ตอนที่ 357 – มุ่งสู่หอทงเทียนชั้นที่หก
หลังจากจบศึกวังเทพจักรพรรดิอวี้แล้ว ผู้เฒ่าเต่ามังกรมีความสุขมาก เขาได้ใช้คทาเทพจักรพรรดิอวี้และใช้วิชาลับทำการฟื้นฟูพลังตนเอง
สำหรับเรื่องที่เย่ว์หยางปฏิเสธยืนกรานไม่ให้ผนึกเทพจักรอวี้เขา ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถใช้ผนึกเทพจักรอวี้ได้ในตอนนี้ แต่เย่ว์หยางผู้ยังไม่ยอมเปลี่ยนใจในระยะใกล้ๆ นี้ ก็ยังต้องการมัน แม้มันจะใช้ได้แค่เอาไว้ทุบลูกเกาลัดก็ตาม
ในที่สุดเขาทำการเก็บกวาดพื้นที่ในวังเทพจักรพรรดิอวี้หลังจากต่อสู้มาอย่างหนัก หลังจากสามารถขับไล่สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ออกไปได้
ถ้าไม่ได้รับของวิเศษบางอย่างเป็นตอบแทน เย่ว์หยางคงรู้สึกผิดหวังหนัก
ดังนั้น คทาเทพจักรพรรดิอวี้คืนให้ผู้เฒ่าเต่ามังกร, ผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ตกเป็นของเย่ว์หยาง สำหรับดาบเทพจักรพรรดิจักรพรรดิอวี้ยกให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ยิ่งกว่านั้นนางเป็นผู้เดียวที่ใช้มันได้
เย่ว์หยางยังอ้างว่าเขาเป็นผู้มีส่วนร่วมมากที่สุด ดังนั้นเขายืนยันว่าเขาต้องได้รับรางวัลสองชิ้น เขาจึงแอบฮุบเอาเสาเจ็ดดาวสำหรับฝึกฝีมือของจักรพรรดิอวี้ไปด้วย
ผู้เฒ่าเต่ามังกรแม้จะยืนกรานไม่เห็นด้วย แต่เงื่อนไขของเขาไม่เป็นที่ยอมรับของเย่ว์หยาง จึงได้แต่ทำเป็นไม่เห็น
เย่ว์หยาง, เสวี่ยอู๋เสียและคนอื่นๆ ยังไม่ได้จากไปทันที พวกเขากลับอยู่วังเทพจักรพรรดิอวี้โดยพักอยู่ในโลกคัมภีร์ต่อสามวันจนกระทั่งฟื้นฟูเรี่ยวแรงและหายเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ในศึกใหญ่ครั้งนี้ จากนั้นพวกเขาใช้เวลาต่ออีก 2-3 วันเก็บกวาดสมบัติที่ได้จากการศึกทั้งหมดจากวังเทพจักรพรรดิอวี้ พวกเขาแยกชิ้นส่วนตะขาบยักษ์สวรรค์ เขี้ยวพิษและเปลือกนอกของมันออกเป็นชิ้นๆ ทั้งยังเก็บเอาเม็ดพลังของหนอนทรายปีศาจ ปีก อาวุธและเกราะของนักรบแดนสวรรค์ วัสดุทั้งหมดนี้ถูกนำกลับเข้าไปเก็บไว้ในโลกคัมภีร์ เพื่อรอแปรสภาพต่อไป
พวกเขาเก็บกวาดพื้นที่ทั้งหมดจนไม่มีอะไรเหลือให้เลือก จากนั้นเย่ว์หยางจึงได้ออกจากวังเทพจักรพรรดิอวี้ ผู้เฒ่าเต่ามังกรใช้วิชาเทเลพอร์ตลับนำพวกเขากลับออกมา
ในบรรดานักรบแดนสวรรค์ที่ถูกผนึกไว้ทั้งหมด มีเพียงตัวประหลาดแองเจิ้ลเท่านั้นที่เหลืออยู่
เขาเกือบจะถูกนางพญาดอกหนามมงกุฏทองจับกินเสียแล้ว
โชคดีที่เย่ว์หยางให้สัญญาว่าจะไว้ชีวิตเขาก่อนหน้านั้นแล้ว
แองเจิ้ลเก็บของเที่ระลึกประจำตัวของสหายหลายสิบชิ้น จากนั้นก็ก้าวเดินทีละก้าวๆ ออกจากวังเทพจักรพรรดิอวี้ออกจากประตูเทเลพอร์ตไป
ก่อนเขาจะจากไป เขาหันกลับมามองเป็นครั้งสุดท้าย
บางที่นั่นอาจเป็นท่าทีแสดงความเศร้าโศกในใจเขาที่มิอาจพูดออกมาได้ ดูเขาไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย กลับหดหู่ใจเล็กน้อย เย่ว์หยางไม่ได้ให้ความสนใจเขาเลย แต่พอฟังแองเจิ้ลพึมพำ เขาพบว่าแองเจิ้ลเคยมีสหายราวๆ 50 คนมาก่อน แต่ตอนนี้เหลือเพียงแต่เขา เขาหาของที่ระลึกของพวกเขาเกินกว่าสิบชิ้น พวกเขาสูญหายไปเกือบทั้งหมด เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เขาเศร้าสลด
ได้รับอิสรภาพคืนมานับเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้ เขากลับกลายเป็นคนเดียวดาย
หกพันปีผ่านไป เขาสูญเสียร่างดั้งเดิมกลายเป็นมนุษย์กึ่งสัตว์ประหลาด และเขายังจะกลับแดนสวรรค์ได้อีกหรือ?
