ตอนที่ 366 เดิมพันคัมภีร์แพลตตินัมห้าเล่ม
แม้ว่าเย่ว์หยางจะพูดเช่นนั้น แต่ในใจของจั๊ดด์กลับคิดไปอีกอย่าง
ในโลกนี้ ไม่มีทางที่นักสู้จะยอมเป็นสหายกับคนอ่อนแอ!
นั่นเป็นแนวคิดเหมือนกับที่เขาไม่คิดจะเป็นเพื่อนพ้องกับคนรับใช้หรือคนคุ้มกันเขา เพราะความสัมพันธ์ระหว่างคนอ่อนแอกับนักสู้มักจะเป็นแบบนายและบ่าวเสมอ เมื่อบุรุษหนุ่มผู้นี้พูดกับเขาเช่นนั้น เขาคิดว่าไม่ใช่เป็นเพราะเย่ว์หยางต้องการเป็นสหายกับเขา เขาแค่ต้องการพ่อค้าหรือผู้จัดการคอยช่วยเหลือเขา แน่นอน เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ไม่ชอบความแตกต่างของสถานะเช่นนี้ เขาจึงยินยอมพร้อมใจทันที
ถ้าเจ้าไตตันผู้นี้ แข็งแกร่งพออย่างแท้จริง ก็นับว่าเป็นความคิดที่ดีสำหรับเขาที่จะเปลี่ยนคนที่เขาควรพึ่งพาอาศัย
เขาไม่สนใจว่าจะต้องรับใช้ผู้ใด ตราบใดที่เขาพึ่งพาได้และมีความแข็งแกร่งพอจะหนุนหลังเขาได้
แม้ว่าหอการค้ากบทองจะจัดว่าเป็นหอการค้าใหญ่เป็นลำดับที่ 95 ก็ตาม แต่ในเผ่าพันธุ์มนุษย์กบทอง จั๊ดด์เป็นคนไม่มีอะไร สถานะของเขายังไม่สูงนัก
ถ้าเขาสามารถติดตามมนุษย์นามว่าไตตันผู้นี้ซึ่งมีพลังไม่ธรรมดาได้จริงๆ และยังช่วยเขาดูแลจัดการสิ่งต่างๆ ได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องแย่แน่นอน… ปัญหาเดียวก็คือ ถ้าไตตันผู้นี้สามารถเอาชนะในการต่อสู้หัวหน้าผู้คุ้มกันทั้งสามได้
พลังของนักสู้ชาวมนุษย์ผู้นี้แข็งแกร่งเหมือนดังที่เขาอ้างไว้จริงๆ หรือเปล่า?
“ถ้าเขาพลิกกลับมาชนะได้…” เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ตัดสินใจ เขาเองก็เป็นพ่อค้าที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว และเขาก็เชี่ยวชาญในการเก็งกำไรเสียด้วย
“ไปกันเถอะ!” เย่ว์หยางไม่ได้สนใจว่าเจ้ากบอ้วนจั๊ดด์กำลังคิดอะไรอยู่
ในหอทงเทียนชั้นที่หก ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินการได้ง่ายกว่าทวีปมังกรทะยานหรือในเมืองจีนมาก ที่นี่ไม่นับอาวุโสหรือลำดับความสัมพันธ์แบบมนุษย์ ที่นี่ตัดสินกันด้วยกำลัง ต้องมีพลังเท่านั้นถึงจะทำตามความพอใจได้
สรุปก็คือ มีอำนาจก็กำหนดทุกสิ่งอย่างได้ ไม่มีอำนาจ คนเราก็ไม่มีอะไร
สำหรับเย่ว์หยาง หอทงเทียนชั้นหกทำให้เขาเป็นเหมือนปลาที่อยู่ในน้ำ
