ตอนที่ 361 ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าสมควรตาย
เมื่อจิ้งจอกเงินพบว่ามีศัตรูแข็งแกร่งอยู่บริเวณรอบๆ ตรงกันข้าม เย่ว์หยางรู้สึกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ติดตามเขามาได้จากไปทันที
มันจากไปทางทิศอาคเนย์
เมื่อเย่ว์หยางรู้สึกสับสนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้น ปลอกข้อมือเหล็กดำของเลโอ ทอเรนหัวหน้ากลุ่ม และแหวนพลอยล้ำค่าของเอลฟ์หนุ่มลีนเรืองแสงสีแดงพร้อมกัน แสงสีแดงของคนทั้งสองระบุตำแหน่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้”
“เร็วเข้า!” สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ย ตบไหล่เย่ว์หยางแรงๆ ส่งสัญญาณให้เขาติดตามนาง นางวิ่งขึ้นหน้าพลางกวัดแกว่งขวานยักษ์ของนาง
“เร็วๆ เข้า, รีบหน่อย ช่วยชีวิตคนอื่นจะทำให้เราได้คะแนนกลุ่มสองเท่า” สี่สาวคิวบัวร์วิ่งตะบึงไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ
“….” เย่ว์หยางรู้สึกว่าการช่วยคนอื่นแบบนี้ทำให้เสียวสันหลัง
พวกเขาไม่อาจรับประกันชีวิตตัวเองได้เลย อย่าว่าแต่ช่วยชีวิตคนอื่น
สัตว์ประหลาดที่นี่ ทันทีที่พวกมันคลั่ง ก็คงไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่คนกลุ่มนี้สามารถป้องกันได้แน่นอน
แน่นอนว่าการช่วยชีวิตผู้อื่นอาจเป็นธรรมเนียมที่ดีในหอทงเทียนชั้นที่หก ในจุดนี้ เขาไม่อาจใช้มุมมองของมนุษย์ตัดสินว่าผิดหรือถูก เย่ว์หยางจำได้ว่าจิ้งจอกเงินแยกเขี้ยวส่งสัญญาณว่ามีศัตรูรายล้อมพวกเขาจึงติดตามไปด้านหลังเด็กสาวเอลฟ์ที่ชื่อเป่าเอ๋อ เขาชอบวิวมองที่ดี ได้เห็นบั้นท้ายน้อยกลมกลึงอยู่ในชุดรัดตัว ดูแล้วมีเสน่ห์ อีกเหตุผลหนึ่ง เขาจะได้ช่วยเป่าเอ๋อผู้ไร้เดียงสาและร่าเริงได้ทัน เพราะนางอ่อนแอที่สุดในกลุ่มในกรณีมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น
อีกประการหนึ่ง เย่ว์หยางพบว่ามีสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วนกำลังรวมตัวอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอสูรที่บินอยู่ในท้องฟ้าด้วย
หลังจากใช้เวลาเดินทางอยู่ครึ่งชั่วโมง กลิ่นคาวเลือดรุนแรงลอยมาตามอากาศแพร่กระจายอยู่ทั่วป่า
นอกจากพวกเขาแล้ว พวกสัตว์อสูรก็มารวมตัวพร้อมกัน แต่พวกมันไม่สนใจเย่ว์หยางและคนอื่นเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าพวกมันกลายเป็นบ้าไปแล้ว พวกมันเอาแต่ห้อตะบึงขึ้นหน้าราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างเรียกพวกมันไป
หลังจากเดินต่อมาอีกสิบนาที ก็พบบึงและทะเลสาบปรากฏอยู่เบื้องหน้าและพวกเขามาถึงพื้นที่โล่งกว้าง ในตำแหน่งทิศอาคเนย์ที่ยอดเขาสูงข้างหน้า มีมังกรเขียวนับไม่ถ้วนบินโฉบลงมาอย่างต่อเนื่อง มันพ่นลมหายใจมังกรเป็นเปลวไฟโจมตีใส่นักรบมนุษย์
สัตว์อสูรนับจำนวนไม่ถ้วนถาโถมเข้ามาในสนามต่อสู้ พุ่งเข้าใส่นักรบมนุษย์เกินกว่าสิบคนที่ล้อมวงก่อแนวป้องกันตนเองไว้
บนพื้นเต็มไปด้วยซากศพที่นักรบมนุษย์ฆ่าไว้
เลือดเปรอะกระจายอยู่ทั่วพื้น
บางส่วนก็ไหลลงทะเลสาบย้อมน้ำจนแดงฉาน
เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายเลยแม้แต่น้อย
มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดสองคนอยู่ในกลุ่ม และสมาชิกที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มเป็นนักสู้ระดับ 7 มังกรเขียวเพียงไม่กี่ตัวไม่อาจสร้างความยุ่งยากให้แก่พวกเขาได้เลย สำหรับอสูรที่อยู่บนภาคพื้น ได้แก่ หมาป่า, งูเหลือมป่า, เหยี่ยว เป็นต้น พวกมันมีแต่เอาชีวิตมาทิ้ง จำนวนขนาดนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 ยิ่งกว่านั้นอาวุธวิเศษในมือของสองคนนี้ หนึ่งในนั้นเป็นทวนทองฆ่ามังกร ขณะที่อีกคนหนึ่งใช้ “บอลต้องสาป” คอยสอดประสาน บอลต้องสาปมีความสามารถในการเพิ่งพลังของกลุ่มและกดพลังของอสูรให้อ่อนแอได้ คงจะเป็นเรื่องแปลกแน่ถ้าเขาพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้!