ด้วยพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 เขาจะกลับแดนสวรรค์ได้อย่างปลอดภัยยังไง
อย่าว่าแต่เขาไม่ค่อยมีความมั่นใจเลย แม้แต่เย่ว์หยางผู้ไม่เคยไปแดนสวรรค์มาก่อนก็ยังนึกดูแคลนเขา
“ข้าจะใช้ชีวิตอยู่ในหอทอเทียนสักระยะหนึ่ง ข้าอยากจะปรับตัวเสียก่อน…” ความจริงตัวประหลาดแองเจิ้ลต้องการบอกว่าเขาต้องการติดตามเย่ว์หยางไปแดนสวรรค์ แต่เขาเห็นว่าเย่ว์หยางยังไม่มีความคิดที่แน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่พูดถึงเรื่องนั้น เขาเชื่อว่าเมื่อเย่ว์หยางจะไปแดนสวรรค์ในอนาคต ก็คงต้องการผู้นำทางสักคน แองเจิ้ลเชื่อว่าเขาเป็นตัวเลือกในการนำทางที่ดีที่สุด ดังนั้นเขาไม่รีบร้อน ก่อนอื่นเขาจะฝึกฝนให้มีความก้าวหน้าที่หอทงเทียนระดับต่ำก่อน
พอแยกทางกับแองเจิ้ล เย่ว์หยาง, เสวี่ยอู๋เสียและสาวอื่นๆ กลับไปที่บ้านในสวนน้อย
ศึกวังเทพจักรพรรดิอวี้ไม่เพียงแต่สร้างผลกระทบมหาศาลให้เย่ว์หยางเท่านั้น แต่ยังสร้างผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่กับเสวี่ยอู๋เสียและหญิงสาวอื่นๆ ด้วย
สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ นักรบแดนสวรรค์ยังไม่ตาย ร่างของตะขาบยักษ์แดนสวรรค์มีความทนทานสุดยอด… ภายในหัวใจทุกคน หลังจากผ่านศึกนี้มาได้ ก็เหมือนกับว่าพวกเขาเกิดความรู้ลึกแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น เมื่อพวกเขาคิดเรื่องที่พวกเขาได้รับการยอมรับในดินแดนมนุษย์ พวกเขารู้สึกเป็นเหมือนกับกบในก้นบ่อ แดนสวรรค์ย่อมเป็นสถานที่ไม่ธรรมดา ถ้าพวกเขาต้องการก้าวหน้าเข้าสู่แดนสวรรค์ด้วยพลังที่พวกเขามีในตอนนี้ นั่นเป็นเรื่องฝันเฟื่องตลกจริงๆ
แดนสวรรค์ไม่ใช่ดินแดนที่พวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้ง่ายๆ แน่นอนในทันทีที่พวกเขาบรรลุขอบเขตแดนปราณก่อกำเนิด
หลังจากได้รับบทเรียนในครั้งนี้ เย่ว์หยาง, เสวี่ยอู๋เสียและคนอี่นๆ ก็พบเป้าหมายที่แน่นอน พวกเขาตัดสินใจไม่คิดเรื่องหาวิธีเข้าประตูแดนสวรรค์ ซึ่งจะเปิดออกร้อยปีต่อครั้ง
สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เรื่องรีบเข้าแดนสวรรค์
แต่พวกเขาควรจะฝึกฝนเพื่อให้มีพลังที่สูงยิ่งขึ้น ต้องแข็งแกร่งขึ้นและมีพลังมากยิ่งขึ้น
ขณะที่เย่ว์หยางและคนอื่นๆ เริ่มเตรียมฝึกหฤโหด หญิงสาวขี้เมาและแพนด้าน้อยหนิวหนิวก็เข้ามาที่บ้านสวนน้อยทันทีพร้อมกับข่าวที่น่าตกใจ จื่อจุนประธานใหญ่พันธมิตรปราณก่อกำเนิด, จักรพรรดินีราตรี, ผู้เฒ่าหนานกงและคนอื่นๆ กลับมาจากหอทงเทียนชั้นที่สิบแล้ว พอทราบเรื่องการบุกรุกทวีปมังกรทะยาน ทำให้จื่นจุนโกรธแค้นมาก อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครทราบ พันธมิตรปราณก่อกำเนิดไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อสืบสวนเอาผิดประมุขนิกายพันปีศาจ, นิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตกและอาณาจักรสือจิน แน่นอนว่าทุกคนเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลัง อีกอย่างซุ่นเทียน จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและประมุขนิกายพันปีศาจก็พากันไปซ่อนตัวกันแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าอยู่สู้หน้าจื่นจุน
“จื่อจุนกลับมาแล้วหรือ?” เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียมองหน้ากันและ การกลับมาของจื่อจุนก็หมายความว่าการเดินหน้าเข้าแดนสวรรค์ล้มเหลวอย่างนั้นหรือ?
“ดูเหมือนว่านางกำลังตามหาเจ้า ผู้เฒ่าหนานกงก็ตามหารองครูใหญ่เพื่อปรึกษาบางเรื่อง แต่ข้าไม่แน่ใจเรื่องนั้น” พี่สาวขี้เมาสงสัยพลังของเย่ว์หยางอยู่บ้าง นางอาจไม่ค่อยตกใจกับความก้าวหน้าพรวดพราดของเขา แต่เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้อย่างไร? เป็นไปได้ไหมว่าการฝึกผสานร่างมีผลขนาดนั้นจริงๆ?
“ถ้าอย่างนั้น เรากลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์กันเถอะ!” นอกจากนี้เย่ว์หยางคิดว่าพวกเขาคงอยู่ในวังเทพจักรพรรดิอวี้นานเกินไป จึงได้พลาดข่าวสารในโลกภายนอก
เมื่อเย่ว์หยางกลับไปปราสาทตระกูลเย่ว์ ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และคนอื่นๆ พากันดีใจกันถ้วนหน้า
จักรพรรดิจุนอู๋โหย่วและราชันย์ฟ้าบูรพาก็รีบเร่งตามมาสมทบเช่นกัน
ที่สำคัญที่สุดก็คือพวกท่านเป็นบิดา คงเป็นเรื่องโกหกถ้าจะบอกว่านไม่สนใจห่วงใยธิดาของตน
ตอนนี้ พอเห็นว่าธิดาของพวกตนและว่าที่ลูกเขยปลอดภัย พวกท่านถึงกับถอนหายใจโล่งอก ยิ่งกว่านั้น พวกเขาทุกคนยังมีความรุดหน้ามากมาย ความจริงพวกท่านควรจะปล่อยให้พวกผู้เยาว์ฝึกกันเอง ไม่เช่นนั้นธิดาของพวกท่านจะรุดหน้ามากมายขนาดนั้นได้อย่างไร? มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดเกิดขึ้นตามหลังเย่ว์หยาง เจ้าเด็กที่ไม่ธรรมดาถึงสามคน เป็นความจริงที่เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดกันทั้งหมด ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนครั้งก่อนๆ ทุกคนคงจะพูดแต่เพียงว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ในความฝันเท่านั้น…
หลังจากที่อยู่ในช่วงฉลอง จักรพรรดินีราตรีก็ติดต่อผ่านทางคลื่นความคิดในหัวเย่ว์หยาง
จื่อจุนกับนางไม่ปรากฏตัวให้คนเห็น แต่ทั้งสองผลัดกันถามเย่ว์หยางถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวังเทพจักรพรรดิอวี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งสองถามถึงสถานการณ์ของผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์
