ตอนที่ 374 ฮุยไท่หลาง อสูรในตำนาน
หมายความว่ายังไง เมื่อสัตว์อสูรทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้?
พวกมันจะกลายเป็นอสูรในตำนาน
ความแตกต่างของอสูรในตำนานและอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็คือ อสูรในตำนานครอบครองคัมภีร์อัญเชิญ แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่มี
สำหรับนักสู้ทั่วไปที่บรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิด จะฝึกปรือด้วยตนเองในช่วงแรก จากนั้นพวกเขาจะอาศัยอสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาเพื่อให้ฝีมือพัฒนาในส่วนที่พวกเขาต้องฝึกร่วมกัน การฝึกร่วมกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะทำให้พวกเขาบรรลุกขอบเขตปราณก่อกำเนิดได้ช้า เมื่อเทียบกับอสูรในตำนานของพวกเขา กระบวนการยกระดับจะเป็นไปช้ามาก บางส่วนอาจยกระดับผ่านการฝึกหนัก แต่คนแบบนั้นหาได้ยาก คนที่สามารถยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้โดยไม่ต้องอาศัยอสูรของพวกเขานับว่าหาได้ยากในหมู่นักสู้ปราณก่อกำเนิด ขณะที่ในนักสู้ปราณก่อกำเนิดร้อยคนยังแทบหาคนเช่นนี้ไม่เจอ
ด้วยความช่วยเหลือของอสูรศักดิ์สิทธิ์ อาจมีความเป็นไปได้ที่นักสู้จะยกระดับขึ้นเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้
แต่ถ้าเป็นอสูรในตำนาน…จะเกิดอะไรขึ้น?
ไม่มีผู้ใดรู้คำตอบ
เพราะนอกจากจื้อจุน นักสู้ปราณก่อกำเนิดอื่นๆ ไม่มีอสูรในตำนานเป็นของตนเอง
อย่างน้อยก็ไม่มีบันทึกไว้ในพันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิดเลย
นักรบทั้งหมดเชื่อกันว่า ถ้าพวกเขาเป็นเจ้าของอสูรในตำนาน อาจเป็นได้ว่าพวกเขาจะอยู่ในระดับเดียวกับจื้อจุน
แม้แต่กลุ่มที่ทรงพลังอย่างซุ่นเทียนและประมุขนิกายพันปีศาจก็ยังไม่เว้น
พวกเขารู้สึกว่าความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างจื้อจุนกับพวกเขาก็คือ การได้ครอบครองอสูรในตำนาน
วันนี้ เย่ว์หยางบอกพวกคนระดับสูงชั้นผู้นำในทวีปมังกรทะยานว่า เขาต้องการให้สัตว์อสูรของเขาทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ ซึ่งความหมายที่เขาพูดก็คือ เขากำลังจะฝึกอสูรในตำนานต่อหน้าทุกคน! หากพวกเขาไม่ได้ยินและไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง พวกเขาคงไม่เชื่อว่าเป็นความจริง.. หรือถ้าเป็นคนอื่นนอกจากเย่ว์หยางที่พูดอย่างนี้ ต่อให้เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งก็ตาม พวกเขาต้องคิดว่าคนผู้นั้นเสียสติ! การทำให้สัตว์อสูรทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญและกลายเป็นอสูรในตำนาน จะมีทางเป็นไปได้หรือ?
