===============
รัศมีแสงสว่างวาบ
มุกจอมคนเปล่งแสงออกมาจนตาพร่าด้วยพลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยาง ภาพจักรพรรดิฉายอยู่ในท้องฟ้าครอบคลุมตัวเย่ว์หยาง
ภาพจักรพรรดิในอากาศจะเคลื่อนไหวตามความเคลื่อนไหวของเย่วหยางขณะที่เขาเคลื่อนไหวมือ
เย่ว์หยางยื่นมือออกไปคว้าดาบและภาพจักรพรรดิยักษ์ก็ยื่นมือออกมาช่วยเย่ว์หยางดึงดาบพร้อมกัน
ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในหม้อยักษ์สั่นสะเทือนเบาๆ
แม้ว่าจะเป็นมุกจอมคนเทียม แต่ดูเหมือนจะส่งผลได้จริงๆ เย่ว์หยางลอบดีใจ และขณะเดียวกัน เขามีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอีกมาก
“ออกมาเดี๋ยวนี้!” เย่ว์หยางใช้พลังเต็มที่ตวาดลั่นขณะที่เขาดึงดาบเทพจักรพรรดิอวี้ออกมาจากหม้อยักษ์ได้รวดเดียว จากนั้นเย่ว์หยางชูดาบขึ้นในอากาศ และในทันใดนั้น ไม่มีมุมมองใดในโลกนี้ที่จะงามสง่ากว่าเย่ว์หยาง ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในมือเย่ว์หยางปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าซึ่งถูกผนึกไว้และระเบิดออกมาทันที แรงปราณอัดกระแทกที่ทรงพลังระเบิดกระจายออกโดยรอบกระแทกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นต้องถอยออกไปหลายก้าว
พลังของเทพศัสตรารวมกับเย่ว์หยาง
ในฐานะที่เป็นสมบัติมีความฉลาด เทพศัสตราเลือกเจ้านายของมัน แม้ว่าเย่ว์หยางจะใช้อุบายหน้าด้านจนได้มันมา แต่ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ก็ยังยอมรับเขาเป็นเจ้านายคนใหม่
อย่างไรก็ตาม ขณะที่สาวๆ เตรียมส่งเสียงเชียร์เย่ว์หยาง เย่ว์หยางกระแทกดาบลงกับพื้นอย่างรุนแรง
เป็นไปได้ว่านี่เป็นดาบปลอมหรือ?
ผู้เฒ่าเต่ามังกรตกใจ เห็นได้ชัดว่านี่คือดาบเทพของจักรพรรดิอวี้แน่นอน
อย่างนั้นทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงกระแทกดาบลงกับพื้นเล่า? เต่ามังกรเฒ่าสับสนไปหมด เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเย่ว์หยางเล่นตลกอะไรอยู่ เนื่องจากดาบเทพจักรพรรดิอวี้เลือกเขาเป็นเจ้าของแล้ว เขาก็ควรพอใจไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆ เขาถึงได้โยนดาบทิ้งเล่า?
อย่างไรก็ตาม ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ไม่ได้กระแทกลงกับพื้น แต่กลับลอยขึ้นไปในท้องฟ้าเอง
ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งปรากฏอยู่ในท้องฟ้า เป็นร่างของบุรุษตัวสูงใหญ่ในชุดเกราะรบคลุมร่างทั้งตัว เขาดูกร้าวแกร่ง กล้าหาญและทรงพลัง คิ้วหนา ตาโตและมีเคราออกไปทางโทนสีฟ้า หนวดสั้นของเขาไม่ได้สร้างความรู้สึกที่เป็นลบ กลับทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ทรงภูมิวปัญญา ความสงบนิ่งของเขาให้ความรู้สึกที่น่าประทับใจเหมือนกับว่าเขาได้ผ่านความยากลำบากมานานัปประการบวกกับความโดดเดี่ยวเดียวดายผสมผสานลงตัวกัน สายตาที่จ้องมองลึกซึ้งของเขาทำให้คนอื่นต้องถอนหายใจละอายใจกับความด้อยของตนเองโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้เพราะนัยน์ของเขาสว่างสุกใสและลึกล้ำดุจมหาสมุทร เย่ว์หยางและคนอื่นๆ ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าประสบการณ์แบบไหนทำให้เขาได้สะสมภูมิปัญญาและแก่นสำคัญของชีวิตดังกล่าว
“จักรพรรดิอวี้? ฝ่าบาท! เป็นพระองค์จริงๆ…” ผู้เฒ่าเต่ามังกรน้ำตาไหลพรากทันที เขาไม่สามารถกล้ำกลืนความทุกข์ทนต่อไปได้เมื่อเห็นบุรุษผู้นี้
เขาพลัดพรากจากกันมาหกพันปี ก่อนที่เขาจะได้พบเจ้านายของเขาอีกครั้ง
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวสำนึกและปณิธานดาบของจักรพรรดิอวี้ที่ยังเหลืออยู่ก็ตาม แต่เต่ามังกรชราก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ตื้นตันไม่สามารถยับยั้งตนเองได้ หกพันปีที่ปรารถนาทำให้น้ำตาเขาไหลพรากราวกับทำนบเขื่อนพังทลายมิอาจจะยับยั้งได้
เย่ว์หยางตะลึงจนพูดไม่ออก ท่านผู้นี้คือจักรพรรดิอวี้อย่างนั้นหรือ?
เขาตัวสูงใหญ่เกินไปหน่อยไม่ใช่หรือ?
เขาดูไม่เหมือนมนุษย์ธรรดาเลย อาจเป็นได้ว่ามนุษย์เมื่อหกพันปีที่แล้วจะสูงใหญ่อย่างนี้กันทุกคนกระมัง? ร่างของจักรพรรดิอวี้ที่อยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางดูไม่เหมือนว่าเป็นแบบขยายขนาดจากธรรมดา แต่ดูแล้วว่านี่เป็นขนาดเท่าตัวจริง อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิอวี้สูงเกินสองเมตรครึ่ง เขาสูงกว่าเย่ว์หยางมาก เย่ว์หยางมองดูเหมือนเด็กไปเลยเมื่อไปยืนข้างๆ ร่างจักรพรรดิอวี้
ดูๆ ไป เขาคล้ายเป็นร่างจำลองของเหยาหมิง (นักบาสเก็ตบอลคนดังของจีน) ในอีกโลกหนึ่ง
มิน่าเล่าดาบเทพของจักรพรรดิอวี้ถึงได้ใหญ่โตนัก ถ้าเป็นดาบขนาดปกติในรุ่นนี้ ก็จะเป็นเหมือนดาบสั้นของจักรพรรดิอวี้ นั่นไม่ค่อยเหมาะจริงๆ
“ลูกหลานของข้า, แม้ว่าข้าจะไม่มีทางรู้ว่าเจ้าเป็นใคร เนื่องจากเจ้าสามารถปลุกสำนึกของข้าที่ผนึกเอาไว้ในดาบนี้ด้วยเลือดของเจ้า นั่นพิสูจน์ได้ว่าเจ้าคือลูกหลานของข้าโดยมิต้องสงสัย อย่ากลัว สิ่งที่เจ้าเห็นในตอนนี้ นี่เป็นเพียงจิตสำนึกที่ข้าผนึกไว้เมื่อหกพันปีมาแล้ว แต่ก่อนที่ข้าจะหายไป ข้าต้องการมอบของขวัญให้กับเจ้า” ร่างของจักรพรรดิอวี้เริ่มพูด แม้ว่าไม่มีเสียงดังออกมา แต่ข้อความของเขาถูกถ่ายทอดเข้าไปในจิตของทุกคนโดยตรงผ่านกระแสคลื่น ทุกคนที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ก็ได้ยินเสียงของจักรพรรดิอวี้ได้ชัดเจน
“อา… เจ้าคือลูกหลานของจักรพรรดิอวี้หรือ?” เต่ามังกรชราตกตะลึงมองดูเย่ว์หยาง
“ท่านน่ะ แก่เลอะเลือนแล้วมั้ง?” เย่ว์หยางพูดไม่ออก เขาเป็นคนที่มาจากโลกอื่น เขาไม่มีทางที่จะมีเลือดของจักรพรรดิอวี้แม้แต่หยดเดียว เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะเป็นลูกหลานของพระองค์
“บางทีลูกหลานที่จักรพรรดิอวี้พูดถึงน่าจะเป็นเชี่ยนเชี่ยน!” เสวี่ยอู๋เสียมีปฏิริยาไวที่สุด นางเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกระอักโลหิตใส่ดาบศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นเหตุให้นางบาดเจ็บจากการใช้พลังหักโหมในก่อนหน้านั้น แม้แต่เลือดที่กระเซ็นลงบนดาบในตอนนี้เล่า ก็หายไปไม่เหลือร่องรอยแล้ว เห็นได้ชัดว่าเลือดถูกดาบศักดิ์สิทธิ์ดูดกลืนไปแล้ว จากเหตุนี้ ก็มีทางสรุปได้แน่นอนว่าเลือดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ปลุกจิตสำนึกของจักรพรรดิอวี้ที่ถูกผนึกไว้ในดาบให้ตื่นขึ้น
“เป็นไปไม่ได้!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตกตะลึงเมื่อนางได้ยินเสวี่ยอู๋เสีย ก็เทพศัสตรานี้เพิ่งจะต่อต้านนางมาหยกๆ นี่เอง แล้วเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะกลายเป็นลูกหลานของจักรพรรดิอวี้?
“นี่ จริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกสับสนวุ่นวาย ไม่สามารถจะทำความเข้าใจสถานการณ์ที่ถูกเปิดเผยอยู่ต่อหน้านาง
ร่างของจักรพรรดิอวี้ค่อยๆ เลื่อนมือของเขาเข้ามาใกล้ ขณะที่มวลพลังมหาศาลเริ่มมารวมตัวกันอยู่ในฝ่ามือของเขา
ความคิดของเขาถูกส่งไปในจิตใจของคนที่เหลือ “ลูกหลานของข้า, แม้ว่าความแข็งแกร่งปัจจุบันของเจ้าจะยังไม่เพียงพอกวัดแกว่งควงดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้ จงอย่ายอมแพ้ ข้าจะให้ความช่วยเหลือเจ้าสักเล็กน้อย ข้าหวังว่าเจ้าจะรักและหวงแหนเทพศัสตรานี้ให้ดี และอย่าทำให้ข้าผิดหวังที่ส่งต่อมอบดาบนี้ให้กับเจ้า…”
ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงอยู่ในสภาพตกตะลึงและรู้สึกเหลือเชื่อ จักรพรรดิอวี้รวมพลังของเขาเข้ากับพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์
ในที่สุด สำนึกที่เหลืออยู่ของจักรพรรดิอวี้ดูเหมือนจะหายไป ขณะที่มวลพลังทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นรูปบอลแสงลอยตรงเข้าหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
พยัคฆ์ขาวแผดเสียงคำรามจนสั่นสะท้านไปทั้งวิหารเทพของจักรพรรดิอวี้
พยัคฆ์ขาวที่เป็นอสูรพิทักษ์ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปรากฏตัวทันทีและเริ่มวิวัฒนาการเป็นอสูรขนาดยักษ์มีความยาวตั้งแต่ศีรษะจรดหางหลายเมตร มันอ้าปากและกลืนบอลแสงที่เต็มไปด้วยพลังงานและกลืนลงไปทันที
จากนั้นอสูรก็เปลี่ยนเป็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าในระดับที่สูงก่อนที่มันจะกลับเข้ามาหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอีกครั้ง
หลังจากกลืนพลังงานจากสำนึกจิตวิญญาณและเทพศัสตราแล้ว ร่างของพยัคฆ์ขาวเปล่งแสงทองเจิดจ้า… องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยายามยับยั้งตัวไว้และไม่ยินดีจะยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ไม่สามารถจะต้านทานมวลพลังมหาศาลที่พยัคฆ์เขาวกินเข้าไปได้อีกต่อไป นางตวาดลั่นขณะที่ทั้งร่างนางพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าและลอยคว้างอยู่ในอากาศสูงสิบเมตร
คัมภีร์อัญเชิญของนางปรากฏขึ้นเองตามธรรมชาติและลำแสงสีทองหุ้มร่างนางไว้ทั้งหมดและฉายขึ้นไปในท้องฟ้าสูงเกือบร้อยเมตร ลำแสงทองดูเหมือนจะเชื่อมฟ้าและดินเข้าด้วยกัน
อักษรรูนโบราณและอักษรรูนสวรรค์จำนวนมากจัดเรียงตัวกันเป็นรูปแบบอักษรรูนที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ออกไป จนเป็นรูปพยัคฆ์ดุร้ายขนาดมหึมาในที่สุด
อีกด้านหนึ่ง ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ลอยเข้าหาลำแสงเองโดยอัตโนมัติ อาบลำแสงพร้อมกับอักษรรูนรูปพยัคฆ์และคัมภีร์อัญเชิญขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใดก่อนที่ปรากฏการณ์ยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่น่าตกใจนี้จะจบลงในที่สุด แสงทองเจิดจ้าค่อยๆ กระจายหายไป
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งจะได้เลื่อนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดกำลังถือดาบเทพจักรพรรดิอวี้ที่ยังเปล่งแสงทองเจิดจ้าอยู่
นางฟันลงครั้งหนึ่ง
ประกายแรงฟันของดาบวาบขึ้นครั้งเดียวก็หายไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม เกิดรอยแยกขนาดใหญ่จากภายในพื้นที่ผนึกเข้าสู่โถงวิหารที่สองอย่างเงียบเชียบ เหมือนกับว่ามิติถูกผ่าออก
“….” อย่าว่าแต่คนอื่นๆ เลย แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่คาดคิดเลยว่าแรงฟันของนางจะทรงพลังมากขนาดนั้น
“ขอบคุณเทพเจ้า, กลับกลายเป็นว่าเจ้าเป็นลูกหลานของจักรพรรดิอวี้!” ผู้เฒ่าเต่ามังกรทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะในขณะเดียวกัน เรื่ององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้ได้รับการยอมรับและเทพศัสตราที่เป็นมรดกตกทอดจากจิตสำนึกของจักรพรรดิอวี้โดยเฉพาะ เขาไม่มีข้อสงสัยหรือปริปากพูดเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเชื่อว่าลูกหลานของจักรพรรดิอวี้ตายหมดสิ้นแล้ว เขาไม่เคยคิดว่าสาวน้อยผู้กล้าหาญและงดงามผู้นี้จะเป็นหนึ่งในลูกหลานของจักรพรรดิอวี้ที่หลบลี้หนีออกมาได้
เย่ว์หยางพูดไม่ออก
แม้ว่าเขาจะใช้มุกจอมคนช่วยในการโกง เขาหลอกดาบเทพของจักรพรรดิอวี้จนมันยอมรับเขาว่าเป็นเจ้านายมันจนได้
เดิมทีเขาสามารถใช้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้ อย่างไรก็ตาม เพราะการรบกวนของจิตสำนึกที่ยังคงอยู่ของจักรพรรดิอวี้ เขาอนุญาตให้ลูกหลานเขาเท่านั้นมีสิทธิ์จับควงดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้ เย่ว์หยางเหลือแต่มือเปล่าๆ จักรพรรดิอวี้อาจจะทำอย่างนี้ด้วยความปรารถนาดี บางทีเขาคงไม่เคยคิดว่าคนที่ดึงดาบออกมาได้อาจไม่ใช่ลูกหลานเขาก็ได้ แต่เป็นเด็กที่มาจากโลกอื่นที่ใช้วิธีโกงด้วยมุกจอมคน
ดังนั้น ทันทีที่สำนึกของเขาเข้ามาช่วย เย่ว์หยางจึงต้องพบกับความผิดหวัง
ดาบเทพจักรพรรดิอวี้เพิ่งจะยอมรับเขาเป็นเจ้านายของมัน แต่เย่ว์หยางกลับไม่สามารถใช้มันได้
คนเดียวที่ใช้มันได้ก็คือลูกหลานของจักรพรรดิอวี้ ก็อาจจะยังไม่ชอบธรรมโดยสมบูรณ์นัก แต่ลูกหลานที่จักรพรรดิอวี้ยอมรับเอง ก็คือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
โชคดีที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้ได้รับสืบทอดดาบเทพจักรพรรดิอวี้ ถ้าเป็นคนอื่นแทน เย่ว์หยางคงรู้สึกหดหู่จนอยากผูกคอตายเป็นแน่ ขณะที่เดียวกัน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ยังคงรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าดาบเทพจักรพรรดิอวี้จะอนุโลมตามปณิธานของจักรพรรดิอวี้ก็ตาม แต่มันปฏิเสธนางเพราะนางเป็นสตรี ไม่ใช่จักรพรรดิ ดังนั้นการร่วมมือกันของพวกเขาจึงอาจทำได้ไม่เต็มที่ หลังจากได้รับเทพศัสตรา ไม่เพียงแต่นางไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่เท่านั้น แต่นางยังคงได้ชื่อว่าเป็นลูกหลานของจักรพรรดิอวี้อีกด้วย
เป็นไปได้หรือว่าบรรพบุรุษของนางแท้ที่จริงแล้วก็คือจักรพรรดิอวี้?
นางไม่กล้าทูลถามเรื่องนี้กับพระบิดาของนาง เป็นเรื่องไม่ถูกต้องหากจะตั้งสมมติฐานกันเอาเอง
ถ้าเย่ว์หยางได้รับดาบเทพของจักรพรรดิอวี้แทน พลังของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นมากแน่นอน เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นได้หลังจากเขายอมสูญเสียมุกจอมคนทำสัญญากับเทพศัสตราได้สำเร็จ แต่เขาก็ไม่อาจใช้งานมันได้ในท้ายที่สุด
“ช่างเถอะ เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปตามที่เราต้องการทั้งหมด” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นเหมือนไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย แต่ความจริงในใจเขาอิจฉาเล็กน้อย ทั้งหมดเป็นความผิดของจักรพรรดิอวี้ที่เจ้ากี้เจ้าการไว้ตั้งแต่แรก
“ข้าคิดว่าเจ้าดูเท่ห์กว่าเมื่อใช้ดาบฮุยจินต่อสู้นะ.. ดาบเทพของจักรพรรดิอวี้ก็ดูเหมือนท่อนเหล็ก น่าเกลียดจะตาย ยังเทียบไม่ได้กับดาบจันทร์เสี้ยวของเจ้าด้วยซ้ำ!” เจ้าเมืองโล่วฮัวรีบปลอบใจเขา ทางด้านหนึ่ง เย่ว์หวี่พี่สาวรองของเขาแอบหัวเราะ นางรู้ว่าน้องชายผู้ล้ำค่าของนางเป็นดาวนำโชค นอกจากความจริงที่ว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ในช่วงเวลาเก่าก่อนนั้น ตั้งแต่เขาบุกเข้าปราสาทตระกูลเย่ว์กับน้องสาวและแม่สี่แล้ว เย่ว์หวี่ไม่เคยเห็นเขาพลาดท่าจนถึงกับอมทุกข์มาก่อน ใครจะคาดว่าจิตสำนึกที่เหลืออยู่ของจักรพรรดิอวี้จะทำกับเย่ว์หยางได้ถึงเพียงนี้
“บางทีอาจเป็นเรื่องดีก็ได้!” เสวี่ยอู๋เสียคิดว่านี่คือการอวยพรจำแลง
“อือ, อือ!” เสี่ยวเหวินหลีที่ว่าง่ายก็ยังพยักหน้าเห็นด้วย
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รู้ว่าจะปลอบเย่ว์หยางอย่างไร ในที่สุดนางเปลี่ยนพฤติกรรมห่างเหินที่นางแสดงกับเขาตามปกติและเข้าไปกอดเขาเหมือนกับว่าเป็นการตอบแทนเขา ตอนนี้ มีคนล้อมรอบอยู่มาก มิฉะนั้นนางคงปลอบเขามากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม นอกจากสาวๆ แล้วยังมีผู้เฒ่าเต่ามังกรที่เป็นคนนอก นางไม่สามารถละทิ้งเกียรติของนางได้
เนื่องจากเขาไม่ได้รับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ เย่ว์หยางจึงให้ความสนใจที่หม้อยักษ์แทน
หม้อยักษ์ชนิดนี้ เย่ว์หยางเคยเห็นมาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง เขาเคยเห็นมันที่วิหารแกะแห่งวิหารสิบสองนักษัตร หม้อยักษ์ที่เก็บกักสิ่งของเอาไว้
ตอนนั้น เย่ว์หยางต้องโยนเหรียญทองหลายเหรียญเข้าไปในหม้อ แล้วจึงได้รับของมีค่าต่างๆ มากมายรวมทั้งลายแทงสมบัติในหุบเขามรณะด้วย
เป็นไปได้ไหมว่าหม้อยักษ์ยังมีของดีๆ อยู่?
เย่ว์หยางล้วงเหรียญทองออกมา 2-3 เหรียญเตรียมโยนลงไปในหม้อยักษ์ ผู้เฒ่าเต่ามังกรพูดไม่ออกเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาเกือบจะตายเพราะไม่มีอะไรจะพูด
หม้อยักษ์ในวิหารแกะสามารถเก็บกักสิ่งของมีค่าไว้แลกเปลี่ยนกับเหรียญทอง แน่นอนว่าผู้เฒ่าเต่ามังกรรู้เรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เขาสามารถยืนยันได้ว่าหม้อยักษ์นี้และหม้อยักษ์นั้นทั้งสองแตกต่างกัน แม้ว่าหม้อหนึ่งโยนเงินลงไปในหม้อแล้ว อาจจะไม่สามารถแลกเปลี่ยนอะไรออกมาก็ได้ เพราะเป็นหม้อสำหรับไว้ผนึก
แสงสว่างพร่างพรายพุ่งออกมาจากภายในหม้อยักษ์
โดยไม่รอปฏิกิริยาตอบโต้จากคนอื่น บอลแสงนับจำนวนไม่ถ้วนลอยออกมาจากหม้อยักษ์ลูกแล้วลูกเล่า เหมือนกับว่าพวกมันเป็นปลาที่หลุดออกมาจากบ่อปลาที่แตกทำลายกระทันหัน
นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
***************** ขอบคุณที่แฟนคลับกังวลห่วงใยนะครับ ยังคงแปลต่อไปครับ แค่ขยับขยายไปสร้างบล็อคเว็บที่มีแนวเดียวกันเท่านั้นครับ แต่ที่นี่ยังโพส ยังแปลต่อไปเรื่อยๆ ครับ