เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 363 – เจ้ายอมเสียหน้าบ้างได้ไหม

ตอนที่ 363 เจ้ายอมเสียหน้าบ้างได้ไหม?

ที่สมาคมนักรบ เย่ว์หยางใช้ศิลาเทเลพอร์ตหายตัวกลับมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้านักรบวัยกลางคน

“เจ้าต้องการรักษาบาดเจ็บหรือเปล่า?” เมื่อบุรุษวัยกลางคนเห็นว่าเย่ว์หยางมีตัวเปรอะไปด้วยเลือด เขานึกว่าเย่ว์หยางได้รับบาดเจ็บหนัก เขาไม่เคยคิดว่าเลือดเหล่านั้นเป็นรอยเลือดของกลุ่มนักล่ามังกรที่เย่ว์หยางสังหาร

“ขอบคุณ, ข้าไม่เป็นไร, ข้ายังไม่อาจชดใช้ศิลาเทเลพอร์ตให้ท่านในช่วงเวลานี้ สำหรับภารกิจ สหายของข้าจะทำสำเร็จได้แน่นอน” เย่ว์หยางผงกศีรษะ จากนั้นหันกายจากไป

“เจ้าเด็กนี่แปลกไปสักหน่อย…” นักรบวัยกลางคนมองตามหลังเย่ว์หยางและขมวดคิ้ว

“เกิดอะไรขึ้น?” หนุ่มนักรบต่างเผ่าพันธุ์อีกคนที่อยู่ข้างๆ นักรบวัยกลางคนถาม

“ดูไม่เหมือนกับว่าเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้โชกเลือดมาหยกๆ แม้ว่าเขาจะมีเลือดเปรอะเต็มไปหมด แต่ก็ยังใจเย็นอยู่ได้ ข้าไม่เข้าใจเลย เขาเป็นคนที่เพิ่งขึ้นมาถึงหอทงเทียนชั้นหกได้อย่างไรกัน?” นักรบวัยกลางคนพยายามมองดูรายละเอียดของเย่ว์หยางก่อนนั้น และพบว่าเขาเพิ่งร่วมกลุ่มหลังจากย่างเท้าเข้ามาในหอทงเทียนชั้นที่หกได้ไม่ถึงชั่วโมง ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้น นักรบวัยกลางคนคงไม่ยอมให้ศิลาเทเลพอร์ตสำหรับหลบหนีในกรณีฉุกเฉินกับเขาเป็นแน่

ตอนนี้ เจ้าเด็กนี่กลับมาก่อนที่ครึ่งวันแรกจะผ่านไป ยิ่งกว่านั้นยังมีเลือดท่วมตัวเสียอีก

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังดูใจเย็นมาก

เป็นไปได้ไหมว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นหนึ่งในขุนพลผู้เคยผ่านศึกนองเลือดมาแล้วในหอทงเทียนชั้นล่างๆ?

เวลาผ่านไปยังไม่ถึงสิบนาทีก่อนที่เย่ว์หยางจะกลับเข้ามาในสมาคมนักรบอีกครั้ง เขาเดินขึ้นมาหานักรบวัยกลางคนและส่งแบบฟอร์มให้เขา “ข้าตกลงใจร่วมกลุ่มทหารรับจ้างต่อต้านนักล่ามังกรแล้ว ทางสมาคมทหารรับจ้างบอกว่าข้าจำเป็นต้องมีผู้นำเสนอและรับรอง รบกวนให้ท่านช่วยลงลายมือชื่อตรงนี้ได้ไหม?”

“เจ้าเพิ่งไปเจอนักล่ามังกรมา?” นักรบวัยกลางคนถึงกับตกตะลึง พวกนักล่ามังกรไม่ใช่เรื่องเอามาล้อเล่นกันได้ แม้ว่าพวกมันจะมีไม่มาก แต่กลุ่มนักล่ามังกรเกือบทั้งหมดเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดนอกคอก ทุกครั้งที่พวกมันเคลื่อนไหว กลุ่มของพวกมันจะมีสมาชิกอย่างน้อยสิบคน จะฆ่านักล่ามังกรให้ได้เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับนักรบธรรมดา! แม้แต่นักรบเลือดเหล็กแห่งสมาคมนักรบก็ยังต้องใช้คนเป็นร้อยกว่าจะเอาชนะพวกนักล่ามังกรได้สักกลุ่ม