ใครๆ ก็คงจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้
มีคนพยายามทำทุกวิถีทางมาเป็นพันปีแล้ว แต่ไร้ผล
มีเพียงคนเดียวที่เป็นเจ้าของอสูรในตำนาน ก็คือจื้อจุน… ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางใช้วิธีใดจึงฝึกอสูรในตำนานขึ้นมาได้ แน่นอนว่า นางคงจะไม่บอกใคร สาเหตุที่ผู้คนรู้ว่าจื้อจุนเป็นเจ้าของอสูรในตำนานก็เนื่องมาจากการรุกรานของปีศาจจากแดนอเวจีในอดีต
ย้อนกลับไปตอนนั้นจื้อจุนยังมิได้เป็นหนึ่งในโลกหล้าเหมือนอย่างปัจจุบันนี้ และนางก็ยังไม่มีชื่อเสียงนัก
จ้าวปีศาจผู้ทรงพลังร่วมกันรุกรานทวีปมังกรทะยาน และทำลายสนธิสัญญาพันธมิตรปราณก่อกำเนิด
ทวีปมังกรทะยานทั้งหมดต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทำลายล้าง ก่อนการรุกรานครั้งนี้ทวีปอ้าวเจียและทวีปกู่ฟงที่มีประชากรหนาแน่นได้ถูกแดนปีศาจบุกทำลายล้าง ทวีปมังกรทะยานที่มีกำลังอ่อนแอกว่าหมิ่นเหม่ต่อการถูกทำลายได้ นักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างซุ่นเทียน, ประมุขนิกายพันปีศาจ, ฉงนี่, องค์ชายเงาดำและอันซีมิได้พยายามหยุดยั้งจ้าวปีศาจ และดูเหมือนจะมีทีท่าสนับสนุนด้วยซ้ำ
ในพันธมิตรปราณก่อกำเนิด มีแต่เพียงผู้เฒ่าหนานกงที่พยายามหยุดยั้งพวกปีศาจ และยังต่อสู้ป้องกันการรุกรานของจ้าวปีศาจร่วมกับนักรบจากทวีปมังกรทะยาน
การรบยังอันตรายมากกว่าสงครามเมื่อ 3 พันปีที่แล้วเสียอีก
ถ้านักรบปราณก่อกำเนิดสู้แพ้ ทวีปมังกรทะยานทั้งหมดจะล่มสลายและมนุษย์จะตกเป็นทาสของปีศาจหรืออาจกลายเป็นอาหารของพวกมัน
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ยังไม่ทันได้เกิดขึ้น เพราะการปรากฏตัวของจื้อจุน… นางเรียกอสูรในตำนานของนางออกมาและสังหารจ้าวปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดไปสองตน สิ่งที่ทำให้นักสู้ทั้งหมดตื่นตะลึงก็คืออสูรในตำนานตนหนึ่งที่ปรากฏตัวในหมอกควัน เล่าลือกันว่ามันมีพลังที่ยิ่งใหญ่ จู่ๆได้ปรากฏตัวต่อสายตาสาธารณชน ถึงกับทำให้มนุษย์นักรบและกองทัพปีศาจสั่นเทิ้มด้วยความกลัว
ตั้งแต่นั้นมา นามจื้อจุนผู้ยิ่งใหญ่ก็อุบัติขึ้นในโลก
นางแข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบ และนางได้จัดทำสนธิสัญญาพันธมิตรปราณก่อกำเนิดอีกครั้ง จนถึงทุกวันนี้ นักสู้ปราณก่อกำเนิดจะต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญานั้น
ต่อให้มีการสู้กัน พวกเขาก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎ มิฉะนั้นจื้อจุนจะฆ่าคนที่ละเมิดกฎด้วยตนเอง แต่สิ่งที่ทำให้นักสู้ปราณก่อกำเนิดต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอกก็คือ จื้อจุนไม่ได้สนใจดูแลใครๆ และไม่ได้จำกัดการฝึกของคนอื่นๆ นางสนใจแต่เรื่องสำรวจหอทงเทียนชั้นบนๆ และค้นหาแดนสวรรค์ในตำนาน
แม้ว่าจะเป็นเวลานานมาแล้ว นักสู้เหล่านั้นก็ยังกริ่งเกรงอสูรในตำนานนั้น
อสูรในตำนานเป็นสิ่งมีชีวิตในอีกระดับหนึ่ง