เมื่อตอนที่เขาอยู่ในทวีปมังกรทะยาน ยังคงมีผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, จุนอู๋โหย่วและคนที่เหลือซึ่งอาวุโสสูงกว่าเย่ว์หยาง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้จำกัดการดำเนินชีวิตของเขา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เยาว์กับผู้อาวุโส, กษัตริย์กับอาณาประชาราษฎร์ยังปรากฏให้เห็นชัดเจนมาก แม้ว่าจะไม่เข้มข้นนัก แต่ก็ยังคงมีอยู่ ภายใต้สถานการณ์เดียวกัน เมื่อเย่ว์หยางมาถึงหอทงเทียนชั้นที่หก ไม่ว่านักสู้ชาวทวีปมังกรทะยานที่นี่จะมีกี่คนก็ตาม ตราบใดที่พลังของพวกเขาอ่อนแอกว่าเย่ว์หยาง พวกเขาก็ต้องแสดงความเคารพนับถือเย่ว์หยาง พวกเขาไม่สามารถยกอ้างความเป็นผู้อาวุโสกับเขาได้ บรรทัดฐานในการใช้ชีวิตของมนุษย์ทั่วไป ใช้กับที่นี่ไม่ได้
เย่ว์หยางครอบครองพลังอำนาจ ดังนั้นเขาจึงมีความมั่นใจมาก
ไม่ว่าแอนตันผู้นั้นจะเป็นใครที่มาจากทวีปฉีหลาน เย่ว์หยางไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย ในป้อมสายฟ้าแห่งนี้ มีอยู่เพียงคนเดียวที่คู่ควรให้เขาต้องระมัดระวัง นั่นก็คือนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ฉงนี่
ฉงนี่ไม่ได้แค่ครอบครองพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 เท่านั้น เขายังมีความเจ้าเล่ห์มากอีกด้วย
ในฐานะนักสู้ผู้หนึ่งที่ฆ่าได้อย่างไร้น้ำใจและยังมีความสามารถเข้าร่วมในพันธมิตรปราณก่อกำเนิด ภูมิปัญญาของเขาพอจะเทียบได้กับหวงซาที่เป็นนักสู้ในระดับเดียวกันได้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เย่ว์หยาง, เสี่ยวเหวินหลี, เสวี่ยอู๋เสียและสาวๆ อื่นผนึกพลังร่วมกันฆ่าหวงซา โดยใช้น้ำซึ่งเป็นจุดอ่อนเล่นงานเขา ที่โถงวิหารที่สองของวังเทพจักรพรรดิอวี้ พวกเขาถึงได้เอาชนะหวงซามาได้ ชัยชนะเช่นนั้นไม่อาจยืนยันถึงความแข็งแกร่งของเย่ว์หยางได้ อาจพูดได้ว่าหวงซาผู้มีพลังปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ตายภายใต้เงื้อมมือเย่ว์หยางโดยไม่ยุติธรรมนัก ถ้าเย่ว์หยางสู้กับหวงซาอย่างยุติธรรมเสมอภาคกัน ก็ยังไม่แน่ชัดว่าเขาจะสามารถเอาชนะหวงซาได้หรือไม่
เทียบฉงนี่กับหวงซาแล้ว แม้ว่าพลังของพวกเขาจะพอๆ กัน ถ้าเย่ว์หยางสู้กับฉงนี่ เขาไม่สามารถใช้วิธีเหมือนที่เคยทำได้ โดยเฉพาะวิธีรุมสู้เหมือนที่เขาเคยใช้กับหวงซา
