ตอนที่ 388 นมผึ้งคุกทมิฬ
นครเถื่อนตั้งอยู่ใจกลางป้อมสายฟ้ารวมทั้งอีกสามเขตปกครองอื่น
เป็นที่พักอยู่อาศัยของผู้มั่งคั่งในป้อมสายฟ้าและเป็นสวรรค์สำหรับผู้แสวงหาชีวิตที่มีอิสระไม่มีขีดจำกัดและเป็นรูปธรรม
วังของราชาฉงนี่ตั้งอยู่ในจุดตำแหน่งที่สูงสุดของป้อมสายฟ้าซึ่งมองเห็นได้เมื่อมีผู้ผ่านอุโมงค์คดเคี้ยวที่ภาคพื้นดินเข้ามา ภายใต้ยอดเขามีทะเลสาบขนาดเล็กใต้หน้าผาสูงชัน มันเป็นของราชาฉงนี่ ไม่มีผู้ใดกล้าอยู่อาศัยที่นั่น อาคารสูงมีกระจายอยู่ทั่วไปในสามทิศทาง ในที่แถบนี้ เขตที่คักคักที่สุดก็คือเมืองเมืองเถื่อน
ถ้าใครบางคนสามารถเป็นเจ้าของคฤหาสน์ในเมืองใต้ดินได้ แต่ไม่มีคุณสมบัติเข้ามาในเมืองเถื่อนได้ ไม่ว่าเขาจะร่ำรวยเพียงใดก็ตาม ก็อาจถูกมองว่าเป็นเหมือนกับพวกสามล้อถูกหวย
แน่นอนว่าตัวแอนตันเองก็มีคุณสมบัติเข้าเมืองเถื่อนได้ เขาเป็นเจ้าของร้านค้าปลีกถึงสองแห่ง
อย่างไรก็ตาม ร้านค้าถูกคนของเยาถงรื้อกระจุยก่อนที่จั๊ดด์จะเข้าไปรับคืนกลับมา แม้แต่คนตาบอดก็สามารถบอกได้ว่าตอนนี้ เยาถงหนึ่งในสามผู้นำเก็บงำความแค้นที่มีต่อเด็กใหม่ไตตันไว้ก่อน
เยาถงเป็นผู้คอยสนับสนุนแอนตันมาก่อนและสามารถกล่าวได้ว่า เขาเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ของแอนตัน แต่ตอนนี้แอนตันสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และไตตันเข้าแทนที่เขา การสูญเสียคนที่เป็นมือขวาของเขาและผู้ติดตามฝีมือดีสองคนอย่างเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ ทำให้เยาถงถึงกับประกาศอยู่หลายครั้งหลายคราว่าจะต้องสั่งสอนให้บทเรียนเย่ว์หยาง เขาจะต้องทำให้เย่ว์หยางเข้าใจว่า แม้แต่มังกรที่ทรงพลังก็ไม่อาจย่ำยีงูเจ้าถิ่นเดิมได้ ความคิดเห็นของผู้นำอื่นอีกสองคน ก็คือ ซานเซียวและเซวี่ยเหอกลับตรงข้ามโดยสิ้นเชิง พวกเขาพยายามแสดงให้เห็นว่าหาโอกาสอ้าแขนต้อนรับไตตัน พวกเขายังถือโอกาสเหน็บแนมว่าพวกเขาไม่ขัดข้อง หากจะมีผู้นำถึงสี่คน เป็นการแสดงว่าพวกเขาสนับสนุนไตตันเต็มที่
หม่าหลงเจ้าเมืองใต้พิภพมีจุดยืนที่เป็นกลาง
เนื่องจากไตตันไม่ได้สนใจต่อสู้กับเขาเพื่อชิงตำแหน่งเจ้าเมืองคนต่อไป หม่าหลงจึงไม่รู้สึกว่าถูกคุกคาม
ยิ่งกว่านั้นหม่าหลงยังมีแผนจะรับสนามต่อสู้ไว้ดูแลจึงส่งคนไปเจรจากับบริวารของไตตันก็คือพ่อค้ากบกับพ่อบ้านเหยียนเจิ้ง นอกจากนี้พวกเขายังเสนอราคาไว้ด้วย ดังนั้นถ้าไตตันกับเยาถงจะต้องต่อสู้กันเองหม่าหลงอาจยืนอยู่ข้างเย่ว์หยาง
แม้ว่าเมืองเถื่อนจะเจริญรุ่งเรือง แต่เย่ว์หยางก็ไม่ได้ให้ความสนใจ เหมือนกับว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีค่าอะไรต่อเขา สิ่งเดียวที่สำคัญในหอทงเทียนก็คือ พลังอำนาจ
ถ้าฉงนี่และสามผู้นำตาย อย่างนั้นป้อมสายฟ้าก็จะกลายเป็นพื้นที่เต็มไปด้วยการนองเลือด ปล้นและฆ่า
“นายท่าน, เชิญทางนี้” เจ้าอ้วนจั๊ดด์ต้อนรับเย่ว์หยางอย่างขมีขมัน
เมื่อจั๊ดด์เห็นเซี่ยอีในชุดตำรวจหญิงที่สง่างาม เขาเกือบจำนางไม่ได้ นึกว่าท่านไตตันได้หญิงงามคนใหม่ แม้จะดูใกล้ๆ เขาก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเซี่ยอีผู้มักหาเรื่องทะเลาะกับเย่ว์หยางเจ้านายของเขาตลอดเวลา
พอเห็นจั๊ดด์อ้าปากตะลึงค้าง เซี่ยอีทำอดไม่ได้ที่จะแอบยินดีในใจ
หลังจากโดดลงมาจากรถม้าโดยสาร เย่ว์หยางเดินไปที่อาคารประมูล
มีกฎที่ไม่ได้ตราไว้ในอาคารประมูลว่าพ่อค้าและนักรบที่อ่อนแอที่มาถึงก่อนจะต้องทักทายนักสู้ผู้มาถึงทีหลัง แน่นอนว่า พวกที่เป็นปฏิปักข์กันก็จะไม่ทำตามนั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อพ่อค้าทุกคนลุกขึ้นยืนปรบมือและทักทายเย่ว์หยาง พวกที่อยู่ฝ่ายเยาถงไม่กี่คนก็ยังคงนั่งอยู่กับที่
ไม่เพียงแต่พ่อค้าที่อยู่บริเวณอาคารประมูลเท่านั้น แม้แต่พวกที่มีสถานะสูงส่งนั่งอยู่ในจุดที่นั่งส่วนบุคคลก็ยังโบกมือให้จากทางหน้าต่างเป็นการแสดงความนับถือ
ขณะที่เย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้สามารถฆ่าเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ได้ มีความเป็นไปได้ว่าเขาอาจกลายเป็นหนึ่งในสี่ผู้นำของป้อมสายฟ้าได้ในอนาคต ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเขาไว้ก่อน
เมื่อเย่ว์หยางเข้าไปในพื้นที่สำหรับบุคคลพิเศษในชั้นสอง มีคนอยู่ไม่กี่คนพึมพำอยู่รอบๆ
รอบๆ นั้นมีคนพูดคุยกันถึงสถานะ ภาพพจน์และพลังที่ลึกลับของเย่ว์หยาง
ในไม่ช้าเย่ว์หยางก็เข้าไปในอาคารประมูล เจ้าเมืองใต้พิภพหม่าหลง, ซานเซียวและเซวี่ยเหอที่เป็นหนึ่งในสามผู้นำมาถึงหลังจากนั้นไม่นาน ฉงนี่ไม่ได้มา ทำให้เยาถงเป็นคนเดียวที่มีศักดิ์ฐานะสูงสุด เขามาถึงคนสุดท้ายเป็นการแสดงว่าเขาเป็นผู้มีสถานะสูงที่สุด
เยาถงเป็นคนต่างเผ่าพันธุ์นัยน์ตาเป็นประกายเรืองแสงสีแดง ขณะที่ยืนสูงสามเมตรมีเขาอยู่บนศีรษะและมีเครางอกจากข้างศีรษะยาวลงมาถึงคาง เขาสวมปลอกคอกลมที่เหมือนกับจะค้ำคอไว้เชื่อมเข้ากับเกราะคลุมไหล่ของเขา แขนทั้งสองยาวกล้ามเป็นมัด เล็บของเขายาวดำและแหลมคม เย่ว์หยางสังเกตได้อย่างหนึ่งก็คือ เยาถงสวมแหวนวงบางๆ ดูไม่เหมือนอัญมณีตามปกติ แต่เป็นแหวนเก็บสิ่งของที่มีการใช้งานไม่ซ้ำแบบใคร และยังเป็นสมบัติระดับแพลตตินัม เย่ว์หยางรู้สึกว่า น่าจะคุ้มค่า ถ้าเขาฆ่าเยาถงและชิงแหวนสมบัติชั้นแพลตตินัมนี่เสีย
สำหรับคนอย่างเยาถง เขาคงเก็บสมบัติมากมายเอาไว้ในแหวนของเขาแน่นอน
เยาถงโบกมือให้ซานเซียว, เซวี่ยเหอและหม่าหลงทำทีแสดงว่าเขาเป็นนักสู้ที่ใจกว้าง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้โบกมือให้ไตตันที่มีสถานะเสมอกับอีกสามคน เขาทำเหมือนกับว่าไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน ทุกคนลอบชำเลืองมองหวังว่าจะได้เห็นฉากอะไรดีๆ
“เอ่อ, ท่านเยาถง, ขอให้ข้าได้แนะนำให้ท่านรู้จักกับคนๆ หนึ่ง เขาเป็นเจ้าของใหม่แทนแอนตันแห่งเหมืองตะวันตก ตอนนี้เขาอยู่นี่แล้ว ท่านอยากจะพบเขาและให้เราต้อนรับเขาในฐานะผู้นำคนหนึ่งของป้อมสายฟ้าบ้างไหม?” ซานเซียวเป็นคนผอมเหมือนหนังหุ้มกระดูกมีแขนยาว นัยน์ตากลวงลึก อย่างไรก็ตาม คนทั้งหมดนี้ไม่ได้ยกอ้างพลังของเขา ความจริงในแง่พลังแล้ว เขามีพลังพอๆ กับเยาถง
“แน่นอนว่า ท่านไตตันเป็นผู้สมควรได้รับการนับถือจากพวกเรา” เซวี่ยเหอเห็นพ้องด้วย
เซวี่ยเหอเป็นบุรุษรูปงาม
เขามองดูเหมือนคนวัยกลางคน แต่หนวดโง้งเหนือริมฝีปากของเขาทำให้เขาดูดีทันสมัย เขามีดวงตาที่คมชัดและสวมชุดคลุมสีแดงเพลิง
มือทั้งสองของเขาเรียบลื่นเหมือนกับมือผู้หญิง แต่เป็นมือที่ทำให้เขาเป็นผู้ทรงพลัง รู้จักกันดีในนามวิชาฝ่ามือคลุมฟ้า
เยาถงรู้ว่าซานเซียวและเซวี่ยเหอจงใจจะสร้างความบาดหมางระหว่างเขากับไตตัน เพื่อที่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะได้เลวร้ายภายใต้การจับตาของสาธารณชน เขารับคำฮืมเบาๆ แสร้งหัวเราะอย่างเป็นมิตร “ข้าไม่รู้เลยว่าท่านไตตันจะอยู่ที่นี่ จนอาจทำให้ต้อนรับไม่ดี เรื่องที่เขาเป็นเจ้าของแทนแอนตัน, ข้าก็เคยได้ยินมาจากผู้ช่วยของข้า”
ในที่สุดเขายังคงไม่รู้จักเย่ว์หยาง ขณะที่เดินเข้าไปในที่นั่งบุคคลชั้นพิเศษขณะหัวเราะ
ทุกคนมองดูเย่ว์หยาง
พวกเขาต้องการเห็นว่า ในฐานะนักสู้ปราณก่อกำเนิด เด็กใหม่ไตตันจะตอบสนองต่อการถูกเมินเฉยเช่นนี้ยังไง
“จั๊ดด์ ในฐานะที่เป็นผู้เยาว์ เราจะส่งของขวัญให้ผู้อาวุโสของเราได้ไหม? ไปเอาไม้ฟืนที่มุมห้องมาแล้วเอามาให้ท่านผู้นำเยาถงเป็นการแสดงความคารวะ” พอได้ยินสิ่งที่เย่ว์หยางพูด ทุกคนตะลึง ส่งของขวัญหรือ? ใช้ไม้ฟืนเป็นของขวัญ? หมายความว่ายังไง?
“นะ..นี่หมายความว่ายังไง?” ในอาคารประมูลด้านล่าง, จั๊ดด์ยื่นไม้ฟืนให้ผู้ติดตามของเยาถงอย่างนอบน้อม ทำให้ผู้ติดตามของเยาถงโกรธ
“นายข้าบอกว่าในบ้านเกิดของเขา คนที่คู่ควรแก่อัญมณีก็จะได้รับอัญมณี ขณะที่คนไร้ประโยชน์มีราคาพอๆ กับไม้ฟืนก็ควรได้รับไม้ฟืน เราคิดว่าของขวัญที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเจ้านายของเจ้าก็คือไม้ฟืน” จั๊ดด์ตัดสินใจเสี่ยง เขารู้ว่าด้วยคำพูดที่เขากล่าวออกไป ถ้าเยาถงไม่ถูกฆ่า อย่างนั้นเขาเองก็คงต้องตาย อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเสี่ยงสู้ทุกอย่าง เพราะถ้าเยาถงถูกฆ่า อย่างนั้นก็จะทำให้เย่ว์หยางเป็นหนึ่งในสามผู้นำและสถานะของเขาก็จะสูงขึ้นมาก ทำให้เขาแค่เป็นรองผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในป้อมสายฟ้า
“ข้าจะฆ่าเจ้า…” คนติดตามโกรธยิ่งขึ้น
“หยุดนะ, ข้าจะรับฟืนนี่ไว้ และจะช่วยให้ข้าตอบแทนท่านไตตันที่ให้ไม้ฟืนนี้เอาไว้ใช้ทุบตีสุนัขในอนาคต!” เยาถงโผล่ออกมาจากหน้าต่างและยิ้มเยาะ
“นับเป็นเรื่องดีที่ได้รับของขวัญที่ดี ข้าเองยังไม่ได้รับด้วยซ้ำ” เซวี่ยเหอหัวเราะขณะที่เขาพยายามคลี่คลายบรรยากาศอึดอัด
เขามองดูซานเซียว ขณะที่พยักหน้าให้กันอย่างระมัดระวัง
คนที่เหลือรู้สึกว่าคงต้องมีเรื่องตามมาในอนาคตและพวกเขากำลังใคร่ครวญว่าจะเลือกข้างผู้ใด
พวกเขามิอาจเลือกฝ่ายผิดได้ เพราะผลตามมาอาจจะเลวร้าย… ถ้าพวกเขาเลือกเยาถง แต่ไตตันชนะในที่สุด ไตตันก็จะกำจัดผู้ติดตามเยาถงทั้งหมดแน่ แต่ถ้าเยาถงชนะ พวกที่เลือกฝ่ายไตตันก็จะพินาศทันที ดังนั้นการเลือกข้างจึงเป็นทักษะที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ
การประมูลเริ่มต้นในบรรยากาศที่เป็นคู่แข่งต่อกัน
ในฐานะที่เป็นพ่อค้า จั๊ดด์ได้ประกาศสงครามอย่างเปิดเผยแล้ว เขาไม่นอบน้อมสุภาพต่อบริวารของเยาถงแล้วขณะที่เขาเข้าแข่งขันร่วมเสนอราคาของทุกชิ้นสู้กับบริวารของเยาถงเพื่อโค่นเขาให้ได้
เย่ว์หยางอนุญาตให้จั๊ดด์ทำเช่นนั้น แต่จั๊ดด์ไม่ได้ต้องการของเหล่านั้นจริงๆ เขาแค่ต้องการปั่นราคาประมูลให้ผู้ติดตามของเยาถงต้องจ่ายมากขึ้น และจั๊ดด์ก็ฉลาดพอที่จะไม่เข้าร่วมเสนอราคาประมูลสู้กับบริวารของซานเซียวและเซวี่ยเหอ แต่พวกเขากับร่วมกันข่มบริวารของเยาถง จนแทบทำให้พวกเขาเดือดดาล เยาถงคาดไม่ถึงว่าเย่ว์หยางจะเป็นคนที่กล้าท้าทายเขาอย่างเปิดเผย กับดักนี้ทำให้เขาติดอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ได้แต่เดินหน้าต่อไป ขณะที่เขาทำเช่นนั้น เขาแอบประเมินพลังที่แท้จริงของเย่ว์หยาง ถ้าคู่แข่งครอบครองพลังที่คล้ายกับที่เขามี ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากซานเซียวและเซวี่ยเหอ เย่ว์หยางก็เป็นภัยคุกคามสำหรับเขาแน่นอน
แต่ทันทีที่พันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขามาถึง ศัตรูผู้นี้จะต้องตาย
ไม้ตายของเขาคือพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเขาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย
ทุกอย่างจะไม่เป็นไร ตราบใดที่เขายังไม่เริ่มสู้ตอนนี้
เยาถงพยายามข่มความโกรธต่อไป ถ้าเป็นในอดีตเขาคงจู่โจมทำร้ายศัตรูที่ยั่วยุเขาทันที
“สินค้าประมูลต่อไปเป็นนมผึ้งคุกทมิฬ เป็นส่วนผสมยาระดับ 6 ที่สตรีใช้เพื่อให้ดูสดใสเยาว์วัย และถ้าบุรุษใช้ทำให้มีเรี่ยวแรงไม่อ่อนเพลีย ที่สำคัญที่สุด นี่เป็นเพียงขวดเดียวที่หาได้ในหอทงเทียนชั้นที่หกในปีนี้ ราคาตั้งต้นที่หนึ่งพันเหรียญทอง เพิ่มราคาประมูลอย่างน้อยร้อยเหรียญทองสำหรับทุกการเสนอราคา” พนักงานประมูลแนะนำสินค้าอย่างกระตือรือร้นบนเวที
“….” เย่ว์หยางหวั่นไหวเล็กน้อย
สำหรับคนอื่น นมผึ้งคุกทมิฬเป็นยาเม็ดที่ใช้เพิ่มพลังงานและมันถูกใช้อย่างจำกัดเพื่อเพิ่มพลังทางเพศ
แต่สำหรับเย่ว์หยางที่ได้อ่านสารานุกรมยามาแล้วและจากความรู้ที่เขาได้รับตกทอดจากมารดาของสหายผู้น่าสงสาร นมผึ้งคุกทมิฬนี้ยังมีสรรพคุณทางยาที่คนอื่นๆ ยังไม่รู้ แม้ว่าจะต้องเพิ่มส่วนผสมตัวยาอื่นๆ แต่มันเป็นส่วนผสมหลักที่จำเป็นในการใช้ปรุงยา เมื่อมีผู้ปรุงยาเม็ดหอมร้อยเสน่ห์จากนมผึ้งคุกทมิฬ มันจะล่อใจอสูรแมลงทุกชนิดเป็นอย่างดี ไม่ว่าผู้ใช้จะใช้ในระหว่างทำสัญญา, ดึงดูดหรือต่อสู้กับอสูรสายแมลง ก็จะเกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลมาก
นอกจากนี้ ยังนำมาปรุง “ยาน้ำเสน่ห์นางพญาปีศาจ” ที่เอาไว้ใช้ยกระดับอสูรสายแมลง
และยังเอามาใช้ปรุงยาเม็ด “ยมทูตคุกทมิฬ” ที่เป็นยาพิษเหมือนกับ “ดอกยมทูตเคียวโลหิต”, “เห็ดเขียวหายนะ” และอื่นๆ สามารถใช้เป็นยาพิษฆ่าอสูรสายแมลงได้ทันทีรวมทั้งจ้าวอสูรทอง แม้แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์ร่างมนุษย์ก็แทบไม่อาจป้องกันมันได้
ตอนแรกเย่ว์หยางไม่สนใจจะประมูล ขณะที่เขานึกหาวิธีฆ่าเยาถง เขากำลังนึกหาวิธีการก่อกวนป้อมสายฟ้า ซึ่งเป็นรังโจรและฆ่านักรบชั่วร้ายเพื่อรับเงินรางวัลบางส่วน
แต่ตอนนี้ที่เย่ว์หยางเห็นวิธีจัดการดีๆ แล้ว แน่นอนเขาจะต้องหลอกล่อ
************