“เกิดเรื่องขึ้น, บังเอิญว่ามีนักรบทรงพลังผ่านไปทางนั้น เขาขับไล่พวกมันหนีไป ดังนั้นกลุ่มของข้าและข้าจึงไม่ถูกทำร้าย” เย่ว์หยางไม่ได้ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้พบกับนักล่ามังกร

“เจ้าโชคดีมากเลยนะ!” นักรบวัยกลางคนถอนหายใจ “ทุกๆ ปี ผู้มาใหม่อย่างน้อยร้อยคนมักตายด้วยน้ำมือของนักล่ามังกร ฟังนะ ข้าลงชื่อตรงนี้ให้ได้ แต่เจ้าต้องฟังคำแนะนำของข้า ก่อนที่เจ้าจะได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ถ้าเจ้าพบกับพวกนักล่ามังกรยามที่เจ้าอยู่เพียงลำพัง เจ้าต้องรีบหนีทันที ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”

“เข้าใจแล้ว” เห็นได้ชัดว่า เย่ว์หยางไม่ได้พูดความจริงกับเขา

“เจ้ารอสักเดี๋ยว!” นักรบวัยกลางคนเขียนคำสองคำลงในใบสมัครของเย่ว์หยาง “โอวเกิน” ดูเหมือนว่าจะเป็นชื่อของเขา

หลังจากเขาลงชื่อเสร็จ เขายังไม่คืนใบสมัครให้เย่ว์หยางทันที

เขากลับเดินเข้าไปในที่ทำการสมาคมนักรบและไม่ได้กลับออกมาใน 2-3 นาที

เมื่อเขากลับมาและคืนใบสมัครให้เย่ว์หยาง มีอีกชื่อหนึ่งเขียนไว้ว่า “หม่าไท่” นั่นเป็นชื่อผู้ค้ำประกันเย่ว์หยาง โอวเกินนักรบวัยกลางคนช่วยอำนวยความสะดวกหาคนค้ำประกันให้เย่ว์หยาง เมื่อเย่ว์หยางเตรียมจะออกไป โอวเกินย้ำเตือนเขา “พ่อหนุ่ม, ข้าเข้าใจว่าเจ้าไม่พอใจ แต่ใจจริงแล้วข้าไม่ต้องเห็นเจ้าแค่วันนี้เท่านั้น ข้าต้องการเห็นเจ้าในปีต่อไป หรือกระทั่งร้อยปีข้างหน้า ข้ายังต้องการเห็นเจ้าเดินเข้ามาในสมาคมนักรบด้วยจิตใจนักสู้เต็มเปี่ยมเหมือนวันนี้อีก… เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดไหม?”

เย่ว์หยางพยักหน้า “ขอบคุณที่ท่านแนะนำ ข้าคิดว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ แน่นอน”

เรื่องชื่อของโอเกิน, เย่ว์หยางจำได้ว่ามีราชาจ้าวปีศาจในแดนปีศาจผู้หนึ่งก็ชื่อโอวเกินเหมือนกัน

แน่นอน ราชันย์จ้าวปีศาจโอวเกินไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ดีกับเย่ว์หยาง ลุงโอวเกินผู้นี้มีหนวดเป็นรูป ‘八’ นั้นตรงกันข้าม เขามีความรู้สึกที่ดีกับเย่ว์หยาง แม้ว่าจะจุกจิกไปบ้างแต่เขาก็ให้คำแนะนำผู้มาใหม่ได้ดีจริงๆ

เมื่อเย่ว์หยางจากมา บุรุษสูงวัยที่พาเย่ว์หยางและกลุ่มเทเลพอร์ตเข้าป่าหยกเขียวเพิ่งมาถึง

เขามีผมขาวโพลนราวกับขนหงส์ขาว หัวเราะลั่น “โอวเกิน! ยากจริงๆ เลยนะที่เจ้าถึงกับลงชื่อรับรองเด็กผู้มาใหม่ ทั้งยังขอให้ข้าลงชื่อรับรองให้อีก”

“เด็กหนุ่มนั่นลึกลับจริงๆ… สิ่งที่ทำให้ข้ารู้สึกแปลกก็คือเขาดูคุ้นตามาก บางทีข้าคงเคยเห็นบิดาเขาหรือรู้จักบิดาเขามาก่อน เพียงแต่ข้ายังนึกย้อนกลับไปไม่ออก” โอวเกินนักรบวัยกลางคนขมวดคิ้ว