พลังของมันไม่อาจคาดคิดได้
“ข้าขอแนะนำหมาเฝ้าบ้านของข้าให้ทุกท่านได้รู้จัก ฮุยไท่หลาง ก็อย่างที่พวกท่านได้เห็น พลังของมันจำกัดจำเขี่ยมาก ขณะที่มันเป็นแค่อสูรชั้นทองแดงระดับ 3” ตอนที่เย่ว์หยางกำลังพูด ฮุยไท่หลางพยักหน้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและมันใช้ภาษาของมันทักทายทุกคนตามมารยาทอันดีงาม “โฮ่ง…. เมี้ยววว”
ไม่มีผู้ใดเข้าใจฮุยไท่หลาง แต่สิ่งที่ทุกคนรู้ก็คือ มันฉลาดแสนรู้
ไม่เพียงแต่แสนรู้เท่านั้น แต่มันยังมีสติปัญญาอีกด้วย
แทนที่จะโผงผาง แต่มันกลับเจ้าเล่ห์
นอกจากไม่รู้วิธีพูดเท่านั้น มันสามารถคิดและวางแผนได้ มันยังรู้วิธีประจบเจ้านายมันด้วย
แม้ว่ามันไม่สามารถเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ได้ เหมือนกับว่ามันมิใช่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม แต่มันยังฉลาดกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ ขณะที่มันรู้วิธีปลอมตัว ความจริงมันเป็นจ้าวหมาป่าปีศาจที่ทรงพลัง สามารถฆ่านักรบธรรมดาได้ หรือแม้กระทั่งนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับต่ำได้ แต่มันตัดสินใจเล่นบทหมาป่าปีศาจหลังเหล็ก อสูรทองแดงระดับ 3 ถ้ามิใช่เพื่อเจ้านายผู้ทรงพลังและผิดธรรมดายิ่งกว่ามัน ผู้คนคงจะห่วงว่าฮุยไท่หลางจะกลายเป็นผู้ทำลายล้างทวีปมังกรทะยาน และนำความวุ่นวายครั้งใหญ่มาให้ เมื่อดูเย่ว์หยางแล้ว ผู้คนเริ่มจะเชื่อว่าฮุยไท่หลางคงจะไม่ก่อเรื่องใหญ่โตโดยไม่มีเหตุผล
แม้ว่าฮุยไท่หลางจะมีพลังมาก แต่มันยังเชื่องเชื่อเมื่อเทียบกับอสูรอื่นที่เย่ว์หยางครอบครอง
ตัวอย่างเช่น นางพญาดอกหนามมงกุฎทองที่มีพัฒนาการมาจากดอกหนามพ่นพิษ, นางพญากระหายเลือดซึ่งเลื่อนระดับมาจากจ้าวอสูรทองเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์, และอีกหนึ่งก็คืออสูรทงเทียน หรือกระทั่งอสูรพิทักษ์ของเขา โคเงาที่วิวัฒนาการมาจากเงาปีศาจ
อสูรที่เย่ว์หยางเป็นเจ้าของไม่ใช่สิ่งคนธรรมดาจะคาดคิดได้
สำหรับตั๊กแตนมัจจุราชที่กินมังกรเป็นอาหาร ก็ยังมิอาจเทียบได้กับฮุยไท่หลางในปัจจุบันนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะหนูเบญจธาตุค้นสมบัติแล้ว ตั๊กแตนมัจจุราช อสูรแพลตตินัม นับเป็นอสูรที่อยู่ในลำดับต่ำที่สุดของเขา
อสูรของเย่ว์หยางทั้งหมดนั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็จริง แต่พวกเขาไม่รู้ความแข็งแกร่งของมัน มีเพียงไม่กี่คน เช่น จุนอู๋โหย่วและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าก็ยังรู้จักปีศาจอสรพิษน้อยผู้ครอบครองคัมภีร์เพชร นักรบธรรมดาจะไม่รู้ ไม่มีใครรู้ว่าเสี่ยวเหวินหลีเป็นเจ้าของคัมภีร์เพชร ถ้าทุกคนรู้คงได้ตกใจจนสิ้นสติเป็นแน่
ขณะที่นักรบในทวีปมังกรทะยานไม่เคยเห็นทักษะของนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง, นางพญากระหายเลือด พวกเขาจัดให้ฮุยไท่หลางเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรของเย่ว์หยาง
