===============
เย่ว์หยางนอนอยู่บนเตียงทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น
ตอนนี้เขาอาจจะเสแสร้งได้ แต่ภายหลังถ้าเขาพบกับลุงสี่หรือญาติและเพื่อนคนอื่นๆ ที่เขาไม่รู้จัก เขาคงโดนเปิดเผยตัวตนแน่ เย่ว์หยางรีบหาของที่เจ้าเด็กที่จมน้ำตายผู้น่าสงสารเหลือทิ้งไว้เท่าที่จะทำได้ อาจมีสิ่งที่อธิบายถึงฐานะของเขาเพิ่มขึ้นก็ได้ ถ้าจะให้ดีที่สุด ต้องเป็นบันทึกหรือของอะไรทำนองนั้น
หลังจากค้นหาดูทั้งวัน ที่โต๊ะ ตู้เสื้อผ้าและแทบจะพลิกห้องหาดูทุกๆ ที่
มีบันทึกอยู่เล่มเดียวจริงๆ แต่ช่วยได้ไม่มากนัก
เจ้าคนน่าสงสารเขียนไว้แค่เรื่องฝึกสมาธิในการอัญเชิญและข้อมูลการฝึกเพลงทวนตระกูลเย่ว์
เย่ว์หยางตระหนักได้ว่าคนน่าสงสารผู้นี้พากเพียรอย่างหนักจริงๆ เขาไม่สามารถทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่การฝึกเพลงทวนตระกูลเย่ว์ของเขาก้าวหน้าเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม จากบันทึกนี้ เย่ว์หยางพบว่าคนผู้น่าสงสารนี้ไม่เปิดเผยความก้าวหน้าในการฝึกฝนให้คนอื่นทราบ เขาย่อมต้องการทำให้ครอบครัวเขารู้สึกตื่นตะลึงในวันที่เขาทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญสำเร็จ ช่วงระหว่างนี้ทุกคนจึงเข้าใจว่าเขาไม่มีอะไรดี
คนน่าสงสารยังบันทึกไว้อีกว่าเพลงทวนตระกูลเย่ว์เป็นวิชาอาวุธที่สืบทอดในตระกูลเย่ว์มาหลายชั่วคนแล้ว เมื่อใช้ผสานกับสัตว์อสูรนักสู้ที่แข็งแกร่ง มันจะทรงอานุภาพอย่างยิ่ง
เขายังเขียนไว้ในบันทึกอีกว่าเป็นเรื่องน่าเสียใจที่คัมภีร์วิชาทวนสูญหายไปครึ่งหนึ่ง เนื่องจากคนร้ายได้ฆ่าบรรพบุรุษตระกูลเย่ว์คนหนึ่งผู้มีวิทยายุทธกร้าวแกร่งสูงเยี่ยมตายเมื่อ 1 พันปีมาแล้ว ถ้าตระกูลเย่ว์มีคัมภีร์เพลงทวนของตนเองทั้งหมด เขาเชื่อว่าพวกเขาคงไม่ถูกจัดอยู่ในลำดับ 3 ของตระกูลใหญ่ทั้งหมด พวกเขาคงถูกจัดอยู่ในลำดับแรก
แม้ว่ามีกระบวนเพลงทวนเหลืออยู่ครึ่งเดียว แต่เพลงทวนตระกูลเย่ว์นับได้ว่าเป็นวิชาอาวุธที่มีชื่อ แม้จะไม่ใช่วิชาที่ทรงพลังที่สุด แต่วิชานี้ได้สร้างนักรบที่แข็งแกร่งออกมาเป็นจำนวนมาก
ตัวอย่างเช่น บิดาของคนผู้น่าสงสารนี้คือนักรบผู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเย่ว์ เป็นอัจฉริยะที่ 100 ปีจะมีปรากฏสักครั้ง
น่าเสียดายที่ท่านจากโลกนี้ไปเร็ว ทำให้ความระส่ำระสายเกิดขึ้นกับตระกูลเย่ว์อย่างกระทันหัน
“เพลงทวนเหรอ?” เย่ว์หยางถึงกับศีรษะพองโตเมื่อได้เห็นมัน
แม้ว่าเขาจะเป็นคนเก็บตัวและไม่เคยฝึกศิลปะต่อสู้มาก่อน แต่เขาก็รู้จักวิชาต่อสู้มาบ้าง มีบทกวีพรรณนาไว้ว่า “ใช้เวลาเป็นเดือนเรียนรู้วิธีควงพลอง, 1 ปีในการกวัดแกว่งดาบ, และทั้งชีวิตในการฝึกเพลงทวน แม้แต่เพลงกระบี่ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังอาจไม่เข้าใจถ่องแท้” บรรดาระดับความยากของอาวุธทั้งหมด ทวนฝึกให้ชำนาญได้ยากที่สุด ถ้าไม่ฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลานาน ก็ยากที่จะประสบผลสำเร็จใดๆ ได้ เพลงทวนมีเคล็ดการฝึกมาก อีกทั้งตระกูลหรือสำนักที่ฝึกเพลงทวน ต่างก็มีเคล็ดวิชาพิเศษเฉพาะตน อาจกล่าวได้ว่าไม่มีเวลามากพอ ต่อให้ท่านใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อให้เข้าใจวิชาเพลงอย่างถ่องแท้
ถ้าไม่ใช่วิชาทวนนี้ แต่เป็นวิชาดาบหรือกระบี่ เย่ว์หยางอาจลองพยายามอย่างเพื่อฝึกฝนก็ได้
แต่เพลงทวนนี้…
คนผู้น่าสงสารนี้ได้ฝึกมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่ก็ยังคงฝึกฝนอยู่ในระดับเริ่มต้น
เย่ว์หยางตัดใจลืมเรื่องวิชาเพลงทวนไปก่อน สิ่งที่ต้องการตอนนี้คือความสามารถ ไม่ใช่การใช้วิชาอาวุธที่เขาต้องใช้เวลาฝึกทั้งชีวิต นอกจากนี้ ความสำคัญของอาวุธและวิทยายุทธในแผ่นดินมังกรทะยานก็น้อยลงด้วย ความเชี่ยวชาญวิทยายุทธ แม้แต่คนธรรมดายังทำได้ยากมากๆ มันยากที่จะบรรลุระดับ 3 ไปได้ไม่ว่าเจ้าจะฝึกหนักมากเพียงใดก็ตาม เพราะเหตุนั้นแม้วิชาอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดอย่างเพลงทวนตระกูลเย่ว์ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้มีอานุภาพมากที่สุดแล้ว นอกจากนี้ เพลงทวนตระกูลเย่ว์จำเป็นต้องใช้เสริมกับสัตว์อสูร จึงจะเปล่งอานุภาพได้เต็มที่
ความสามารถในการใช้อาวุธก็เหมือนกับวิทยายุทธจีนโบราณ ท่านจะสามารถพัฒนาความสามารถทางกายให้ก้าวหน้าย่อมทำได้ด้วยการฝึก
อย่างไรก็ตาม การอัญเชิญจะคล้ายกับการยิง พลังของท่านจะขึ้นอยู่กับชนิดปืนที่ท่านถือ ไม่ว่าฝีมือท่านจะดีขนาดไหนก็ตาม
การอัญเชิญไม่จำเป็นต้องฝึกอย่างหนัก ท่านจะเป็นผู้ทรงอานุภาพได้หากว่าสัตว์อสูรของท่านทรงพลัง
แม้แต่คนที่ฝึกใช้อาวุธมาหลายสิบปีอาจไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ในการรบ คนที่ฝึกอาวุธมานั้นอาจแพ้คนที่ทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรสำเร็จ ก็ได้
นี่เป็นเพราะผู้ทำสัญญาแค่เรียกงูพิษหรือสุนัขป่าออกมาฆ่าคนผู้ฝึกใช้อาวุธก็สามารถทำได้
ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ จึงไม่มีใครยอมเสียเวลาฝึกฝนอาวุธอย่างหนัก ทุกคนกลับฝึกทักษะในการอัญเชิญแทน
นอกจากนี้ วิชาอาวุธที่ทรงพลังที่สุดได้ถูกไฟเผาผลาญไปนานถึง 3,000 ปีแล้ว วิชาอาวุธที่สืบทอดกันมาหลายปีก็เป็นวิชาพื้นฐานอย่างง่าย วิชาทวนลับของตระกูลเย่ว์เป็นวิชาอาวุธที่เก่าเป็นลำดับห้า ในแผ่นดินมังกรทะยาน นี่คงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าวิชาอาวุธและวิทยายุทธตกต่ำลงขนาดไหน
ในประวัติศาสตร์ทวีปมังกรทะยาน ก่อนหน้านี้ 3 อาณาจักรใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขามุ่งเน้นการฝึกใช้อาวุธให้แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม, พวกเขายังคงเน้นการฝึกอาวุธจนถึงบัดนี้ พวกเขากลายเป็นราชวงศ์ที่อ่อนแอที่สุดในท่ามกลาง 3 อาณาจักรใหญ่ตอนนี้ เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะตามทันยุคสมัยใหม่ได้…. “เอ๊ะ? เขามีคู่แข่งความรัก 2 คนหรือนี่?”
แม้เย่ว์หยางจะอ่านบันทึกมาทั้งวัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ของตระกูลของเขา
ในที่สุด ใครคือศัตรูหัวใจของคนผู้น่าสงสารนี้
คนหนึ่งเป็นญาติของเขา ชื่อเย่ว์เยี่ยน แก่เป็นลำดับที่ 4 ในตระกูล เขาเกิดทีหลังเจ้าคนผู้น่าสงสารแค่ไม่กี่วัน แต่เพราะเรื่องนั้น ทำให้เขาเสียโอกาสหมั้นกับธิดาตระกูลเสวี่ย เสียโอกาสหมั้นหมายเพราะเกิดต่างกันไม่กี่วันทำให้เย่ว์เยี่ยนขื่นขมและไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงมักเยาะเย้ยและกลั่นแกล้งเจ้าคนที่น่าสงสารอยู่เสมอ
ศัตรูหัวใจอีกคนเป็นบุตรของนายกเทศมนตรีเตาเฟิง ชื่อ เซี่ยชวียนเริ่น
เซี่ยเชวียนเริ่นผู้นี้ว่ากันว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง เขาแสดงทักษะโดยธรรมชาติได้ตอนอายุ 6 ปี และตอนอายุ 10 ปี ก็ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จ แต่แม้จะมีประวัติที่ทรงพลังดังกล่าว เขาปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย เมื่อตระกูลเขาพยายามจัดการแต่งงานเชื่อมสายใยระหว่างตระกูลกับตระกูลเสวี่ย เขายังคงปฏิเสธแม้ว่าการหมั้นระหว่างเจ้าคนผู้น่าสงสารกับธิดาตระกูลเสวี่ยถูกยกเลิกไปแล้ว ด้วยเหตุนี้ อาจกล่าวได้ว่าเซี่ยเชวียนเริ่นเกลียดเจ้าคนผู้น่าสงสารนี้เข้ากระดูกเลยทีเดียว
การได้อ่านบันทึกของเขาจนจบ ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกเวทนาชีวิตของเจ้าคนผู้น่าสงสารนี้จริงๆ
นอกจากแต่งงานไม่ได้ ยังสร้างศัตรูความรักไว้อีก 2 คน
“แค่คนงามที่มีความสามารถก็นับว่าเป็นคนงาม ถ้าคนเราไม่มีความสามารถอะไร อย่างนั้นเขาก็แค่เป็นคนที่หาภัยมาให้คนอื่นๆ” เย่ว์หยางตัดสินใจว่าจะไม่คิดถึงเรื่องธิดาตระกูลเสวี่ยอีกต่อไป ต่อให้นางงดงามเหมือนเทพธิดาก็ตาม เขาก็จะไม่สนใจนาง
ในโลกนี้ยังมีสาวงามอีกมาก, ทำไมต้องไปยึดติดกับผู้หญิงคนเดียวด้วย? ทำไมเขาต้องตัดใจทิ้งป่าทั้งผืนเพื่อต้นไม้เพียงต้นเดียวด้วยเล่า?
ถ้าเขามีฝีมือความสามารถ สาวงามคนใดจะไม่ต้องการเขา?
เหตุผลที่ทำให้ธิดาตระกูลเสวี่ยถอนหมั้น คงไม่ใช่เพราะเจ้าคนที่น่าสงสารผู้นี้ไม่มีอะไรดีมั้ง?
ถ้าเจ้าคนที่น่าสงสารเป็นจักรพรรดิ เขาคงมีสาวงามเป็นพันๆในฮาเร็ม ถ้าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ผิดพลาดก็แค่ทำงานตนเองต่อไปเฉยๆ แล้วก็ยังคงมีภรรยาได้ ถ้าเขาเป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวย การมีภรรยาสักคนช่างเป็นเรื่องธรรมดา จะมีสัก 3 คนก็ยังได้ ถ้าเขาต้องการ แต่ถ้าเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ตัวอย่างเช่นชาวนา มันก็แปลกที่ธิดาตระกูลเสวี่ยจะไม่ทำเรื่องวุ่นวายหรือพยายามจะตัดเจ้าน้องชายเขา ถ้าเขาพยายามนอกใจ
แต่แน่นอนว่า เจ้าคนที่สงสารไม่มีโอกาสนี้อีกต่อไป
ธิดาตระกูลเสวี่ยถอนหมั้นไปแล้ว และเจ้าคนผู้น่าสงสารนี้กลายเป็นอาหารปลาในแม่น้ำไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นบทเรียนที่ท่านควรพยายามให้ดีที่สุดเพื่อความมั่งคั่งและประสบความสำเร็จให้ได้ก่อน จากนั้นค่อยเลือกคนที่จะมาแบ่งปันชีวิตให้ได้
ขณะที่เย่ว์หยางคิดอย่างเพลิดเพลิน เขาค่อยๆ เผลอหลับไป
คลับคล้ายคลับคลาว่า เขาคิดว่าเขาเข้าไปในพื้นที่จินตนาการในจิตใจของเขา เมื่อเขาได้ทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชินก่อนนั้น เมื่อเขากำลังคิดถึงวิธีเอากระบี่บินออกมา กระบี่บินนั้นก็เปล่งแสงและเปลี่ยนสภาพเป็นเทพธิดาทรงอาภรณ์ชุดยาวสีขาว ชุดยาวพลิ้วไสวในสายลมในเรือนร่างระหงของนาง ขาเรียวยาวงดงามเต้นอย่างแผ่นเบาบนภาคพื้น ข้อมือนางเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวล นิ้วเรียวงามของนางร่ายรำอยู่ในอากาศ เอวอ้อนแอ้นของนายยักย้ายงดงาม นางร่ายรำอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง ได้เห็นฉากดุจสร้างด้วยมนตราอย่างนั้น เย่ว์หยางแทบจะทำน้ำลายยืดเป็นสายน้ำ เขาอ้าปากกว้างค้างไม่มีทีท่าว่าจะหุบได้
เทพธิดากระบี่ฟ้าเหรอ?
กระบี่บินที่เขาเคยหยิบมาจากนักพรตเฒ่าคือเทพธิดากระบี่ฟ้าจริงๆ เหรอ?
เทพธิดาชุดยาวสีขาวยังคงร่ายรำอย่างงามสง่า เหมือนดอกบัวในสระ ขณะที่มือนางยักย้ายร่ายรำเป็นพันท่วงท่า ความงามของนางไม่อาจพรรณนาเป็นคำพูดได้
รุ้งสายใหญ่ที่งดงามปรากฏที่ด้านหลังของเทพธิดาคล้ายกับดอกไม้เบ่งบานเป็นพันดอกโยกไหวในสายลมคล้ายผีเสื้อโบยบิน เย่ว์หยางคิดว่าเมื่อจบการร่ายรำที่แสนงามสง่าของเทพธิดาแล้ว เขาพร้อมจะลุกขึ้นยืนปรบมือให้นาง ทันใดนั้นนางเทพธิดาก็ปล่อยลมปราณกระบี่จากนิ้วของนางลงไปพื้นที่ว่างเปล่า เป็นการโจมตีที่ทรงอานุภาพมาก สามารถแยกฟ้าและดินออกจากกันได้ เห็นวิธีที่เทพธิดาผู้เลอโฉมมีพลังที่อาจสั่นสะท้านโลกได้ เย่ว์หยางถึงกับตะลึงจนพูดไม่ออก นี่คือพลังของนางหรือ? น่ากลัวจริงๆในความเป็นจริงสิ่งที่น่ากลัวยังจะตามมาอีก ทันใดนั้้นเทพธิดาหันกายที่งดงามและในชั่วฟ้าแลบ นางมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่ว์หยางผู้ยืนตะลึงอยู่แล้ว
มือสีขาวมุกของนางมีอำนาจทำลายสวรรค์ ดูเหมือนจะรวบรวมพลังของกระบี่นับพันไว้ในนั้น และนิ้วของนางชี้มาที่หน้าผากเย่ว์หยาง
“เหวอ!” เย่ว์หยางกลัวตายขณะที่ร้องออกมาด้วยความกลัวเขาก็ตื่นขึ้นทันที หลังจากผ่านไปชั่วขณะเขาก็ตระหนักได้ว่าเป็นแค่ฝันไป ไม่มีเทพธิดาผู้ชี้นิ้วระเบิดมาที่หัวเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาพยายามจดจำเทพธิดา เขากลับพบว่ามีวิชาลึกลับซ่อนอยู่ในใจส่วนลึกของเขาอย่างสงบ ขณะที่เย่ว์หยางคิดดูตอนนี้ ชื่อที่คุ้นก็แว่บเข้ามาในใจเขา …ลมปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นก่อกำเนิด…
************