เย่ว์หยางไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่พวกเขาส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เป็นไปได้ไหมว่ามีอสูรศักดิ์สิทธิ์ผู้แข็งแกร่งกว่ารวมอยู่ในสัตว์อสูรเหล่านี้?
บนหน้าผาสูง มีร่างสีเงินร่างหนึ่งคอยปกป้องอยู่หน้าถ้ำ นี่เป็นเพียงมังกรเงินยักษ์ที่มีพลังต่อต้านนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งสอง แม้จะมีความลำบากมากก็ตาม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะได้รับการหนุนช่วยเหลือของมังกรเขียวที่อยู่รอบๆ เย่ว์หยางไม่คิดว่ามันจะทนต่อการผสานโจมตีอย่างรุนแรงของทวนทองฆ่ามังกรและบอลต้องสาปได้
กล่าวตามตรงก็คือ อาวุธเหล่านั้นเป็นอาวุธชั้นทองที่ออกแบบมาฆ่ามังกรยักษ์โดยเฉพาะ
ตำนานกล่าวไว้ว่า หมื่นปีล่วงมาแล้ว ยังมีเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่รูปร่างหน้าตาธรรมดานามไท่เย่ว์ และด้วยวาสนาผูกพันทำให้เขาตกหลุมรักหญิงสาวมังกรผู้งดงามและนางก็รักเขาเช่นกัน
ความรักที่เป็นไปไม่ได้ของพวกเขาสร้างความพิโรธให้กับราชามังกรทอง
ราชามังกรสั่งให้จองจำสาวมังกรด้วยความพิโรธ แต่นางหลบหนีได้เร็วและหนีไปกับไท่เย่ว์คนรักของนางไปอยู่ในที่รกร้างแห่งหนึ่งและใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ครั้งหนึ่งองค์ชายมังกรแดงผู้แอบรักหญิงสาวมังกรเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของไท่เย่ว์ ดังนั้นเขาจึงสร้างความเชื่อเนื้อไว้ใจให้กับไท่เย่ว์และหญิงสาวมังกร นอกจากองค์ชายมังกรแดงแล้ว ไม่มีผู้ใดอื่นรู้ที่อยู่ของพวกเขา แม้แต่การหลบหนีของหญิงสาวมังกรก็ยังเป็นแผนการขององค์ชายมังกรแดง
เกี่ยวกับองค์ชายมังกรแดงนั้น ไท่เย่ว์ผู้สามีและภรรยามีแต่ความสำนึกขอบคุณเป็นอย่างมาก พวกเขามองว่าองค์ชายคือผู้มีพระคุณของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ความจริงก็คือองค์ชายมังกรแดงกำลังร้อนรุ่มด้วยพิษรักแรงริษยา เพราะสาวมังกรที่เขาหลงรักกลายเป็นภรรยาของสหายที่ดีที่สุดของเขา เขาจึงตั้งใจทำลายความสุขของคนทั้งสอง
ภายใต้การรายงานของเขา ราชามังกรทองรีบส่งองครักษ์มังกรทองออกไปคร่ากุมไท่เย่ว์และหญิงสาวมังกร
องค์ชายมังกรแดงแจ้งต่อไท่เย่ว์ทันที และขอให้เขาสร้างอาวุธที่สามารถฆ่าราชามังกรทองให้เขา เขาจะฆ่าราชามังกรทองผู้แข็งแกร่งที่สุดและยุติโศกนาฏกรรมครั้งนี้เสียที ดังนั้นไท่เย่ว์ผู้เชี่ยวชาญในการสร้างอาวุธ จึงสร้างทวนทองฆ่ามังกรมอบให้เป็นอาวุธประจำตัวขององค์ชายมังกรแดงเป็นส่วนตัว สำหรับตัวเขาเอง เขาสร้างทวนทองฆ่ามังกรเพื่อปกป้องตนเองและภรรยาของเขาจากการจู่โจมทำร้ายขององครักษ์มังกร
หลังจากสังหารราชามังกรทองแล้ว องค์ชายมังกรแดงแจ้งสาวมังกรและบอกว่าไท่เย่ว์สามีนางเป็นคนทำ
สาวมังกรกระทำผิดพลาดหลงเชื่อองค์ชายมังกรแดงและเริ่มสอบถามสามีนาง
ไท่เย่ว์มีทวนทองฆ่ามังกรเหน็บอยู่ที่เอวไม่สามารถแก้ต่างให้ตนเองได้ เขาสารภาพได้แต่เพียงว่าราชามังกรทองถูกฆ่าด้วยอาวุธที่เขาสร้างขึ้น