“นางเป็นยังไงบ้าง?” ในที่สุดจื่อจุนก็ถาม เป็นคำถามที่นางถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เย่ว์หยางเข้าใจว่านางถามถึงนางเซียนหงส์ฟ้าน้องสาวนาง
“ก็ยังไม่ดี แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ นางยังคงหลับอยู่” ความจริง เย่ว์หยางยังไม่พบนางเซียนหงส์ฟ้า แต่ตามคำบอกของสาวกิเลน หลังจากนางเซียนหงส์ฟ้าใช้เพลิงชีวิตร้อยเท่าเกือบทั้งหมดสู้กับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ จะเป็นดีที่สุดหากปล่อยให้นางนอนหลับไปเช่นนี้จนกว่าจะฟื้นเอง เย่ว์หยางรู้สึกขอบคุณแล้วที่นางยังคงมีชีวิตอยู่ ถ้าสาวกิเลนออกมาช้าไปเล็กน้อย นางเซียนหงส์ฟ้าอาจตายจริงๆ เพราะทักษะเพลิงชีวิตของนางก็ได้
“ตอนนี้เจ้ายังไม่ควรคิดถึงเรื่องผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์เป็นดีที่สุด คิดมากไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย กลับจะทำให้เจ้ากลายเป็นคนหมกมุ่นเสียเปล่าๆ สิ่งที่เจ้าจะต้องเร่งให้ความสนใจในตอนนี้ก็คือปรับสร้างพื้นฐานของตัวเจ้าให้ดีขึ้น” จื่อจุนหายไปทันทีหลังจากพูดคำนี้จบ
“สหายน้อย, เจ้าต้องการถามถึงการเดินทางไปหอทงเทียนชั้นสิบของเราว่าเป็นเช่นไรไม่ใช่หรือ?” ความจริง จักรพรรดินีราตรีก็อยากจะหยอกล้อเย่ว์หยางเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพัง
“ผลการเดินทางของท่านเป็นยังไงบ้าง?” เย่ว์หยางเดาว่าผลที่ออกมาก็คงจะไม่ดี
“แดนสวรรค์เป็นดินแดนกว้างใหญ่มาก มีประตูทางเข้าอยู่สี่แห่ง เราไปถึงฐานประตูที่ที่สี่ซึ่งน่าจะเป็นประตูทิศตะวันตกจากบรรดาประตูทิศเหนือ, ตะวันออกและใต้ ตามตำนานกล่าวไว้ว่าประตูแดนสวรรค์จะเปิดร้อยปีต่อหนึ่งครั้ง, นี่ก็ถูกต้องแน่นอน อย่างไรก็ตาม ประตูแดนสวรรค์ที่อยู่ข้างหน้ามีเส้นทางผ่านที่ผนึกไว้เป็นระยะยาว ผนึกที่ปกป้องเส้นทางผ่านก็น่ากลัวมาก คนที่สามารถเข้าไปจะไม่มีทางออกมาได้ ดังนั้น เราจึงยกเลิกไม่เดินทางไปต่อ เราคิดว่าบางทีอาจมีกับดัก ต้องมีทางเข้าแดนสวรรค์ในตำแหน่งอื่นแน่นอน มิฉะนั้นในสมัยโบราณ นักรบมนุษย์มากมายหลายคนจะผ่านเข้าไปในแดนสวรรค์ได้ง่ายๆ อย่างไร?” จักรพรรดินีราตรีไม่ได้กักเม้มเรื่องราวไว้จากเย่ว์หยาง นางบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาทุกอย่างในลักษณะเรียบง่าย
“ก็หมายความว่า พวกท่านยกเลิกที่จะเข้าไป และพยายามหาทางใหม่ใช่ไหม?” เย่ว์หยางขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่ามีผนึกที่สร้างขึ้นมาเหมือนกับของจักรพรรดิอวี้?