พวกเขาคิดว่ามันทรงพลังที่สุดในอสูรของเย่ว์หยาง
นักผจญภัยมีความกระตือรือร้นมากเมื่อพวกเขาคุยกันเรื่องพฤติกรรมของฮุยไท่หลาง
พวกเขารู้ดีถึงสิ่งที่มันทำและกินในชีวิตประจำวัน
พวกสอดรู้สอดเห็นจะไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์เพื่อดูว่าฮุยไท่หลางจะรังแกนักสู้รุ่นเยาว์ระดับชั้นยอดอย่าง เย่คง, เจ้าอ้วนไห่, พี่น้องตระกูลหลี่, เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวยังไงในระหว่างที่พวกเขาฝึก พวกเขาเห็นเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ที่มีพลังสูงส่งต้องพ่ายแพ้เจ็บตัวเพราะฮุยไท่หลาง แม้แต่เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวก็ในทำนองเดียวกัน ถ้าพวกเขาไม่รู้ พวกเขาคงไม่กล้าเชื่อว่า คนที่ดูอิดโรยตามตัวมีแต่บาดแผลจากการฝึกก็คือหนึ่งในสามดาวเพชฌฆาต เสวี่ยทันหลาง บางครั้งพวกเขาก็ได้เห็นเหยียนพั่วจวินและเฟิงชิซามาร่วมฝึกที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ด้วย พวกเขาฝีมือแย่กว่าฮุยไท่หลาง อสูรทองแดงระดับ 3 เหมือนกับว่าพวกเขาดูอ่อนแอเปราะบางยามอยู่ต่อหน้าฮุยไท่หลาง
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แม้แต่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปแล้ว ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของมัน
นี่คืออสูรที่มีเย่ว์หยางเป็นเจ้านายของมัน
เป็นสัตว์อสูรที่ไม่ได้ทำสัญญา แต่ก็ยังมีความภักดี ไม่ได้มีพื้นเพระดับสูง แต่มีพลังต่อสู้ที่สูงส่ง ทั้งไม่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นว่ามันแสนรู้มาก เจ้าฮุยไท่หลางตัวนี้แหละ
ไม่จำเป็นต้องพูด ไม่มีผู้ใดในโลกนี้ ยกเว้นเย่ว์หยางผู้มีพลังมากคงเป็นเจ้าของสัตว์อสูรที่มีพลังมากขนาดนั้น
แต่ถึงกระนั้น จะให้ทุกคนเชื่อว่าฮุยไท่หลางสามารถทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ก็คงยากไปหน่อย
ไม่ว่ามันจะแสนรู้, เจ้าเล่ห์หรือมีพลังมากขนาดไหนก็ตาม มันก็ยังไม่ถึงระดับที่จะทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ มันไม่ได้เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ และยังพูดภาษามนุษย์ไม่ได้ ดังนั้นมันจะทำสัญญากับคัมภีร์ได้อย่างไร? แม้ถ้ามันทำได้ มันจะสามารถเข้าใจถ้อยคำที่เขียนอยู่ในคัมภีร์อัญเชิญได้ไหม?
มันจะรู้วิธีใช้คัมภีร์อัญเชิญได้หรือเปล่า?
เป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะมีแต่เพียงอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีทั้งความฉลาดและสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ ถึงจะมีสิทธิ์ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้
ว่ากันแบบฟันธง ต่อให้อสูรราชันย์ของซุ่นเทียน ก็ยังมิอาจทำสัญญากับคัมภีร์ได้ อย่าว่าแต่หมาเฝ้าบ้านของเย่ว์หยาง จะเป็นไปได้อย่างไร?