สาวมังกรหนีจากมาด้วยความโกรธ และไท่เย่ว์ถูกองครักษ์มังกรทองที่ต้องการจะแก้แค้นให้ราชาของพวกเขาสังหารตายอย่างโหดเหี้ยม ในที่สุด อาวุธสุดท้ายที่สังหารเขาก็มาจากฝีมือของสหายที่ดีที่สุดของเขา องค์ชายมังกรแดงโดยใช้ทวนทองฆ่ามังกรอาวุธที่เขาสร้างขึ้นนั่นเอง เขาตายทันทีในที่นั้นนั่นเอง เมื่อสาวมังกรกลับมาหลังจากสงบจิตใจและพบเห็นศพของสามีนาง จึงได้แต่เสียใจ จากนั้นนางก็ตระหนักในที่สุดว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จึงลอบสืบเรื่องที่เกิดขึ้นเอง เมื่อนางเห็นว่าองค์ชายมังกรแดงครอบครองทวนทองฆ่ามังกรเล่มหนึ่ง ในที่สุดนางก็เข้าใจทุกอย่าง
หญิงสาวมังกรผู้สำนึกผิดได้ไม่สามารถจะล้างแค้นได้ ดังนั้นนางจึงตั้งความหวังทั้งหมดไว้กับบุตรชายของนางที่ยังอยู่ในครรภ์
เมื่อบุตรของไท่เย่ว์เติบใหญ่ขึ้น เขายิ่งโดดเด่นกว่าบิดาของเขา ขณะเดียวกันเขาได้รับตกทอดลักษณะที่งดงามของมารดา นอกจากสร้างมีดทองฆ่ามังกรอาวุธระดับทองที่คมกริบได้แล้ว เขายังได้เรียนรู้วิชาแปลงโฉมกับนักสู้นามว่าอู๋เซียง บุตรชายของไท่เย่ว์ปลอมตัวเป็นหญิงสาวสวยหาทางเข้าใกล้องค์ชายมังกรแดงผู้กลายเป็นราชาของเผ่าพันธุ์มังกร เขาลอบสังหารได้สำเร็จ ขณะที่ชาวมังกรผู้โกรธแค้นเตรียมจะฉีกร่างบุตรของไท่เย่ว์ให้เป็นชิ้น สาวมังกรพลันปรากฏตัวและเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมของนางให้มหาชนฟัง จากนั้นนางใช้กระบี่ทองฆ่ามังกรที่เอวขององค์ชายมังกรแดงฆ่าตัวตาย ความเสียสละเพื่อความรักของนางสร้างความสลดใจให้ชาวมังกรทั้งหมด ชาวเผ่ามังกรจึงปล่อยตัวบุตรชายของไท่เย่ว์ ผู้มีจิตใจแหลกสลายจากไป
เรื่องราวผ่านไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า เวลาผ่านไปยาวนานขนาดนั้น ไม่มีผู้ใดรู้ว่าตำนานคือความจริง
อย่างไรก็ตาม ลูกหลานตระกูลเย่ว์ในทวีปมังกรทะยานชื่นชอบบุตรของไท่เย่ว์ บุรุษแข็งแกร่งผู้สร้างมีดทองฆ่ามังกรล้างแค้นให้บิดา พวกเขายกย่องบรรพบุรุษของเขาและเลือกชื่อเย่ว์มาเป็นชื่อสกุลของพวกเขา
นี่คือเรื่องราวที่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่บอกเล่าให้เย่ว์หยางฟังหลังจากที่เขาได้มีดทองฆ่ามังกรมา
ในทวีปมังกรทะยาน นอกจากตระกูลเย่ว์แล้ว ตระกูลอื่นๆ อาจมีเรื่องราวตำนานที่ถูกลืมเลือนไปแล้ว บางทีหอสมุดหลวงแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยและอาณาจักเทียนหลัวคงมีบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์เพียงไม่กี่ประโยค
ไม่ว่าจะเป็นทวนทองฆ่ามังกร, กระบี่ทองฆ่ามังกร, มีดทองฆ่ามังกรล้วนเป็นชุดอาวุธฆ่ามังกรที่น่าสะสม นอกจากอาวุธสามอย่างนี้แล้ว ยังมีเกราะมังกรแดง, ถูงมือของไท่เย่ว์, สร้อยคอสาวมังกรและมงกุฎราชามังกร สมบัติทั้งหมดนี้เป็นของตกทอดในตำนาน อนุชนรุ่นหลังได้จัดกลุ่มไว้เป็นชุด มีการรวมทวนทองฆ่ามังกร, กระบี่ทองฆ่ามังกรและมีดทองฆ่ามังกรเรียกว่าชุดล้างแค้น แน่นอนว่าเพราะตำนานผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ชุดล้างแค้นจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นชุดอาวุธทองฆ่ามังกรหลังจากที่ในเวลาบางช่วงบางยุค ได้ตัดคำบางคำออกไปเพื่อให้คนรุ่นหลังจดจำได้ง่าย
ด้วยทวนทองฆ่ามังกรนี้เอง เย่ว์หยางรู้สึกว่ามังกรเขียวระดับต่ำไม่กี่ตัวคงจะตายภายใต้การโจมตีของนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งสองคนแน่นอน
เขาไม่เข้าใจว่า กลุ่มที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ทำไมต้องเรียกขอความช่วยเหลือด้วย?
คนพวกนี้มีพลังเพียงพอจะรับมืออสูรในป่าหยกเขียวครามได้แน่นอน ทำไมพวกเขายังคงขอความช่วยเหลือด้วยเล่า?
อย่างไรก็ตาม เมื่อฝูงมังกรบินเขียวรวมตัวกัน เย่ว์หยางถึงกับสะดุ้งในใจ มีผลึกเวทอยู่ทุกที่ เขาไม่อาจทำให้สภาพแวดล้อมเสียสมดุลได้ แต่เพื่อช่วยคน คงไม่เป็นไรถ้าได้ผลึกเวทสักจำนวนหนึ่ง? ไม่ใช่ว่าเขาอยากฆ่ามังกรที่นี่ทั้งหมดเสียเมื่อไหร่? สัตว์ประหลาดที่คนพวกนั้นฆ่าไม่อาจจะฟื้นคืนชีพได้ คงเป็นเรื่องสูญเปล่าถ้าเขาไม่รับเอาผลึกเวทเหล่านั้น
เย่ว์หยางเกร็งมือและเตรียมเก็บกวาดของทั้งหมด
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเลือกเก็บผลึกเวท เขาไม่สนใจชีวิตคนอื่นว่าจะเป็นหรือตาย ยิ่งกว่านั้นยังมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดสองคนคอยสนับสนุนในกลุ่ม ต่อให้สมาชิกในกลุ่มอยากตายก็ยังเป็นเรื่องยากด้วยซ้ำ
ตรงกันข้าม สมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มที่มาช่วยพวกเขาก็คือทอเรนชื่อเลโอ เป็นหัวหน้ากลุ่มก็ยังอ่อนแอกว่ากลุ่มของมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุดเสียอีก ถ้าพวกเขาเข้าร่วมในการต่อสู้จริงๆ ชีวิตพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตรายก็ได้
“กลุ่มมนุษย์ที่น่ารังเกียจ ไร้ยางอายนี้เลวร้ายมากจริงๆ พวกมนุษย์เป็นพวกไม่ดีแน่นอน” สาวทอเรนคำรามด้วยความหงุดหงิด
“เฮ้, เฮ้, เกิดอะไรขึ้น?” เย่ว์หยางไม่เข้าใจ ทำไมพวกเขาถึงได้โกรธเมื่อพวกเขาเห็นว่ากลุ่มมนุษย์ที่พวกเขารีบมาช่วยกำลังจะชนะในตอนนี้เล่า? ความจริงพวกเขาอิจฉาอย่างนั้นหรือ? หรือว่าเป็นเพราะสาวทอเรนนี้เป็นเหมือนพระโพธิสัตว์ไม่สามารถทนเห็นแผ่นดินนองเลือดได้
“พวกมันเป็นนักล่ามังกร” ลีนเอลฟ์หนุ่มรูปงามพยายามระงับความโกรธและอธิบายอย่างพลุกพล่านใจ
“อะไรนะ?” เย่ว์หยางยังคงไม่เข้าใจ
“เจ้าโง่, นักล่ามังกรคือพวกมีงานป่าเถื่อนและกระหายเลือด พวกมันไร้มโนธรรมสิ้นเชิง เสพติดกับการไล่ฆ่า แม้ว่าพวกมันจะพูดว่าพวกมันเป็นนักฆ่ามังกร แต่ความจริงพวกมันทำชั่วทุกอย่าง พวกมันฆ่าสัตว์อสูรใดๆ ก็ตามที่พวกมันพบ พวกมันกวาดล้างทุกอย่างเหมือนการแพร่ระบาดของฝูงตั๊กแตนที่ทำลายทุ่งหญ้าทั้งแผ่นดิน ป่าหยกเขียวครามเป็นที่ให้มังกรเขียวและมังกรฟ้าได้พักพิง แต่นักล่ามังกรพวกนี้ลอบใช้วิธีลับหลอกว่าเป็นภารกิจจากสมาคมนักรบเข้ามาที่นี่ พวกมันล่ามังกรและชิงเอาผนึกมังกร เราไม่สามารถนั่งเฉยโดยไม่ทำอะไร เราต้องลงโทษเจ้ามนุษย์ชั่วร้ายพวกนี้อย่างเด็ดขาด และฆ่าพวกมันซะ!” เด็กสาวเอลฟ์ขณะที่นางขบฟัน นางเกือบยิงธนูของนางเสียแล้ว
“อย่า, เจ้าไม่ใช่คู่มือของพวกมัน” เย่ว์หยางรีบห้ามนาง
“เจ้าคิดหรือว่าสิ่งที่พวกมันกระทำนั้นถูกต้อง? เจ้าไม่เห็นเลือดที่ไหลนองท้องทุ่งแดนต่อสู้นั่นหรือ? สาวทอเรนคว้าคอเสื้อเย่ว์หยาง
“นั่น, เงื่อนไขของข้าไม่ใช่เรื่องที่นี่เลย, ที่สำคัญที่สุด พวกเจ้ายังห่างนักที่จะเป็นคู่ต่อสู้พวกมัน” เย่ว์หยางบอกพวกเขาตามจริง
“พวกมันเป็นกลุ่มใหญ่สิบห้าคนและคนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด สี่คนเป็นนักสู้ระดับ 8 ขั้นกลาง, หกคนเป็นนักสู้ระดับ 7 ขั้นสูงและคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มพวกมันเป็นนักสู้ระดับ 7 ขั้นเริ่มต้นซึ่งมีอยู่สามคน ทุกคนมีระดับที่สูงกว่าลีนและข้า นี่คือการต่อสู้ที่ดูยากลำบาก เราอาจถูกฆ่าตายก็ได้” เลโอ ทอเรนหัวหน้ากลุ่มมองดูขึงขังในเวลานี้ เป็นครั้งแรกที่เขาพูดมากมายหลายคำ
“พวกท่านคงไม่ต้องการสู้กับพวกเขาจริงๆ ใช่ไหม?” เย่ว์หยางตกใจเมื่อได้ยินเขาพูด นี่เป็นเหมือนเอาไข่ไปกระทบหินมิใช่หรือ?