“ใช่แล้ว, เขาดูคุ้นๆ หน้า, ข้าไม่ทันนึกถึงเลย ถ้าเจ้าไม่พูดขึ้นมาอย่างนั้น” บุรุษสูงวัยจำได้ลางๆ

เย่ว์หยางเดินตรงเข้าไปในสมาคมนักรบและยื่นค่าสมัครร้อยเหรียญทองพร้อมกับใบสมัคร เขากลายเป็นหนึ่งในทหารรับจ้างอย่างเป็นทางการและได้รับ “เหรียญตรา” ระบุสถานะทหารรับจ้าง

เหรียญตรานี้ถูกแบ่งออกเป็นหกระดับ

ทุกระดับ มีอักษรรูนที่ทำงานต่างกัน สามระดับแรกจะเสริมสร้างด้วยอักษรรูนแคระ ขณะที่สามระดับที่สูงกว่าสร้างด้วยอักษรรูนสวรรค์

เกี่ยวกับเหรียญตรานี้ เย่ว์หยางไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้น อักษรรูนแคระยังง่ายเหมือนแก้ปัญหาเด็กนักเรียนชั้นประถม แม้แต่อักษรรูนสวรรค์ในเหรียญตราของสามระดับต่อมาดูเหมือนจะเป็นความรู้ระดับพื้นฐานสำหรับเย่ว์หยาง สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการก็คือสถานะ ตอนนี้เย่ว์หยางพบว่าเส้นทางฝึกแบบธรรมดานั้นไม่เหมาะกับเขา เขาต้องการฝึกในเส้นทางเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากคนอื่น

ตัวอย่างเช่น การยกระดับโดยเอาชนะสัตว์ประหลาด เย่ว์หยางรู้สึกว่าตอนนี้เขายังระดับต่ำอยู่ แต่ว่าพลังเพิ่มขึ้นมาก ด้วยความสามารถแข็งแกร่งสุดยอดของเขา อาจจะมีมากเกินไปด้วยซ้ำ

เย่ว์หยางตัดสินใจอดทนเริ่มใหม่ตั้งแต่แรก นี่เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ

ทั้งนี้เป็นเพราะเขาเคยพบกับศัตรูผู้แข็งแกร่งมาแล้วทุกการต่อสู้

เย่ว์หยางไม่สามารถห่วงเรื่องเก็บสมุนไพรหรือเอาชนะสัตว์ประหลาดระดับต่ำๆ เพื่อชิงเอาผลึกเวท สิ่งเหล่านี้ไม่อาจทำให้เขาตื่นเต้นได้เลยแม้แต่น้อย

ตรงกันข้าม ถ้าเขาพยายามหาวิธีการใหม่

If he could ‘get treasures from killing people’ rather than ‘get treasures from killing monsters’, หากเขาสามารถได้สมบัติจากการฆ่าคนแทนที่จะเอาสมบัติมาจากการฆ่าสัตว์ประหลาด เย่ว์หยางจะมีพลังผลักดันให้ก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเพิ่งจะสังหารกลุ่มนักล่ามังกรกลุ่มเล็กๆ ที่ผ่านมา เขาฆ่าศัตรูผู้หยิ่งยโสโดยลงมือรวดเดียว จากนั้นก็เก็บสมบัติของพวกมัน เช่นทวนทองฆ่ามังกร, บอลต้องสาป, ขวานสายฟ้าและสมบัติอื่นๆ เอามาเก็บไว้ในแหวนลิช ความรู้สึกสาแก่ใจแบบนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยประสบพบได้ในยามปกติ ยิ่งกว่านั้นสมบัติที่นักล่ามังกรกลุ่มเล็กๆ ทิ้งไว้ยังมีค่ามากกว่าผลึกเวทและสมุนไพรที่เขาเก็บรวบรวมตามทางเสียอีก

ถ้าเขาฆ่ากลุ่มนักสู้ธรรมดา เขาคงไม่รู้สึกกระไรนัก ที่สำคัญที่สุดอีกฝ่ายหนึ่งนั้นไม่มีทางต่อกรเขาได้เลย

อย่างไรก็ตาม เขาได้ฆ่านักล่ามังกรผู้อื้อฉาวเพราะความชั่วและโหดร้ายของพวกมัน

เขาพยายามจะผดุงความยุติธรรมและกวาดสมบัติไปด้วยในขณะเดียวกัน ได้รับผลประโยชน์คู่กันอย่างนั้น ทำไมเขาจะไม่ทำเล่า?