“โปรดเป็นสักขีพยานให้ข้า ข้าแค่ลองดู มันอาจจะไม่สำเร็จก็ได้” เย่ว์หยางพูดขณะที่คัมภีร์อัญเชิญสีทองแดงแว่บขึ้นมาอยู่ในมือของเขา
ผู้คนคิดว่าคัมภีร์อัญเชิญระดับสูงที่เคยใช้ทำสัญญามาแล้ว อาจทำให้ได้อสูรพิทักษ์และศักยภาพของมันที่ดีกว่าก็ได้
แต่เย่ว์หยางรู้ว่า เป็นเรื่องตรงกันข้ามแน่นอน
คัมภีร์ระดับสูง จะทำสัญญาได้ยากกว่า นอกจากนี้ เว้นแต่มันจะกลายเป็นคัมภีร์เทพฤทธิ์เหมือนอย่างเย่ว์หยาง คัมภีร์ที่เหลือจะกลับคืนสภาพไปเป็นคัมภีร์ระดับทองแดงทั้งนั้น ดังนั้นใช้คัมภีร์ระดับทองหรือระดับแพลตตินัมถือว่าเป็นการเสียของ
ฮุยไท่หลางวางอุ้งเท้าของมันต่อหน้าทุกคน
หลังจากผ่านไปนาน ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่พวกเขารู้สึกสบายใจมากขึ้น โชคดีที่ฮุยไท่หลางไม่มีพลังมากพอจะเปลี่ยนตนเองเป็นอสูรในตำนานได้ทันที มิฉะนั้นพวกเขาก็คงไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อไป
“ฮุยไท่หลาง เจ้าหมาโง่, เจ้างี่เง่า เจ้าทำให้ข้าเสียพลังเปล่า! ข้ารึอุตส่าห์คาดหวังเจ้า ดังนั้นเจ้าจะใช้พลังให้มากขึ้นได้ไหม?” เย่ว์หยางเดือดดาลพลางระดมหมัดใส่ฮุยไท่หลางจนตัวมันมีบาดแผลไปหมด คนทั่วไปนึกว่าเย่ว์หยางเดือดดาลเสียหน้าจึงระบายความโกรธใส่ฮุยไท่หลาง แต่ฮุยไท่หลางรู้ว่านี่คือรางวัลพิเศษจากเจ้านายของมัน ยิ่งเย่ว์หยางต่อยหนักขึ้น ปราณก่อกำเนิดก็โคจรอยู่ในร่างของมันและทำให้มันรู้สึกสบายตัวยิ่งขึ้น ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงไม่โอกาสโดนซ้อมเหมือนอย่างมัน ต่อให้ต้องการก็ตาม
“โฮ่ง!” ฮุยไท่หลางลอยละลิ่วไปไกลกว่าสิบเมตร แต่มันวิ่งกลับมาอย่างว่าง่าย พร้อมกับพลังที่เต็มเปี่ยม
“ถ้าเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะฆ่าเจ้าและเอาเนื้อเจ้ามาทำเนื้อย่างกินซะ” คำพูดของเย่ว์หยางทำให้ทุกคนแทบหัวทิ่ม
มีเพียงเย่ว์หยางเท่านั้นที่กล้าพูดคำอย่างนี้ ถ้าเป็นคนอื่น อย่าแต่ทำเนื้อสุนัขย่างเลย มีโอกาสว่าพวกเขาจะกลายเป็นเนื้อคนย่างเสียมากกว่า ยิ่งกว่านั้น เย่ว์หยางไม่ได้ทำสัญญากับมันด้วยซ้ำ แต่ก็ยังทุบตีมันไม่ยั้ง ทุกคนต่างสงสารสุนัข แม้ว่าเย่ว์หยางจะมีอสูรที่ทรงพลังมากมาย แต่เขาก็ไม่ควรทารุณรังแกมันอย่างนี้
ทุกคนไม่มีทางเข้าใจว่าทำไมเย่ว์หยางถึงชอบแต่อสูรสาวสวย ทำไมถึงไม่ต้องการทำสัญญากับอสูรที่ทรงพลังอย่างฮุยไท่หลาง
พวกเขาไม่เข้าใจกระทั่งว่าทำไมเย่ว์หยางมักจะทุบตีมันเสมอ
แม้ฮุยไท่หลางอาจจะไม่แข็งแกร่งหรือฉลาดนัก หรือรู้วิธีประจบเจ้านาย แต่เขาก็ไม่ควรทำกับมันอย่างนี้
สำหรับอสูรอื่น ถ้าเจ้านายของพวกมันทอดทิ้งพวกมันเพียงเล็กน้อย ความภักดีของมันจะน้อยลง ถ้าประยุกต์ใช้แนวคิดเดียวกันนี้ คงมีอสูรเป็นล้านๆ ที่หักหลังเย่ว์หยางไปนานแล้ว
ฮุยไท่หลางรู้สึกได้ถึงความเห็นอกเห็นใจของผู้คน แต่ว่ามันกลับรำคาญ
นี่เป็นเครื่องหมายแห่งความรักเมื่อเจ้านายของเราทุบตีเรา พวกเจ้าคิดว่าทำอะไรกันอยู่ที่นี่ ธุระอะไรของพวกเจ้า?
