เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 378 – ให้ข้าสัมผัสพวกเขาเอง

ตอนที่ 378 ให้ข้าสัมผัสพวกเขาเอง

“ท่านไตตัน…” จั๊ดด์ตั้งท่าจะแนะนำตัวเย่ว์หยาง แต่จู่ๆ พี่น้องฝาแฝดที่ยืนอยู่ด้านตรงข้ามพุ่งเข้ามาเหมือนสายฟ้าพยายามลอบทำร้าย

โกเล็มองครักษ์ชั้นสามัญระดับ 6 ทั้งสองตัวที่อยู่ข้างๆ จั๊ดด์ถูกซัดกระเด็นไปอยู่ด้านหลังหลายเมตรอย่างไม่ปราณี

หนึ่งในพี่น้องที่ไม่มีแผลเป็นที่หน้าชักดาบยักษ์และกดลงที่คอของจั๊ดด์

อีกคนหนึ่งควงดาบยักษ์พุ่งเข้าหาเย่ว์หยาง

ปลายดาบหยุดยั้งและจ่ออยู่ที่คอของเย่ว์หยาง ใกล้มากจนเย่ว์หยางอาจตายได้ทันที ถ้าเขาไสดาบไปข้างอีกเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางมิเพียงไม่สั่นกลัวเท่านั้น แต่เขายังแสดงท่าทางหยิ่งเหมือนกับว่าเขาเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “นี่คือการจับเป็นตัวประกันใช่ไหม?”

“ท่านไตตัน..น้อย โปรดอย่าทำอะไรโง่ๆ” บุรุษหน้าบากนามเซี่ยผู่เป็นแฝดผู้พี่ าขู่ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ข้ารู้ว่าเจ้ามีฝีมืออยู่บ้าง แต่อย่าพยายามดิ้นรน มิฉะนั้น ข้าไม่แน่ใจว่าจะปาดคอเจ้าหรือเปล่า ข้าไม่มีความตั้งใจจะทำร้ายร่างกายคุณชาย ได้แต่หวังว่าท่านจะวางตัวอย่างฉลาด”

“ทำไมพวกท่านถึงพยายามประท้วง?” เย่ว์หยางถามพวกเขา

“ฮ่าฮ่าฮ่า…”

เมื่อเซี่ยผู่ได้ยินเย่ว์หยางพูด เขาอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เริ่มหัวเราะราวกับคนบ้า เหมือนกับว่าเขาได้ฟังเรื่องตลกที่สุดในโลก

ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น น้องชายของเขาและยามชาวทอเรนที่เหลือก็เริ่มหัวเราะเช่นกัน บางคนก็หัวเราะจนน้ำตาไหล

ด้านหลังเย่ว์หยางมีประกายสีดำวูบหนึ่ง

จู่ๆ มีดที่คมกริบเล่มหนึ่งจ่ออยู่ที่คอของเย่ว์หยาง และเงาร่างนั้นเข้ามาควบคุมเย่ว์หยางจากด้านหลัง ใบหน้าที่อ่อนนุ่มเคลื่อนเข้าหาและแนบกับหูเย่ว์หยาง กล่าวเสียงเยือกเย็นไร้น้ำใจว่า “คุณชายลูกเจ้านายที่น่านับถือ, ท่านไม่เคยลิ้มลองความอดอยากมาตลอดชีวิตของท่าน ท่านจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เราต้องการลุกฮือได้อย่างไร ถ้าข้าจับเจ้าโยนเข้าไปในเหมืองและขังเจ้าไว้สักสองสัปดาห์! พวกเจ้าเป็นใครกันเล่าถึงได้ใช้ประโยชน์จากพวกเรา? ใช้เพื่ออะไร? เพียงเพราะเจ้าเกิดมาด้วยฐานะที่สูงส่งน่ะหรือ? แค่เพราะเจ้ามีอำนาจมากกว่าเราน่ะหรือ? เรายังคงมีชีวิตอยู่ด้วยความภูมิใจ แต่ความจริงเราถูกปฏิบัติเหมือนเป็นทาส ถูกขังอยู่ก้นเหมืองทำงานให้พวกเจ้าปีแล้วปีเล่าในฐานะทาส, ขุดแร่ให้พวกเจ้า เจ้ารู้บ้างไหมมีคนกี่คนต้องเหนื่อยตายไปในเหมืองแห่งนี้? กระดูกของพวกเขากองเป็นภูเขาเลากา! พวกเขาทำให้พวกเจ้าร่ำรวยนับไม่ถ้วน แต่พวกเจ้าทำอะไรให้พวกเขาบ้าง? พวกเจ้าเคยให้เงินเดือนพวกเขาบ้างไหม? เปล่าเลย, เราไม่เคยได้กินจนอิ่มท้องด้วยซ้ำ แล้วดูเจ้าสิ, เจ้าสวมเกราะหนังมังกรและสวมหน้ากากทอง ของเหล่านั้นมาจากเลือดและเหงื่อของพวกเรา เจ้าไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ เจ้าปลิงดูดเลือด?”

เมื่อเย่ว์หยางฟังนางพูด เขาปรบมือและหัวเราะลั่น “ข้าเพิ่งมีประสบการณ์เห็นทาสลุกฮือใช่ไหมนี่? แถลงการณ์ของเจ้าก็ดูสมเหตุผล ทำเอาข้าเกือบซาบซึ้ง”

เมื่อเงาร่างที่อยู่ด้านหลังได้ยินน้ำเสียงที่ไม่จริงจัง นางโกรธและต่อยเขาจากด้านหลัง

อย่างไรก็ตาม เงาร่างนั้นสังเกตว่าหมัดของนางเองต่างหากที่เจ็บปวดจากการต่อยนั้น เด็กคนนั้นดูเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย

เงาร่างนั้นกลับโกรธมากยิ่งขึ้นใช้แรงกดมีดลงที่ผิวของเย่ว์หยางมากกว่าเดิม “อย่ามาพูดเฉไฉเบี่ยงเบนเรื่องนี้ หรือจะให้ข้าฆ่าเจ้าซะ! อย่านึกว่าเจ้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่เพราะมีบิดาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดนะ ในสายตาของข้า เจ้าก็แค่สวะรุ่นที่สองเท่านั้น!”

“โปรดอย่าฆ่าเขาเลย! ท่านไตตันไม่ใช่คนที่ใครจะต่อต้านได้ เจ้าพวกเจ้าทำร้ายเขาแม้แต่ปลายเส้นผม พวกเจ้าจะพากันตายอย่างอนาถกันทั้งหมด พวกเจ้าไม่ต้องการเจรจาเงื่อนไขของพวกเจ้าหรือ? พูดออกมาตอนนี้ได้เลย ท่านไตตันจะช่วยพวกเจ้าได้แน่!” แน่นอนว่าจั๊ดด์รู้ว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเพียงเท่านี้ไม่สามารถเอาชนะเจ้านายเขาได้ อย่างไรก็ตาม เขาเล่นละครประสานบทกับเย่ว์หยางและตะโกนอย่างตื่นเต้นแกล้งทำเป็นหวาดกลัว ฝีมือในการแสดงพอจะส่งร่วมชิงรางวัลออสการ์ได้

“เราต้องการส่วนแบ่งร้อยละห้าของหุ้นเหมืองใช้เป็นเงินเดือนและปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของเรา” เซี่ยผู่แฝดผู้พี่เสนอเงื่อนไขของเขา

“เป็นไปไม่ได้” เย่ว์หยางไม่รอให้เขาพูดจบก็ปฏิเสธเขาทันที

“เจ้าไม่เห็นโลงศพก็คงไม่หลั่งน้ำตาใช่ไหม? ถ้าเจ้ากล้าพูดอีกคำเดียว สาบานได้ว่าข้าจะตัดลิ้นของเจ้าซะ” เงาร่างด้านหลังยันเข่าใส่หลังเย่ว์หยางรุนแรงพยายามกดเขาลงกับพื้น ที่เกินความคาดหมายของเย่ว์หยางก็คือ เขาไม่สามารถสยบทุกคนให้ยินยอมได้

“ข้ากลัวจริงๆ นะนี่…” คำพูดของเย่ว์หยางไม่เข้ากันกับสีหน้าที่เรียบเฉยของเขาทำให้เงาร่างดำนั้นโกรธ

“หุ้นเหมืองร้อยละห้า โดยหลักจะใช้เป็นหลักประกันชดเชยแรงงานในกรณีที่ตายหรือพิการ เจ้าต้องเห็นด้วยกับเรื่องนี้เป็นอย่างน้อย” เซี่ยเอ่อแฝดผู้น้องที่ไม่มีแผลเป็นเน้นจุดสำคัญนี้ นี่เป็นหนึ่งในจุดสำคัญในการต่อรอง แน่นอนว่าจั๊ดด์ไม่เห็นด้วย เขาเพียงแต่พูดว่าเขาจะเอาเรื่องนี้ไปต่อรองกับเจ้านาย แต่เขาตัดสินใจแทนไม่ได้

“ต้องมีเวลาพักจากการขุดเหมือง พักสัปดาห์ละสองวัน และทำงานไม่เกินวันละ 16 ชั่วโมง”

“ทุกครั้งที่คนงานเหมืองพบแร่คุณภาพสูง เจ้าของเหมืองจะต้องให้รางวัลเขาตามราคาของแร่ รางวัลที่ได้ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละหนึ่งของราคาแร่” เงาร่างดำที่จับเย่ว์หยางไว้ยื่นเงื่อนไข

“เราต้องได้ทำงานต่อในฐานะหัวหน้างานเหมือง และในอนาคตท่านจะต้องไม่แก้แค้นเราหรือบังคับให้เรากลายเป็นคนใช้แรงงาน เจ้าจะต้องให้เจ้าของเหมืองลงชื่อรับรองเป็นลายลักษณ์อักษร” เซี่ยผู่ที่มีแผลเป็นบนใบหน้ามองดูเย่ว์หยาง เขาหยุดเล็กน้อยและเสริมว่า “นอกจากเรื่องดังกล่าวแล้ว ยังมีเงื่อนไขที่สำคัญอีกข้อหนึ่ง จะต้องมีการแจกจ่ายอาหารในเหมืองอย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตาม มิใช่ว่าทุกเผ่าพันธุ์จะสามารถกินเนื้อได้ และมิใช่ทุกเผ่าพันธุ์ที่กินผักอย่างเดียว อาหารของพวกเราต้องมีความแตกต่างกันด้วย เจ้าของเหมืองต้องรับรองว่าจะสำรองอาหารให้พวกเราอย่างพอเพียงทุกคน”

“อย่างนั้น ถ้าพวกเจ้าบางคนต้องการกินนมจากเต้า ข้ามิต้องหาพี่เลี้ยงนางนมมาให้พวกเจ้าเหรอ? แล้วอย่างนั้นจะทำยังไง?” เย่ว์หยางถาม

“เจ้า….” เงาร่างดำโกรธจัดจนเกือบระเบิดอารมณ์ออกมา

มีดที่คมกริบของนางขยับอย่างรวดเร็วและเกือบจะแทงใส่ร่างของเย่ว์หยาง ความโกรธของนางคงมิอาจระงับได้ ถ้านางมิได้เรียกเลือดจากเขาเสียบ้าง

แต่เซี่ยผู่รีบไสดาบเข้ามากันมีดเอาไว้อย่างรวดเร็ว

เซี่ยผู่ซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มโบกมือ “อย่าทำร้ายเขา เราต้องไม่ทะเลาะกับสวะผู้เยาว์รุ่นสองที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไม่เคยได้ลิ้มรสความยากจนมาก่อน เอาตัวไปขังไว้กับท่านเหยียนเจิ้ง” จากนั้นเขาโบกมือให้จั๊ดด์และพูดว่า “กลับไปบอกเจ้านายเจ้าซะ ถ้าเขาเห็นด้วยกับเงื่อนไขของเรา พวกเราทุกคนจะเริ่มทำงานทันที มิฉะนั้น เราตั้งใจจะลุกฮือก่อการจนถึงที่สุด ต่อให้เขาส่งเจ้าหน้าที่ทหารยามมาโจมตีทำร้ายพวกเรา เรายอมพินาศ เรายอมหลั่งเลือดในเหมืองดีกว่าจะยอมกลับไปเป็นทาส!”

จั๊ดด์มองดูเย่ว์หยางครั้งหนึ่ง ก่อนจะถามอย่างลังเลว่า “พี่เซี่ยผู่ ข้าเข้าใจเหตุผลที่พวกท่านต่อสู้เพื่อให้ได้เงินเดือน ที่สำคัญที่สุดไม่มีใครยินดีทำงานให้ฟรีแน่ อย่างไรก็ตามการจับท่านไตตันเป็นตัวประกันนั้นถือว่าทำเกินเลยไป พวกเจ้าจำเป็นต้องรู้ว่าคนที่กดขี่พวกเจ้าเป็นแอนตัน ไม่ใช่เรา เราเพิ่งได้รับมอบเหมืองมาจากแอนตัน”

เมื่อเซี่ยผู่ได้ฟังเขาพูด ก็ถอนหายใจ “ข้อนั้นย่อมแน่นอน ทว่าแม้พวกท่านเพิ่งจะรับมอบเหมือง เราก็ยังจะลุกฮืออยู่ดี เราเตรียมการมาครึ่งปีแล้ว และเราแค่รอเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าผู้ใดมาที่นี่ในวันนี้ อาจจะเป็นแอนตันและไม่ใช่เจ้าก็ตาม เราก็ยังจะทวงถามเงื่อนไขเดียวกัน”

“นี่ไม่ยุติธรรมเลย เรื่องเช่นนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับเราตั้งแต่แรก” เมื่อจั๊ดด์ได้ยินชื่อเจ้าบัดซบแอนตัน เขาก็กลายเป็นผู้เดือดร้อนอย่างมาก พวกเขาโชคไม่ดีเลยจริงๆ

“กลับไปซะ และไปถามท่านไตตันผู้ยิ่งใหญ่ของเจ้า ถ้าเขาต้องการให้เหมืองดำเนินงานได้ตามปกติ ก็ขอให้ยอมรับเงื่อนไขของพวกเรา ตราบใดที่เขามิใช่คนมีวิสัยทัศน์แคบสั้น เขาจะเห็นความจริงใจของพวกเราแน่นอน เราแค่ต้องการมีชีวิตรอด เท่านั้นเอง ตราบใดที่เขามีการให้รางวัลและมีการรับประกัน แรงงานทั้งหมดจะยินยอมทำงานอย่างหนักแน่นอน ที่สำคัญคือ ที่แห่งนี้คือบ้านของพวกเรา ครอบครัวบางส่วนอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่รุ่นพ่อและรุ่นปู่ พวกเขาเป็นเจ้าของเหมืองที่แท้จริงไม่ใช่หรือ? พวกเขาไม่สมควรได้รับส่วนแบ่งของเหมืองบ้างหรือ? แต่กลับถูกบังคับให้เป็นทาสและทำงานจนตาย ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ให้โอกาสพวกเขาได้มีชีวิตอยู่ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้ทำงานหนักและมีความสุขมากขึ้น? นั่นจะไม่ดีต่อทุกคนอย่างนั้นหรือ?” จากนั้นเซี่ยผู่ลดเสียงลง “ถ้าท่านไตตันรู้สึกว่าเราพี่น้อยต่อต้านทำร้ายศักดิ์ศรีของเขา เรายอมถูกลงโทษ ต่อให้ตัดศีรษะของพวกเรา เราก็ไม่เสียใจ ขอให้เขารับเงื่อนไขของเราก็พอ”

“เจ้าคิดว่าเขาจะยอมรับเงื่อนไขเหล่านั้นหรือ?” จั๊ดด์มองดูเย่ว์หยางและถามย้ำ

“บางทีมันอาจจะยาก, แต่ข้าหวังว่าเขาจะยอมรับไว้ ข้าหวังว่าเจ้าจะถ่ายทอดความจริงใจของพวกเราให้เขาได้รับรู้ ถ้าเขาต้องการผู้คนให้ทำงานเพื่อชีวิตของพวกเขา เขาต้องให้เงินเดือนที่สมควรแก่พวกเรา แม้แต่สมาคมนักผจญภัยที่ข้างนอกก็ยังใช้วิธีนั้น ถ้าเจ้ายังทำกับพวกเราเหมือนเป็นโคกระบือหรือว่าทาส ต่อให้เราตายไป ทาสรุ่นต่อไปจะต้องลุกฮืออย่างแน่นอน ในหลายร้อยปีมานี้ มีทาสลุกฮือประท้วงมากมาย นั่นเป็นข้อพิสูจน์ไม่ใช่หรือ? ให้ความหวังพวกเขา, บ้าน, และทางดำรงชีวิต ถ้าเขาทำเช่นนั้น ท่านไตตันน้อย ก็จะได้ความภักดีของเราและทำกำไรได้อีกมาก นั่นถือว่าไม่ดีหรือไง?” หลังจากคิดชั่วขณะ เซี่ยผู่บอกเงาร่างดำที่รั้งตัวเย่ว์หยางไว้ “ปล่อยท่านไตตันน้อย ถ้าท่านไตตันน้อย ยินดีรับเงื่อนไขของเรา เราจะปล่อยท่านเหยียนเจิ้งทันที นอกจากนี้ เราจะรายงานด้วยตัวเองและขอรับการลงโทษ”

“ไม่นะ ทำอย่างนั้นไม่ได้ ท่านจะปล่อยเด็กคนนี้กลับไปไม่ได้” เงาดำตะโกนลั่น “นี่ผิดไปจากแผนของเรา พี่เซี่ยผู่, ท่านบอกว่าจะนำเราต่อสู้ให้ชนะก่อน เดินหน้าต่อสู้จนกว่าพวกเราชนะ ทำไมเราถึงไม่ผลักดันต่อไปเล่า? ทำไมเราถึงให้โอกาสศัตรู?”

“พอเถอะ, นี่คือการตัดสินใจของข้า” เซี่ยผู่โบกมือ “ข้าบอกให้ปล่อยเขาไป”

“ข้าจะไม่ปล่อยเขา…” เงาดำเสียงดังก้อง “ข้ามีกันเพียงสองพี่น้อง, ข้ามีเพียงพวกท่านสองคนเป็นเหมือนครอบครัว แล้วจะปล่อยให้พวกท่านเสียสละได้อย่างไร? พวกเขาเป็นฝ่ายผิดมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราเพียงแต่ส่งเสริมความเป็นธรรม ทำไมเราถึงต้องให้ศัตรูของเราด้วย? พี่เซี่ยผู่, เราจะรู้สึกเป็นเกียรติถ้าท่านตายในการต่อสู้ แต่ถ้าท่านตายเพื่อสนองความโกรธของนักสู้ปราณก่อกำเนิดเพื่อรักษาชื่อเสียงเรา เรารู้สึกละอายใจและขายหน้า ไม่มีพวกท่านแล้วจะให้เราทำยังไงในอนาคต? ท่านอย่าไว้วางใจ พวกเขาอาจจะโกหกพวกเรา เมื่อผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเราตายแล้ว พวกเขาจะฆ่าพวกเราทั้งหมดและปฏิบัติต่อพวกเราเหมือนเป็นทาสก็ได้?”

“ถูกแล้ว นั่นคือเรื่องที่ข้ากำลังคิดอยู่พอดี” เย่ว์หยางพยักหน้าเห็นด้วย

“เจ้าหุบปากซะ” เงาร่างดำโกรธจัดจนสมองแทบระเบิด

“น้องรักของพี่.. ความจริงนี่คือโอกาสสุดท้ายของเรา เมื่อท่านไตตันน้อยมาที่นี่ ข้าเข้าใจว่าถ้าท่านไตตันน้อยไม่ให้โอกาสเรา เขาคงจะส่งเจ้าหน้าที่มาจัดการกับเราแล้ว เขายังสามารถมาที่นี่และฆ่าพวกเราทุกคน ที่สำคัญคือเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แข็งแกร่งพอจะฆ่าเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ พวกที่นี่ไม่มีใครรับมือเขาได้ ข้าคาดว่าท่านไตตันน้อยคงไม่ต้องการให้เรื่องนี้ลุกลาม เขาต้องการคนงานและเราก็ต้องการมีชีวิตอยู่ ถ้าเขาเห็นด้วยกับเงื่อนไขของเรา เราก็จะรับใช้เขาอย่างดีที่สุด…นี่คือโอกาสของเรา ข้าหวังว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงแผนของเราได้ เราควรจะแสดงความจริงใจกับท่านไตตันน้อยให้มากโดยปล่อยท่านไตตันน้อย ถ้าสำเร็จ เราจะทำงานได้อย่างมีอิสระ แน่นอนว่ามันอาจจะล้มเหลวได้ และในกรณีเช่นนั้น เราจะตายกันทั้งหมด…” เซี่ยผู่หน้าบากกวาดสายตาไปทางหน่วยยามและทาส และกระซิบช้าๆ “ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าตัดสินใจ บางทีมีโอกาสสำเร็จเพียงเปอร์เซนเดียว พวกเจ้าเลือกเงื่อนไขอื่นได้ถ้าพวกเจ้าต้องการ”

“ใครก็ตามที่ตัดสินใจเลิกประท้วง ข้ารับรองว่าจะไม่ไล่ล่าเอาผิดใดๆ และยังจะให้เบี้ยยังชีพอีกต่อไปด้วย ถ้าพวกเจ้าตัดสินใจอยู่และทำงานต่อ ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะได้อาหารเพียงพอ สำหรับความต้องการเรื่องส่วนแบ่งในเหมือง ขอให้เลิกฝันเสียเถอะ ต่อให้เป็นคนโง่ก็จะไม่ทำเช่นนั้น ยิ่งกว่านั้น พวกเจ้ายังจะไม่สามารถปกป้องส่วนแบ่งของพวกเจ้าได้ เอาเถอะ พวกที่ต้องการจากไป เชิญไปจากนี่ได้เลย จั๊ดด์มอบเงินให้พวกเขาจำนวนหนึ่ง คนละห้าเหรียญทอง คนที่ต้องการจากไป จงรับทองและจากไปซะ คนที่ต้องการอยู่ต่อก็ขอให้ใช้เรี่ยวแรงทำงานแต่โดยดี ถึงจะยังไม่มีเงิน แต่ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าจะมีอาหารอย่างพอเพียง เราแตกต่างจากเจ้าแอนตันนั่น เรายังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่น” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นเหมือนคุณชายที่เป็นทายาทผู้มีความเอื้อเฟื้อ

คาดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่เย่ว์หยางพูดออกไป คนเป็นจำนวนมากลุกขึ้นยืนและเลือกที่จะจากไป

แม้แต่ผู้นำที่เป็นทอเรนก็ยังลุกขึ้นยืน

พี่น้องเซี่ยผู่มองเขาอย่างตะลึง

เมื่อเซี่ยเอ่อต้องการจะลงมือทุบตีทอเรนผู้นำ แฝดพี่ผู้มีแผลที่หน้าได้ห้ามเขาไว้ “ช่างเถอะ, ทุกคนมีทางเลือกเป็นของตนเอง”

พอเห็นว่าคนเริ่มติดตามหัวหน้าทอเรนมากขึ้น รับเงินและมีโอกาสได้รับอิสรภาพ เงาร่างดำตวาดลั่นทันที นางใช้กำลังจับคอเสื้อเย่ว์หยางกระตุกขึ้นและจ่อมีดที่คอหอยเขา “ถ้าผู้ใดกล้าจากไป ข้าจะเชือดคอหอยเขา”

“เป็นเด็กผู้หญิงไม่ควรจะรุนแรงเกินไป มิฉะนั้นจะไม่มีหนุ่มๆ มาชอบเจ้า” เย่ว์หยางตระหนักว่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขานั้น น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว ไม่เพียงแต่ผิวนางจะเรียบลื่นละเอียดอ่อนเท่านั้น นางยังมีขายาวเรียวงาม แม้ว่าร่างนางจะอยู่ในเศษผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง แต่ก็ยังเห็นรูปร่างต้นขาและสะโพกกลมกลึงมีเสน่ห์ เห็นได้ว่านางเป็นสตรีระดับสูง เป็นสาวมีเสน่ห์ คางของนางเป็นมุมแหลมตากลมโตของนางมีน้ำตาคลอเบ้า ดูเหมือนจิ้งจอกสาวเจ้าสเน่ห์

อย่าว่าแต่คำที่เขากล่าวล้อเล่นเมื่อครู่นี้เลย ประโยคคำพูดต่อไปของเย่ว์หยางแทบจะทำให้เด็กสาวที่ถือมีดกรีดร้องด้วยความคลั่งใจ

ทั้งนี้เป็นเพราะเย่ว์หยางพูดว่า “หน้าของเจ้าก็ดีกว่าคนธรรมดานิดหน่อย แต่อกเจ้าน่ะแบนเหมือนกับกระดานซักผ้า คนอื่นๆ มักพูดกันว่าสาวๆ อกโตมักจะมีสมองน้อย อกเจ้านิดเดียว แล้วทำไมเจ้าถึงไม่มีสมองเอาเสียเลย?”

ฮุยไท่หลางที่นอนอยู่พื้นอย่างสบายใจ หาวปากกว้าง

พอมันเห็นว่าคนพวกนี้ยังไม่เริ่มสู้กันสักที ดังนั้นมันจึงหลับต่อ

“ข้า, ข้าจะฆ่าเจ้า!” หญิงสาวที่ถือมีดโกรธจัดจนแทบจะกัดเย่ว์หยางให้ตาย ถ้านางทำได้ อย่างไรก็ตามนางเข้าใจว่านางไม่อาจทำร้ายทายาทของเจ้านายได้ แม้ว่านางจะเดือดดาลก็ตาม แต่นางก็ยังไม่ขยับโจมตี

“ถ้าเจ้าสามารถใช้ขาเรียวงามของเจ้าทำให้ข้าสำลักจนตายได้ ข้าจะไม่ว่าอะไรเลย” เย่ว์หยางรู้สึกว่าการแสดงออกของเขาเป็นจอมเจ้าชู้ที่ประสบผลอย่างรวดเร็ว

“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าหรือ?” หญิงสาวที่ถือมีดรู้สึกว่าต้องการแทงหลังเจ้าบัดซบนี่ให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม

“อ๊า…”

ก่อนที่มีดจะแทงถูกตัวเขา เย่ว์หยางก็ล้มลงกับพื้นเสียแล้ว

หญิงสาวที่ถือมีดกระโดดด้วยความตกใจ นางยังมิได้แทงเขาเลยแม้แต่น้อย ทำไมถึงมีเลือดบนอกของเจ้าบัดซบนี่?

พี่น้องเซี่ยผู่และทอเรนหน้าเสียทันที

มีนักฆ่า!

ความจริงมีนักฆ่าผู้เชี่ยวชาญซ่อนตัวอยู่ในหมู่พวกเขา เตรียมวางแผนฆ่าไตตันน้อย เมื่อพวกเขาเจรจาต่อรองกันที่นี่

คราวนี้ จบเห่แน่

จั๊ดด์ยังคงตกใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองเห็นว่าฮุยไท่หลางยังคงนอนกรนอย่างสบายใจ แม้ว่าเลือดจะพุ่งกระฉูดออกมาจากอกของไตตันราวกับน้ำพุก็ตาม เขาก็ยังสงบใจได้ โกเล็มทั้งสองตัวของจั๊ดด์คืนสภาพแล้ว แม้ว่าพวกมันเพิ่งถูกทำร้ายจนย่ำแย่ก็ตาม แต่พวกมันเป็นอสูรสายธาตุดิน ดังนั้นพวกมันสามารถรู้สึกได้ถึงศัตรูที่เคลื่อนไหวอยู่บนพื้นจากแรงสั่นสะเทือน

พวกมันยกหมัดและต่อยลงไปพร้อมกัน มันต่อยลงไปบนพื้น

เหมืองทั้งหมดสั่นสะเทือน มีฝุ่นฟุ้งกระจายไปทุกที่

บุรุษผอมสูงคนหนึ่งใบหน้าคลุมผ้าคลุมไว้ปรากฏตัวที่มุมมืด

มีดยาวในมือเขาฉาบพิษสีเขียวเข้ม

คนผู้นี้คือนักฆ่าที่ลงมือสังหาร

“บัดซบ!” การต่อสู้เรียกร้องของพี่น้องเซี่ยผู่จบสิ้นแล้ว เนื่องจากท่านไตตันน้อยตายแล้ว ท่านไตตันจะต้องล้างแค้นกับพวกเขาแน่นอน การเผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของนักสู้ปราณก่อกำเนิด คงจะเกิดการนองเลือดซากศพกระจัดกระจายทั่วเหมือง นักฆ่าผู้ลึกลับผู้นี้ มาที่นี่เพื่อใส่ร้ายพวกเขาแน่นอน พี่น้องเซี่ยผู่คิดหาวิธีตั้งแต่ก่อนหน้านั้นเพื่อก่อการลุกฮือ เช่นจัดหาอาหารและอาวุธอย่างดี อย่างไรก็ตาม พวกเขาเพิ่งจัดเตรียมของมากมายเมื่อไม่นานมานี้

ตอนนี้ พวกเขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว

เขาและทาสทุกคนถูกคนอื่นใช้เป็นเบี้ยในกระดาน

พอเห็นเลือดที่พุ่งจากอกของเย่ว์หยาง หญิงสาวที่ถือมีดใช้มือปิดปากรำพันอยู่ “เจ้ากำลังจะตายเหรอ?”

เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นเจ็บปวดและตะโกนว่า “น่าเสียดายจริงๆ ที่ข้ามิอาจทำเรื่องที่มีเกียรติก่อนตายได้..”

เด็กสาวกลัวจริงๆ ว่าเย่ว์หยางจะตาย นางรีบพูด “รีบพูดเร็ว, เจ้ามีความปรารถนาอะไร? เร็วเข้า, พูดสิ บางทีข้าอาจเติมเต็มความปรารถนาของเจ้าได้”

เย่ว์หยางพยักหน้า “เจ้าทำได้แน่นอน”

เขาเอื้อมมือเปื้อนเลือดไปที่เด็กสาวผู้ถือมีดและแกล้งทำเป็นเกร็งลมหายใจเฮือกสุดท้าย “ข้าต้องการยืนยัน..ว่าหน้าอกเจ้าเล็กจริงๆ ข้าเห็นไม่ค่อยถนัดเลย, ขอจับดูหน่อยได้ไหม, ไม่งั้นข้าตายตาไม่หลับ”

“เจ้า!” ความคิดแรกที่แว่บเข้ามาในหัวนางก็คือนางอยากใช้ค้อนยักษ์ทุบหัวเจ้าลามกนี่ให้เละ จากนั้นหั่นเนื้อที่เหลือป้อนให้สุนัขกิน.

 

***********

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset