบการฝึกในสภาวะดับเสร็จแล้ว และกำลังจะตื่น
ก่อนที่เย่ว์ปิงจะทันได้ร้อง สาวๆ ก็กรูกันเข้ามาในห้องทุกคน
เมื่อเย่ว์หยางลืมตา โลกคัมภีร์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
หลังจากเจ้านายของมันยกระดับเข้าสู่ขอบเขตใหม่ โลกคัมภีร์เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง ท้องฟ้าดูเหมือนจะสูงและขยายกว้างขึ้น ขณะที่ภาคพื้นดินดูเหมือนจะใหญ่ขึ้น ส่วนแนวเขาไม่มีอะไรที่ต่างจากเดิมมากนัก แต่สิ่งที่อยู่บนพื้นผิวของภาคพื้นดินอย่างเช่นดอกไม้, สมุนไพรและต้นไม้ทั้งหมดโตเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ พื้นดินก่อนนั้นที่ปราศจากหญ้า ก็มีหญ้าเขียวขจีปกคลุม ดอกไม้ป่าที่ไม่รู้จักแตกหน่องอกออกมาด้วยความเร็วเป็นสถิติ พืชพันธุ์ที่ปลูกไว้เติบโตงดงาม บางพันธุ์ก็แตกดอกออกผล สาวๆ มัวแต่วุ่นวายแตกตื่นกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ หลังจากพวกนางทุกคนรุมล้อมเย่ว์หยางและตั้งใจมองดูเขา มองดูบุรุษที่สำคัญที่สุดในชีวิตพวกนาง
เมื่อเย่ว์หยางลืมตา ดวงตามีมากสีสันจนลานตาไปหมด และเป็นอย่างนั้นอยู่นาน
แสงที่ดูเหมือนฝันเปล่งออกมาจนกลืนสีสันเหล่านั้นในดวงตาของเขา
ในที่สุด เขาก็ปรับสีนัยน์ตาคืนสู่สภาพเดิม
ดวงตายังใสชัดเจนเหมือนครั้งก่อน
อย่างไรก็ตาม สาวๆ ทุกคนรู้สึกว่าเย่ว์หยางในปัจจุบันเปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับครั้งก่อน เย่ว์หยางในสภาพปัจจุบันให้ความรู้สึกว่าเขาสามารถเป็นที่พึ่งพาได้ แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าก็มีความรู้สึกเช่นนั้นในใจนาง
โชคดี ที่เย่ว์หยางไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้นานนัก มันหายไปอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเย่ว์หยางกลับคืนสู่ลักษณะดังเดิม เขามองดูรูปสาวๆ ขณะที่พยายามจะปรับสายตา จากนั้นเขาถามอย่างละอายใจเล็กน้อย “ข้าหลับไปนานแค่ไหน? รู้สึกชาไปทั้งตัว เหมือนกับว่าหลับไปปีหนึ่ง ข้าคงไม่ได้หลับไปหลายปีใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่ แค่สามวันเท่านั้น” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ร่างของเจ้าผ่านกระบวนการดับแล้วเกิดเสร็จแล้วหรือ?” นางเซียนหงส์ฟ้าสายตาดี นางสามารถบอกได้ทันทีว่าเย่ว์หยางเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
“ข้า, ข้าแค่หลับไปชั่วระยะหนึ่ง” เห็นได้ชัดว่าเย่ว์หยางไม่ต้องการพูดถึงเรื่องเทพธิดากระบี่ฟ้า เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เพราะหลับนานมาก เขารู้สึกถึงเจ็บระบมบางอย่าง เหมือนกับว่าเขาเพิ่งออกกำลังกายเกินไป และต้องการขยับเนื้อขยับตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาลุกขึ้นยืน ทั้งร่างของเขาก็พุ่งขึ้นไปข้างบนทันทีและทะลุหลังคาลอยสูงขึ้นไปเกินกว่าสิบเมตร เมื่อเขาคิดว่าต้องการจะลงไปด้านล่าง ร่างของเขาก็พุ่งลงพื้นทันทีเหมือนกับดาวตก กระแทกใส่พื้นหินอัคนีที่สาวๆ สร้างขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
พวกนางพากันพูดไม่ออก
เจ้าบ้านี่กลายเป็นเหมือนโคบ้าที่คึกคะนองหลังจากตื่นขึ้นมาหรือนี่?
นางเซียนหงส์ฟ้าขมวดคิ้วของนาง นางรู้สึกว่าความเปลี่ยนแปลงของเย่ว์หยางไม่ง่ายอย่างที่เห็นนั้น มองดูเหมือนกับเขาจะสูญเสียการควบคุมตนเองเหมือนเมื่อคราวกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ในครั้งแรก
ตัวเขาในตอนนี้เคยใช้พลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 มาแล้ว แล้วนี่หมายความว่าอย่างไร? เขาฝึกพลังระดับปราณก่อกำเนิดใหม่อย่างนั้นหรือ? เขากลับคืนไปเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 อย่างนั้นหรือ?
“ลองต่อยข้าสักครั้งซิ!” นางเซียนหงส์ฟ้าตัดสินใจทดสอบข้อข้องใจของนาง
“ชกจริงๆ น่ะหรือ?” เย่ว์หยางเกร็งพลังเหมือนที่เขาใช้ตามปกติในครั้งก่อนและปล่อยหมัดใส่นางเซียนหงส์ฟ้า
เสียงบึ้มดังสนั่น นางเซียนหงส์ฟ้าซึ่งเดิมทีสามารถรับหมัดเย่ว์หยางทุกหมัดได้อย่างง่ายๆ ถึงกลับปลิวกระเด็นหลังจากใช้มือทั้งสองรับหมัดของเขาทั้งที่อยู่ในท่าตั้งรับ นางเซียนหงส์ฟ้าไม่อยากจะเชื่อเรื่องนี้เลย นางยกมือทั้งสองดูก็พบกับความประหลาดใจว่า นิ้วมือข้างซ้ายของนางหักจากแรงกระแทกจากหมัดของเย่ว์หยาง… พลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ไม่สามารถทำอย่างนี้กับนางได้แน่นอน ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 ก็ยังไม่สามารถทำให้นางนิ้วหักได้ ถ้าเขาไม่ได้จู่โจมนางอย่างสุดกำลัง
ยิ่งกว่านั้น นางไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 อีกต่อไปแล้ว นางกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 แล้ว
เป็นไปได้อย่างไรที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 จะได้รับบาดเจ็บเพราะนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1
ถ้าเรื่องนี้กระจายออกไป คงไม่มีคนในโลกนี้เชื่อแน่นอน แต่นี่ก็เป็นความจริง!
เป็นไปได้ไหมว่า พลังปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ของเย่ว์หยางหลังจากผ่านการดับแล้วเกิดใหม่จะมีพลังพอๆ กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6? เมื่อเขายกระดับจนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 ตามปกติของเขา เขาจะมิแข็งแกร่งพอๆ กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 หรือแม้แต่ตัวนางเองที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 หรือ?
“ท่านบาดเจ็บหรือ?” เย่ว์หยางก็มีความรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งกว่านางเซียนหงส์ฟ้าเสียอีก นี่เขาทำให้นางเซียนหงส์ฟ้าบาดเจ็บได้หรือนี่? ถ้าเขาใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์, เพลิงอมฤตหรือวงจักรล้างโลก นั่นค่อยดูสมเหตุสมผล แต่เขาแค่ใช้พลังของเขาอย่างเดียว เขาถึงกับทำนางกระดูกแตกหักได้.. เป็นไปได้ไหมว่าหลังจากได้รับการสั่งสอนจากเทพธิดากระบี่ฟ้าแล้ว เขาบรรลุระดับการฝึกฝนที่ไม่ธรรมดา?
ถ้าเป็นเช่นนั้น เมื่อเขาพบกับหมิงรี่ฮ่าวและสู้กันใหม่อีกครั้ง ผลที่ออกมาจะแตกต่างกันหรือไม่?
นางเซียนหงส์ฟ้าไม่สนใจอาการบาดเจ็บ นางยื่นมือออกมาเร็วราวกับสายฟ้าและคล้องแขนเย่ว์หยางไว้ นางจ้องเย่ว์หยางด้วยนัยน์ที่ดุ “บอกข้ามาถึงสิ่งที่เจ้าได้ค้นพบเดี๋ยวนี้ ข้าอยากเรียนด้วย!”
ทันใดนั้นนางตระหนักได้ว่าระดับและชั้นของนักสู้ ทั้งหมดเป็นเรื่องผิวเผิน ขอเพียงนางกลายเป็นเหมือนเย่ว์หยาง ครอบครองพลังเหนือล้ำคนอื่นๆ นางถึงจะเรียกตัวเองได้ว่ายอดฝีมือที่แท้จริง
แค่คิดเรื่องนี้ ว่านางอาจแข็งแกร่งพอๆ กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 ทั้งที่ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 หรือแข็งแกร่งพอๆ กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 ทั้งที่ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 เมื่อนางเข้าถึงพลังปราณก่อกำเนิดระดับ 9, ระดับ 10 นางจะมีความแข็งแกร่งระดับใดกัน? แม้ว่านางจะไม่แข็งแกร่งพอๆ กับเย่ว์หยาง เจ้าเด็กที่ผิดธรรมดา แต่นางก็ยังมีความน่ากลัว ถ้านางจะอ่อนด้อยกว่าเขาบ้างเล็กน้อย นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกว่าพลังโจมตีของเย่ว์หยางแตกต่างจากเมื่อครั้งนานมาแล้ว แต่นางไม่เคยคิดว่าหลังจากผ่านกระบวนการดับเกิด เขาจะบรรลุพลังในระดับที่น่ากลัว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาคงไล่ทันนางง่ายๆ และอาจเหนือล้ำกว่านางได้
“เหลวไหล, ทำไมข้าต้องบอกท่านด้วย!” เย่ว์หยางมีความสุขเพราะนางเซียนหงส์ฟ้าหวั่นไหวเพราะเขาจนได้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ทำท่าเหมือนกับพูดว่า “ก็ข้ายังไม่สนิทสนมกับท่านขนาดนั้น”
“ก็คอยดูแล้วกัน!” เห็นได้ชัดว่านางเซียนหงส์ฟ้าเข้าใจว่าเจ้าเด็กนี่พยายามเอาเปรียบนาง ถ้าเสวี่ยอู๋เสีย, เย่ว์ปิงและคนอื่นๆ ไม่อยู่ที่นั่น นางคงใช้ทักษะแฝงเร้นเสน่ห์แล้ว และใช้ความงามสตรีทุกรูปแบบเอาชนะใจเย่ว์หยางแล้ว อย่างไรก็ตาม เสวี่ยอู๋เสียและทุกคนยังอยู่ครบ ดังนั้นนางเซียนหงส์ฟ้าตัดสินใจรอสักครู่ ยังไงเจ้าเด็กนี่ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือนางอยู่แล้ว แค่เห็นหน้าจอมลามกนางก็รู้ว่าจะเอาชนะใจเขาได้อย่างไร?
“ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่อยากเชื่อเลยว่าเย่ว์หยางต่อยนางเซียนหงส์ฟ้าจนกระเด็นได้
“เราได้ยินเรื่องสถานการณ์ในวิหารเทพจักรพรรดิอวี้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำก็คือฝึกฝนตนเอง!” เสวี่ยอู๋เสียเห็นว่าเย่ว์หยางผ่านกระบวนการดับและเกิดใหม่มาแล้ว พลังและความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เขาแตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง เสวี่ยอู๋เสียทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ตั้งความหวังในใจนาง
ดูเหมือนว่าพวกเขายังมีหวังที่ผ่านด่านภารกิจในวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้ได้
ปัญหาก็มีคือต้องพยายามเอาคทาเทพและผนึกเทพมาให้ได้ก่อนที่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสวรรค์ทั้งสองจะตื่นขึ้น
แม้ว่านางเซียนหงส์ฟ้าไม่สามารถหาร่องรอยของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองได้ แต่เสวี่ยอู๋เสียเชื่อว่าพวกเขาจะต้องเคลื่อนไหวในเวลาอันใกล้นี้แน่นอน ถ้าพวกเขายังคงถูกผนึก พวกเขาจะคงจะตื่นขึ้นในไม่ช้า สิ่งที่เย่ว์หยางและคนอื่นควรทำตอนนี้ก็คือ ต้องแข่งกับเวลา
ตอนนี้ เย่ว์หยางผ่านการดับและเกิดใหม่มีระดับพลังกายและจิตก้าวหน้ามากขึ้น เขาจะสามารถหยุดยั้งการตื่นขึ้นของสองผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ได้หรือไม่?
เมื่อเสวี่ยวอู๋เสียเห็นหน้าเรืองแสงของเย่ว์หยาง ความมั่นใจของนางเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า
เขาคงจะทำได้แน่นอน
เพราะเขาคือเย่ว์หยาง เด็กผู้ไม่ธรรมดา!
*****************