“ถูกแล้ว บางทีเราจะต้องคุยกับพวกเจ้าเหล่าผู้เยาว์กันอีกสักครั้ง รอให้พวกเจ้าแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย มิฉะนั้น ถ้าข้าไม่อาจกลับมาได้ พวกเจ้าจะตกอยู่ในอันตรายอีก” จักรพรรดินีราตรีพูดความจริง แม้ว่าก่อนนี้ นักสู้อย่างจักรพรรดินีราตรี, จื่อจุนและผู้เฒ่าหนานกงสามารถยืนยันว่าพวกเขากลับมาจากดินแดนสวรรค์ ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและประมุขนิกายพันปีศาจก็เตรียมแผนการโจมตีไว้แล้ว ถ้าจื่อจุนและคนอื่นไม่สามารถกลับมาได้ คงเป็นเรื่องแปลกถ้าพวกเขาไม่วางแผนโจมตีเย่ว์หยางและคนอื่นๆ
“อย่างนั้นพวกท่านคงต้องการรอไปสักช่วงเวลาหนึ่ง…” เย่ว์หยางรู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะมีทักษะผสานร่าง แต่ก็ยังเร็วไปสำหรับเขา, เสวี่ยอู๋เสีย,และคนอื่นๆ สำหรับการเข้าสู่ดินแดนสวรรค์
“ไม่เป็นไร เราจะสอนพวกเจ้าที่โดดเด่นเป็นการเฉพาะ” จักรพรรดินีราตรีหัวเราะคิกคักเหมือนเพื่อนสาวขี้เล่นทั่วไป
เสียงหัวเราะของนางไพเราะเหมือนระฆังเงินก้องอยู่ในหูของเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่สามารถรู้สึกถึงการปรากฏตัวของนางได้
เทียบกับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์แล้ว จักรพรรดินีราตรียังไม่ทรงพลังเท่าพวกเขา แม้ต้องเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ในสภาพที่อ่อนแอ ก็ยังเป็นเรื่องยากที่นางจะเอาชนะได้ นั่นเป็นเพราะจักรพรรดินีราตรีอาจจะแข็งแกร่งกว่านางเซียนหงส์ฟ้าเพียงเล็กน้อย และนางเซียนหงส์ฟ้าก็ทำได้เพียงทำร้ายผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ให้บาดเจ็บหนัก หลังจากนางใช้พลังเพลิงชีวิตร้อยเท่า ถ้าไม่มีพลังเพลิงชีวิตก็คงเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว หากจักรพรรดินีราตรีจะสามารถต่อสู้ได้เสมอกับผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ได้
แน่นอนว่าจื่อจุนมีความแข็งแกร่งเหนือล้ำคนทั้งสองแน่ แต่ในความเห็นของเย่ว์หยาง บางทีนางอาจมีโอกาสเอาชนะจิ่วเซียวซึ่งแข็งแกร่งที่สุดได้
ถ้าผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ยังไม่ฟื้นฟูพลังเต็มที่ต้องมาเผชิญกับจื่อจุน พวกเขาคงพบกับชะตาที่น่าอนาถ
จื่อจุนในสายตาของเย่ว์หยาง ก็คือจักรพรรดิอวี้ในร่างสตรีนั่นเอง
บางทีจื่อจุนในปัจจุบันนี้คงไม่สามารถเทียบได้กับจักรพรรดิอวี้ได้ แต่ในอนาคต นางจะประสบผลสำเร็จเทียบเท่าจักรพรรดิอวี้จนได้ เย่ว์หยางมั่นใจว่าต้องเป็นเช่นนั้น
ในแผ่นดินมังกรทะยาน ยังมีคนสองคนที่เย่ว์หยางยังไม่อาจประเมินได้ หนึ่งนั้นก็คือจื่อจุน คนที่สองก็คือมารดาของสหายผู้น่าสงสาร
หลังจากสนทนากับจักรพรรดินีราตรีแล้ว เย่ว์หยางคิดว่านางคงล้อเกี่ยวกับเรื่องสอนพวกเจ้าเหล่าผู้เยาว์ที่โดดเด่นด้วยตัวพวกเราเอง
นึกไม่ถึงเลยว่าในวันต่อมา นางมารับตัวเจ้าเมืองโล่วฮัวจากไปจริงๆ ในเวลาเดียวกันอาจารย์ลึกลับขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็มาด้วยเช่นกัน เย่ว์หยางไม่รู้จักหญิงสูงวัยนี้ แต่เขาพบว่านางปกปิดพลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 เอาไว้ เขาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
กลับกลายเป็นว่ามีคนที่มีพลังระดับนั้นคอยปกป้องราชตระกูลอยู่
ป้าของอี้หนานก็มารับตัวอี้หนานจากไป
แม่เฒ่าอู่เถิงซึ่งรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บภายในด้วยยาเม็ดพลังยุทธก็มารับตัวเย่ว์ปิงจากไป
อาจารย์ของเย่ว์หวี่มาพานางจากไปด้วยเช่นกัน นางหัวเราะเบาๆ พร้อมกับบอกว่านางไม่อาจสอนวิทยายุทธหรือทักษะต่อสู้ได้ แต่นางยังมีความรู้ต่างๆ และประสบการณ์อีกมากมายที่สามารถแบ่งปันลูกศิษย์ของนางได้
เดิมทีเย่ว์หวี่ก็ยินดีใช้เวลาร่วมกับอาจารย์ของนางอยู่แล้ว เพราะนางเป็นเหมือนมารดาที่นางโหยหา
เสวี่ยอู๋เสียเป็นผู้ที่โชคดีที่สุด จื่อจุนมารับตัวนางและตัดสินใจสอนนางเป็นการส่วนตัว
สำหรับตระกูลเสวี่ย นี่เป็นโอกาสที่เหมือนฝัน ไม่มีผู้ใดในตระกูลเสวี่เคยคิดมาก่อนว่าเสวี่ยอู๋เสียจะได้รับความโปรดปรานจากจื่อจุนหนึ่งในโลกหล้า
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่เคยคาดมาก่อน
ในที่สุดทุกคนก็จากไป ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปฝึก เหลืออยู่แต่สาวงามอู๋เหิน
“อย่าห่วงไปเลย ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะอยู่กับเจ้าเสมอ ข้าจะพักอยู่ที่นี่” หญิงงามอู๋เหินยิ้มอ่อนโยนขณะที่นางคล้องแขนเย่ว์หยางกลัวว่าเขาจะรู้สึกเหงา อย่างไรก็ตามการเดินทางของทุกคนเป็นการลาจากกันชั่วคราว ทุกคนจะได้รับการฝึกฝนจากผู้อาวุโสต่างๆ ด้วยประสบการณ์ความรู้ที่แตกต่าง พวกนางจะก้าวหน้าและแข็งแกร่งขึ้นมากแน่นอน หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อพวกนางมาพบกัน พวกนางจะกลายเป็นคู่หูที่ดีของเย่ว์หยางแน่นอน และจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้
“เจ้าเองก็ไม่ควรเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้านอย่างนี้นะ น่าจะออกไปสำรวจโลกภายนอก” ก่อนที่จื่อจุนจะจากไป นางให้คำแนะนำเย่ว์หยาง
“ใช่แล้ว เจ้าควรจะฟังคำของจื่อจุน… จะไม่ลองไปที่หอทงเทียนชั้นหกดูบ้างหรือ? เจ้าต้องการไปไหม? บางทีเจ้าจะได้ฝึกฝนที่นั่น แม้ว่าจะยังไม่ยกระดับ แต่อย่างน้อยก็จะได้เรียนรู้มากขึ้น” หญิงงามอู๋เหินคิดว่าคำพูดของจื่อจุนสมเหตุผล ถ้าพวกเขาไม่ออกไปข้างนอก เอาแต่ฝึกภายใน โลกทัศน์ของพวกเขาก็จะคับแคบ ยิ่งกว่านั้น การไปที่ชั้นหกหอทงเทียนคงจะไม่มีเรื่องขัดแย้งใดๆ เย่ว์หยางสามารถออกไปฝึกข้างนอกในตอนกลางวันและกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ตอนกลางคืน นางอยู่เคียงข้างเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะไม่รู้สึกว้าเหว่เดียวดาย นางไม่เกรงว่านางจะเบื่อหน่ายอยู่ในโลกคัมภีร์ เพราะนางเพลิดเพลินกับการค้นคว้าอักษรรูนทั้งวัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คิดถึงนาง เขาก็จะกลับไปใช้เวลาอยู่กับนางได้
“หอทงเทียนชั้นหก?” ก่อนนั้นเย่ว์หยางได้ไปแต่เพียงหอทงเทียนชั้นสี่เป็นอย่างมาก
ตำนานบอกไว้ว่าหอทงเทียนชั้นหกเป็นที่รวมชาติพันธุ์ที่หลากหลายแตกต่าง และเป็นที่ตั้งของพันธมิตรปราณก่อกำเนิด
หอทงเทียนชั้นที่หก จะเป็นสถานที่เช่นไรกันแน่
*************