ตอนที่ 364 ป้อมสายฟ้า, รังโจร
ป้อมสายฟ้า
มีที่แห่งหนึ่งในหอทงเทียนชั้นหกที่ทำให้คนเกิดความหวาดหวั่นได้เพียงแต่ได้ยินชื่อของมัน… ป้อมสายฟ้า
แม้ว่าจะมีชื่อเช่นนั้น แต่มันไม่ใช่ปราสาทหรือป้อมปราการแต่อย่างใด มันคืออาณาจักรแห่งหนึ่ง
พูดให้ถูกต้องยิ่งกว่าก็คือ รังโจรนั่นเอง
มีข่าวลือทั่วทั้งหอทงเทียนว่า แร่สายฟ้าที่ไม่มีที่ใดเหมือน สามารถหาพบได้ที่นั่น ดังนั้นนักผจญภัยที่มาตั้งค่ายพักแรมที่นั่นแต่ก่อนนั้นตั้งชื่อที่นั้นว่าป้อมสายฟ้า แน่นอนว่ามีบ้างที่ลือกันว่าชื่อสกุลของผู้นำนักผจญก็คือ เหลย (แปลว่าสายฟ้า) เขาจึงตั้งชื่อที่นั่นว่าป้อมสายฟ้า และแร่ที่ขุดพบในพื้นที่นั้นเรียกว่า “แร่สายฟ้า”
ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ ก็ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจจริงจัง
นอกจากนี้ ป้อมสายฟ้ายังถูกครอบครองโดยนักล่ามังกรมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว จึงเป็นพื้นที่ซึ่งถูกจำกัดสำหรับนักผจญภัยทั่วไป
นอกจากจอมวายร้ายหรือโจรป่าที่ทำงานในป้อมสายฟ้าแล้ว ก็มีแต่พวกพ่อค้าเท่านั้น การคบหาสมาคม ความเป็นธรรมหรือความเมตตาหมดสิ้นไปจากที่นี่นานแล้ว การต่อสู้ การทะเลาะวิวาทและความตายอาจเกิดขึ้นในเวลาใดก็ได้
ราชาผู้ครอบครองป้อมสายฟ้าก็คือฉงนี่ ซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีล่าค่าหัวลำดับที่แปด
เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 มีพลังสูงส่งสามารถเคลื่อนย้ายภูผาได้ มีพลังที่ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรได้ นอกจากนี้เขายังคงเป็นฆาตกรต่อเนื่อง สังหารชีวิตนักสู้มาเกินกว่าสี่หมื่นคนในช่วงหกร้อยปีที่ผ่านมา
ไม่เพียงแต่ฉงนี่เท่านั้น เขายังมีบริวารอีกสามคน คือ เยาถง, ซานเซียวและเซี่ยเฮ่อ ซึ่งทุกคนเป็นนักฆ่าต่อเนื่องที่มีชื่ออยู่ในบัญชีค่าหัวในร้อยอันดับแรก
เนื่องจากภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์และฉงนี่ผู้ทรงพลังยังครอบครองปกครองที่นี่ จึงไม่น่าแปลกใจที่นักรบจากสมาคมนักรบไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่พันธมิตรปราณก่อกำเนิดยังทำเป็นตาบอดมองไม่เห็นพวกเขา ในหอทงเทียน มีคนมากมายที่เหมือนกับฉงนี่ พวกเขาไม่สามารถรักษาความรู้สึกผิด ชอบ ชั่ว ดีหลังจากที่ได้รับพลังอำนาจและกลายเป็นเผด็จการทรราชต่อมา ในหอทงเทียนชั้นที่หก มีคนมากกว่าพันคนที่เป็นวายร้ายเหมือนกับฉงนี่ แต่ป้อมสายฟ้าเป็นสถานที่มีชื่อมากที่สุด ฉงนี่จึงได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำของวายร้ายทั้งหมด
เป็นไปได้อย่างไร ที่นักสู้จะไม่มีดินแดนเป็นของตนเองในหอทงเทียน?
มีแต่เพียงผู้อ่อนแอ ถึงจะไม่มีดินแดนเป็นของตน
ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยเป็นตัวอย่าง เขาครอบครองวังในหอทงเทียนชั้นหกอยู่หลายแห่ง เขายังครอบครองวังเทพจักรพรรดิฟ้าในหอทงเทียนชั้นที่เจ็ด พื้นที่ซึ่ง เขาปกครองเป็นที่อุดมสมบูรณ์ทั้งหมด ซึ่งดูเหมือนว่าจะกว้างใหญ่พอๆ กับทวีปมังกรทะยาน
ที่นี่คือศูนย์รวมอำนาจของเขา
เย่ว์หยางตรงดิ่งไปที่ป้อมสายฟ้า สถานที่ซึ่งเขาสามารถปลดปล่อยพลังของตนได้โดยไม่มีข้อจำกัดแต่อย่างใด
ตอนแรกเขาเทเลพอร์ตไปที่เนินเขาหวงหยาง ซึ่งเอมให้คนทั่วไปมาได้ จากนั้นเขาหาทางไปด่านรอบนอกของป้อมสายฟ้า เมืองเก่าแถวๆ เนินหวงหยาง แม้ว่านี่คือเมืองๆ หนึ่ง แต่ก็ใหญ่กว่าเมืองไป๋ฉือและเป็นเมืองที่มองดูคึกคักตื่นตัว พ่อค้านับไม่ถ้วนมาประกอบการค้าที่นี่ มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายสิ่งมีชีวิต รวมทั้งอาหาร, น้ำ, เนื้อและสินค้าอื่นๆ เช่น เหล้า เกลือ น้ำตาล เช่นเดียวกับ ทอง เงิน ทองแดง เหล็ก และโลหะอื่นๆ มีทาสที่นำมาจากต่างเผ่าพันธุ์จำนวนมากไว้ขาย รวมทั้งมนุษย์ด้วย อย่างไรก็ตาม ทาสเกือบทั้งหมดเป็นพวกมนุษย์อสูรหรือลูกครึ่งอสูรที่มีร่างกายแข็งแรง
พ่อค้าที่นี่ โดยทั่วไปจะมีพลังไม่มาก เกือบทุกคนเป็นนักสู้ระดับ 4 หรือกระทั่งระดับ 3 ก็มี อย่างมากที่สุดก็มีระดับ 5 น้อยครั้งถึงจะมีนักสู้ระดับ 6
แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังไม่มาก แต่พวกเขาก็ยังปลอดภัย
นอกเหนือจากมีกฎที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรรู้กันว่า ห้ามฆ่าพ่อค้าแล้ว พวกเขายังพกป้ายเงินจากหอการค้าต่างๆ ที่พวกเขาสังกัด นี่เองจึงช่วยให้พวกเขาปลอดภัย ตัวอย่างเช่น สำหรับพ่อค้าที่เป็นตัวแทนของหอการค้าจากวังเทพจักรพรรดิฟ้าของซุ่นเทียน แม้ว่าพวกเขาจะดูอ่อนแอเหมือนลูกไก่ แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องทรัพย์สินของซุ่นเทียน
พลังอำนาจย่อมปกครองทุกอย่างที่นี่ ตราบใดที่เขามีพลังอำนาจมากพอ เขาพอใจไปไหนก็ย่อมไปได้ทุกที่
ขณะที่เย่ว์หยางเดินไปตามถนนในเมืองโบราณหวงหยาง เขารู้สึกเพลิดเพลินขณะที่มองดูจุดซึ่งมีการซื้อขาย
แม้ว่าจะอึกทึกไปบ้าง แต่ธุรกิจที่ผิดศีลธรรมก็ดำเนินการได้เร็ว
ขอให้ได้เพิ่มพูนกำไร พวกพ่อค้าไม่คำนึงถึงความยุติธรรมอยู่แล้ว พวกเขาจะใช้ลูกไม้อย่างสุดฝีมือเพื่อให้ได้เงินมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การซื้อขายทาสเป็นกิจการที่ทำกำไรได้มาก
“ท่านต้องการทาสหญิงไหม? นางเป็นสาวลูกครึ่งเอลฟ์รูปลักษณ์ไม่เหมือนใครและทรงเสน่ห์ ลองลิ้มรสนางสักครั้งแล้วท่านจะติดใจแทบบ้า!” พ่อค้าอีกคนหนึ่งพยายามจะโฆษณาขายทาสให้เย่ว์หยาง ในเมืองเก่าหวงหยาง ทาสเป็นการค้าขายกันตามปกติ เอาจจะมีราคาแพงกว่าที่อื่นมาก ตัวอย่างเช่น สาวลูกครึ่งเอลฟ์ที่เสนอขายให้เย่ว์หยางตอนนี้มีราคา 3000 เหรียญทอง ตราบใดที่มีคนยอมจ่าย 3000 เหรียญทองและภาษีอีก 500 เหรียญทอง ก็สามารถซื้อทาสหญิงได้และจะทำยังไงกับนางตามพอใจก็ได้ นี่รวมทั้งการเหยียดหยามและฆ่านาง กล่าวกันตามตรงก็คือ ทั้งชีวิตของนางเป็นของผู้ที่ยอมจ่ายซื้อตัวนาง
หากมีคนคิดว่าแพงเกินไป พวกเขาสามารถเลือกทาสหญิงที่ราคาถูกกว่าสิบเหรียญทองยันมากกว่าร้อยเหรียญทองก็ได้ มูลค่าร้อยเหรียญทองก็สามารถจับจ่ายซื้อทาสได้มากกว่าสิบคน
ทาสที่ถูกที่สุดจะขี้ริ้วขี้เหร่ที่สุด เช่นพวกมนุษย์อสูรหรือลูกครึ่งคนกับอสูรเอาไว้ใช้ทำงานขุดเหมืองหรือใช้แรงงานอย่างอื่น
พวกที่อัปลักษณ์เหล่านี้ ไม่แยกขาย แต่ต้องซื้อเหมายกกรง
กรงหนึ่งมีทาส 100 คน ราคา 500 เหรียญทอง
“มีเอลฟ์ทองขายบ้างไหม?” หลังจากเดินอยู่ 2-3 รอบ เย่ว์หยางมาหยุดอยู่หน้าพ่อค้าอ้วนเผ่ามนุษย์กบที่ประกาศขายสาวลูกครึ่งเอลฟ์ให้เขา
“ฮึ!” พ่อค้าอ้วนเผ่ามนุษย์กบทำปากจิ๊กจั๊กกับเขา “เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเผ่าเอลฟ์ทองนั้นจับได้ยากมาก บางทีเจ้าคงไม่รู้ว่าพวกมันดื้อดึงมากและจะไม่ยอมไปจากป่าที่พวกมันพำนักอยู่ได้ง่ายๆ ดังนั้นการล่าพวกมันจึงเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ ถ้าทำอะไรผิดพลาดไปละก็ เมื่อเอลฟ์ทองคนหนึ่งถูกจับ ชาวบ้านคนอื่นๆ จะไล่ล่าตามฆ่าพวกนักล่า พวกมันจะไม่หยุดจนกว่าพวกเขาจะตาย พวกเอลฟ์ทองมักยกเป็นเรื่องสนทนาหลักที่น่าสนใจสำหรับชนชั้นสูงเสมอ แต่ความต้องการมักจะมากกว่าการจัดหาได้จริงๆ เสมอ ใครบ้างเล่าที่ไม่ต้องการเงินมากขนาดนั้น? เพียงแต่การจับพวกมันให้ได้นั้นเป็นเรื่องยากเย็นจริงๆ ข้าเป็นพ่อค้ามาเกินกว่าร้อยปีแล้ว และข้ามีส่วนร่วมในการค้าพวกมันเพียงสองครั้ง ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้ทำ ข้าได้ลักพาตัวเอลฟ์ทองอายุเยาว์คนหนึ่ง แต่ข้ากลับถูกโจมตีโดยเอลฟ์ทองคนหนึ่งซึ่งมีอายุหลายพันปี ข้าเกือบตายจากการต่อสู้ไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงได้แต่ปล่อยสินค้ามีค่านั้นให้หลุดมือไป… เด็กน้อย ราคาของมันเบาะๆ ก็มากกว่า 50,000 เหรียญทอง ถ้ามันโตขึ้นอาจมีคนยอมจ่ายมากกว่า 100,000 เหรียญทองเพื่อซื้อมัน”
“จริงเหรอ?” เย่ว์หยางย้อนถาม ขณะที่เขาเตรียมตัวแยกจากมา
“เดี๋ยวก่อน แม้ว่าข้าจะไม่มีเอลฟ์ทอง แต่ข้าก็ยังมีสาวสวยจากเผ่าพันธุ์อื่นอยู่อีก ทั้งยังบริสุทธิ์อีกด้วย เจ้าต้องการดูสินค้าบางอย่างของข้าสักหน่อยไหมเล่า? ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะต้องพบสินค้าที่ทำให้เจ้าพอใจแน่ หอการค้ากบทองของเราเป็นสมาคมที่ใหญ่ที่สุดในหอทงเทียนชั้นที่หก ครองอันดับที่ 95 จากหนึ่งหมื่นหอการค้า ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงเคยได้ยินชื่อของเรา” เจ้ากบอ้วนไล่ตาม กลัวว่าเย่ว์หยางจะวิ่งหนี สำหรับเขาที่สามารถถามถึงเอลฟ์ทอง เขาคงต้องรวยแน่?
ยิ่งกว่านั้น เขายังสวมใส่หน้ากากทอง อยู่ในชุดเกราะหนังมังกรบิน นี่คือของที่นักผจญภัยทั่วไปไม่อาจมีครอบครอง
เย่ว์หยางไม่ได้สนใจซื้อทาส ทั้งไม่ได้สนใจทำอะไรให้ยุ่งยากเกินไป หรือผดุงความยุติธรรมและปล่อยทาสที่นี่ทั้งหมด นั่นเป็นงานของนักเดินทางต่างมิติคนต่อไป สำหรับเขาแล้วไม่มีเวลาทำเรื่องเช่นนั้น
ทาสเหล่านี้ เชื่องเชื่อเคยชินแล้ว พวกเขาสูญเสียความสามารถในการอยู่รอดเป็นอิสระ
ถ้าพวกเขาถูกปลดปล่อยเป็นอิสระ พวกเขาอาจจะอดตาย โดยไม่ได้รับการจุนเจือจากเจ้านาย
อันที่จริง เย่ว์หยางตั้งใจจะเข้าไปในป้อมสายฟ้าอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น เขาคงไม่ยอมคุยกับพ่อค้าอ้วนเผ่ามนุษย์กบแน่
“ข้าต้องการเข้าป้อมสายฟ้าเพื่อรับของบางอย่าง ถ้าเจ้ามีความสามารถเข้าไปในนั้น อย่างนั้นว่าราคามา” น้ำเสียงของเย่ว์หยางฟังดูคล้ายกับพวกฆาตกรต่อเนื่องที่ต้องการมาลี้ภัยกับฉงนี่
“อะแฮ่ม… ไม่ใช่ว่าข้าสงสัยพลังของเจ้า แต่การเข้าป้อมสายฟ้าจะเป็นเรื่องเล็ก… ถ้าเจ้าไม่มีผู้รับรอง ก็จะกลายเป็นเรื่องยากมากๆ… ข้าก็พอใจเจ้านะ และต้องการช่วยเจ้า แต่ว่า…” พ่อค้าอ้วนเผ่ามนุษย์กบลังเลเล็กน้อย เพราะถ้าเย่ว์หยางถูกจับ ก็อาจเชื่อมโยงถึงเขาได้ แต่ก็คงไม่เป็นไร หากเย่ว์หยางแค่ต้องการซื้อแร่สายฟ้าต้องห้ามจากป้อมสายฟ้า แต่ถ้าเขากลายเป็นสายลับจากสมาคมนักรบ พ่อค้าอ้วนเผ่ามนุษย์กบเกรงว่าจะพลอยลำบากไปด้วย
“1000 เหรียญทอง” เย่ว์หยางเสนอราคา
“อะไรนะ… เจ้าว่าไงนะ? 1000 ข้าก็อยากจะช่วย แต่มือไม้ไม่มีแรง ข้า…” พ่อค้ากบอ้วนกลืนน้ำลาย เขาต้องการหาเงิน แต่กลัวว่าเขาจะตายก่อนได้ใช้เงิน
“2000 เหรียญทอง” เหมือนกับปีศาจร้าย เย่ว์หยางยังคงล่อใจพ่อค้าด้วยเงิน
“ข้าทำไม่ได้จริงๆ…” พ่อค้าอ้วนเผ่ามนุษย์กบตัดสินใจว่า ถ้าเย่ว์หยางเพิ่มอีก 100 เหรียญทองก็จะยอมตกลง
“ถ้าเจ้าทำไม่ได้ งั้นก็ไม่เป็นไร” เย่ว์หยางหันกายหมายจากไป
“เฮ้, เดี๋ยวก่อน” พ่อค้าอ้วนเผ่ามนุษย์กบเกือบจะตบหน้าตัวเอง ทำไมเขาถึงได้โง่นัก? เขาสามารถทำกำไรจากการขายสาวสวยลูกครึ่งเอลฟ์แค่ 200 เหรียญทอง แต่ตอนนี้เขาสามารถทำเงินได้ 2000 เหรียญทองโดยไม่ต้องลงทุนใดๆ แล้วเขาจะปฏิเสธง่ายๆ ได้อย่างไร? เจ้าโง่ เจ้ามัวแต่จ้างโกเล็มเป็นผู้คุ้มกันมานานจนสมองของเจ้ากลายเป็นหินไปหมดด้วยเหมือนกัน พ่อค้าอ้วนเผ่ามนุษย์กบนึกด่าตนเอง
เมื่อได้เวลาที่เหมาะสม เจ้ากบอ้วนพาเย่ว์หยางผ่านเข้าไปที่วงเวทเทเลพอร์ตที่มีการคุ้มกันแน่นหนาและมุ่งหน้าเข้าป้อมสายฟ้า
ป้อมสายฟ้าอยู่ในมิติที่เป็นอิสระ และกินพื้นที่มิได้กว้างขวางนัก มีขนาดใหญ่กว่าเมืองไป๋ฉือในต้าเซี่ยห้าเท่า เย่ว์หยางคาดว่าน่าจะเล็กกว่าเกาะฮ่องกง ป้อมสายฟ้าจะถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาไฟและมีลาวาจากภูเขาไฟพอกพูนสะสมเหมือนกับทะเลสาบขนาดใหญ่ ในตอนกลางทะเลสาบลาวา มีเกาะยักษ์รูปกรวยด้านบนกว้าง ด้านล่างสอบแคบ เหมือนกับลูกข่างที่วางไว้บนทะเลสาบลาวาเดือด
นี่คือป้อมสายฟ้า
แน่นอนว่า มีเพียงวังของฉงนี่ตั้งอยู่ที่ด้านบน นักล่ามังกรทั่วไป, โจรและพวกเหล่าร้ายอื่นได้แต่อยู่ในถ้ำ
สำหรับพ่อค้าและทาส พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ใต้ดิน
ใต้พื้นดินราว 2-3 กิโลเมตร มีเมืองใต้พิภพสร้างจากเหมืองและหลุม ขณะที่สภาพแวดล้อมทั่วไปเทียบไม่ได้กับพื้นข้างบน เป็นเรื่องดีที่พวกเขาขยายพื้นที่ไปได้ไม่สิ้นสุด เมื่อพวกกุลีขุดเหมืองทุกๆ ปี พวกเขาจะเพิ่มหลุมแห่งใหม่ขึ้น
“นี่คือ?” ที่ทางเข้าเมืองใต้ดิน แม้จะติดสินบนแล้ว พวกหัวหน้ายามก็ยังถามสถานะของเย่ว์หยางด้วยความสงสัย
“หลานของข้า! หน้าของเขาเสียโฉมระหว่างการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงต้องสวมหน้ากากเอาไว้ ข้าพาเขามาที่นี่เพื่อให้ได้เปิดหูเปิดตา เขาจะไม่ก่อเรื่องยุ่งยากที่นี่แน่นอน ขณะที่เราทุกคนจะปฏิบัติตามกฎหมายการค้า” พ่อค้าอ้วนเผ่ามนุษย์กบขณะที่จ่ายค่าผ่านทาง 20 เหรียญทองเพิ่มให้หัวหน้าทหารยาม หัวหน้ายามขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดว่าเจ้ากบนี่มีหลานเป็นมนุษย์ด้วย แต่พวกพ่อค้าจะก่อเรื่องอะไรได้เล่า? เขาคาดว่าพ่อค้าพาเย่ว์หยางมาซื้อแร่สายฟ้าต้องห้ามจากตลาดมืดมากกว่า
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หอการค้ากบทองจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด” หัวหน้ายามเตือน
“ได้, ได้แน่นอน” เจ้ากบอ้วนพยักหน้าและโค้งคำนับแต่เพียงผิวเผิน แต่เขาลอบคิดว่า ทันทีที่เราเข้าไป ใครจะรู้ว่าข้านำเขาเข้าไป? ยิ่งกว่านั้น ยังมีคนอื่นอีกหลายคนที่ลอบเข้ามา พวกเขาจะมาเอาเรื่องพวกเราทั้งหมดได้อย่างไรกัน?
“ถอดหน้ากากและให้ข้าดูหน้าเจ้าด้วย” หัวหน้ายามต้องการให้เย่ว์หยางเข้าไป แต่พอเห็นหน้ากากทองบนหน้าของเย่ว์หยางแล้วเกิดความโลภ
“พวกที่กล้าแตะต้องหน้ากากข้าจะกลายเป็นคนตาบอด” เย่ว์หยางพูด ขณะที่เขาจ่อมีดเงินทำลายตาที่เปลือกตาของหัวหน้ายาม “เจ้ายังยืนยันต้องการดูหน้าข้าเดี๋ยวนี้หรือเปล่า?” เย่ว์หยางกล่าวเย็นชา
“…..” ปากของพ่อค้ากบอ้ากว้างค้างจนเขาแทบจะกลืนอสูรโคโดได้ทั้งตัว
*********