===============
“ไม่มีวิธีอื่นแล้ว มาเลือกคู่ต่อสู้กันเถอะ!” นางเซียนหงส์ฟ้ากอดเย่ว์หยางหัวเราะคิกคัก “มนุษย์ไฟฟ้านั่นเป็นของข้า”
“…..” เย่ว์หยางพูดไม่ออก นางมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า?
นางเซียนหงส์ฟ้าเลือกสู้กับเทวทูตสายฟ้า แม้การเอาชนะเขาจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ยากที่พวกเขาจะสู้กันอย่างเท่าเทียมกัน
ในทางตรงกันข้าม เย่ว์หยางจะเอาชนะนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 อย่างหวงซาภายใน 20 นาทีได้อย่างไร? เย่ว์หยางมองดูตำแหน่งสนามต่อสู้ สนามต่อสู้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง ดังนั้นจึงไม่มีน้ำไหลแม้แต่น้อย เป็นการต่อสู้ที่เป็นประโยชน์ต่อหวงซา แต่ไม่เป็นประโยชน์สำหรับเขาแม้แต่น้อย ถ้ามีทะเลหรือทะเลสาบข้างล่างวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้ ก็คงจะดีไม่น้อย จะมีก็แต่เพียงพื้นแข็งและดินอยู่ข้างล่าง ยิ่งกว่านั้นวิหารที่สามยังตั้งอยู่ในอากาศสูงเป็นร้อยเมตรไม่ง่ายเลยที่จะคว่ำาหวงซาลงกับพื้นได้
เทวทูตสายฟ้ามองดูเหมือนมนุษย์ไฟ้ฟ้าจากด้านนอก
เขาสูงราวๆ สิบห้าเมตรและทั้งร่างสีดำสนิท
มีเสียงแตกปะทุของไฟฟ้าดังกึกก้องตลอด
เขาเป็นคู่ต่อสู้ของนางเซียนหงส์ฟ้า ดังนั้นเย่ว์หยางไม่ได้สังเกตเขานานนัก เขาให้ความสำคัญระมัดระวังหวงซาซึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง เขาสูงราวๆ แปดเมตร ดูภายนอกเหมือนยักษ์ที่สร้างจากทราย เขามองดูเหมือนมนุษย์แต่เพียงภายนอก แต่เห็นได้ชัดว่าร่างของเขา แม้แต่เกราะของเขา ทั้งหมดสร้างขึ้นจากเม็ดทราย ปากของหวงซาผู้นี้ เหมือนกับยิ้มเมื่อเขามองดูเย่ว์หยาง เขาหยิบไม้พลองคู่สีดำออกมาจากด้านหลังถือไว้ในมือ เมื่อเขาปล่อยพลังออก ไม้พลองทั้งคู่เรืองแสงปรากฏเป็นวงเวทอักษรรูนสวรรค์ อาบแสงสีเงิน และปล่อคลื่นพิเศษอย่างเลือนลาง เหมือนกับสายลมและแสงแดดที่พัดพริ้วในป่า
เมื่อเย่ว์หยางมองเห็นไม้พลองขนาดใหญ่สองด้าม เขาถึงกับเลิกคิ้ว
ด้วยพลังจักษุญาณทิพย์ ไม้พลองดำสนิทนี้ไม่ใช่อาวุธธรรมดาๆ มันสร้างจากไม้ทะเลทรายอมตะ
ตามบันทึกในสารานุกรมยาและวัสดุที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารทิ้งไว้ให้เขา เย่ว์หยางรู้ว่าไม้ทะเลทรายอมตะนี้ มีพลังดูดกลืนน้ำที่แข็งแกร่งมาก ทั้งยังเหนียวและทนทานจนคาดไม่ถึง สารานุกรมยาบันทึกไว้ว่า ถ้ามีคนเอาไม้ทะเลทรายอมตะเผาไฟอยู่หนึ่งปีมันก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ อย่าว่าแต่บนทรายเลย
สารานุกรมยายังบันทึกไว้อีกว่า ไม้ทะเลทรายอมตะนี้เป็นส่วนผสมที่จำเป็นในการรักษาอาการเจ็บป่วยพิเศษที่เรียก “แมลงบวมน้ำ”
นอกจากจะมีพลังดูดซับน้ำที่แข็งแกร่งและทนทานแล้ว ไม้ทะเลทรายอมตะยังแข็งและทนทานมาก
มันแข็งพอๆ กับเพชร