ในสมาคมทหารรับจ้าง เย่ว์หยางตระหนักว่าในสุดยอด 100 ภารกิจ มีการกำจัดนักล่ามังกรอยู่ห้าภารกิจ บางภารกิจก็สำหรับกลุ่มเล็กๆ ขณะที่บางภารกิจสำหรับคนๆ เดียว

สมาคมนักฆ่า, สมาคมขโมยและสมาคมทหารรับจ้างรวมอยู่ด้วยกันเหมือนเป็นองคาพยพเดียวกันในหอทงเทียนชั้นที่หก ภารกิจทั้งหมดจะออกมาโดยสมาคมทหารรับจ้าง แต่ข้อตกลงแลกเปลี่ยน, วัตถุดิบ,และรางวัลจะแตกต่างกันไป ในแต่ละสมาคมจะมีรายชื่อวายร้าย ในสิบอันดับแรกที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุด เป็นนักล่ามังกรแปดคน มีอยู่สองคนเป็นนักฆ่ากระหายเลือด

ฆาตกรผู้ฆ่าคนไปเป็นจำนวนมากที่สุดนามว่า “อันซี” เจ้าผู้นั้นฆ่าคนมาเกินกว่าล้านคน

อันซีผู้นี้ตามข้อมูลที่มี เขามีพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 เขาคือนักสู้ที่พูดว่าจะฆ่าคนให้ได้ทั้งทวีปมาก่อน

นอกจากหนึ่งในโลกหล้าจื่อจุนแล้ว อันซีผู้มีชีวิตมานานกว่าสองพันปีไม่มีศัตรูผู้กล้าท้าทายเขา

ตามรายชื่อของสุดยอดนักสู้ นามที่ยิ่งใหญ่ของเขายังอยู่ในระดับสูงว่าซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและประมุขนิกายพันปีศาจ ในบรรดาชื่อที่เย่ว์หยางนึกได้ มารมุกฟ้าแห่งวังมารอยู่ในลำดับที่ห้า ระดับเดียวกับอันซี ราชันย์จ้าวปีศาจบารุธอยู่ในลำดับที่สี่ แต่เย่ว์หยางจำนักสู้ลำดับที่สองและที่สามได้ ดูเหมือนพวกเขาเป็นนักสู้จากดินแดนนอกทงเทียน

ในรายชื่อจอมวายร้าย นอกจากอันซีอยู่ในบนสุดของรายชื่อ ฆาตรกรกระหายเลือดสิบคนแรกไม่ได้ฆ่าคนมาเกินกว่าแสนคน

แน่นอนว่า จำนวนเหล่านี้ไม่ใช่เป็นการนับจำนวนคนทั่วไปที่พวกมันฆ่า แต่เป็นจำนวนนักรบที่พวกมันฆ่าตายต่างหาก

ไม่รู้ว่าเขาติดตามบันทึกจำนวนคนได้ยังไง

เย่ว์หยางมองดูรายชื่อแล้ว เขารู้สึกว่าถ้าเขาฆ่าเจ้าพวกที่มีรายชื่อนี้ได้ทุกคน เขาคงจะได้รับสมบัติมากมาย

นอกจากอันซีผู้ลึกลับ นักล่ามังกรผู้มีมีชื่ออยู่ในรายชื่อวายร้ายเป็นส่วนใหญ่ได้อาละวาดจนสร้างประเทศอยู่ในดินแดนเขตนอกหอทงเทียนชั้นหกได้ เรื่องนี้ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจจริงๆ ดูเหมือนว่าตราบใดที่ยังมีพลังอำนาจ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร พวกเขาสามารถจะทำอะไรตามพอใจก็ได้ไม่มีจำกัด

“ทำไมเจ้าถึงได้เปื้อนเลือดไปหมดเล่า?” เมื่อหญิงงามอู๋เหินเห็นเย่ว์หยางกลับมา เนื้อตัวเปรอะไปด้วยเลือด สร้างความสงสัยให้กับนาง

“ข้าเอาชนะพวกโจรเล็กโจรน้อยมา” เย่ว์หยางหัวเราะ

“ทวนฆ่ามังกร อาวุธระดับทอง? เข้าชุดกันได้ดีกับมีดทองฆ่ามังกรของเจ้านะ ไม่เลวนี่” หญิงงามอู๋เหินรู้ว่าเย่ว์หยางชอบหาอาวุธที่เหมาะมือเสมอ แม้ทวนทองฆ่ามังกรนี้ จะยังไม่ถึงระดับเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นเทพศัสตราที่เย่ว์หยางต้องการ แต่ยังเป็นชุดระดับทอง มีไว้นับว่าเป็นเรื่องดี

“หอทงเทียนชั้นที่หกน่าสนใจจริงๆ ข้าขอพักสักหน่อย พรุ่งนี้ข้าจะค้นหาสมบัติต่อไป” ทันใดนั้นมีความคิดอย่างหนึ่งวาบขึ้นมาในใจเย่ว์หยาง เขาควรจะพาเจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นๆ มาฝึกที่นี่ด้วยดีไหม? แม้ว่าจะอันตรายอยู่บ้างและพวกเขาอาจตายได้ถ้าพวกเขาประมาทภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ทว่าพวกเขาจะก้าวหน้าได้เร็วกว่าฝึกอยู่ในทวีปมังกรทะยาน

“เจ้าคิดถึงอู๋เสีย, เชี่ยนเชี่ยนและคนอื่น?” เมื่อหญิงงามอู๋เหินเห็นเย่ว์หยางจมอยู่กับความนึกคิด แม้แต่นางก็ยังคิดว่าเย่ว์หยางคิดถึงบ้านของเขา นางโอบกอดเขาช้าๆ

“คิดถึงท่านเช่นกัน” เย่ว์หยางไม่ปฏิเสธนาง เขากอดสาวงามและจุมพิตอย่างดูดดื่ม

“เจ้ากำลังคิดจะใช้ลูกไม้ร้ายกาจอันใด หือ?” นัยน์ตากระจ่างของอู๋เหินมองดูเหมือนคนที่ดื่มด่ำอยู่กับความสุขขณะที่นางค่อยๆ พริ้มตาลง อยู่ในอ้อมกอดเย่ว์หยาง นางบีบแขนเย่ว์หยางเบาๆ “ตัวร้าย! เจ้าควรจะอาบน้ำก่อน ทั้งตัวเจ้าเต็มไปด้วยคาวเลือดอยู่นะ..”

วันที่สอง เย่ว์หยางสวมหน้ากากเจมินี่, เกราะหนังมังกรบินและถือทวนทองฆ่ามังกรที่พันผ้าเอาไว้ มายืนอยู่หน้าสมาคมนักรบ

เขาใช้เหรียญตราของเขารับทำสามภารกิจ หลังได้รับแผนที่ภารกิจแล้ว เขาเตรียมเทเลพอร์ตไปยังปลายทาง

จู่ๆ เขาก็เดินตรงไปที่ลานกว้าง

เอลฟ์ทองลีน, แอนนา, เป่าเอ๋อและเลโอ ทอเรนหัวหน้ากลุ่ม, ฟ่านหลุนเถี่ยและสี่สาวเผ่าคิวบัวร์เดินผ่านเขาไป แต่พวกเขาจำไม่ได้ว่า บุรุษผู้สวมหน้ากากนี้คือเย่ว์ไตตันผู้อ่อนแอ ที่จู่ๆ ก็ระเบิดพลังออกมาและสังหารนักล่ามังกรทั้งกลุ่ม เย่ว์หยางกำลังเดินผ่านไปข้างๆ เด็กสาวเอลฟ์เป่าเอ๋อ แต่เด็กสาวหันมาจ้องเขา เพราะเย่ว์หยางเดินชนมือที่ถือบัตรเชิญของนางโดยบังเอิญ

นางยกมือที่ถือบัตรค้างไว้ “ตามหาสมาชิกกลุ่ม ชื่อเย่ว์ไตตัน หวังว่าจะได้รับข่าวของเขา ผู้แจ้งข่าวจะได้รับรางวัล”

คำขอตามตัวเย่ว์ไตตันได้ประกาศไว้ในรายการภารกิจที่สมาคมทหารรับจ้าง

เย่ว์หยางไม่ได้ทักทายพวกเขา เขาแค่หัวเราะและเทเลพอร์ตไปจากลานกว้าง เพื่อเริ่มภารกิจล่าค่าหัวต่อไป