หมิงรี่ฮ่าวและแองเจิ้ลได้บอกจุดอ่อนของหวงซาทุกอย่างแก่เขาไว้ก่อน
ในทางตรงกันข้าม ไม่มีผู้ใดรู้จักจุดอ่อนของฉงนี่ผู้นี้
ข้อมูลที่เย่ว์หยางรู้ก็คือ เจ้าผู้นี้ผิดใจกับจักรพรรดินีราตรีจนตกเป็นเป้าหมายไล่ล่าของนาง อย่างไรก็ตามเขาหลบหนีอย่างชาญฉลาดและได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ทันทีที่เขาหลบหนีได้ เขารีบขอให้ผู้เฒ่าหนานกงช่วยทันที
เขาใช้ดาวตกเก้าดวงเพื่อขออภัยจากจักรพรรดินีราตรีและขอสงบศึกต่อกัน
พอฟังเกี่ยวกับการกระทำของฉงนี่แล้ว เย่ว์หยางสามารถจินตนาการได้ว่าเขาอดทนและฉลาดเป็นกรดขนาดไหน
จักรพรรดินีราตรี ไม่มีระดับที่สูงในหอทงเทียนชั้นหก คนมากมายคิดว่านางเป็นหนึ่งในสมาชิกพันธมิตรปราณก่อกำเนิด มีแต่พวกที่อยู่ในหอทงเทียนชั้นเก้าถึงจะรู้จักความสามารถของนางว่าแค่เป็นรองจื่อจุน บรรดานักสู้เป็นล้านในหอทงเทียน นางเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรก นางอาจมีคุณสมบัติเป็นหนึ่งในห้าสุดยอดด้วยซ้ำ นางเซียนหงส์ฟ้าผู้มีสมญาว่า มารกฎฟ้า แม้นางจะมีความถือดีมาก แต่นางไม่เคยดูหมิ่นจักรพรรดินีราตรีเมื่อพวกเขาพูดถึงนาง
แน่นอนว่า ยังมีคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ซ่อนพลังที่แท้จริงไว้ไม่เปิดเผยทั่วไป จักรพรรดินีราตรีไม่ใช่แค่เพียงคนเดียว
หนึ่งในนั้นก็เช่น มารสัมฤทธิ์ฟ้า ผู้อาศัยอยู่ในวังมาร เขาทลายจองจำ นางเซียนหงส์ฟ้าที่กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ไปแล้ว เคยบอกเย่ว์หยางไว้ก่อนว่า สภาพนางในปัจจุบันยังมิอาจเทียบได้กับมารสัมฤทธิ์ฟ้าได้
พลังของมารสัมฤทธิ์ฟ้าแค่ไล่ตามจื่อจุนเท่านั้น พลังของเขายังเหนือกว่าสามจอมมารฟ้าผู้ปกครองวังมารในเขาทลายจองจำมานานเป็นพันปี
พลังของซุ่นเทียนและประมุขนิกายพันปีศาจก็เห็นชัดอยู่แล้ว
แม้ว่าพวกเขาพยายามจะปกปิดเอาไว้ ทว่าพวกเขาไม่อาจซ่อนไว้ได้มาก
จักรพรรดินีราตรีและมารสัมฤทธิ์ฟ้านั้นต่างกัน ทั้งสองคนนี้ซ่อนพลังที่แท้จริงของตนเองไว้อย่างมิดชิด ไม่มีผู้ใดรู้พลังที่แท้จริงของพวกเขาและพวกเขาฝึกไปถึงระดับใดกันแน่
ตอนนี้ ยังเร็วเกินไปสำหรับเย่ว์หยางที่ไล่ตามให้ทันจื่อจุนและจักรพรรดินีราตรีหรือสู้กับมารสัมฤทธิ์ฟ้า นั่นเป็นเพียงเป้าหมายระยะยาวของเย่ว์หยาง แม้ว่าเขาจะท้าทายซุ่นเทียน, ประมุขนิกายพันปีศาจ, บารุธ, ฮาซินและคนอื่นๆ แต่ก็ยังเร็วเกินไปสำหรับเขา อย่างไรก็ตาม ฉงนี่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 ผู้นี้ตกเป็นเป้าหมายให้เย่ว์หยางเลือกไว้เป็นหินหยั่งเท้าสำหรับความก้าวหน้า
เขายังไม่มีควมสามารถเอาชนะนักสู้ที่แข็งแกร่งมากๆ ได้ ดังนั้นเขาจึงหาคู่ต่อสู้ที่คู่ควรมาฝึกฝนเสียก่อน
นี่คือแผนการฝึกในปัจจุบันของเย่ว์หยาง
เกี่ยวกับเรื่องฆ่าสัตว์ประหลาดเพื่อเพิ่มระดับ คงไม่มีใครฆ่าหัวหน้าตัวสุดท้ายได้ตั้งแต่เริ่มแรก นั่นไม่ใช่การฆ่าสัตว์อสูรเพื่อยกระดับ นั่นเป็นแค่การฆ่าตัวตาย
เหมือนอย่างในเกมไดโบล (เกม RPG ชื่อดัง) ไม่มีผู้ใดสู้กับจอมปีศาจไดโบลได้ตั้งแต่แรก ผู้ฝึกใหม่จะต้องเข้าถ้ำเพื่อหาภูตผีระดับแรกมาสู้สะสมประสบการณ์ก่อน อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางซึ่งมีพลังมหาศาลแต่แรกไม่สนใจหัวหน้าปีศาจตัวเล็กตัวน้อยที่พ่นไฟได้ อย่างน้อยที่สุดเขาจะพยายามเอาชนะแอนเดเรียลให้ได้ (ปีศาจระดับสูงในเกมไดโบล) ขณะที่เขาเดินออกไปยังเวทีต่อสู้ เย่ว์หยางยังคงฝันกลางวันอยู่
คนนับไม่ถ้วนกำลังชี้มาที่เด็กใหม่อย่างเย่ว์หยาง พวกเขารู้สึกว่าเย่ว์หยางต้องการตายจริงๆ ถึงได้ท้าทายเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดถึงสามคนมาต่อสู้
นักพนันจำนวนหนึ่งตะโกนลั่นมาทางเขา สาปแช่งเย่ว์หยางให้ตายเร็วๆ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้ชนะเงินเดิมพัน
มีคนอยู่ 2-3 คนที่เพิ่งเห็นเย่ว์หยางฆ่านักดาบคุมถิ่นตายทันที พวกเขารีบฉุดดึงสหายและพยายามเตือนพวกเขา ให้หลีกเลี่ยงกระตุ้นโทสะเย่ว์หยาง การกระตุ้นโทสะนักสู้ย่อมไม่ใช่ความคิดที่ดี
“เด็กน้อย, กลับสู่อ้อมอกมารดาได้แล้ว ไปกินนมมารดาเถอะไป!”
“ทำไมเจ้าถึงมีหุ่นก๋องแก๋งอย่างนั้น? หลีเอ้อและพวกจะต้องเอาชนะเจ้าได้แน่นอน!”
“จะร้องไห้ก็ร้องเสียแต่ตอนนี้เลย ต่อไปเจ้าจะร้องไห้ไม่ได้แล้ว เจ้าเห็นสีหน้ามันไหม? ข้าเพิ่งเห็นมันตัวสั่นเชียว น่าเบื่อชะมัด!”
“ใครต้องการซื้อเนื้อของเขาบ้าง? ข้าจองไว้แล้ว บอกท่านแอนตันว่าเนื้อของเขาเป็นของข้า ใครต้องการกินเนื้อมนุษย์ เร่เข้ามาจองตรงนี้ ข้าจะแถมเหล้าองุ่นแช่เย็นให้ฟรีๆ ถ้าเจ้าซื้อเนื้อสามส่วน! เครื่องในน่ะเหรอ? เจ้าว่าไงนะ? เจ้าคิดว่าหลังจากหลีเอ้อกับพวกจัดการยำเจ้าเด็กนี่แล้ว เขายังจะมีเครื่องในเหลืออยู่อีกหรือ? ข้ากล้าพูดได้เลยว่าหลี่เอ้อจะดึงไส้ของมันออกมา จากนั้นก็มัดคอมันเปลี่ยนเจ้านั่นให้เป็นว่าว”
คนจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวเข้ามาและซุบซิบพร้อมกัน มีบางกลุ่มบางคนแอบใช้กำลังทำร้ายเย่ว์หยาง
คนพวกนี้เป็นผีพนันซึ่งพนันว่าเย่ว์หยางจะแพ้
เย่ว์หยางหมุนตัวพร้อมกับดาบจันทร์เสี้ยวในมือ และฟันใส่ผีพนันทุกคนที่ต้องการลอบทำร้ายเขา คนพวกนั้นซึ่งต้องการถ่มน้ำลายใส่เขาด้วยปากสกปรก.. มาตอนนี้บนพื้นปรากฏมีแขน, ริมฝีปาก, ลิ้นและหูที่ขาดตกหล่นอยู่
จากนั้นก็เป็นเสียงร้องโหยหวนต่อเนื่อง ผู้คนที่กำลังสาปแช่งตกอยู่ในความโกลาหลทันที
คนนับไม่ถ้วนเริ่มหนีห่างด้วยความหวาดหวั่น เจ้าพวกนั้นค่อยๆ ก้าวไปอยู่ด้านข้างคนอื่น
ไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าต่อต้านผู้ชม มีเพียงเย่ว์หยาง เด็กใหม่ที่เพิ่งมาถึงป้อมสายฟ้าเพียงชั่วโมงเดียว กล้าใช้ใบมีดที่คมในมือของเขาสร้างกฎใหม่ของเขา! มักจะมีผู้คนในโลกนี้เกิดมาเพื่อบิดเบือนกฎ เช่น เย่ว์หยาง
ไม่มีผู้ใดกล้าสาปแช่งเย่ว์หยางอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ด้านหลังของเขาในจุดที่เย่ว์หยางไม่ได้ยินพวกเขา พวกเขายังคงแอบแช่งชักหักกระดูกต่อไป
เกือบทุกคนพนันว่าเย่ว์หยางแพ้
เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ คิดเรื่องการต่อสู้อยู่ชั่วขณะและในที่สุด ก็วางเดิมพัน 10000 เหรียญทองว่าเย่ว์หยางจะชนะ
นี่ไม่ใช่เงินจากหอการค้า เป็นเงินหนึ่งในสิบส่วนที่เขาเก็บมาทั้งชีวิต
จั๊ดด์ไม่ใช่พวกผีพนัน แต่เขาเป็นคนฉลาด เป็นนักธุรกิจเก็งกำไร ถ้าเย่ว์หยางพ่ายแพ้ เขาคงประสบความสูญเสียครั้งใหญ่แน่นอน แต่เขาคงไม่ถึงกับล้มละลาย เขายังมีโอกาสเริ่มใหม่อีกครั้ง ถ้าหากว่าเย่ว์หยางชนะขึ้นมา อย่างนั้นเขาก็ยังจะได้รับโชคลาภอีกเล็กน้อย โอกาสเช่นนี้ มิใช่ว่าจะมีมาทุกครั้ง จั๊ดด์คิดว่าเขาต้องคว้าโอกาสเช่นนี้ไว้ มิฉะนั้นเขาคงเป็นได้แค่เพียงพ่อค้าเล็กๆ ในหอการค้ากบทองตลอดไป
“เจ้าวางเดิมพันไว้มากแค่ไหน?” ก่อนที่เย่ว์หยางจะขึ้นเวทีต่อสู้ จู่ๆ เขาก็ถามจั๊ดด์
“ไม่มาก, แค่ก, แค่ก ข้าไม่ได้นำเงินมามากนัก” จั๊ดด์สะดุ้งด้วยความตกใจและรีบอธิบาย “ไตตัน! ข้าเชื่อมั่นเจ้า ข้าพนันว่าเจ้าจะชนะ!”
“เราจะได้รับการชดเชยด้วยสิ่งที่ดีเหมือนกัน ถ้าเราวางเดิมพันด้วยสินค้าที่มีอยู่จริง? ใช่ไหม? เย่ว์หยางถาม
“เจ้าต้องการวางเดิมพันด้วยเช่นกันหรือ?” จั๊ดด์งุนงง ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกนักสู้ในเวทีจะถูกห้ามมิให้วางเดิมพัน เพราะทุกคนกลัวว่าพวกเขาจะล้มผลการต่อสู้ แน่นอนว่าไม่มีใครทำตามกฎเหล่านี้จริงๆ ตราบใดที่พวกเขามิได้พนันว่าตนเองจะแพ้ ไม่มีใครสนใจว่านักรบบนเวทีจะเสนอเดิมพันสูงสุด สนามต่อสู้ของทาสมักยอมรับเสมอ เดิมพันสูงสุดที่นี่ก็คือ 100,000 เหรียญทอง นอกจากคนที่มีอิทธิพลมาก ไม่มีผู้ใดวางเดิมพันมากขนาดนั้น ขอทานยาจกบางพวกที่ต้องการวางเดิมพัน แต่ไม่มีเงินมากก็ยังยอมจำนำสิ่งของดีๆ ของตนมาวางเดิมพันก็มี เพียงแต่ว่าราคาจำนำสิ่งของนั้นจะถูกกว่าราคาปกติครึ่งหนึ่ง
“ช่วยข้าจำนำของเหล่านี้ที” เย่ว์หยางดึงกระสอบใหญ่ออกมาจากแหวนลิชของเขา
“อา..ก็ได้” เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์คิดว่าคงเป็นทองแท่งหรือแร่พิเศษอย่างอื่น เพื่อที่ว่าเมื่อเขาชนะเขาจะได้รับการชดเชยเป็นแร่สายฟ้าจากแอนตันเจ้าอ้วนก้นโตก็เป็นได้
คาดไม่ถึงว่า เมื่อเขาเปิดกระสอบดู ถึงกับตะลึงสิ้นเชิง
เจ้าหน้าที่รับจำนำผู้เตรียมจะตะโกนตามปกติว่า “ของจำนำห้าชิ้น มูลค่าจะลดลงครึ่งหนึ่งเนื่องจากคุณภาพที่แย่” ถึงกับอึ้งตะลึงอยู่กับที่ เขาไม่สามารถพูดอะไรได้แม้แต่คำเดียว
นี่เป็นเพราะสิ่งที่เย่ว์หยางต้องการจำนำก็คือคัมภีร์อัญเชิญระดับแพลตตินัมห้าเล่มที่มีลวดลายแตกต่างกัน ถ้าเขาจำนำของเหล่านี้และถ้าเขาชนะการต่อสู้ พวกเขาจะจ่ายเดิมพันให้ยังไง? เงิน? ไม่มีผู้ใดรู้ว่าคัมภีร์แพลตตินัมมีราคาเท่าไหร่ ของเหล่านี้คือสมบัติล้ำค่า!
เจ้าหน้าที่รับจำนำรีบดำเนินการอย่างรวดเร็ว ก่อนอื่นเขาห่อคัมภีร์แพลตตินัมทั้งห้าเล่มและโยนไปกองที่สินค้าจำนำเหมือนกับเป็นหัวกะหล่ำปลี เขาเขียนตั๋วจำนำด้วยลายมือที่ชัดเจน “คัมภีร์แพลตตินัมโทรมๆ ห้าเล่ม ในฐานะประกันเงินเดิมพันทั้งหมดจะถูกจำนำหนึ่งวัน สินค้าจะไม่มีการคืน หากว่าพ่ายแพ้พนัน สินค้าจะได้รับการส่งคืน หากว่าชนะพนัน คิดราคาเพียงครึ่งเดียวจากราคาตลอด แม้เมื่อเจ้ากบอ้วนจั๊ดด์และพนักงานรับจำนำยังคงอยู่ในสภาพตกใจ แต่การจำนำก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์ จากนั้นเขายัดตั๋วจำนำให้จั๊ดด์และตะโกนออกมาทางหน้าต่างว่า “ต่อไป”
ในที่สุดเสียงตะโกนนี้ปลุกเจ้าหน้าที่รับจำนำอีกคนให้ตื่นจากภวังค์
เขาอยากจะคว้าตั๋วจำนำในมือของจั๊ดด์ แต่จั๊ดด์เผ่นแน่บออกไปอย่างรวดเร็วไม่เปิดโอกาสเขาเปลี่ยนใจ
เจ้าหน้าที่รับจำนำคว้าคอเสื้อเจ้าหน้าที่ออกตั๋วจำนำผู้มีสีหน้าแข็งกระด้างดุจหิน เขาตะโกนลั่นว่า “อะไรของเจ้า, เจ้าตาบอดหรือ? เจ้าเห็นไหมว่านั่นคืออะไร? เจ้ายังกล้ารับมันไว้ ถ้าเจ้าอ้วนจั๊ดด์ชนะพนันขึ้นมาจริงๆ เราจะจ่ายเงินพนันให้เขาได้อย่างไร? เดิมพัน 1 ต่อ 10 นะเจ้าโง่ ถ้าเจ้าไตตันชนะขึ้นมาจริงๆ เราต้องชดใช้ด้วยคัมภีร์แพลตตินัมถึงห้าสิบเล่ม! ต่อให้หักราคาไปครึ่งหนึ่ง เราก็ต้องชดเชยคัมภีร์แพลตตินัมให้เขายี่สิบห้าเล่มอยู่ดี เจ้าจะไปหาคัมภีร์แพลตตินัมยี่สิบห้าเล่มที่ไหนในโลกนี้มาให้เขา?”
เจ้าหน้าที่ออกตั๋วจำนำตกตะลึงไปหมด “อะไรนะ คัมภีร์อัญเชิญแพลตตินัมเหรอ?”
เลือดขึ้นหน้าของผู้จัดการรับจำนำเนื่องจากโกรธจัดขณะที่ตะโกนใส่อย่างสิ้นหวัง
“ก็มันแค่หนังสือเก่าๆ ห้าเล่มเองไม่ใช่หรือ?” เพียงแค่นั้นเจ้าหน้าที่ออกตั๋วจำนำถึงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาดูบันทึกในสมุดบันทึกของเขา “คัมภีร์แพลตตินัมทรุดโทรมห้าเล่ม…… คัมภีร์แพลตตินัม? พระเจ้าช่วย, เจ้างั่งที่ไหนกันถึงทำเช่นนี้ได้? เจ้าผู้นั้นบ้าไปแล้ว เขาใช้คัมภีร์แพลตตินัมวางเป็นเดิมพัน!”
“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันถูกจำนำเสร็จสิ้นแล้ว เราจะชดเชยให้ได้อย่างไร?” เจ้าหน้าที่รับจำนำรู้สึกเหมือนท้องฟ้าจะถล่มใส่เขาเสียให้ได้
“ฟังข้านะ หั่วจี้, ข้าไม่ทันได้รู้ตัวเลย เพราะคิดว่าเป็นแค่หนังสือเก่าห้าเล่ม โธ่เอ๊ย, ก็ขอทานพวกนั้นมักใช้หนังสือเก่าๆ โทรมๆ มาวางเดิมพันเสมอ ข้าก็เคยรับหนังสือเก่ามามากแล้ว แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่านั่นเป็นคัมภีร์แพลตตินั่ม ถ้าข้ารู้ว่าหนังสือห้าเล่มนั้นเป็นคัมภีร์แพลตตินัม ข้าคงไม่ยอมรับมัน ต่อให้จับหัวข้าโขกกับประตูก็ตาม…” พนักงานออกตั๋วจำนำรู้สึกว่า ความเฉื่อยชาในการทำงานของเขานำเรื่องเดือดร้อนใหญ่เข้ามาหาเขา
“โธ่เว้ย, นั่นไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญที่สุดก็คือเรายอมรับของเดิมพันไปแล้ว ถ้าเจ้าเด็กไตตันนั่นชนะขึ้นมาจริงๆ จั๊ดด์จะมาทวงถามคัมภีร์แพลตตินัมจากเรา ท่านแอนตันจะต้องทุบตีพวกเราจนตายกันหมดและบางทีอาจเอาเนื้อเราเสียบไม้ปิ้งก็ได้ ข้ากล้าพูดได้เลยว่าเราต้องพบจุดจบเหมือนกันแน่นอน” เจ้าหน้าที่โรงจำนำเหงื่อตกราวกับเม็ดกระสุน เขาสั่นไปทั้งตัว
“ข้าว่านะ, หั่วจี้ เรื่องอาจไม่เลวร้ายขนาดนั้นก็ได้… เจ้าเห็นเดิมพันของจั๊ดด์ไหม? เขาวางเดิมพันข้างไตตัน เจ้าเด็กนั่นจะสู้กับเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดถึงสามคน หลีเอ้อและคนอื่นจะไม่แพ้แน่นอน เราจะชนะพนันครั้งนี้จนได้ นี่ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย เราจะชนะเดิมพันครั้งนี้จนได้ และเจ้าจั๊ดด์จะต้องร้องไห้คร่ำครวญแน่นอน เขาควรเป็นฝ่ายร้องไห้” พนักงานออกตั๋วจำนำยังคงเหงื่อตกอยู่ดี
“เจ้ากำลังบอกว่า เราน่าจะชนะเดิมพันคัมภีร์แพลตตินัมครั้งนี้หรือ? ท่านแอนตันก็จะไม่โกรธเรา แต่จะให้รางวัลแทนใช่ไหม?” เจ้าหน้าที่โรงจำนำยังคงรู้สึกถึงแสงความหวังเล็กน้อยในท่ามกลางฟ้ามืดมิด
“ก็อาจจะ.. ไม่สิ ของมันแน่อยู่แล้ว” เจ้าหน้าที่ออกตั๋วจำนำปลอบสหายของเขาและตนเองในขณะเดียวกัน
ทั้งสองคนไม่สนใจนักพนันข้างนอกที่ต้องการวางเดิมพันของเขาอีกต่อไป
เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนตั้งใจรอคอยฟังข่าว หวังว่าจะได้ยินข่าวดีว่าเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งสามคนเอาชนะเจ้าเด็กใหม่ไตตันได้
พร้อมกับเสียงเชียร์ฮึกเหิม ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นเงียบทันที ความเงียบเช่นนี้ทำให้พนักงานทั้งสองขนลุกชูชันทันที ไม่ดีเลย ถ้าหัวหน้าองครักษ์ทั้งสามชนะ ทุกคนจะต้องส่งเสียงเชียร์ยินดี เป็นไปได้ว่าเจ้าเด็กใหม่ไตตันชนะหรือ? แต่นั่นก็แปลกเช่นกัน เจ้าเด็กใหม่ไตตันจะเอาชนะเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดถึงสามคนได้อย่างไร?
คนทั้งสองไม่สนอะไรอีกต่อไปและวิ่งออกไป พอพักหอบหายใจ พวกเขาเดินไปที่มุมสนามต่อสู้และโผล่หัวออกมาจากฝูงคน
เมื่อพวกเขาได้เห็น ทั้งสองคนตะลึงค้างทันที เหมือนกับถูกสาปให้เป็นหิน
ในสนามต่อสู้ หัวหน้าองครักษ์ทั้งสามคนล้มนอนกับพื้น ยังไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว หนึ่งในพวกเขากลัวจัดจนสั่นไม่หยุด
ซากศพที่ถูกตัดขาดของสัตว์อสูรกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น ขณะที่ตั๊กแตนมัจจุราช อสูรแพลตตินัม ใช้แขนเคียวเกี่ยวสัตว์อสูรสองตัวไว้ ตัวหนึ่งเป็นตะกวดสายฟ้าและมันตายแล้ว ขณะที่อีกตัวคือจ้าวมังกรด่างพิษยังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตาม ส่วนหัวของมันกำลังถูกตั๊กแตนมัจจุราชกัดกินอยู่ แม้แต่คนตาบอดก็รู้ว่าใครคือผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
นัยน์ตาของเจ้าหน้าที่ออกตั๋วจำนำและเจ้าหน้าที่รับจำนำเหลือกค้างขณะที่พวกเขาเป็นลม
แอนตันเจ้าอ้วนก้นใหญ่กำลังนั่งอยู่บนวอปูพรมมองดูด้วยความทุกข์เสียใจ เหมือนกับแม่ม่ายที่เพิ่งสูญเสียบุตรชายของตนเอง
จั๊ดด์รู้สึกอยากหัวเราะเมื่อเห็นแอนตัน เจ้าผู้นั้นยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรตามมา ถ้าเขารู้ว่าเขาต้องจ่ายเป็นคัมภีร์แพลตตินัมถึงยี่สิบห้าเล่มให้เย่ว์หยาง สีหน้าของเขาคงจะน่าดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น…
***********