ตอนที่ 375 ทักษะแปลงร่างกับอสูรเลียนแบบ
ฮุยไท่หลางทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จกลายเป็นเรื่องจริง จุนอู๋โหย่วและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายังดีกว่าคนที่เหลือ พวกท่านระงับอาการตกใจได้รวดเร็ว
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามที่เย่ว์หยางทำขึ้น ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอีกต่อไป
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เจ้าเด็กนี่ใช้วิธีที่ไม่ธรรมดา!
เขาสามารถฝึกฝนตนเองจนกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ในวัยยี่สิบปี ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่ฮุยไท่หลางจะทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จ พวกท่านคาดว่านี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ในไม่ช้าหรือในเวลาถัดไป อสูรอื่นๆ ของเขาทั้งหมดอย่างเช่นนางพญาดอกหนามมงกุฏทองก็อาจมีคัมภีร์อัญเชิญเป็นของตนเองได้
“อะไรกันนี่? ขอให้เราดูทักษะของเจ้าหมาตัวใหญ่นี้หน่อยนะ” ราชันย์ฟ้าบูรพาก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่หาได้ยาก เขาไม่ได้ตกใจอะไรมากมายนัก สำหรับเขาแล้ว แม้ว่าเย่ว์หยางจะทรงพลังมากมาย แต่เขาก็ยังเป็นเขยขวัญของท่าน! ยิ่งกว่านั้น เขาก็ยังไม่ได้ตกลงธุระอะไรกันแน่นอนเพราะเย่ว์หยางขโมยธิดาไปจากท่าน
“นี่, นี่น่ะหรือ?” ราชันย์ฟ้าปัจจิมที่เบียดตัวเองเข้ามาดู ถึงกับเบิกตากว้าง
ทักษะแฝงเร้นเปลี่ยนร่าง : สามารถแปลงร่างได้ภายใต้เงื่อนไขที่แน่นอน ระดับในปัจจุบัน : ระดับ 1
ดูเหมือนเป็นทักษะที่ง่ายๆ
แต่ทุกคนรู้ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่เห็น.. ในทางตรงกันข้าม พวกเขาเห็นฮุยไท่หลางแปลงร่างมากกว่าหนึ่งรูปแบบ อย่างเช่น มีปีก, ยืดตัวยาว, แปลงเป็นเซอเบอรัสและยังกลายร่างเป็นพายุทรายได้อีกด้วย ทั้งหมดนี้หมายความว่ามันสามารถแปลงเป็นอสูรสายธาตุจำเพาะ, สายเสริมพลัง, สายนักสู้และสายพิเศษ! ด้วยทักษะแปลงร่างของมัน ทำให้มันแทบจะไม่มีจุดอ่อน ถ้าจะมีจุดอ่อนใดๆ ก็ตาม ฮุยไท่หลางก็จะแปลงไปเป็นอีกร่างหนึ่งกำจัดจุดอ่อนออกไป ด้วยความสามารถทำนองนี้ พลังรบของฮุยไท่หลางจะเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆ
ทุกคนสูดลมหายใจลึก
การแปลงร่างที่ผิดธรรมดา นับว่าเป็นทักษะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
พอเห็นอสูรพิทักษ์ของมัน ทุกคนแทบจะล้มระเนระนาดกับพื้น
ทุกคนเห็นเรื่องที่ไร้สาระชัดๆ แต่ไม่มีผู้ใดแสดงความคิดเห็นดังกล่าว
อย่าว่าแต่เรื่องหมาป่าทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญเลย แต่นักรบมนุษย์จะรู้สึกอย่างไรกับความจริงที่ว่า มันครอบครองทักษะและอสูรพิทักษ์ที่แข็งแกร่ง?