“กินนี่ลงไป ถ้าเจ้าทำไม่ได้ อย่างนั้นข้าอาจทำเนื้อหมาย่างเป็นอาหารมื้อเย็น ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ” เย่ว์หยางพูดพลางขณะยัดลูกกลมลูกหนึ่งใส่ปากของมัน ขณะที่เขาทำอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครเห็นว่ามันคืออะไร แต่ถ้าพวกเขารู้ว่ามันคือแก่นพลังของหวงซา นักรบจากแดนสวรรค์ นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด พวกเขาคงได้กระอักเลือดเป็นแน่
“เมี้ยววว!” ฮุยไท่หลางทำเป็นร้องเสียงแมวขณะที่มันเอาตัวเสียดสีกับเท้าของเย่ว์หยาง
“ไปเลย!” เย่ว์หยางตวาด ขณะที่เขาเตะมันกระเด็นไปร้อยเมตร
“โฮ่ง, โฮ่ง…” ฮุยไท่หลางรู้สึกพอใจมาก ตอนแรกพลังงานจากแก่นพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 8 แทบจะทำให้ร่างของมันระเบิดในพริบตา แต่เย่ว์หยางใช้เท้าเตะยับยั้งพลังงานนั้นไว้ทำให้ฮุยไท่หลางรู้สึกปลอดโปร่ง
ใช้เวลาที่จำกัดข่มพลังงานได้แล้ว ฮุยไท่หลางก็รีบวิ่งกลับมา
มันแปะอุ้งเท้าที่คัมภีร์ทองแดง ขณะที่มันมองดูเย่ว์หยาง ส่งสัญญาณให้เขารู้ว่ามันพร้อมแล้วและกำลังรอคำสั่งของเขา
ทุกคนกลั้นหายใจ ความเงียบกระจายไปทั่วทุกที่ นักสู้ของทวีปมังกรทะยานอย่างจุนอู๋โหย่ว, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, อาจารย์ตาเหยี่ยว, ราชันย์ฟ้าบูรพา, ราชันย์ฟ้าปัจจิม, เฟิงเสี่ยวหวิน, เสวี่ยเวิ่นเต้าและเหยียนเชียนจ้งกำหมัดกันทุกคน, เฟิงขวง, อาจารย์ตาเหยี่ยวและทูตมังกรปี้ปัวโน้มตัวมาข้างหน้ามากจนแทบหัวคะมำ ขณะที่พวกเขามองดูอย่างกระหายในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ทุกคนเห็นว่าเย่ว์หยางจริงจังกับเรื่องนี้แทบตาย ถ้าเขาไม่มั่นใจ เขาคงไม่นำตัวฮุยไท่หลางมาทำสัญญากับคัมภีร์แน่
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาเอาอะไรให้ฮุยไท่หลางกิน
พวกเขาเพียงแต่รู้ว่าพลังงานของฮุยไท่หลางขยายออกมาเป็นหมื่นเท่าทันที
อาจเป็นช่วงเวลาที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่อสูรในตำนานจะเกิดขึ้นต่อหน้าชาวทวีปมังกรทะยานในวินาทีถัดไปก็ได้
เย่ว์หยางใช้เท้าของตนเขี่ยอุ้งเท้าของฮุยไท่หลางให้กดลงบนคัมภีร์อัญเชิญ มองดูผิวเผิน ดูเหมือนเขาจะแกล้งเหยียดหยามมัน แต่ความจริงเขาใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาช่วยฮุยไท่หลาง เหมือนวิธีที่เขาใช้กับหนูน้อยเย่ว์ซวง
มีแต่เพียงคนที่ฉลาดอย่างจุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ถึงจะสังเกตรายละเอียดออก
พวกท่านมองหน้ากันเองและพยักหน้าให้กัน
ก็คงทำได้สำเร็จ
ด้วยความช่วยเหลือของเย่ว์หยาง อัตราการทำสัญญากับคัมภีร์ได้สำเร็จแทบจะเป็นเรื่องแน่นอน
แสงสีทองกระจายออกจากอุ้งเท้าของฮุยไท่หลาง มันไม่ค่อยสว่างนัก ออกไปทางหมองเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม แสงทองค่อยๆ ฉายออกมา และแสงทองหม่นก็สะท้อนใส่ใบหน้าทุกคนโดยรอบ ทำให้พวกเขาเหมือนกับเคลือบไปด้วยน้ำทอง ทำให้พวกเขาดูเหมือนตุ๊กตาทองคำ
แสงทองฉายเป็นลำขึ้นบนท้องฟ้า
ทุกคนเงยหน้ามอง ปากอ้าตาค้าง … พระเจ้า ยังสูงกว่าของหนูน้อยที่เพิ่งทำสัญญาเสร็จเสียอีก เห็นแล้วทำให้พวกนักรบรู้สึกละอายใจ
ลำแสงทองสีหม่นกลับคืนลงมา ทำให้ร่างของฮุยไท่หลางสั่นรุนแรงขณะที่ควันและไฟจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากปากและจมูกของมัน หางของมันกลับกลายเป็นโปร่งแสงเหมือนหมอก จากนั้นก็กลายเป็นสีสันเหมือนโลหะในทันใด.. ก่อนที่คนโดยรอบจะรู้ตัว มันกลายเป็นเหมือนปรอทและดูเหมือนว่ามันจะละลายกลายเป็นกองทรายสีทองภายใต้สายตาที่งุนงงของทุกคน
คัมภีร์อัญเชิญสีทองแดงลดขนาดลงเรื่อยๆ และมีการขึ้นรูปแบบของมันใหม่แตกต่างจากคัมภีร์ทองแดงของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
รัศมีกลมสีอ่อนเรืองรองอยู่รอบคัมภีร์ทองแดง
ขณะที่หน้าของมันพลิกไปอย่างช้าๆ นักรบที่ช่างสังเกตก็ทราบได้ว่า ตอนนี้มีภาพของฮุยไท่หลางอยู่บนคัมภีร์แล้ว แม้แต่คนตาบอดก็รู้ว่าฮุยไท่หลางทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จแล้ว
ช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของทวีปมังกรทะยานเริ่มขึ้นแล้ว
มีนักรบทุกคนเป็นประจักษ์พยาน อสูรในตำนานถือกำเนิดต่อหน้าทุกคนแล้ว
มันคือฮุยไท่หลาง
อสูรที่ไม่ได้ทำสัญญากับเจ้านายของมัน แต่ได้รับการดูแลจากเจ้าของมันโดยบริสุทธิ์ใจ อสูรที่ถูกเจ้านายดุด่าทุบตี แต่มันก็มีความสุขและพึงพอใจ อสูรที่ฉลาดมากกว่ามนุษย์ อสูรที่เหนือกว่ามนุษย์ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จ ยิ่งได้ร่วมมือกับเจ้านายของมัน พวกเขาจะทิ้งความรุ่งโรจน์ไว้ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
แน่นอนว่า ฮุยไท่หลางมันไม่สนใจเรื่องนั้นอยู่แล้ว
หลังจากทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จ มันมีความสุขมากที่มันแปลงร่างให้ยาวขึ้นเหมือนแตงกวาได้และยืนกระดิกหางอยู่บนเวที จากนั้นก็มีปีกงอกออกมาบินขึ้นไปในท้องฟ้าอย่างไร้จุดหมาย ในขณะต่อมาก็มีศีรษะงอกออกมาสามหัว หัวหนึ่งร้องเหมียว, อีกหัวหนึ่งเห่า และหัวสุดท้ายคำรามพร้อมๆ กัน จากนั้นมันกลายเป็นพายุทรายพัดใส่กระโปรงสาวๆ จนเปิดพรึ่บเพื่อสร้างความพอใจให้เจ้านายมัน เพราะมันรู้ว่าเจ้านายของมันชอบอย่างนี้…
“ลงมานี่เดี๋ยวนี้, เจ้าจะขโมยบทเด่นไปจากข้าหรือไง? ข้าจะลงโทษเจ้า ถ้ายังขืนโอ้อวดต่อไป” เย่ว์หยางเดือดดาลที่อสูรของเขาทำให้เขาขายหน้าด้วยพฤติกรรมอย่างนั้น
“เมี้ยวว” ฮุยไท่หลางก้มหัวหางตกทำตัวเหมือนกับเด็กที่เพิ่งทำของเสียหาย มันยอมโดนทุบตีและดุด่าจากเย่ว์หยางแต่โดยดี
“ฮุยไท่หลางไม่ได้เจตนา, มันแค่มีความสุขเกินไปเท่านั้นเอง” ฮองเฮาเริ่มทนไม่ได้ พระนางเห็นอกเห็นใจฮุยไท่หลางขณะที่ทรงพยายามห้ามเย่ว์หยาง มิฉะนั้นฮุยไท่หลางคงโดนทุบตีต่อไปแน่ ฮุยไท่หลางถือโอกาสไปแอบอยู่ข้างหลังเย่ว์ซวง ทำตัวเหมือนหมาเฝ้าบ้านที่เชื่องเชื่อ ทำให้เย่ว์หยางบรรเทาความโกรธลงได้
“ก็ได้ งั้นขอข้าดูทักษะแฝงเร้นและอสูรพิทักษ์ของเจ้าหมาโง่สักหน่อย” เย่ว์หยางพูดเรียกสติของคนที่กำลังงุนงงให้กลับมารวมตัวกันรอบๆ เขา
คัมภีร์อัญเชิญจะเปิดทักษะแฝงเร้นของเจ้าของและมอบอสูรพิทักษ์ให้กับเจ้าของคัมภีร์
เป็นไปได้หรือที่ฮุยไท่หลางจะมีสิ่งเหล่านี้?
*************