เมื่อเอาแท่งเหล็กขนาดเดียวกับไม้ทะเลทรายอมตะตีกันเอง เหล็กกล้าก็อาจงอและแตกทำลายได้ นี่คือไม้ทะเลทรายอมตะที่อยู่ต่อหน้าเขา หวงซาใช้ไม้ทะเลทรายอมตะเป็นอาวุธ เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจจุดอ่อนของตัวเขาดี นั่นคือสาเหตุที่เขาเลือกใช้ไม้ทะเลทรายอมตะเป็นอาวุธ
เย่ว์หยางปล่อยเวลาให้ผ่านไปขณะที่นางเซียนหงส์ฟ้าไล่ตามเทวทูตสายฟ้าและลอยตัวบนฟ้า รวบรวมพลังของนางเตรียมโจมตีเขาด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง
สายอสนีบาตฟาดลงมาแทบจะฉีกฟ้าออกจากกัน
แน่นอนว่านางเซียนหงส์ฟ้าหลบหลีกแสงสายฟ้าได้ นางหายออกจากตำแหน่งเดิมและหลบออกไปอยู่ในระยะไกล
เทวทูตสายฟ้าไล่ตามนางทันที ในใจของเทวทูตสายฟ้าคิดว่า หวงซาผู้ไม่มีจุดอ่อนอะไรเลยจะสามารถเอาชนะนักรบปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ชาวมนุษย์ได้ แม้ว่าเด็กมนุษย์นี้จะครอบครองวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤต แต่งานของหวงซาก็คือถ่วงเวลาเท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องฆ่าเด็กมนุษย์แต่อย่างใด ตราบใดที่คอยพัวพันและระวังวงจักรล้างโลกได้ พวกเขาจะชนะในที่สุด แม้ว่าเด็กมนุษย์นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ผู้นี้จะครอบครองพลังฆ่าที่น่ากลัวก็ตาม แต่เขายังอ่อนด้อยความสามารถและขอบเขตพลังเมื่อเทียบกับหวงซา เขายังมีพลังห่างไกลเกินไป
ครอบครองพลังสังหารที่มีอำนาจสูงไม่ใช่เรื่องสำคัญทุกอย่างในการต่อสู้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเด็กมนุษย์กำลังเผชิญหน้ากับหวงซาผู้ไม่มีจุดอ่อนแต่อย่างใด
“หมิงรี่ฮ่าวเพียงใช้เจ้าเป็นหมากที่ใช้แล้วทิ้ง เจ้ารู้เรื่องนั้นไหม? เขาไม่ได้จริงใจร่วมมือกับเจ้าหรอก ในแดนสวรรค์ชื่อของนิกายสุริยันจันทราไม่ต่างจากสุนัขจิ้งจอกหรืออสรพิษ ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง เจ้าควรจะเข้าใจความหมายในคำพูดของข้า” หวงซาไม่ได้เคลื่อนไหวทันที เขารู้ว่ายิ่งเขาถ่วงเวลาได้นาน ฝ่ายของเขาก็จะยิ่งได้เปรียบมากขึ้น
ถ้าเด็กมนุษย์ที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่มีวงจักรล้างโลกและเพลิงอมฤต เขาคงไม่จำเป็นต้องเสียเวลา และคงไม่มีเรื่องขัดแย้งระหว่างเขากับหมิงรี่ฮ่าว
อย่างไรก็ตาม กู่หยาและดูดี้ตายในเงื้อมมือของเขา นี่ทำให้หวงซาต้องตื่นตัวไว้ เขาจะต้องไม่ประมาทเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้
เด็กมนุษย์ที่อยู่ต่อหน้าเขาคล้ายคลึงกับจักรพรรดิอวี้มาก เพียงแต่เขากำลังเติบโต
หวงซารักษาระยะห่างระหว่างเขากับเย่ว์หยางอย่างระมัดระวัง ขณะที่หาโอกาสเข้าโจมตีในเวลาเดียวกัน และคอยสังเกตปฏิกิริยาโต้ตอบของคู่ต่อสู้อายุเยาว์ผู้นี้
เย่ว์หยางขมวดคิ้ว “เจ้าบอกว่าข้าควรเลิกล้มการร่วมมือกับหมิงรี่ฮ่าวหรือ?”
ปากของหวงซาเผยอยิ้ม “ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะทำเช่นนั้น”
“ข้าไม่ใช่เจ้า” เย่ว์หยางปฏิเสธเขาและล้วงดาบวิเศษฮุยจินและดาบจันทร์เสี้ยวออกมาช้าๆ อัดพลังปราณต่อเนื่องและเตรียมต่อสู้
“มีทางเลือกหลายทางในชีวิตของคนเรา แต่ถ้าเขาทำผิดพลาดสักครั้ง ก็ไม่สามารถหวนกลับมาได้อีกต่อไป เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ต้องการคิดให้ดีอีกครั้ง?” หวงซาให้คำแนะนำอย่างอดทน เขากำลังทำตัวเหมือนผู้ใหญ่กำลังมองดูผู้เยาว์ผู้กำลังเดินผิดทาง
“สิ่งที่ท่านพูดและรู้สึกนั้น หมิงรี่ฮ่าวอาจจะปฏิบัติกับข้าเหมือนเป็นเบี้ยตัวหนึ่งและกันข้าออกไปหลังจากใช้แล้วก็จริง แต่นั่นมันเรื่องของข้า ไม่ใช่ของเจ้า ประการที่สอง ทำไมข้าต้องเชื่อคำพูดของศัตรูด้วยเล่า? ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไง แต่สถานะของเจ้าไม่เคยเปลี่ยน เจ้ายังคงเป็นศัตรูของข้า!” เย่ว์หยางหัวเราะเยือกเย็น ขณะที่เขาอัดปราณหยินไว้ในมือ ในทันใดนั้นพลังที่รวมกันเปล่งแสงสว่างดุจดวงอาทิตย์
“เจ้าโง่!” หวงซาพึมพำเบาๆ
แม้ว่าเย่ว์หยางกำลังรวบรวมพลังหยิน หวงซาก็ยังไม่ทำอะไร
บางทีสำหรับเขา พลังหยินที่เย่ว์หยางรวบรวมอยู่ไม่มีประโยชน์อะไรต่อเขา มันไม่สามารถสร้างความเสียหายให้เขาได้
ดังนั้น หวงซาเพียงแต่ลอยตัวขึ้นไปในท้องฟ้าขณะที่มองเย่ว์หยางเหมือนจะพูดว่า “เจ้าเด็กรนหาที่ตาย ช่างไร้ค่านัก” ยิ่งจ้องมองเย่ว์หยาง สายตาเขาก็เยือกเย็นยิ่งขึ้น
ท่าที่หนึ่ง.. ดาบผ่าปฐพี!
ท่าของเย่ว์หยางเป็นท่าจู่โจมธรรมดาที่เขาใช้ตามปกติ ท่านี้จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับท่าไม้ตายของเหล่าบรอนซ์เซนต์ (อ้างอิงจากเรื่องเซนต์เซย์ย่า) เช่น หมัดดาวตกเพกาซัส, หมัดมังกรโรซัน, ไดมอนด์ดัสท์, เนบิวล่า เชน, และวิหคเพลิงสยายปีก แน่นอน ความแตกต่างก็คือห้าบรอนซ์เซนต์ไม่รู้จักท่ามากนัก พวกเขามักจะใช้ท่าเดิมๆ ในการรับมือสถานการณ์อยู่เรื่อย ยิ่งกว่านั้น พวกเขาเกือบทั้งหมดจะล้มเหลวหลังจากใช้ท่าไม้ตายของพวกเขา ต่อเมื่อถูกศัตรูเล่นงานปางตาย พวกเขาถึงสามารถระเบิดพลังคอสโมออกมาได้ เย่ว์หยางนั้นแตกต่างออกไป จำนวนท่าโจมตีที่เขารู้จักนั้นนับไม่ถ้วน ท่าแรก ดาบผ่าปฐพีเป็นเพียงหนึ่งในท่าที่เขารู้จัก ถ้าเขาสู้กับศัตรูจริงๆ เขาสามารถจู่โจมใส่พวกเขาได้หลายชั่วโมงโดยไม่ซ้ำท่าก็ยังได้
กระบวนท่าของห้าบรอนซ์เซนต์นั้นน่าเบื่อ พวกเขามักเอาชนะศัตรูของพวกเขาด้วยเพียงไม่กี่ท่า อาจกล่าวได้ว่า ท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็ยังเป็นท่าที่อ่อนที่สุดของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะพลังคอสโมของพวกเขา เหล่าห้าเซนต์ก็เป็นเพียงแค่ขยะในขยะเท่านั้น
เย่ว์หยางไม่มีพลังคอสโม แต่มีเพียงพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์อยู่ในคลังอาวุธของเขา เขายังคงมีปราณกระบี่จักรพรรดิ, ท่าดาบสะท้านฟ้าดิน, วิชาสับ, วิชาทุบหินและอื่นๆ เขามีความเชี่ยวชาญในแต่ละท่านั้น และเขายังรู้วิชาเสาโทเท่มศึกอีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น เย่ว์หยางยังมีทีเด็ดที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งไม่ใช่ทักษะรบ แต่เป็นทักษะอัญเชิญของเขา
ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องหงส์เพลิงและสาวกิเลน รวมทั้งเสี่ยวเหวินหลี, นางพญาดอกหนามมงกุฎทอง, นางพญากระหายเลือด, โคเงาอาหมัน, ภูตควันไฟ, ตั๊กแตนมัจจุราช, หนูเบญจธาตุค้นสมบัติ อสูรทงเทียนและยังมีอสูรอื่นๆ ช่วยเหลืออีก นับได้ว่าเย่ว์หยางเป็นผู้น่าสะพรึงกลัวสามารถฆ่าศัตรูที่เขาพบได้ฉับพลันทันที
หลังจากเข้าวิหารเทพจักรพรรดิอวี้แล้ว เย่ว์หยางยังซ่อนความสามารถที่แท้จริงของเขาไว้ เขาแค่ยอมให้เสี่ยวเหวินหลีใช้ทักษะแฝงเร้นโซ่ล่องหนเท่านั้น ไม่ได้เปิดเผยความสามารถอื่นๆ ของเธอ
ดาบจันทร์เสี้ยวของเย่ว์หยางคมจนไม่มีอะไรเปรียบ
ด้วยการฟันครั้งเดียว ดาบสายลมยาวหลายเมตรก็บินเข้าหาศีรษะของหวงซาทันทีตัดศีรษะของเขาตั้งแต่ลำคอ
หวงซาถูกตัดศีรษะร่วงลงกับพื้นแต่ก็ยังยิ้มได้และพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีใดๆก็ตาม เจ้าไม่มีทางฆ่าข้าได้ ทำอย่างนี้มีแต่จะเปลืองพลังเปล่าๆ”
เย่ว์หยางไม่ตอบ แต่เขาปรากฏอยู่เหนือศีรษะเขาทันที
เย่ว์หยางย่ำใส่ศีรษะอย่างแรง หัวของหวงซาที่ถูกตัดแบนกับพื้นก็ยังมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตาม หวงซาในตอนนี้ไม่ได้แสดงท่าทางหรือปฏิกิริยาโต้ตอบเป็นพิเศษ จนกระทั่งเย่ว์หยางเริ่มบินไปอยู่ในจุดที่ห่าง คอยสังเกตเขาอย่างใจเย็น หวงซาเปลี่ยนร่างเป็นกองทรายและกลายเป็นพายุทรายและรวมตัวอยู่ในจุดหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด เขาก็กลับคืนร่างเดิมอย่างสมบูรณ์
เขายักไหล่ให้เย่ว์หยางและพูดด้วยท่าทางเสียดายว่า “ข้าบอกไปก่อนแล้ว ไม่ว่าจะโจมตีข้าแบบไหนก็เปล่าประโยชน์
เย่ว์หยางล้วงขวดน้ำใสออกมาแสดงให้เขาดูและถามว่า “จริงหรือ? อย่างนั้นข้าจะให้เจ้าดื่ม!”
พอเห็นขวดน้ำ สีหน้าของหวงซาเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นผิดปกติ
พอจับพลองคู่ไม้ทะเลทรายอมตะในมือกระชับมั่น หวงซาพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางและโจมตีใส่เขาทันที
เนื่องจากศัตรูเริ่มใช้การโจมตีใส่จุดอ่อนของเขา ก็คือน้ำ หวงซาคงทำเป็นไม่รู้อะไรต่อไปไม่ได้แน่ พลองข้างหนึ่งกระแทกใส่ตำแหน่งที่เย่ว์หยางเพิ่งยืนเมื่อวินาทีที่ผ่านมา ถ้าเขามีโอกาสครั้งที่สองต่อไป เย่ว์หยางจะต้องถูกหวดอย่างเต็มกำลังกลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน ปัง! หวงซาไม่ได้โจมตีใส่เย่ว์หยาง แต่เขากระแทกใส่ขวดน้ำจนแตกเป็นชิ้น น้ำกระเซ็นไปทุกที่ หน้าของหวงซาเปลี่ยนทันทีเมื่อเห็นเช่นนี้
เมื่อน้ำกระเซ็นอยู่ต่อหน้าหวงซา เย่ว์หยางโจมตีใส่หน้าหวงซาทันที จนเขาถอยออกไป 2-3 ก้าว
ดาบฮุยจินของเย่ว์หยางเปล่งแสง
ประกายเพลิงม่วงฟันลงมาอย่างไร้ความปราณี
คมดาบผ่าร่างยักษ์ของหวงซาขาดครึ่ง
“มีความคิดสร้างสรรค์ดี, แต่น่าเสียดาย น้ำน้อยเกินไป เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้!” หวงซาที่ตัวถูกผ่าครึ่งยังคงมีอารมณ์ขันในตอนนี้ ถึงกับกล่าวยกย่องเย่ว์หยาง
ร่างของเขาที่ถูกผ่าดึงดูดเข้าหากันทันทีและเริ่มสมานตัว ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนของร่างกายที่เย่ว์หยางฟันใส่ก็ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว ตอนนี้ร่างของหวงซาสร้างจากทรายทั้งหมด
เย่ว์หยางไม่รอให้ร่างหวงซาสมานตัวดีเหมือนเดิม เขาล้วงถังออกมาทันที
เขาสาดน้ำเต็มถังใส่หัวของหวงซา เมื่อหวงซาบิดตัวด้วยความเจ็บปวดจากการลอบทำร้ายนี้ หมัดเย่ว์หยางก็มาถึงอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาไม่เพียงแต่ดันหวงซาถอยไปแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น แต่เขาทุบหวงซาลงกับพื้น
ห้าวินาทีต่อมา หวงซาก็สั่นศีรษะจากอาการมึนงงและลุกขึ้นยืนได้
เขากล่าวประโยคเดิมอีกครั้ง “เปล่าประโยชน์”
ใบหน้าที่ถูกเย่ว์หยางทุบกลับคืนมามีลักษณะเดิมเหมือนแต่ก่อน เมื่อเวลาผ่านไปสามสิบวินาที เหมือนกับว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“เพราะเป็นอย่างนั้น ข้าจะฟันเจ้าให้ขาดเป็นแปดส่วน ดูซิว่าเจ้าจะสามารถคืนสภาพร่างกายให้มีชิ้นส่วนสมบูรณ์ได้ไหม” เย่ว์หยางไม่เคยเชื่อว่า มีคนที่ฆ่าไม่ตายอยู่ในโลกนี้ ถ้ามีอยู่จริงๆ นั่นก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างหนึ่ง ว่าเขายังไม่มีความสามารถมากพอที่จะฆ่าศัตรู! เย่ว์หยางไม่คิดว่าหวงซาจะมีร่างอมตะ สิ่งที่เย่ว์หยางทำลายจะต้องมีขีดจำกัด ยี่สิบนาที เขาจะเอาชนะเจ้านี่ภายในเวลายี่สิบนาทีได้อย่างไร?
ถ้าเขาแค่โยนเจ้านี่ลงในมหาสมุทร
ไม่มีน้ำสักหยดในวิหารเทพจักรพรรดิอวี้ เขาจะไปหาทะเลใหญ่จากไหนมาเล่นงานหวงซา?
ใช้น้ำในขวดและน้ำถังหนึ่งไปก็ไร้ประโยชน์ทั้งสองอย่าง พลองไม้ทะเลทรายอมตะในมือของหวงซาสามารถดูดซับน้ำได้เร็วมาก ยิ่งกว่านั้น น้ำเพียงเล็กน้อยไม่มีผลมากนักต่อร่างสูงแปดเมตรของหวงซา แม้ว่าเขาจะไม่มีพลองไม้ทะเลทรายอมตะคอยสูบน้ำ
เขาจะทำยังไงถึงจะฆ่าหวงซาได้?
เย่ว์หยางคิดวิธีดีๆ ไม่ออกตอนที่เขาถูกหมัดของหวงซาต่อยกระเด็น หวงซาไม่ใช่มือใหม่ในการต่อสู้ เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8
เขาแค่โจมตีกำลังใจของเย่ว์หยาง การรับพลังโจมตีของเย่ว์หยางโดยไม่ตอบโต้นั้นมีจุดมุ่งหมาย
ตอนนี้ ช่วงที่เตรียมจะขยับต่อไป เย่ว์หยางตระหนักได้ทันทีว่าหมัดของเจ้าผู้นี้ ซึ่งเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ค่อนข้างเจ็บปวดยากจะทนทาน
***************