“นักล่ามังกรเป็นศัตรูของคนทุกเผ่าพันธุ์ แม้ว่าเราจะอ่อนแอแต่เราจะไม่ปล่อยให้พวกมันทำตามใจชอบโดยที่พวกเราไม่ทำอะไรเลย พวกมันจะฆ่าเราทุกคนได้ในไม่ช้าหรือต่อมาภายหลังก็ช่างเถอะ แต่จะต้องมีใครสักคนมาหยุดพวกมันไว้ แม้ว่าพวกเราจะฆ่าพวกมันได้เพียงคนเดียวก็ตาม ขอให้เราลดกำลังพวกมันได้สักเล็กน้อยก็ยังดี” ลีนเอลฟ์รูปงามทำให้เย่ว์หยางพูดไม่ออก
เย่ว์หยางจำได้ว่ามีคำพูดที่มาร์ติน นีมูลเลอร์พูดไว้ว่า “เมื่อพวกเขาสังหารหมู่ชาวยิว ข้าพเจ้าไม่ได้พูดอะไร เพราะข้าพเจ้าไม่ใช่ชาวยิว พอพวกเขาสังหารชาวคริสเตียน ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้รับใช้พระคริสต์ พอพวกเขาจับพวกคอมมิวนิสต์ ข้าพเจ้าได้แต่เงียบ เพราะข้าพเจ้ามิใช่คอมมิวนิสต์ ท้ายที่สุด เมื่อพวกเขาต้องการฆ่าข้าพเจ้า ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้านให้ข้าพเจ้าเลย…”
ถ้าการสังหารมังกรเกิดขึ้นในทวีปมังกรทะยาน ก็คงไม่มีผู้ใดคัดค้านนักล่ามังกรแน่
คนส่วนใหญ่จะคิดว่ามันเป็นกฎธรรมชาติ
การฆ่ามังกรและเก็บเอาผลึกมังกรเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ เป็นเรื่องถูกต้องที่จะฆ่าอะไรก็ได้ตราบเท่าที่พวกเขาต้องการมัน พวกเขาสามารถฆ่าได้กระทั่งมนุษย์ที่ติดตามเขาด้วย ไม่ใช่แค่เพียงมังกรเท่านั้น
อาจมีคนเพียงไม่กี่คนที่คิดว่าการฆ่ามากเกินไปจะทำลายความกลมเกลียวของสังคม ทำลายสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังไม่กล้าห้ามปรามเหล่านักล่าฆ่ามังกร
ในที่สุด พวกเขาก็คงทำได้แต่เพียงสาปแช่งพวกนั้นอยู่แต่เพียงในใจ
น่าจะมีคนคัดค้านการฆ่ามังกร แต่จะมีผู้เสนอหน้าต่อต้านนักล่ามังกรหรือไม่?
ไม่เลย!
ในกลุ่มพวกมนุษย์ คนโง่แบบนั้นคงไม่มีอยู่แน่นอน!
นั่นเท่ากับว่าหาที่ตายชัดๆ ไม่เพียงแต่เรื่องความสามารถในการหยุดยั้งพวกมันเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีความสามารถทำได้ พวกเขาอาจไม่สนใจนักล่ามังกรที่กระทำการชั่วร้าย เพราะพวกเขากังวลถึงความเดือดร้อนที่จะตามมาในอนาคต อาจจะมีคนร่วมกับกลุ่มนักล่ามังกรด้วยความกระตือรือร้น และกลายเป็นหนึ่งในนักล่ามังกรเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มหาศาล
ความแค้นของมังกรยักษ์และเสียงร้องระงมของสัตว์อสูรเป็นร้อยจะมีอะไร?
สิ่งเหล่านี้, ผู้ใดสนใจกันเล่า? การเสื่อมสูญของสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ ใครเขาสนใจเรื่องแบบนี้กัน?
เย่ว์หยางหวั่นไหวเพราะพวกโง่ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าเขา… พวกเขารู้ชัดเจนแล้วว่าศัตรูของพวกเขาแข็งแกร่งกว่ามาก และพวกเขายังกล้าเดินหน้าเข้าต่อสู้อีกหรือ? สามารถผ่อนผันมากกว่านี้ได้ไหม กลับไปสมาคมนักรบก่อน จากนั้นค่อยพากำลังหนุนกลับมาสู้?
“นี่คือการเอาชีวิตไปทิ้งชัดๆ เรายกเลิกภารกิจและกลับไปสมาคมนักรบเถอะ เราสามารถขอกำลังหนุนให้กลับมาที่นี่อีกครั้งได้!” เย่ว์หยางแนะนำ
“เป็นความคิดที่ดี อย่างนั้นเจ้าควรกลับไปซะ, แล้วพาเป่าเอ๋อไปกับเจ้าด้วย” ลีนเอลฟ์รูปงามตบไหล่ของเย่ว์หยางผงกศีรษะเห็นด้วย
“นั่นนับเป็นความคิดที่ดีจริงๆ…” สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยหัวเราะเยือกเย็นโดยไม่มีการเสียดสีหรือเย้ยหยันใดๆ
“ข้า, ข้าจะไม่หนีไปก่อนที่จะสู้ ต่อให้ข้าตายก็ตาม ข้าก็จะไม่จากไป ให้มนุษย์ขี้ขลาดผู้นี้หนีไปเถอะ ข้าคือเผ่าเอลฟ์ทองผู้กล้าหาญ ข้าเป็นสมาชิกระดับสูงของราชองครักษ์เทพจันทรา ข้าจะไม่หนียามที่เผชิญหน้ากับอันตรายแน่ ข้า..ข้าไม่กลัวตาย เพราะความตายจะนำเรากลับไปสู่ยังอ้อมอกของเทพจันทรา!” ริมฝีปากของสาวน้อยเอลฟ์นามเป่าเอ๋อยังสั่นอยู่ เห็นได้ชัดว่าความจริงแล้วนางกลัวตาย
“ดีแล้วเป่าเอ๋อ, เจ้าเป็นนักรบผู้กล้าจริงๆ!” สี่สาวคิวบัวร์ประสานเสียงยกย่องนาง
“พวกท่านจะทำให้นางเอาชีวิตไปทิ้ง นางไม่สามารถทนรับการโจมตีใดๆ ของศัตรูได้เลย ธนูน้อยนิดของนางจะใช้ทำอะไรได้? ทำให้ศัตรูของนางสูญเสียเส้นผมได้สักเส้นหรือเปล่า? พวกท่านคิดว่าทันทีที่พวกท่านพลาดท่า, ไม่เพียงแต่พวกท่านจะตายเท่านั้น, พวกท่านเสียโอกาสจับพวกมันยังไม่พอ เป่าเอ๋อและแอนนาอาจถูกย่ำยีความบริสุทธิ์ นี่คือผลลัพธ์ที่บุ่มบ่ามทำเป็นกล้าหาญ! พวกท่านต้องการเอาชนะศัตรู ข้าเข้าใจได้ แต่ก่อนที่พวกท่านจะแข็งแกร่ง วิธีการแบบนี้ถือว่าเป็นวิธีคิดที่อ่อนด้อย, มันเป็นเรื่องที่ผิดโดยสิ้นเชิง ข้าไม่อาจยอมรับได้” เย่ว์หยางเดือดดาล
“แม้ว่าเราจะตาย แต่เทพจันทราจะไม่ปล่อยให้เราต้องอับอายขายหน้า เราตั้งใจอุทิศชีวิตเรา ไม่มีผู้ใดสามารถสร้างความด่างพร้อยให้กับสาวกของเทพจันทราได้” ใบหน้าที่งดงามจับใจของแอนนาเผยให้เห็นรอยยิ้ม นางมองดูเย่ว์หยางเหมือนกับพี่สาวที่กำลังมองดูน้องชาย จากนั้นนางพยักอย่างอ่อนโยน “สิ่งที่เจ้าพูดนั้นถูกต้องแล้ว ทางเลือกของเราอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม คุณค่าชีวิตนั้น การได้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่ได้วัดจากขนาดของความมั่งคั่ง หรือวิธีดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย แต่ประเมินจากการที่เขาสามารถเพลิดเพลินกับอิสรภาพของชีวิตและความรู้สึกเป็นสุขใจต่างหาก ถ้าเขาทำไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด มั่งคั่งขนาดไหนก็ตาม เขาก็ยังถือว่าน่าสงสารและอ่อนแอ คำพูดของข้า เจ้าอาจจะยังไม่เข้าใจได้ชัด แต่สักวันเจ้าจะเข้าใจ, เพราะเจ้าแตกต่างจากมนุษย์อื่น คิดดูสิ, ถ้าศัตรูคนหนึ่งกำลังคุกคามเสรีภาพของเจ้า ทำให้เจ้ารู้สึกว่าไม่มีความสุข เจ้าจะทำเช่นไร? สู้สิ, ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสู้ แต่แน่นอนว่า วิธีการต่อสู้ของเจ้าอาจแตกต่างจากของเรา เจ้าสามารถอดทนและฆ่าศัตรูของเจ้าได้หลังจากเจ้ามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น แต่เราทำไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่เราเลือกวิธีนี้… สำหรับพวกเรานั้น ไม่มีวิธีต่อสู้ที่ถูกหรือผิด วิธีต่อสู้ของเจ้าถูกต้อง แต่วิธีของเราอาจผิดก็ได้ พวกเราแค่มีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน แต่เราทั้งคู่จะต่อสู้ตามวิถีของเราเอง”
“งั้นพวกท่านคงจะสู้ตายใช่ไหม? ท่านคิดจะสละชีวิตตนเองสู้กับศัตรูโดยไม่รู้ว่าจะคุ้มค่าหรือเปล่างั้นหรือ?” หลังจากฟังปาฐกถาของแอนนาเนิ่นนาน เย่ว์หยางค่อยถามขึ้น
“คุ้มค่าสิ, คุ้มค่าในแง่ที่การต่อสู้ของเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับศัตรูมีจำนวนเพียงใด แต่ขึ้นอยู่กับหัวใจของเรา เราไม่สามารถอดทนต่อพฤติกรรมเช่นนี้ได้เช่นกัน พวกมันสามารถฆ่าเราได้ แต่พวกมันไม่สามารถเปลี่ยนจิตวิญญาณและปณิธานของเราได้” เลโอ ทอเรนหัวหน้ากลุ่มตบไหล่เย่ว์หยาง “เราจะไม่บังคับเจ้า เพราะเจ้าเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เจ้าแตกต่างจากเรา เจ้าจะอยู่หรือกลับไปรายงานสมาคมนักรบก็ได้ ในบรรดามนุษย์ทั้งหมดที่ข้าเคยพบมา เจ้าเป็นผู้เยาว์ที่ดีที่สุด ขอให้เจ้าโชคดี มีชีวิตเป็นสุขเถอะ”
“หลับ…” เอลฟ์หนุ่มรูปงามใช้ฝ่ามือปิดหน้าเป่าเอ๋อชั่วขณะ พอแสงสีเขียววาบขึ้นเป่าเอ๋อล้มลงทันที แอนนารับนางไว้อย่างนุ่มนวล
ลีนพูดกับเย่ว์หยางว่า “พาน้องสาวข้าหนีไป นางยังเป็นเด็ก โปรดพานางไปหาบิดาข้า เจ้าไม่ต้องใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ในหอทงเทียนมีกลุ่มเล็กๆ อย่างเราอยู่มาก ทุกๆ วันจะมีคนตายและมีคนใหม่เข้ามาเรื่อย หลุมศพนักรบไม่ได้อยู่กับครอบครัวพวกเขา ทุกแห่งหนอาจเป็นแหล่งพักพิงสุดท้ายของเราได้ทั้งนั้น อาจเป็นในภูเขา, ป่า, พื้นหิมะหรือทรายก็ได้ วิธีต่อสู้ของเราแตกต่าง แต่มีสิ่งหนึ่งระหว่างเราแน่นอน เราเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมทั้งสองคน”
“ข้าไม่เคยเห็นคนที่มุ่งมั่นจะเอาชีวิตไปทิ้งเหมือนอย่างพวกท่านเลย…. เอาเถอะ ข้าจะไม่จากไปในเวลาอย่างนี้ บางทีข้าจะลองคุยกับนักล่ามังกรเหล่านั้นดู พวกเขาอาจรับพิจารณาคำแนะนำของข้าเมื่อเห็นว่าข้าก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ บางทีพวกเขาอาจจะยอมจากไปก็ได้” เย่ว์หยางคิดจะขับไล่เจ้าพวกนั้นออกไป เพื่อที่ว่าทอเรน, คิวบัวร์และเอลฟ์ทองหัวดื้อจะได้ไม่ต้องตายโดยเปล่าประโยชน์ที่นี่
“ไม่, ถ้าเจ้าไป ก็เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง พวกมันไม่เคยฟังคำแนะนำของใคร” เอลฟ์หนุ่มลีนส่ายศีรษะ เขาไม่เห็นด้วยกับแผนของเย่ว์หยาง
“เจ้าคนโง่ จะไปก็ไปเลย เมื่อเจ้าถูกพวกมันฆ่า ข้าจะล้างแค้นให้เจ้า ข้าจะต้องฆ่าพวกมันให้ได้สักคนเป็นอย่างน้อย” สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยตบหลังเย่ว์หยางดังป้าบและหัวเราะลั่นในขณะเดียวกัน
กลุ่มนักล่ามังกรพบกลุ่มของเย่ว์หยางแล้ว นักสู้ระดับ 8 ขั้นกลางสองคนพุ่งเข้าหาพวกเขาดุจสายฟ้า
เมื่อพวกมันมองเห็นรูปร่างแอนนาและเป่าเอ๋อ พวกมันยิ้มชั่วช้าลามกทันที
คนผอมสูงทางซ้ายมือหัวเราะหื่นกระหาย “เป็นวันดีเสียเหลือเกิน นานแล้วที่ข้าไม่ได้ลิ้มรสเอลฟ์ทอง อย่างน้อยก็คงยี่สิบปีได้กระมัง นึกไม่ถึงเลยว่าเอลฟ์ทองจะเสนอตัวถวายพานมาถึงหน้าข้าในวันนี้”
“ในสองคนนั้น เทียบนางเอลฟ์ทองที่เป็นผู้ใหญ่ ข้าชอบเอลฟ์เด็กสาวมากกว่า เมื่อข้านึกถึงตอนที่นางร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อข้าขืนใจนางแล้ว ข้าอดขนลุกเบิกบานใจไม่ได้ เอลฟ์เด็กสาวนั่นยังบริสุทธิ์อยู่แน่ หลังจากข่มขืนเสร็จและฆ่าพวกมันแล้ว ข้าจะละเลียดดื่มเลือดรสดีของนาง นั่นคงจะวิเศษไม่น้อย” บุรุษอีกคนหนึ่งร่างกายกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเปลือยกายท่อนบนหัวเราะร่าด้วยความยินดี
“พวกท่านน่าจะปล่อยพวกเขาไปนะ เห็นแก่ข้าที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เหมือนกันได้ไหม? เราจะจากไปทันที” เย่ว์หยางรู้ว่าเสียเวลาพ่นลมหายใจเปล่า แต่ต้องการยืนยันว่านักล่ามังกรพวกนี้เป็นกลุ่มคนเช่นไร
“เจ้าพูดว่าเจ้าเป็นใคร? มนุษย์? เจ้านึกหรือว่าเราไม่เคยย่างเนื้อมนุษย์กินมาก่อน? อย่านึกว่าเพราะเจ้าเป็นมนุษย์ แล้วจะออกคำสั่งกับเราอย่างนั้นได้! ในหอทงเทียนไม่มีความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์ ตราบใดที่เจ้าแข็งแกร่งเพียงพอ สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในที่นี้ไม่เป็นอาหารก็เป็นทาส เจ้าเข้าใจไหม? เจ้าคิดว่าเพราะพวกเราทั้งสองเป็นมนุษย์ แล้วข้าจะใจกว้างปล่อยพวกเจ้าไปงั้นหรือ? ฝันไปเถอะ เจ้าเมื่อมาเจอพวกข้า ก็ให้คิดเสียว่าเป็นโชคร้ายของเจ้า! อ่อนแออย่างเจ้ายังแส่ทำตัวเป็นวีรบุรุษอีกหรือ? จะให้ข้าหัวเราะจนขากรรไกรค้างหรือไง? ขอบอกเลยนะเด็กน้อย เจ้าหย่านมหรือยัง? ถึงได้โง่และไร้เดียงสานัก เจ้านึกว่าหอทงเทียนเป็นที่เช่นไร? สถานรับอนุบาลเด็กเหรอ? ถ้าเจ้าไม่มีความสามารถ เจ้าก็ได้แต่ตาย!” บุรุษผอมสูงบ้วนน้ำลายลงพื้น ขณะล้อเลียนเย่ว์หยาง
“ข้าคิดว่าลาคงบังเอิญเตะหัวเจ้าผู้นี้ ข้าไม่เคยเห็นคนที่โง่อย่างนี้มาก่อน ด้วยพลังอย่างเจ้า ข้าสงสัยจริงว่าพลังขนาดเจ้า เอาชีวิตรอดมาถึงหอทงเทียนชั้นหกได้อย่างไร เด็กน้อย ให้ข้าบอกความจริงเจ้าสักหน่อยเถอะนะ ผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้เข้มแข็ง มาฆ่าเราได้เลยถ้าเจ้ามีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้ ถ้าชาติหน้ามีจริง เจ้าต้องจำเอาไว้ว่า ถ้าเจ้าไม่มีความสามารถพอ เจ้าควรจะหลบซ่อนอยู่ภายใต้ชายกระโปรงมารดาเจ้าและให้นางปกป้องชีวิตของเจ้าเหมือนแม่ไก่ปกป้องลูกเจี๊ยบ จงจำไว้ว่าอย่าออกนอกบ้าน มิฉะนั้นคนอาจเผลอเหยียบเจ้าโง่อย่างเจ้าตายได้!” บุรุษตัวล่ำสันหัวเราะลั่น
“…..” เลโอ ทอเรนหัวหน้ากลุ่ม, เอลฟ์ทองหนุ่ม, สาวทอเรนและสี่สาวคิวบัวร์มองดูเย่ว์หยางทุกคน
ไม่มีผู้ใดพูด แต่เย่ว์หยางสามารถรู้สึกได้ว่าพวกเขาพยายามปลอบใจเขา
เพียงแต่พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไร
แอนนาประคองเป่าเอ๋อเดินมาอยู่ข้างๆ เย่ว์หยางและพูดอย่างอ่อนโยน “เจ้าก็เหมือนน้องชายข้า ใจดีและฉลาด เพียงแต่ขาดประสบการณ์ ข้ามีความสุขมากที่ได้พบเจ้า พาเป่าเอ๋อจากไปเดี๋ยวนี้ เจ้ายังอายุน้อย ไม่ควรมาตายที่นี่ เราจะเบิกทางให้เจ้า จงใช้ศิลาเทเลพอร์ตจากไป เผ่าพันธุ์เอลฟ์ทองของข้า ขออวยพรให้เจ้าโชคดี แม้ว่าเจ้าจะเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่เจ้ายอดเยี่ยมมาก”
เย่ว์หยางมองดูแอนนาและส่ายศีรษะ เขาไม่รับเป่าเอ๋อไว้ในอ้อมแขน
เขาห้ามลีน, เลโอและคนอื่นที่ต้องการจะแนะนำเขาและเดินเข้าหานักล่ามังกรทั้งสองทีละก้าว
“เจ้าพูดว่าคนอ่อนแอเป็นเหยื่อของคนเข้มแข็งใช่ไหม? ถ้าเจ้าไม่มีฝีมือ เจ้าก็ควรปล่อยให้ตัวเองถูกฆ่าประหารใช่ไหม? ข้าเรียนรู้คำพูดของเจ้าได้มากมาย มากมายทีเดียว.. อย่างนั้นนับแต่นี้ไป พวกเจ้าสมควรตายได้แล้ว!” เย่ว์หยางเดือดดาลเต็มที่ ด้วยความเร็วกว่าแสง มือของเขาพุ่งใส่ใบหน้าคนผอมสูง สนามพลังระเบิดดวงดาวของเย่ว์หยางระเบิดทันที คนผอมสูงไม่มีอากาสได้ดิ้นรนแม้แต่วินาทีเดียวก่อนที่ศีรษะของเขาจะระเบิดในฉับพลัน
วินาทีต่อมา เย่ว์หยางก็ปรากฏตัวอยู่หน้าคนที่ร่างกำยำทันที……
************