ร่างแยกแท้ : อสูรรูปแบบพิเศษ ชั้นทองแดงระดับ 1 กึ่งมีชีวิต กึ่งอมตะ สามารถลอกแบบร่างจริงและยังมีพลังหนึ่งในสามของร่างหลักได้ ครอบครองทักษะเหมือนกับที่ร่างจริงมี ระยะเวลาของการคงอยู่และจำนวนครั้งที่เรียก ขึ้นอยู่กับระดับของมัน ทักษะ : ลอกแบบร่างจริง
ทุกคนตื่นตะลึงกับทักษะแฝงเร้นและอสูรพิทักษ์ของฮุยไท่หลาง พูดกันตามตรง ไม่เคยมีใครเคยเห็นอสูรพิทักษ์และทักษะที่ไม่ธรรมดาอย่างนั้นมาก่อน
ฮุยไท่หลางตัวเดียวก็มีพลังมากเพียงพออยู่แล้ว
ถ้ามันเรียกร่างเลียนแบบของมันออกมาในระหว่างต่อสู้ และถ้าคู่ต่อสู้ไม่สามารถจำแนกความแตกต่างของทั้งสองได้ ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคงได้พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ ทั้งนี้เพราะอสูรพิทักษ์จะไม่วันตายอย่างแท้จริง ถ้าคู่ต่อสู้ตระหนักได้ว่าพวกเขาเพียงแต่เอาชนะอสูรพิทักษ์ได้เท่านั้นหลังจากต่อสู้มาเป็นเวลานาน และฮุยไท่หลางตัวจริงยังอยู่โดยมิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ศัตรูคงได้คลั่งแค้นจนกระอักเลือดตายเป็นแน่
และอาจจะน่ากลัวยิ่งกว่า คืออาจจะมิได้มีร่างแยกเพียงร่างเดียวก็ได้ ถ้าฮุยไท่หลางยกระดับฝีมือขึ้นได้ มันอาจเรียกร่างเลียนแบบได้มากกว่าหนึ่งก็เป็นได้
ถ้าคู่ต่อสู้คนหนึ่งถูกฝูงหมาป่าล้อมไว้ขณะที่มีตัวจริงอยู่เพียงตัวเดียว ขณะที่ร่างเลียนแบบอื่นๆ มีพลังถึงหนึ่งในสามของร่างจริง ก็เท่ากับคู่ต่อสู้พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์หายนะตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น
“โฮ่ง!”
ฮุยไท่หลางยกอุ้งเท้าเรียกอสูรพิทักษ์
แสงสีทองทึมๆ ฉายวาบและหายไปอย่างรวดเร็ว
มีร่างเลียนแบบฮุยไท่หลางอีกตัวกระโจนออกจากร่างฮุยไท่หลางขึ้นไปในอากาศ
ทุกคนจ้องมองดูฮุยไท่หลางและร่างเลียนแบบของมัน ถึงกับไม่อาจจำแนกความแตกต่างของพวกมันได้ ราวกับว่าพวกมันเป็นฝาแฝดกัน ขณะที่ฮุยไท่หลางตัวจริงมิได้เคลื่อนไหวอะไรและยังคงอยู่ในท่าอัญเชิญ อุ้งเท้าของมันก็ยังแปะอยู่บนคัมภีร์อัญเชิญ โชคดีที่มันยังคงอยู่ในท่านี้ มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่สามารถจำแนกพวกมันได้จริงๆ
“เจ้าพยายามจะหลอกใครกัน หา?” เย่ว์หยางตะโกนลั่น ขณะที่จู่ๆ เขายกขาและถีบฮุยไท่หลางตัวที่ไม่ได้ถือคัมภีร์อยู่ ทำให้มันลอยละลิ่วสูงขึ้นไปในอากาศ มีแต่เพียงเย่ว์หยางที่มีจักษุญาณทิพย์ถึงจะจำแนกฮุยไท่หลางตัวจริงออก มันรีบกุลีกุจอทำเป็นเชื่อฟัง ขณะที่ฮุยไท่หลางที่อยู่กับคัมภีร์อัญเชิญค่อยจางหายไป หลังจากถูกเรียกกลับคืน
“…..” ทุกคนเหงื่อตก รู้สึกละอายใจตนเอง
ใครเล่าจะคิดว่ามนุษย์ผู้ที่ได้มองผ่านแรงจูงใจซ่อนเร้นและแผนการนับไม่ถ้วน ทั้งยังผ่านการต่อสู้เสียเลือดเสียเนื้อในสนามรบมาแล้ว กลับพลาดท่าติดกับลูกไม้ของหมาตัวหนึ่งได้
ฮุยไท่หลางเจ้าเล่ห์มาก มันให้ร่างเหมือนแทนที่มันโดยวางอุ้งเท้าที่คัมภีร์อัญเชิญ ขณะที่มันกระโดดออกมาเอง
ถ้ามีการต่อสู้จริงๆ คู่ต่อสู้ก็จะคิดว่าร่างเลียนแบบคือร่างจริง ก็จะโดนฮุยไท่หลางเล่นงานอย่างไม่ปราณี ยังจะมีอสูรที่เจ้าเล่ห์มากกว่ามันอีกบ้างไหม? แม้อสูรราชันย์ของซุ่นเทียนอาจจะเรียนรู้วิธีพูด มีทักษะรบที่ดีและมีความฉลาดเฉพาะด้านบางอย่างก็ตาม แต่มันจะรู้วิธีใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงผู้คนบ้างหรือไม่?
แม้ผู้คนจะไม่คุ้นเคยกับอสูรของซุ่นเทียน แต่พวกเขาเชื่อว่าอสูรราชันย์คงจะไม่รู้วิธีใช้เล่ห์เหลี่ยม ต่อให้มันเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ตาม
นี่คือความแตกต่างระหว่างอสูรศักดิ์สิทธิ์กับอสูรในตำนาน
แม้ว่าฮุยไท่หลางจะยังไม่อาจเอาชนะอสูรราชันย์ได้ในตอนนี้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นในทศวรรษ?
ทุกคนอาจพูดได้อย่างปลอดโปร่งว่า หลังยกระดับขึ้นแล้ว ฮุยไท่หลางจะเอาชนะอสูรราชันย์ได้แน่นอน
อสูรที่แข็งแกร่งยังไม่นับว่าน่ากลัว แต่จะเป็นเรื่องน่ากลัว ถ้ามันฉลาด!
นี่เป็นคำกล่าวที่พูดกันมาในทวีปมังกรทะยานตั้งแต่ห้าพันปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นจริง และยิ่งถูกต้องมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าเย่ว์หยางจะยังไม่อาจเทียบเท่ากับซุ่นเทียนในตอนนี้, แต่ทุกคนเชื่อว่าเย่ว์หยางจะสามารถเอาชนะซุ่นเทียนได้ บางทีอาจใช้เวลาไม่กี่สิบปีก็เป็นได้ มีอยู่คนเดียวที่เย่ว์หยางอาจจะแซงได้ลำบากก็คือจื้อจุน เมื่อจื้อจุนกลายเป็นผู้แนะนำให้เข้าหอทงเทียนในอดีต นางอาจรู้ศักยภาพของเขาแล้ว เพียงแต่ว่านักรบอื่นไม่ได้ตระหนักถึงเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับเย่ว์หยางไม่ใช่พลังรบของเขา แต่เป็นศักยภาพของเขา ศักยภาพที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนให้เป็นพลังต่อสู้ สำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างซุ่นเทียนและประมุขนิกายพันปีศาจที่เกือบจะถึงที่สุดแห่งศักยภาพของตน พวกเขาก็ยังอิจฉาเย่ว์หยาง
ศักยภาพที่อาจจะยังไม่เทียบเท่ากับพลังต่อสู้ แต่มันก็อาจกำหนดอนาคตของคนๆ หนึ่งได้
การกระทำของเย่ว์หยางสร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทวีปมังกรทะยาน
ไม่เพียงแต่เขายังมีน้องสาวผู้มีศักยภาพมากมายเท่านั้น แม้แต่อสูรของเขาเองก็ยังทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ และกลายเป็นอสูรในตำนานต่อหน้าต่อตาธารกำนัล ใครยังจะข้องใจกับพลังอำนาจของเขาในตอนนี้อีก? สำหรับพวกที่ริษยาเขา ถ้าพวกเขามีพลังจริงๆ พวกเขายังจะกล้าเอาอสูรในตำนานไปเดินเล่นกับพวกเขาตามท้องถนนหรือไม่?
ทั้งอาณาจักรต้าเซี่ยและเทียนหลัวจัดพิธีเฉลิมฉลองให้ แม้แต่ทูตจากสือจินก็ยังยอมรับอย่างเสียไม่ได้ว่า นับเป็นปาฏิหาริย์ของทวีปมังกรทะยานโดยแท้
“เขยเรา…” นี่คือคำพูดติดปากของราชันย์ฟ้าบูรพาไปแล้ว
“เจ้าคุยกับเชี่ยนเชี่ยนบ้างไหม? ไม่สิ, ข้าไม่เคยได้ยินว่านางพบเย่ว์หยาง, ไม่มีเรื่องเช่นนั้น” จุนอู๋โหย่วพูดว่าเขาไม่รู้อะไรเลยเมื่อคนอื่นๆ เข้าไปร่วมฉลองกับเขาในฐานะว่าที่พ่อตาของเขา เขาเสริมว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังฝึกฝนอยู่ไม่ได้พบเย่ว์หยางนานแล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงเข้าร่วมการฉลองทำสัญญากับคัมภีร์ของหนูน้อยเย่ว์ซวงแน่นอน
“ไม่ต้องสงสัยกันแล้ว ฮุยไท่หลางเป็นอสูรในตำนาน สำหรับคำถามที่ว่าทำไมคุณชายสามถึงไม่ทำสัญญากับมัน เจ้าถามข้าไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะว่าเจ้าจะเข้าใจเหตุผลได้ต่อเมื่อเจ้าเป็นตัวเขาเท่านั้น” หลินเหมี่ยวหนึ่งในหัวหน้ายามตระกูลเย่ว์แสดงความเห็น มีคนจำนวนมากยังกล่าววิจารณ์ถึงข้อกังวลของพวกเขากลัวว่าฮุยไท่หลางจะเกิดอาการดื้อเหิมเกริมสร้างความเจ็บปวดให้เขา
“ข้าจะต้องแต่งงานกับพี่เย่ว์หยางให้ได้” องค์หญิงเฟยเยี่ยนแห่งสือจินกล่าว เธออายุเพียง 6 ขวบ
“ข้าเป็นเพื่อนกับเขานะ” บุรุษชุดขาวที่ดูเหมือนบัณฑิตนามว่าซันเหอจากสมาคมนักรบคุยฟุ้ง แต่ไม่มีผู้ใดเชื่อเขา
“ใช่แล้ว เย่ว์หยางได้รับสารานุกรมหุ่นกลจากบรรพบุรุษ เย่ว์กงและยังได้รับถ่ายทอดความรู้จากท่านด้วย หลังจากนั้นเย่ว์หยางจะสร้างรากฐานต่อจากเย่ว์กงโดยสร้างและพัฒนาอสูรหุ่นกลต่อไป” หลังจากให้กำเนิดอสูรในตำนานได้ ลุงรองเย่ว์หลิ่งประกาศว่า ตระกูลเย่ว์ได้ปรับปรุงอสูรหุ่นกลให้ดีขึ้นและจะขายอสูรชั้นทองแดง, ชั้นเงินและอสูรหุ่นกลชั้นทองในปริมาณมากขึ้นได้ แต่ไม่จำเป็นต้องพูดออกไป ว่าอาณาจักรต่างๆ ก็หวังว่าจะได้หุ่นกลหมือนกัน
“ข้าจะเก็บเงินไว้ซื้ออสูรหุ่นกลชั้นทองสักตัวหนึ่ง จะขี่มันไปแต่งเมียสักคน เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร? ข้ารู้จักเย่ว์หยางและข้าจะทุบมันผู้ใดก็ตามที่ไม่เชื่อข้า” เถียตัน หัวหน้าโจรป่าผู้บังคับให้หญิงสาวสิบเก้านางให้เป็นอนุภรรยาพูดพลางตบอกที่มีขนรุงรังสาบานว่าเขาเองก็รู้จักเย่ว์หยางเช่นกัน
“เก็บคำโกหกของเจ้าไว้ก่อนเถอะ” พวกนักผจญภัยหัวเราะขัดจังหวะ
“นักเรียนทุกคน! ข้าดีใจที่พวกเจ้าทุกคนมารวมกันที่นี่เพื่อรับบทเรียนของข้า เพราะพวกเจ้ารู้ว่า มีนักเรียนไม่มากนักที่มาเรียนกับข้าก่อนหน้านี้ แม้จะมีนักเรียนไม่กี่คนมาถึงนี่แล้วยังเผลอหลับอยู่ก็ตามที” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า แม้จะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว แต่ก็ยังสอนต่อไป ท่านกลายเป็นครูที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก นับเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่งสำหรับสถาบันฉางชุนเฉิง เพราะขณะที่โรงเรียนอื่นๆ แย่งรับสมัครนักเรียน พวกเขาปฏิเสธรับนักเรียนเนื่องจากเต็มจำนวนที่รับแล้ว สร้างความผิดหวังให้กับหลายๆ คน โชคดีที่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่ได้ตั้งข้อจำกัดกีดกันใดๆ จากการเรียนของเขาและยังยอมให้สถาบันอื่นๆ เข้าร่วมศึกษาได้ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรือครูก็ตาม อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าจะเน้นย้ำเพียงจุดเดียวเท่านั้น “นักเรียนทั้งหลาย! ข้าขอเตือนพวกเจ้าไว้ว่า อย่าพยายามเลียนแบบเย่ว์หยาง เพราะความสำเร็จของเขาไม่มีใครทำได้เหมือน ทุกคนควรจะก้มหน้าก้มตาฝึกฝนต่อไป เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะกลายเป็นเหมือนเย่ว์หยาง มันเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ แต่ข้ายังจะมีความสุขได้ ถ้าพวกเจ้าสามารถทำได้อย่างเจ้าอ้วนไห่และเย่คง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนจากชั้นเรียนมรณะ พวกเจ้าทุกคนควรจะรู้ว่าพวกเขาได้ฝึกอยู่ในชั้นเรียนในอดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร…. ต้องบอกว่าแย่แสนแย่! แต่หลังจากนั้นพวกเขาใช้วิธีการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการจะล้าหลังรั้งท้าย อย่างนั้นพวกเจ้าต้องฝึกฝนอย่างอดทน ไม่มีวิธีลัด แม้แต่ความสำเร็จของเย่ว์หยางก็มาจากการฝึกฝนบวกความสามารถที่มากมาย เขาจึงก้าวหน้าไปมากกว่าที่พวกเจ้าจะคาดได้ อย่าทะนงตนและอย่าพอใจกับอนาคตของพวกเจ้า เย่ว์หยางแสดงให้พวกเจ้าเห็นเป็นตัวอย่างแล้ว ถ้าพวกเจ้าทุกคนฝึกฝนอย่างจริงจัง ก็จะได้รับผลของความหมั่นเพียรแน่นอน..”
ขณะที่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าใช้เย่ว์หยางเป็นตัวอย่างในการสอนนักเรียนของเขา เย่ว์หยางเดินทางไปอำลาแม่สี่พร้อมกับฮุยไท่หลาง จากนั้นพวกเขาเดินทางกลับไปที่ชั้นหกหอทงเทียนต่อไป
เขาต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากแม่สี่ต้องดูแลทารกที่รอดชีวิตของอาสี่และแม่นางเฟิง นางจึงไม่ต้องการเข้าไปในโลกคัมภีร์ของเย่ว์หยาง นอกจากนี้ นางเกรงว่านางจะมีผลต่อการฝึกของเย่ว์หยาง นางตัดสินใจอยู่ในมิติลวงจนกว่าเย่ว์หยางจะแข็งแกร่งพอ และไม่กลัวศัตรูคนใดอีก จากนั้นนางจึงค่อยเห็นด้วยที่จะอยู่กับเขา หนูน้อยเย่ว์ซวงกลับตรงข้าม หญิงงามอู๋เหินจะเป็นผู้ดูแลเธอในขณะเดียวกัน และเธอจะได้เรียนรู้จากเย่ว์หยางและหญิงงามอู๋เหิน พวกเขาจะค่อยๆ หาครูที่ดีสำหรับเธอในอนาคต
เย่ว์ซวงลังเลใจที่จะไปจากข้างกายมารดาเธอ ขณะที่เธอร้องไห้อยู่นาน แต่ก็ตัดสินใจไปกับพี่ชายอย่างว่าง่าย
เนื่องจากความจริงอันโหดร้ายในการเอาตัวรอดในโลกที่ปลาใหญ่กินปลาน้อยนี้ เย่ว์หยางจึงต้องตัดใจ
ต้องมีพลังเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอดอยู่ได้ในโลกนี้
ต้องแข็งแกร่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ทุกคนจะต้องมีพลังอำนาจมากขึ้น และพวกเขาจะต้องมีพลังมากกว่าคู่ต่อสู้
เย่ว์หยางพาฮุยไท่หลางที่ปลอมตัวเป็นอสูรทองแดงระดับ 3 กลับไปที่หอทงเทียนชั้นที่หกและเทเลพอร์ตกลับไปที่เมืองใต้ดินของป้อมสายฟ้า เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์กำลังร้อนใจตะเกียกตะกายเข้ามาหาเขาเรียนว่า “ท่านไตตัน, เกิดการลุกฮือในเหมืองของท่าน โปรดตัดสินใจว่าจะแจ้งเจ้าหน้าที่บังคับให้พวกมันยอมจำนนหรือว่าท่านต้องการจะเจรจาเอง สำหรับเวทีต่อสู้ของท่าน, นักสู้, และปีศาจนักสู้ของท่านถึงขีดจำกัดของพวกมันแล้ว ถ้าท่านไม่ต้องการให้เงินเดือนพวกมัน อย่างน้อยให้อาหารพวกมันก็ยังดี!”
“เหมืองของข้า? เวทีต่อสู้ของข้า?” ตอนนั้นเย่ว์หยางจำได้เพียงว่าชนะพนันได้ทรัพย์สินแอนตัน เขาออกมาอย่างเร่งรีบเพราะเป็นห่วงแม่สี่
**********