ในเวลาเดียวกันนี้ ทางด้านกลุ่มผู้ลงทะเบียนใหม่ มีบุรุษ 2-3 คนท่าทางเหมือนกับพวกบ้านนอกเข้ากรุง พากันส่งเสียงโหวกเหวกตื่นเต้นขณะเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นเป็นบุรุษอ้วน ในมือถือน่องไก่ที่มีมันเยิ้ม กำลังกินอย่างตะกรุมตะกรามราวกับผีตายอดตายอยาก เขากินพลางพูดพลางกับสหายของเขา “เจ้าลิงเย่! ดูนั่นสิ, นี่คือลานกว้างหอทงเทียนชั้นหก พระเจ้าช่วย, มันใหญ่กว่าลานหน้าบ้านข้าเสียอีก.. ดูสัตว์ประหลาดพวกนั้นสิ พระเจ้า! นี่มันตัวโตขนาดไหนกันนี่? ดูโกเล็มพวกนั้นสิ, คิดว่าสมองของมันทำจากหินหรือเปล่า? ไม่เลว, ชั้นหกหอทงเทียนนี้มีชีวิตชีวามากกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก ถ้าเราตั้งแผงลอยที่นี่ เราอาจขายของทำกำไรได้มากมายก็ได้นะ”

“เจ้าอ้วนโง่! แม้ว่าเจ้าจะมีวิญญาณพ่อค้า แต่ก็ยังเอาดีในทวีปมังกรทะยานไม่ได้เลย ไม่มีใครที่นี่ต้องการขยะของเจ้าหรอก” บุรุษผอมตะคอกใส่คนอ้วน

อีกสองคนที่ดูซื่อสัตย์เงียบเสียงเหมือนคนตายแบกถุงสัมภาระขนาดใหญ่เดินตามหลังคนผอมสูงและคนอ้วน พวกเขาไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

ด้านหลังพวกเขา ยังมีบุรุษอีกสองคน

คนหนึ่งเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็งราวกับว่าโผล่ออกมาจากโลกหิมะน้ำแข็ง

อีกคนมีหน้าตาหล่อเหลาราวสลักจากหยกและผิวขาวกว่าสตรี สำหรับบุรุษผู้มีลักณณะเหมือนสตรีที่งดงามนี้ อาจกำลังได้รับแรงผลักดันในขีดจำกัดของมนุษย์ก็ได้

ลีนเอลฟ์ทองและทอเรนเลโอมองหน้ากันเอง พวกมาใหม่นี่เป็นคนจากทวีปมังกรทะยานหรือ?

ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยยิ่งกังวลมากขึ้น นางรีบสาวเท้ายาวๆ เดินมาข้างหน้าและตะโกนเสียงแหบแห้งท่ามกลางเสียงอึกทึก “พวกเจ้า มนุษย์ที่เพิ่งมาใหม่ตรงนั้น หยุดอยู่ตรงนั้น อย่าเพิ่งไปไหน!”

“นี่คือการปล้นเหรอ? ท่านทอเรนผู้ยิ่งใหญ่, ข้าไม่มีเงินหรอก!” เจ้าอ้วนไห่ชูมือขึ้นและแกล้งทำเป็นกลัวมากกว่าความเป็นจริง “ข้าเหลือแต่น่องไก่อยู่ขาเดียว ถ้าเจ้าไม่รังเกียจของเหลือเดนนะ!”

“ใครจะปล้นเจ้ากันเล่า? ข้าแค่ต้องการถามถึงคนๆ หนึ่งกับพวกเจ้า” สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยพึมพำในใจ ทำไมถึงไม่มีมนุษย์ธรรมดาๆ จากทวีปมังกรทะยานบ้างเลย?

“งั้น…ก็ไม่ใช่การปล้น…” ทันใดนั้นเจ้าอ้วนไห่หันมาโบกไม้โบกมือ เหมือนกับว่ากำลังโบกมือไล่แมลง “ชิ้ว, ชิ้ว, ข้าไม่พูดกับคนอื่นนอกจากสาวสวย เจ้าหมายความว่าไงที่จะถามถึงคนกับเรา เราเพิ่งมาถึงหอทงเทียนชั้นที่หกเอง เราไม่รู้จักผู้ใด และไม่ได้เป็นหนี้เงินผู้ใดด้วย เจ้าถามผิดคนแล้ว!” เขายังคงพูดขณะที่กินน่องไก่ต่อ ไม่คำนึงถึงสายตาที่โกรธขึ้งของทอเรนสาวนามฟ่านหลุนเถี่ย

“เราต้องการหาคนที่เหมือนเจ้า เป็นคนใหม่ที่เพิ่งมาจากทวีปมังกรทะยาน!” เป่าเอ๋อรีบวิ่งมาถามพวกเขา

“ถ้าเป็นสาวสวยถามข้า แม้ว่าเจ้ายังเล็ก แต่โตขึ้นเจ้าจะเป็นคนสวยอย่างแน่นอน ข้าตัดสินใจตอบคำถามเจ้าก็แล้วกัน แต่ว่าเจ้าต้องเรียกข้าว่า พี่ใหญ่ก่อน!” เจ้าอ้วนแสดงหุ่นพี่ใหญ่หมูตอนของเขา

“หลีกไป! เจ้าสร้างแต่เรื่องน่าอึดอัดใจจริงๆ!” บุรุษผอมถีบเจ้าอ้วนจนกระเด็น

“นั่นแหละ ทำอย่างนั้นถูกแล้ว..” บุรุษน้ำแข็งเห็นด้วย

“โปรดอย่าถือสาเขาเลย แม้ว่าทวีปมังกรทะยานจะมีบุรุษหล่อเหลาและสาวงามมากมายอยู่ทุกวัน บางครั้งก็มีพวกบกพร่องไม่สมบูรณ์เหมือนกัน อย่างเช่นเจ้าหมูอ้วนตรงนั้นแหละ เป็นตัวสร้างความเสื่อมเสียให้ทวีปมังกรทะยานเรา อย่าไปสนใจเขาเลย” บุรุษร่างผอมทำตัวมีมารยาทและสุภาพ แต่แม้แต่คนตาบอดก็เห็นได้ว่าเขาไม่ได้มีความเป็นธรรมเลย ยิ่งกว่านั้น ท่าทางที่สุภาพของเขานั้น ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมที่เขาเพิ่งแสดงออกมา แม้แต่สาวทอเรนนามฟ่านหลุนเถี่ยผู้มีจิตใจเข้มแข็งก็ยังไม่รู้จะรับมือคนพวกนี้ยังไง

“เราไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนพวกท่าน เราแค่ต้องการจะหาสหายที่เราเพิ่งรู้จักกัน แต่เขาหายไป เขาชื่อว่าเย่ว์ไตตัน พวกท่านรู้จักเขาไหม?” แอนนาตัดสินใจถามด้วยตนเอง

ทันทีที่นางถาม, ลีนและเลโอสังเกตว่าสีหน้าของทุกคนแปลกไป

พวกเขาถามผิดคนหรือเปล่า?

คนพวกนี้เป็นศัตรูของเย่ว์ไตตันหรือเปล่า?

พวกเขารู้จักเขาแน่นอน แต่พวกเขาอาจไม่ใช่สหายก็เป็นได้ ถ้าเย่ว์ไตตันเป็นสหายของพวกเขา ทำไมพวกเขาถึงไม่มาหอทงเทียนชั้นที่หกพร้อมกัน? เย่ว์ไตตันมาแค่เพียงลำพัง เป็นไปได้ไหมว่าเขาพยายามหลบซ่อนจากคนเหล่านี้? คนพวกนี้ดูแปลกไปหน่อย อาจเป็นไปได้ว่าเขาคือศัตรูของเย่ว์ไตตัน

ลีนและเลโอลอบเตรียมพร้อมรับมือ

เจ้าอ้วนที่ถูกถีบกระเด็นตอนนี้ กลับเข้ามาโดยไม่มีผู้ใดสังเกต เขายืนอยู่หน้าแอนนา

เขาเก็บน่องไก่ไว้ในชุดยาวและเช็ดไขมันที่ปากเขา จากนั้นเขาหยิบหวีออกมาหวีผมอย่างเรียบร้อย จากนั้นก็ปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าของเขา และในที่สุดก็ทำท่าทางเหมือนเป็นพวกผู้ดีมีมารยาท เขาโค้งศีรษะให้อย่างงาม “โอวแม่นางผู้งดงาม ขอให้ข้าได้ตอบคำถามของท่านเอง อย่าว่าแต่ตอบคำถามของท่านเท่านั้น จะให้ข้าโดดใส่ดงดาบหรือกองเพลิงเพื่อท่านก็ยังได้ ข้าจะ..อ๊าา!”

ก่อนที่เจ้าอ้วนจะพูดจบประโยค เขาถูกบุรุษผอมถีบลงไปกองอยู่กับพื้นอีกครั้ง

จากนั้นคนที่มาจากทวีปมังกรทะยานอีกสองคนก็กระทืบและย่ำใส่เจ้าอ้วน แอนนาและเป่าเอ๋อตกตะลึงไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้มาก่อน

อาจเป็นได้ว่าทุกคนที่มาจากทวีปมังกรทะยานเป็นพวกตัวประหลาด?

ทำไมพวกเขาไม่มีคนปกติบ้างหรือ?

เมื่อพวกเขาทุบตีคนอ้วนเสร็จ แอนนาพยายามฝืนยิ้มและถามอีกครั้ง ตอนแรกนางสงสัยว่ามนุษย์พวกนี้เป็นคนไม่ดี แต่พอนางมองอีกคราก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น นี่เป็นพวกที่ชอบเล่นตลกเอะอะทำให้ตกใจเท่านั้น แม้ว่าจะทะลึ่งและแปลกไปบ้าง แต่ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นคนดี

“เจ้าว่ายังไงนะ? เย่ว์ไตตัน? แน่นอนว่าเรารู้จักเขา เจ้าเด็กนั่นเป็นรุ่นน้องข้าและข้าเป็นลูกพี่เขา ข้าจะไม่รู้จักเขาได้ไงเล่า?” เจ้าอ้วนที่ตลอดทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยรอยเท้าและใบหน้าแทบจะคล้ายตือโป๊ยก่าย กระโดดผางทันที ตบอกพูดหน้าตาเฉยว่า “เมื่อพวกเราเรียนอยู่ที่สถาบันฉางชุนเฉิงตอนนั้น ข้านี่แหละเป็นคนพาเขาไปจีบสาวๆ เจ้าเด็กนั่นไม่ค่อยได้เรื่อง ก็เลยไม่มีสาวๆ ชอบเขาเลยสักคน เขาไม่อาจเทียบได้กับคนหล่ออย่างข้า มีแต่สาวๆ ชื่นชมมากมายจนข้าต้องปฏิเสธแทบไม่ทัน”

“เจ้าเป็นลูกพี่เขาหรือ?” ลีนกับเลโอทำหน้าประหลาดพูดไม่ออก เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้

“เจ้าเป็นลูกพี่ของพี่ไตตันจริงๆ เหรอ?” เป่าเอ๋อก็ทำอะไรไม่ถูก ขณะที่นางคิดว่า เป็นไปได้ว่าชาวทวีปมังกรทะยานให้เกียรติยกคนที่อ้วนที่สุดเป็นพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ?

“พี่ไตตัน?” บุรุษผอมมองดูเป่าเอ๋อด้วยความสงสัย สายตาที่มองตรวจสอบของเขาทำให้เป่าเอ๋อเขินอาย ก่อนหน้านี้เป่าเอ๋อไม่มีทางเรียกเย่ว์หยางว่าพี่แน่นอน นางแค่เรียกเขาว่าเจ้าโง่ อย่างไรก็ตาม หลังจากนางตื่นขึ้น นางได้ยินเรื่องราวที่ลึกลับน่าอัศจรรย์ที่ฟ่านหลุนเถี่ยและคนอื่นๆ บอกเล่าให้นางฟัง นางได้ฟังว่าเจ้ามนุษย์ที่อ่อนแอและขลาดเขลาสังหารนักล่ามังกรรวดเดียวช่วยชีวิตทุกคนไว้ และเรื่องที่เขาด่วนแยกจากไปกะทันหัน เหลือไว้แต่เงาร่างผู้แข็งแกร่งเดียวดายในที่สุด ดังนั้น เจ้าโง่อ่อนแอและขลาดเขลาจึงถูกยกสถานะเป็นพี่ไตตันในทันใด

“เขาอยู่ไหนก็ช่าง? อย่าไปยุ่งกับเขาเลย!” ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยแตกต่างจากเป่าเอ๋อ นางรู้สึกว่าก่อนหน้านี้นางถูกเย่ว์หยางหลอก ดังนั้นนางจึงโกรธมากและต้องคิดบัญชีระหว่างพวกเขา

“เอ่, เขาอยู่กับพวกเจ้าใช่ไหม?” เจ้าอ้วนถาม

“เขา, เอ่อ, หายหัวไปแล้ว…” ฟ่านหลุนเถี่ยพบว่าเป็นเรื่องน่าอายที่สมาชิกทั้งกลุ่มเข้าใจผิดว่าเย่ว์หยางขี้ขลาด, อ่อนแอและทำให้เขาเดินจากไปด้วยความโกรธในที่สุด

“เจ้าเสียอะไรก็เสียได้ แต่เจ้า เจ้า เจ้ายอมเสียหน้าบ้างได้ไหม?” จู่ๆ เจ้าอ้วนก็เอ็ดตะโรลั่น

 

************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset