ตอนที่ 386 ข้าอยากเป็นอสูรในตำนาน
“เราถูกล้อมไว้แล้ว” นักผจญภัยร้อง ขณะที่พวกเขาล้มลงกับพื้น พ่ายแพ้เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่เหมือนใบไม้ที่ร่วงในฤดูใบไม้ร่วง
“สายเกินไปแล้ว” เสวี่ยทันหลางจะไร้น้ำใจยามเมื่อเขาโจมตี
เช่นเดียวกับฮุยไท่หลางที่ใช้กรงเล็บของมันสังหารนักผจญภัยคนอื่นๆ
เจ้าอ้วนไห่และเย่คงใช้พลังของพวกเขาทุกคน ขณะสังหารโดยไม่เลือกว่าพวกเขาจะพบการต่อต้านหรือไม่
แอนนาและลีนต้องการห้ามพวกเขา แต่พอเห็นว่าเย่ว์หยางและหญิงสาวผมม่วงต่างจ้องหน้ากัน พวกเขาเปลี่ยนความสนใจทันที
ด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ หญิงสาวผมม่วงหุ่นยั่วยวนใจพยายามจะทอดเสน่ห์เย่ว์หยางด้วยดวงตากลมโตของนาง แต่เย่ว์หยางยังคงมีสีหน้าขึงขัง ขณะที่เขากอดเป่าเอ๋อแน่น เกรงว่าเด็กสาวซุกซนนี้จะอยู่ห่างจากตัวเขา เป่าเอ๋อพยายามดิ้นรนเล็กน้อยขณะที่นางคิดว่าเย่ว์หยางพยายามเอาเปรียบนาง ขณะที่นางเตรียมจะกัดแขนเขา นางก็หยุดเมื่อมองเห็นสัญญาณมือของแอนนา
อย่างไรก็ตาม นางยังคงสับสนกับสถานการณ์
เห็นแน่ชัดว่าพวกเขาชนะแล้ว อย่างนั้นตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?
เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าเด็กที่น่าโมโหนี้รู้จักนางแม่มดผมม่วง?
“มั่นใจได้, ข้าจะไม่ทำอันตรายนาง” พอเห็นสีหน้าจริงจังของเย่ว์หยาง หญิงสาวผมม่วงยิ้มเล็กน้อยทำให้ทุกคนหัวใจเต้นแรง
“ไปซะ!” นี่คือคำตอบของเย่ว์หยาง
“เมื่อเจ้าจากไปวันนั้น, ข้าคิดว่าจะไม่ได้พบเจ้าอีก ข้ามีความสุขมากที่ได้พบเจ้าวันนี้, สาวน้อย เจ้าจำมังกรเงินในป่าหยกครามได้ไหม? ข้าเป็นสหายคนหนึ่งของมังกรเงิน ดังนั้นข้าไม่ใช่คนเลว!” เมื่อเห็นเย่ว์หยางมองมาด้วยสายตาปฏิเสธ นางหันไปทางเป่าเอ๋อ พอได้ยินสิ่งที่นางพูด เป่าเอ๋อจำได้รางๆ “ท่านคือพี่สาวเงาดำจากผามังกร มิน่าเล่าเสียงท่านถึงได้คุ้นนัก”
“ข้าจะให้เงินเจ้า” เย่ว์หยางพูดขณะล้วงเหรียญทองออกมาจำนวนหนึ่งและส่งให้เป่าเอ๋อ “ช่วยนับให้ข้าด้วย”
“ทำไมล่ะ?” เป่าเอ๋อยังงงเล็กน้อย
“ข้าเตรียมจะขายเจ้าออกไป ฉะนั้นช่วยข้านับเงินหน่อย” เย่ว์หยางตอบเหมือนกับเป็นเรื่องจริง ทุกคนหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น (เป็นมุกของคนจีนที่ว่าแม้ถูกขายก็ยังช่วยนับเงินให้คนขาย เย่ว์หยางประชดเป่าเอ๋อ)
“ทำไมเจ้าต้องการขายข้าออกไปเล่า?” เป่าเอ๋อยิ่งงงหนัก ส่งผลให้เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือทรุดตัวกับพื้น
โอ..ตายแล้ว ถ้าแม่หนูนี่ถูกขายออกไป นางอาจจะช่วยนับเงินให้เขาจริงๆ ก็ได้
หญิงสาวผมม่วงยิ้ม ขณะที่นางคิดว่าเป็นเรื่องตลกด้วยเช่นกัน
นางต้องการเอื้อมมือไปลูบศีรษะเป่าเอ๋อ แต่เย่ว์หยางปัดมือนางทันที
เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นๆ ทั้งหมดเริ่มล้อมวงเข้ามา เตรียมคัมภีร์อัญเชิญพร้อมจะเรียกอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา พี่น้องตระกูลหลี่ปักเสาโทเท่มขนาดใหญ่ลงกับพื้นเพื่อสนับสนุนพลังต่อสู้ของทีม เสวี่ยทันหลางเตรียมรวบรวมพลังเยือกแข็งสุดแกร่งของเขา ขณะที่ดาวตกขององค์ชายเทียนหลัวก็พร้อมจู่โจม
เป่าเอ๋อสับสนไปหมด และในทำนองเดียวกันสี่สาวคิวบัวร์ก็เหมือนกัน
ทอเรนสาวฟ่านหลุนเถี่ยก็สับสนเช่นกัน
มีเพียงแอนนาและลีนที่ประสานเข้ากับเจ้าอ้วนไห่และเตรียมตัวจะโค่นหญิงสาวที่เป็นองครักษ์อย่างเงียบงัน
หญิงสาวผมม่วงกวาดสายตาไปที่เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือ “พวกเจ้าพยายามรังแกเราสามคนด้วยกำลังคนที่มากกว่าใช่ไหม?” นางพูดอย่างใจเย็น
เจ้าอ้วนไห่ยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร “ดูเหมือนว่าเวลานี้พวกเรามีแนวโน้มต้องทำเช่นนี้จริงๆ…”
“ดูบนท้องฟ้าเสียก่อนที่เจ้าจะพูด!” เย่คงตะโกนขณะที่เขาต่อยใส่เจ้าอ้วนไห่ เมื่อเจ้าอ้วนไห่โงหัวขึ้นได้ สิ่งที่เขาเห็นทำให้ถึงกับเสียวสันหลังวาบ เพราะด้านบนของหุบเขาปกคลุมไปด้วยใยแมงมุมหนาแน่นไปหมด และพวกแมงมุมกำลังกรูกันลงมา มีแมงมุมหน้าคนจำนวนเป็นพันและแมงมุมตาปีศาจระดับจ้าวอสูรทองหลายร้อยตัวเป็นผู้นำพวกมัน แมงมุมยักษ์เต็มแน่นขนัดไปทั้งหุบเขา ไม่มีที่ว่างให้ออกไป พวกมันชักใยไว้อยู่ทั่วทุกที่ เปลี่ยนทั้งหุบเขาให้กลายเป็นถุงตาข่ายในชั่วขณะเดียว และกลายเป็นกับดักเหยื่อของพวกมัน
เมื่อหญิงสาวผมม่วงแกว่งแขนของนาง พวกแมงมุมทั้งหมดก็หยุดนิ่งอยู่ในกับดักของพวกมัน พวกมันดูเป็นระเบียบยิ่งกว่ากองทัพถึงสิบเท่า
นางชี้ไปที่เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือขณะที่นางยิ้มให้เย่ว์หยาง “นอกจากเจ้า ไม่มีใครสู้ข้าได้ แต่ถ้าข้าต้องการฆ่าพวกเขา ข้าสามารถทำได้ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว แต่น้องเป่าเอ๋อ น่ารักมาก ข้าจะหักใจทำร้ายนางได้อย่างไร? ความจริง ข้าแค่ต้องการผูกมิตร มิได้ต้องการต่อต้านอะไรพวกเจ้าเลย”
เย่ว์หยางดึงเป่าเอ๋อที่มีความสุขเป็นพิเศษหลังจากฟังคำชื่นชมอยู่มาไว้ข้างหลังเขาป้องกันมิให้นางไปจากข้างๆ ตัวเขา
นี่เองทำให้เป่าเอ๋อย่ำเท้าด้วยความโกรธ ท่าทีที่ใกล้ชิดของเขาทำให้นางรู้สึกอึดอัด เหมือนกับว่าเขากำลังกอดนางและเขาไม่ยินดีจะปล่อยนาง
โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของเป่าเอ๋อ เย่ว์หยางจ้องหญิงสาวผมม่วง เหมือนกับว่านางเป็นศัตรูอันตรายที่เขาไม่อาจคลาดสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียว ฮุยไท่หลางจ้องมองหญิงสาวชุดดำที่เป็นผู้คุ้มกันและคำรามเตือนพวกนางมิให้เข้ามาใกล้
“มีวิธีผูกมิตรแบบนี้ด้วยหรือ?” เย่ว์หยางชี้ไปที่แมงมุมที่อยู่เต็มพื้นที่ทั้งหมด “ใครกันจะนำแมงมุมเป็นหมื่นมาผูกมิตร?”
“เจ้าก็อันตรายเช่นกัน ถ้าข้าไม่พาแมงมุมตัวเล็กตัวน้อยมาป้องกันตัวข้า ข้าเกรงว่าเจ้าก็จะฆ่าข้า” หญิงสาวผมม่วงพึมพำอย่างจนใจ จากนั้นจึงยิ้มสดใสให้ “เจ้าระมัดระวังข้า, ข้าก็ระมัดระวังเจ้ายิ่งกว่า เราจะปฏิบัติอย่างจริงใจกันได้อย่างไร? ข้าต้องการเรียนรู้สิ่งที่เจ้ารู้ และถ้าเจ้าสนใจสมบัติของข้า ข้าก็ไม่ตระหนี่ที่จะให้”
“เย่ว์หยาง, อย่าไปสุภาพกับนาง ฆ่านางซะ, เป็นเรื่องยากนะที่จะได้พบนายใหญ่อย่างนั้น จัดการกับแมงมุมทั้งหมื่นเป็นเรื่องกล้วยๆและคุ้มค่า” เจ้าอ้วนไห่ทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าทั้งที่เท้าสั่นด้วยความกลัว แมงมุมเขี้ยวเกเป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับเขา แต่ตอนนี้ มันมีเป็นจำนวนหมื่น
“ข้าอยากจะแสดงพลังของข้าก่อน จากนั้นบางทีพวกเจ้าอาจสนใจผูกมิตรกับข้าก็ได้”
หญิงสาวผมม่วงหายไปทันที
จากนั้นนางมาปรากฏตัวด้านหลังเจ้าอ้วนไห่ นางเป่าลมหายใจลงบนฝ่ามือนางแล้วแปะลงบนหลังของเจ้าอ้วนไห่
เจ้าอ้วนไห่เริ่มหายใจหนักหน่วง ขณะที่เขาพยายามป้องกันตัวและยืนหยัดบนพื้นด้วยการเสริมพลังแรดเหล็ก ขณะเดียวกัน เขาตอบโต้หญิงสาวผมม่วงด้วยหมัดฮิปโปดาวตกที่แข็งแกร่งกว่าและเร็วกว่าแต่ก่อนถึงสิบเท่า เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ที่อยู่ข้างๆ เจ้าอ้วนไห่เข้าไปช่วยเขาทันทีและจู่โจมโต้ตอบนางอย่างสุดกำลัง แต่พวกเขารู้ว่า นางคือระดับหัวหน้าที่แข็งแกร่งจริงๆ และพวกเขาที่มีจำนวนมากก็ไม่สามารถโค่นล้มนางได้ แต่เพราะเย่ว์หยางอยู่กับพวกเขา พวกเขาจึงไม่กลัว
ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า หญิงสาวผมม่วงกดเจ้าอ้วนไห่ลงกับพื้น จากนั้นนางไถตัวเจ้าอ้วนไห่กับพื้น และในทันทีระยะ 50 เมตร ปรากฏเป็นรอยหน้าของเจ้าอ้วนไห่บนพื้น
ในขณะเดียวกัน เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่เพิ่งเริ่มโจมตี
ความเร็วของพวกเขาแตกต่างจากความเร็วของหญิงสาวผมม่วงมากมาย
คนหนึ่งเร็วดุจสายฟ้า ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งช้าเหมือนหอยทาก
ก่อนที่เขาจะชักหมัดกลับ เย่คงตระหนักว่ามือของหญิงสาวผมม่วงจับเข้าที่หน้าผากของเขาแล้ว จากนั้นศีรษะของเขาถูกจับกระแทกเข้ากับผนังหินดังตุ้บ เขาพบว่าตัวเองกำลังมึนงงและตัวอ่อนหมดแรง เหมือนกับว่าตัวเขาไม่สามารถใช้เรี่ยวแรงโต้ตอบได้ เหมือนกับว่าเขาถูกหวดด้วยค้อน
พี่น้องตระกูลหลีถูกเตะปลิวกระเด็นทีละคนในทำนองคล้ายกัน
แม้ว่าพวกเขาจะถูกฮุยไท่หลางทำร้ายระหว่างการฝึกฝนก็ตาม แต่ฮุยไท่หลางไม่ได้เอาชนะพวกเขารวดเร็วนัก นอกจากนี้ หญิงสาวผมม่วงดูเหมือนจะยังไม่ใช้พลังเต็มที่
เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวไม่ได้โจมตี เพราะพวกเขารู้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร
หญิงสาวผมม่วงปรากฏอยู่หน้าเย่ว์หยางในชั่วพริบตา
ดูเหมือนนางใช้เวลาไปสามวินาที
เรื่องที่เกิดขึ้นในสามวินาทีในทีมที่แข็งแกร่งที่สุด เย่คงและเจ้าอ้วนไห่พร้อมกับพี่น้องตระกูลหลี่ถูกสยบพ่ายแพ้นอนอยู่บนพื้นอย่างมึนงง
นี่คือการสาธิตตัวอย่างพลังของนาง
แอนนาและลีนตะลึงนิ่งไม่อาจทำใจเชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ตอนนี้, ทุกคนตระหนักแล้วว่าหญิงสาวผมม่วงไม่ใช่คนธรรมดา แต่พวกเขาคาดไม่ถึงว่านางจะมีพลังมหาศาล มิน่าเล่านางถึงกล้าพูดว่านางสามารถฆ่าทุกคนได้ง่ายดาย เป็นเพราะนางมีพลังมากขนาดนั้นจริงๆ เพราะนางแข็งแกร่งมาก เป็นไปได้ไหมว่านางคือนางพญาแมงมุมในตำนาน? สาวงามทรงเสน่ห์ที่พวกเขาพบในวันนี้คือนางพญาแมงมุมที่สามารถเอาชนะนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้อย่างนั้นหรือ?
“ตอนนี้ข้ามีคุณสมบัติพอเป็นสหายของเจ้าได้ไหม?” หญิงสาวผมม่วงยิ้มขณะถามเย่ว์หยาง
“ลองต่อยข้าดูสิ” เย่ว์หยางส่งเป่าเอ๋อให้แอนนา
“ข้ามิใช่คู่ต่อกรเจ้า, แต่เนื่องจากเจ้าร้องขอ งั้นข้าจะลองต่อยดูสักหมัด” ก่อนที่นางจะพูดจบประโยค หญิงสาวผมม่วงก็หายไปและปรากฏตัวที่ด้านหลังเย่ว์หยาง กำหมัดต่อยใส่หลังเย่ว์หยางโดยใช้ท่วงท่าเดียวกับที่นางเพิ่งใช้จัดการเจ้าอ้วนไห่
“ช้าเกินไป”
เย่ว์หยางเอียงตัวหลบขณะที่เขาจับมือขวาหญิงสาวผมม่วงและเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศ
พอเมื่อนางกระแทกลงมาที่พื้น เย่ว์หยางชักดาบจันทร์เสี้ยวออกมาฟันใส่นาง
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวผมม่วงหายไปทันที ทิ้งไว้แต่เงาร่างที่จางหายไป
นางเหินไปอยู่ห่างถึง 100 เมตรทันที เย่ว์หยางที่ก่อนนั้นยังอยู่บนพื้นก็หายไปเช่นกัน ขณะที่เขาไล่ตามนาง ไปปรากฏอยู่ด้านหลังนาง เย่ว์หยางฟันดาบจันทร์เสี้ยวของเขาทันที เขาใช้ท่าดาบผ่าปฐพีของเขาฟันใส่ศีรษะหญิงสาวผมม่วง หญิงสาวผมม่วงชักหอกหอกยาวออกมาจากต้นขาของนางต้านรับแรงดาบจากเย่ว์หยาง ร่างของนางพุ่งลงไปยังพื้นล่างดุจดาวตกจากแรงอัดกระแทก
เมื่อนางลงมากระแทกกับพื้นและพอตั้งหลักได้ นางตระหนักได้ว่ามีขาคู่หนึ่งอยู่ตรงหน้านาง
เป็นขาของเย่ว์หยาง
เขาเตะใส่อย่างรวดเร็วด้วยท่าเท้าอรหันต์ส่งผลให้หญิงสาวผมม่วงกระเด็นไปในอากาศ
“เจ้าทำให้ข้ากังวลมากจริงๆ แล้วนะ” หญิงสาวผมม่วงเดือดดาลและร่ำร้องด้วยความโกรธขณะที่นางหันมาคว้างเท้าเย่ว์หยางด้วยความเร็วที่นางใช้ตามปกติถึงสิบเท่า นางเหวี่ยงเย่ว์หยางใส่ผนังหินและเมื่อเขากระดอนกลับมา นางเตะใส่หน้าของเขา แต่เย่ว์หยางก้มหัวหลบท่าเท้าสังหารได้ เขาคว้าต้นขาพาดไหล่ ใช้มือยกร่างนางขึ้นและฟาดร่างนางกับพื้น
“บึ้ม!”
เสียงดังสะท้านสะเทือนไปทั่วหุบเขาแมงมุม
ไม่เพียงแต่ศูนย์กลางสนามต่อสู้เท่านั้น แม้แต่เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือที่อยู่ห่างออกไปยังแทบจะล้มลง
แมงมุมเขี้ยวเกจำนวนมากร่วงลงมาจากท้องฟ้าขณะที่พวกมันกระสับกระส่ายมากขึ้น ดูเหมือนพวกมันถูกผลักดันจนแทบจะคลั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเห็นท่าทีทุลักทุเลของหญิงสาวผมม่วงถูกเย่ว์หยางจับฟาดกับพื้นกระแทกจนเกิดหลุมยักษ์
หญิงสาวผมม่วงยกมือช้าๆ ส่งสัญญาณให้พวกแมงมุมหยุดปั่นป่วน
นางยืดตัวขึ้น
หลักจากปัดเศษดินสิ่งสกปรก นางถอดชุดเกราะมังกรดำออกเผยให้เห็นรูปร่างที่เย้ายวนของนาง สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือเมื่อนางถอดเกราะมังกรดำโยนลงพื้น มันกระทบกับพื้นเสียงดังตุ้บ ดูเหมือนมันสร้างจากวัสดุที่หนักกว่าโลหะธรรมดาเป็นร้อยเท่า และความจริงนี้ขู่ขวัญเจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือจนคิดอะไรไม่ออก สตรีนางนี้สวมเกราะหนักขนาดนั้นในการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านมา นางยังเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนั้นเชียวหรือ?
“ข้าจะเริ่มเอาจริงเดี๋ยวนี้แล้ว ข้าไม่ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจมานานแล้ว แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คู่มือของเจ้า แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้ารังแกกันอย่างนี้แน่” หญิงสาวผมม่วงเกล้าผมและดูเหมือนนางจะถอดกางเกงด้วย กางเกงนางทำจากหนังมังกรดำอาจจะหนักเช่นกัน นั่นคือสาเหตุที่นางต้องการปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่ถ่วงนางไว้ เพื่อสู้กับเย่ว์หยาง
“ข้าจะไม่สู้กับเจ้าอีกต่อไปแล้ว” เย่ว์หันหลังให้
เขาตัดสินใจบอกเลิก
เขารู้ว่าหญิงสาวผมม่วงแข็งแกร่งมากขนาดไหน นางแทบจะมีพลังเท่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ด พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่านางฝึกฝนมาอย่างไรถึงได้มีความแข็งแกร่งสูงระดับนี้
แน่นอนว่า ถ้าพวกเขาสู้กันจริงๆ เย่ว์หยางสามารถเอาชนะนางได้ก็จริง แต่มันเป็นเรื่องของเวลา
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือว่านางไวมาก ดังนั้นอาจทำให้การต่อสู้เปลืองพลังงานมาก
พอได้ยินว่าเย่ว์หยางต้องการเลิกสู้ หญิงสาวผมม่วงจับกางเกงขณะที่นางไม่แน่ใจว่านางจะถอดกางเกงดีหรือไม่
นางตอบหลังจากตะลึงไปชั่วขณะ “ทำไม? ข้ายังมีทักษะอื่นที่ยอดเยี่ยมอีกหลายอย่างและสนามพลังที่ข้าตั้งใจจะอวดเจ้า”
เย่ว์หยางโบกมือ “เจ้าชนะ, ตกลงไหม?”
คำตอบของเย่ว์หยาทำให้นางพูดไม่ออก นางสวมเกราะมังกรดำและกะเตะใส่คางเย่ว์หยางเมื่อเดินผ่านเขา ดูเหมือนนางต้องการแก้แค้นที่เขาเพิ่งเตะนาง แต่เมื่อทุกคนมองดูนาง นางค่อยนึกได้ถึงภาพพจน์ของชนชั้นสูงของนาง ขณะที่นางผายมือออก “ขอให้ข้าแนะนำตัวหน่อยเถิด ข้าชื่อเจี้ยงอิง เป็นผู้นำปกครองหุบเขาแมงมุม บางคนเรียกข้าว่านางพญาแมงมุม แต่ความจริงข้าเป็นมังกร มีเลือดนางแมงมุมผสมอยู่ด้วย ยายของข้าเป็นนางพญาแมงมุมและมังกรเงินที่พวกเจ้าทุกคนพบเมื่อก่อนนั้นคือป้าของข้า นางกำลังจะให้กำเนิดในตอนนั้น ถ้าพวกเจ้าสนใจ เราสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ตามที่จำเป็น อย่างเช่นหนังมังกร, เขี้ยว, เขา, เกล็ด, เอ็นและเลือดมังกร เจ้ากำหนดมาได้เลย ข้ามีมันอยู่แล้ว นอกจากนี้ข้ายังมีผลผลิตของแมงมุมอีกด้วย เช่นผลึกเวท, อุปกรณ์, อาวุธ, ส่วนผสมยาและแร่”
“อย่างนั้นเจ้าต้องการอะไร?” เย่ว์หยางไม่ได้จับมือกับนาง ขณะที่เขาถามนางอย่างเปิดเผยแทน
“คัมภีร์อัญเชิญเล่มหนึ่ง” หญิงสาวผมม่วงชี้ไปที่ฮุยไท่หลางขณะที่นางมองดูตาเย่ว์หยาง “ข้าต้องการเป็นเหมือนฮุยไท่หลางที่ทำสัญญากับคัมภีร์ได้สำเร็จ ข้ามั่นใจว่าเจ้ารู้วิธีการบางอย่างทำให้ข้าได้เป็นอสูรในตำนานได้”
“ฮุยไท่หลางเป็นอสูรในตำนานหรือนี่?” ข่าวนี้เกือบทำให้ทอเรนสาวฟ่านหลุนเถี่ยและสี่สาวคิวบัวร์ตกใจจนแทบสลบ พวกนางไม่เคยคาดคิดมาก่อนในชีวิตว่าเจ้าหมาหน้าโง่ความจริงแล้วเป็นอสูรในตำนาน!
“ฮุยไท่หลาง เจ้าหมาที่น่าประทับใจจริงๆ…” เป่าเอ๋อลืมเรื่องที่นางได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าฮุยไท่หลางไม่สามารถเอาตัวรอดในหอทงเทียนชั้นที่หกได้
“เจ้านึกหรือว่าการทำสัญญากับคัมภีร์จะทำได้ง่ายดายนัก?” เย่ว์หยางปฏิเสธนางทันที
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน แต่ข้ามั่นใจว่าข้าทำได้” หญิงสาวผมม่วงพูดขณะที่นางยิ้ม ดวงหน้าน้อยๆ ของนางดูมีเสน่ห์เหมือนอาทิตย์ฉายรัศมีผ่านก้อนเมฆ นางจับมือของเย่ว์หยางแน่นเพื่อยืนยันให้เห็นว่าพวกเขาเป็นพันธมิตรกัน จากนั้นนางจึงบอกความลับที่ยิ่งใหญ่ให้เขา “ข้าทราบมาว่าอุทกแม่พระธรณีหมื่นปีจะปรากฏในหอทงเทียนชั้นที่เจ็ดในเร็วๆ นี้ ตราบใดที่เราดื่มลงไป, ไม่เพียงแต่ข้าเท่านั้น, แม้แต่อสูรของเจ้าทั้งหมดก็สามารถกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้กันหมดหรือเป็นได้กระทั่งอสูรในตำนาน ร่วมมือกับข้า ข้าแค่รู้สถานที่ๆ มันจะปรากฏ นอกจากนี้อุทกแม่พระธรณีหมื่นปีเป็นของที่หาได้ยากมาก หมื่นปีจึงจะปรากฏครั้งหนึ่ง ถ้าเจ้าพลาด เจ้าจะต้องรอไปอีกหมื่นปี”
“อุทกแม่พระธรณีหมื่นปี?” เย่ว์หยางชักหวั่นไหว ไม่เพียงแต่มีบันทึกไว้ในสารานุกรมยาเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่ต้องการเสาะหาของสาวกิเลนและยังมีปรากฏในบันทึกความรู้ของมารดาสหายผู้น่าสงสารอีกด้วย
ทุกคนต่างก็บอกว่าเป็นส่วนผสมยาที่ดีที่สุด สามารถใช้ปรุงยาชั้นเทพได้ ต้องรอกันหมื่นปีถึงปรากฏมีสักครั้ง
อุทกแม่พระธรณีหมื่นปีจะถูกสร้างในสภาพแวดล้อมที่ดีเลิศมีพลังปราณวิญญาณอย่างเพียงพอ มันห่อหุ้มแก่นฟ้าและดินทั้งสอง ถ้ามนุษย์ธรรมดาบริโภคเข้าไป อายุขัยของเขาอาจเพิ่มขึ้นถึง 500 ปี
มันเป็นของที่มีระดับชั้นสูงกว่าน้ำทิพย์, สุราเทวะและน้ำพุอมตะเสียอีก มีเพียงแต่วิญญาณนักรบและเลือดเทพเจ้าถึงจะเทียบเท่าได้ แต่ขณะที่ของทั้งสองนั้นสามารถหาพบได้ในเขตชายขอบของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ส่วนอีกตัวยาหนึ่งจะต้องเดินทางไปที่แดนสวรรค์เพื่อหยิบฉวยมา… นี่ทำให้อุทกแม่พระธรณีเป็นเพียงตัวยาชั้นเทพที่สามารถหาได้ที่หอทงเทียนหรือดินแดนนอกทงเทียน
แต่เจ้าสิ่งนี้จะปรากฏครั้งละหมื่นปี
และมีเพียงผู้มีวาสนาจึงจะได้รับ แต่ตอนนี้ มันจะปรากฏที่ไหนสักที่ในหอทงเทียนชั้นเจ็ดงั้นหรือ?
ถ้าพวกนักรบในหอทงเทียนรู้เรื่องนี้เข้า คงจะมีคนเป็นบ้าไปหลายคน และจะเป็นเหตุให้เกิดการต่อสู้นองเลือดในหอทงเทียน
“มีคนรู้เรื่องนี้กี่คน?” เย่ว์หยางรู้สึกว่า ถ้าข้อมูลนางเป็นจริง อย่างนั้นก็คงพลาดไม่ได้จริงๆ
“มีแต่เพียงข้าที่รู้” หญิงสาวผมม่วงจับมือเย่ว์หยางเขย่าจริงจัง “ถ้าเจ้าช่วยให้ข้าเป็นอสูรในตำนานได้ เราจะแบ่งอุทกแม่พระธรณีอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าเจ้าพบปัญหาใดๆ ข้าจะต้องมาช่วยเจ้าอย่างแน่นอน ดูแมงมุมทั้งหมดนี้สิ พวกเขามิใช่ทหารชั้นดีที่สุดที่เจ้าเคยขอมาใช่ไหม? ข้าไม่มีความปรารถนาอย่างอื่นนอกจากกลายเป็นอสูรในตำนาน ดังนั้นเจ้า..ตกลงไหม?”
“ข้าต้องพิจารณาดูก่อน..” เย่ว์หยางต้องการเห็นด้วยทันที แต่เขาอดกลั้นไว้ เขาต้องการกุมความได้เปรียบก่อน
“ฟังนะ, ข้าต้องการกลายเป็นอสูรในตำนาน! ไม่จำเป็นต้องพิจารณาอะไรอีกแล้ว!” หญิงสาวผมม่วงจับมือเย่ว์หยางเขย่า นางแทบจะทำให้เขากระดูกหัก
ทุกคนอยากจะเห็นด้วยแทนเย่ว์หยาง แต่ใครจะรู้ว่าเขาหันหลังให้นางและพูดว่าเขาต้องการเก็บไปคิด
เขาสามารถทำให้คนอื่นๆ หงุดหงิดแทบตาย
นั่นเป็นข้อเสนอที่ดี เขาไม่เห็นด้วยได้ยังไง?
*****************