ตอนที่ 389 ศัตรูเก่าความรัก มารมังกรฟ้า
“เจ้าอยากได้นมผึ้งบ้างไหม?” เซี่ยอีนั่งอยู่นานและรู้สึกเบื่อ พอเห็นว่าเย่ว์หยางสนใจนมผึ้งคุกทมิฬ นางอยากถ่มน้ำลายใส่เขาอย่างช่วยไม่ได้ เขาขึ้นชื่อว่าเป็นจอมลามก มัวสนใจแต่ยาเพิ่มพลังทางเพศ คิดว่าจะให้นางช่วยเขาเสนอราคาประมูล แต่นางจะใช้เงินเขาจ่าย เซี่ยอียกป้ายเสนอราคา นางตั้งราคาที่แม้แต่นางเองก็ยังตกใจ “สามพันเหรียญทอง”
“โห!”
นี่ทำให้ผู้คนตะลึง
แม้ว่านี่จะเป็นของดี แต่ก็ใช้ได้เพียงครั้งเดียวและอาจดื่มหมดสิ้นไปภายในอึกเดียว ยิ่งกว่านั้น ผลกระทบของมันคงอยู่เพียงคืนเดียว ประสิทธิผลทั้งหลายเหล่านี้ต้องเสนอราคาประมูลสูงขนาดนั้นเชียวหรือ?
อาจเป็นได้ที่ไตตันน้อยเป็นคนที่ราคะจัดและต้องการนมผึ้งคุกทมิฬมาช่วยในกิจกรรมอย่างว่านั้น
หรืออาจเป็นเพราะเขามีเงินมากเกินไปจนไม่มีที่เก็บ ถึงได้ไม่เห็นค่าของทองอีกต่อไป
ทุกคนสงสัยว่าทำไมไตตันน้อยที่ไม่ได้แสดงความสนใจสินค้าใดๆ มาทั้งคืน กลับให้องครักษ์หญิงของเขาเสนอราคาประมูลนมผึ้งคุกทมิฬ
จั๊ดด์เองก็อยู่ในสภาพตกตะลึงเช่นกัน
แต่เขาไม่ได้รู้สึกแปลกกับทัศนคติและพฤติกรรมที่ไม่อนาทรร้อนใจของเย่ว์หยางแล้ว
ยิ่งกว่านั้น นมผึ้งคุกทมิฬยังเป็นยาชั้นดีที่มีผลปลุกกำหนัดโดยไม่มีผลข้างเคียงอย่างแน่นอน
“สามพันห้าร้อย” บริวารของเยาถงถือโอกาสเสนอราคาที่สูงกว่าในที่สุด
“สี่พัน” เซี่ยอียิ้มเยือกเย็น คนจ่ายเงินไม่ใช่ข้าอยู่แล้ว ถ้าพวกเจ้าทุกคนจะเสนอราคาแข่ง ข้าก็จะสนองด้วย จะดีที่สุดหากข้าทำให้เจ้าผู้นี้ล้มละลายได้ เอาเลย เจ้านี่เป็นแค่คนรวยโสโครกเท่านั้น เขาคงไม่จนหรอก ต่อให้โก่งราคาขึ้นไปถึงสี่หมื่นเหรียญทอง ตอนแรกเมื่อเซี่ยอีเริ่มเสนอราคา นางหวั่นเกรงและกังวลเล็กน้อยว่าเย่ว์หยางจะดุด่านาง อย่างไรก็ตาม นางชำเลืองมองเย่ว์หยาง เห็นว่าเขายังยิ้มได้และเหมือนกับจะไม่สนใจเรื่องจำนวนเงิน ดังนั้นนางจึงรู้สึกผ่อนคลายและตัดสินใจเสนอราคาต่อ เนื่องจากดูเหมือนเขาจะไม่คัดค้าน
“เราขอเสนอที่สี่พันห้าร้อยเหรียญทอง” บริวารของเยาถงปั่นราคาประมูลทันที เจ้าต้องการจะได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ? ไม่มีทาง
“ห้าพัน” เซี่ยอีเสนอราคาทันที
“ห้าพันห้าร้อย” บริวารอีกคนหนึ่งของเยาถงยืนขึ้นเสนอราคาขณะที่พวกเขาไม่ลดราวาศอก
“เราไม่ต้องการมันอีกต่อไปแล้ว” เซี่ยอีเลิกทำให้เย่ว์หยางตกใจเช่นกัน นางไม่โง่ต่อไปตั้งแต่เมื่อไหร่?
เซี่ยอีแค่นเสียงอย่างพอใจ “คนผู้นั้นดูเจ้าเล่ห์ ข้ามั่นใจว่าเขาจะไม่เสนอราคาอีกต่อไปทันทีที่ข้าตั้งราคาหกพันเหรียญ เขาต้องดีใจและคิดอยู่ในใจว่าข้าโง่ แต่ข้าไม่หลงกลเขาแน่! ไม่เป็นไร เราไม่ต้องการมัน! ก็แค่ให้พี่ชายเจ้าคว้ามันกลับมาให้เจ้าก็ได้ อย่างไรก็ตาม ข้าก็ได้สู้กับเยาถงไปแล้ว ดังนั้นถือเป็นโอกาสที่ท่านจะโต้กลับเขาบ้าง!”
“……” พ่อบ้านเหยียนเจิ้งยืนอยู่ที่ประตูกำลังมองดูเซี่ยอีอย่างตะลึง เขารู้สึกว่านางอาจได้รับอิทธิพลจากเย่ว์หยางอย่างรุนแรงหลังจากติดตามเขามาเป็นเวลานาน
เวลาไม่ถึงสามนาทีเมื่อมีบุรุษคนหนึ่งวิ่งตรงมาที่พวกเขา
เขายื่นกระดาษบันทึกข้อความให้เหยียนเจิ้ง
กลับกลายเป็นตัวแทนตลาดมืดมีนมผึ้งคุกทมิฬขวดใหญ่และเขายินดีจะให้ท่านไตตันในราคาถูกสุด พันเหรียญทอง นอกจากนี้เขายังต้องการเป็นมิตรกับไตตัน
เซี่ยอีพูดไม่ออก คนผู้นี้ช่างโชคดีมากจริงๆ
ก็เมื่อครู่ก่อนนั้น พวกเขายังต้องการซื้อในราคาที่สูง แต่ไม่คุ้มค่าอยู่เลย อย่างไรก็ตามกลับมีคนยินดีขายให้เขาในราคาถูกขนาดนั้น แทบจะเหมือนกับว่าพวกเขาให้เย่ว์หยางฟรีๆ…. ดูเหมือนว่านางไม่ต้องกังวลเรื่องประหยัดเงินให้เขา
“ชิ้นต่อไป เรามีเหล็กอุกกาบาตคุณภาพสูงเยี่ยม มันถูกสกัดออกมาจากแก่นอุกกาบาตที่หนักเป็นล้านชั่ง มีน้ำหนัก 1628 กิโลกรัมและบริสุทธิ์ถึง 99% เหมาะที่สุดสำหรับสร้างอาวุธชั้นทอง ข้ามั่นใจว่าทุกท่านคงจะรู้จักคุณค่าของมันโดยไม่ต้องให้ข้าพรรณนาต่อไป ราคาตั้งประมูลต่ำสุดห้าพันเหรียญทอง เสนอเพิ่มราคาอย่างน้อยครั้งละสามร้อยเหรียญทอง ผู้ชนะจะได้รับมันไป”
พนักงานประมูลเผยให้เห็นเหล็กอุกกาบาตในผ้าคลุมสีแดง มันเรียกความสนใจจากทุกคนได้ทันที
แม้ว่าเหล็กอุกกาบาตจะไม่ถึงกับดีเท่าทองอุกกาบาต แต่มันก็เป็นสมบัติหาได้ยาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดเหล็กอุกกาบาตมีปริมาณมาก
นักสู้หลายคนต้องการอาวุธหนัก ขณะที่พวกเขาไม่คุ้นเคยกับการใช้อาวุธเบา
อย่างไรก็ตาม การหล่ออาวุธต้องพบกับปัญหาเรื่องพลังงานที่ใช้และโอกาสจะทำได้สำเร็จ แต่เหล็กอุกกาบาตนี้หนัก 1628 กิโลกรัม ดังนั้นจึงมีมากพอที่จะสร้างอาวุธหนักได้ถึงสองชิ้น ถ้าคนที่ต้องการอาวุธขนาดใหญ่สร้างขวานยักษ์หรือถุงมือเขี้ยวหมาป่า พลังต่อสู้ของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมากอย่างแน่นอน สำหรับพวกที่ต้องการอาวุธที่สั้นกว่า พวกเขาสามารถใช้เหล็กอุกกาบาตที่เหลือสร้างเกราะเหล็กอุกกาบาตซึ่งเป็นวัสดุที่มีพลังป้องกันอย่างดีเช่นกัน
เย่ว์หยางให้ทุนประมูลกับเซี่ยอีไม่เกินหนึ่งแสนสำหรับการเสนอราคา
คิดไม่ถึงเลยว่าเซี่ยอีชอบหาเรื่องยุ่งยากมาให้เมื่อนางเสนอราคาหนึ่งแสนโดยไม่ยั้งคิด
ทุกคนที่เหลือตะลึงงันทันที
ทุกคนเชื่อว่าในตอนท้ายของการเสนอราคา มูลค่าของเหล็กอุกกาบาตจะเพิ่มมาที่ราคาหนึ่งแสนเหรียญทอง แต่นางตั้งราคาประมูลนี้ในการเสนอคราวแรก นางคาดว่าทุกคนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?
“ระ..ราคาที่สุภาพสตรีท่านนี้เสนอเป็นราคาสูงสุดในตอนนี้ หนึ่งแสนเหรียญทอง ยินดีด้วยกับราคานี้ อะแฮ่ม เยี่ยมมาก ถะ..ถ้าไม่มีผู้ใดเสนอเพิ่ม อย่างนั้นเหล็กอุกกาบาตนี้จะตกเป็นของสุภาพสตรีท่านนี้ ยังมีผู้ใดจะเสนอราคาสูงกว่าแสนเหรียญทองบ้างไหม? หนึ่งแสน..ครั้งที่หนึ่ง, หนึ่งแสน…ครั้งที่สอง…ไม่มีใครอื่นใช่ไหม?” พนักงานประมูลพูดหลังจาก..เงียบไปชั่วขณะ
เยาถงไม่สนใจเซี่ยอีขณะที่เขาจ้องมองเย่ว์หยาง “110,000 เหรียญทอง” เขาพูดอย่างหยิ่ง
“200,000” เย่ว์หยางพูดขณะที่เขาแสดงให้ทุกเข้าใจว่าเขารวย
“เฮ้!” เซี่ยอีกังวล เหล็กอุกกาบาตมีค่าไม่ถึงสองแสนเหรียญทอง ถ้าเย่ว์หยางเสนอราคาสูงสุด เขาจะประสบความสูญเสียมากมาย นางไม่สามารถห้ามเขาอย่างเปิดเผยได้ ดังนั้นนางจึงเหยียบเท้าเขาเตือนไม่ให้เขาเสนอราคาสู้กับเยาถง มันไม่คุ้มค่า แม้ว่าเขาจะร่ำรวยมาก เขาก็ไม่ควรสูญเสียเงินไปอย่างนี้ เซี่ยอียังกังวลว่าเมื่อเจ้าลามกนี่กลับไปบ้าน เขาคงถูกพี่ชายดุด่าแน่นอน
“210,000…” เยาถงไม่ยอมแพ้เรื่องตัวเลข ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับความมั่งคั่งของเขาเท่านั้น เขาไม่ไม่ได้ใช้เงินแม้แต่แดงเดียวตั้งแต่ยึดทรัพย์สินมาจากคลังของแอนตัน ดังนั้นเขาไม่กลัวที่จะแข่งขันกับเย่ว์หยาง
“ข้าจะเสนอ 220,000” คนทั่วไปไม่กล้าเสนอขนาดนั้นแน่ แม้ว่าพวกเขาจะต้องการและมีเงินพอก็ตาม ถ้าพวกเขาจะไม่เสนอราคาแข่ง ก็คงมีเพียงเซวี่ยเหอที่มีสถานะพอๆ กับเยาถงถึงจะทำได้ เยาถงจ้องมองเซวี่ยเหอและดูเย่ว์หยางและในที่สุดเขาก็ถอยกลับไปที่นั่งส่วนตัว เขาท้าทายเย่ว์หยางไม่ใช่เซวี่ยเหอ ดังนั้นเวลานี้เขาคงไม่ยอมถลำตัวแน่
“ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้นำเซวี่ยเหอด้วย” เจ้าหน้าที่ประมูลพูดขณะที่เขาเหงื่อชุ่ม
“เจ้าแสดงความยินดีกับท่านไตตันได้ ข้าตั้งใจจะมอบเหล็กอุกกาบาตนี้ให้เขา” พอได้ยินสิ่งที่เซวี่ยเหอพูด เยาถงถึงกับทำสีหน้าไม่ถูก
“ดูเหมือนว่าข้าต้องให้ของสักอย่างกับท่านไตตันเช่นกัน มิฉะนั้นข้าจะดูเหมือนเป็นคนตระหนี่เกินไป มันจะดูไม่ค่อยสมฐานะข้าในฐานเป็นผู้นำ หากว่ามีอาคันตุกะผู้มีเกียรติมาถึงป้อมสายฟ้าโดยมิได้รับของขวัญอะไรจากข้า” ซานเซียวแสดงความใจกว้างมอบมุกมังกรเขียวที่เขาประมูลราคาห้าแสนได้มาให้กับเย่ว์หยาง หน้าของเยาถงเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ขณะที่เขาคิดหาวิธีตอบโต้ก่อนที่เขาจะสูญเสียสถานะ ผู้นำทั้งสองซึ่งมีสถานะเสมอกับเขาตั้งใจสนับสนุนไตตันโดยเปิดเผย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายามเข้าพวกกับไตตัน ดูเหมือนการประมูลในวันนี้คงไม่จบอย่างสงบ
ขณะเมื่อเยาถงกำลังดึงความคิดกลับมา เสียงหัวเราะดังลั่นมาจากนอกอาคารประมูล
แรงกดดันมหาศาลปกคลุมไปทั่วอาคารประมูล นอกจากซานเซียว, เซวี่ยเหอ, หม่าหลงและเย่ว์หยาง คนที่เหลือรู้สึกว่าพวกเขาเหมือนตกอยู่ในโรงน้ำแข็ง ขณะที่พวกเขาหอบหายใจเนื่องจากแรงกดดันนั้น
เจ้าหน้าที่ประมูลยกค้อนค้างไว้ แต่แล้วพลันตระหนักว่าเขาไม่สามารถเคาะลงได้
หลายคนคุ้นเคยกับแรงกดดันนี้ มีแต่เพียงเจ้าของป้อมสายฟ้า ฉงนี่ถึงจะมีกลิ่นอายที่รุนแรงอย่างนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นแรงกดดันของฉงนี่ จะมีความรุนแรงแฝงในอากาศโดยรอบตัวมากกว่า แรงกดดันนี้แตกต่างออกไป ลึกลับและนุ่มนวลมากกว่า ทำให้คนรู้สึกตัวสั่น
แรงกดดันหายไปทันทีและทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาสามารถหายใจได้คล่องอีกครั้ง
บุรุษหนุ่มรูปงามในชุดขาวได้รับการต้อนรับจากฝูงชนที่ยืนคำนับเขาเมื่อเขาเดินเข้ามา เขาไม่ได้สนใจทุกคน และเพียงแต่ยิ้มให้เยาถงที่เดินมาต้อนรับเขา “ไม่พบกันนานเลยนะน้องเยาถง ข้าได้ยินว่าในช่วงไม่กี่วันมานี้ท่านประสบความลำบาก เราผู้พี่จึงแวะมาร่วมดื่มกับเจ้าเพื่อคลายความเสียใจให้เจ้า มาเถอะ นี่คือสุรามารของดีจากวังมาร เขาทลายจองจำ มาดื่มกับข้าเถอะ”
ด้านหลังบุรุษชุดขาว มีสาวงามน่าหลงใหลสองนางเดินตามเขา
พวกนางอยู่ในชุดเบาบาง เผยให้เห็นสัดส่วนหน้าอกของนางชัดเจน โดยเฉพาะนางเดินบิดสะโพกนวยนาดเข้ามา
หนึ่งในพวกนางถือกามังกรทองขณะที่อีกคนถือถาดมังกรเงินที่มีจอกหยกตั้งอยู่
พอเห็นเขาเท่านั้น สีหน้าของซานเซียวและเซวี่ยเหอถึงกับเปลี่ยนไป
ท่าทีที่เย่อหยิ่งของบุรุษชุดขาวไม่สนใจนักสู้ปราณก่อกำเนิดสองคนอย่าง ซานเซียวและเซวี่ยเหอ ขณะที่เขายังดื่มกับเยาถงต่อไป ก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเก้อเขินยิ่งขึ้น
แต่ว่าแม้พวกเขาจะขัดเขินและอึดอัดเพียงใด พวกเขาก็ได้แต่กล้ำกลืนศักดิ์ศรีของพวกเขา
เพราะบุรุษชุดขาวไม่ใช่คนที่พวกเขาจะตอแยได้…
“พี่มังกรฟ้า, ข้าคิดว่าท่านจะมาถึงพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้เสียอีก ข้าซาบซึ้งใจจริงๆ ที่ท่านมาทันเวลา! มาเถอะ, เชิญนั่ง” เยาถงชนจอกกับบุรุษชุดขาวอย่างพลุกพล่านใจ ขณะที่เขาดื่มเหล้าในจอกรวดเดียว เขารู้สึกว่าโชคดีได้เปลี่ยนมาอยู่ทางด้านเขาในตอนนี้แล้ว นั่นคือพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขามาถึงแล้ว ไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัว เยาถงให้บุรุษชุดขาวไปนั่งที่นั่งชั้นพิเศษ ขณะที่เขาจ้องมองเยาะเย้ยซานเซียวและเซวี่ยเหอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาส่งสายตาไปทางเย่ว์หยาง เหมือนจะบอกว่า ดูซิว่าเจ้าจะตายยังไง!
“นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก…” เซี่ยอีมองดูตราฟ้าปราณก่อกำเนิดที่อยู่บนตัวบุรุษชุดขาว ขณะที่นางสั่นและฉุดมือเย่ว์หยางโดยเร็ว “ไปกันเถอะ เขาไม่ใช่คนที่เราจะตอแยได้ รีบกลับไปรายงานท่านไตตันใหญ่เถอะ”
“มีพวกหนูกวนใจเจ้าหรือ? ถ้าเจ้ามีปัญหาใดๆ ข้าจะหนุนหลังเจ้าในฐานะพี่ชายเจ้า” บุรุษชุดขาวไม่มองมาทางเย่ว์หยาง
แค่ตรวจจับกลิ่นของเขา มังกรฟ้าสรุปได้ว่า เย่ว์หยางเป็นแค่นักสู้ระดับหก
สำหรับเขา ระดับฝีมือขนาดนั้นไม่ต่างอะไรกับมดแมลง มังกรฟ้างุนงงว่าทำไมเยาถงถึงได้กลัวศัตรูอย่างนั้น อาจเป็นได้ไหมว่ามีผู้แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังเจ้าหน้ากาก? ในจดหมายที่เยาถงขอความช่วยเหลือ เขาไม่ได้พูดอะไรชัดเจน แต่บอกเล่าเรื่องบางอย่างเกี่ยวกับพี่น้องคู่แฝดลึกลับ…แต่ตอนนี้ ดูเหมือนจะสร้างความประหลาดใจให้บุรุษชุดขาว ถ้าหนึ่งคู่แฝดมีพลังเพียงนักสู้ระดับหก แม้ว่าอีกคนหนึ่งจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาก็คงไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งอะไร คู่แฝดนี้สามารถฆ่าเอ้อเมิ่งและเหนียนหู่ได้จริงๆ หรือ? เรื่องนี้ทำให้สับสนจริงๆ
เยาถงพยักหน้า “มีหนูตัวเล็กอยู่ที่นี่จริงๆ ตัวใหญ่หลบอยู่ในถ้ำ ยิ่งกว่านั้นในหลายวันมานี้พวกหมาป่าเห่าหอนบ่อยขึ้น ก็เลยส่งผลต่อการนอนหลับของข้า ขอโทษที ก็เป็นอย่างที่ท่านเห็นนั่นแหละ พี่มังกรฟ้า”
บุรุษชุดขาวเริ่มหัวเราะ “ทั้งหมดนี้มันเรื่องเล็กน้อย ข้าจะช่วยเจ้าจัดการให้เอง มั่นใจได้เลยว่างานนี้หมูมาก”
ซานเซียวและเซวี่ยเหอมีท่าทางหม่นหมอง พวกเขาไม่เพียงแต่อ่อนแอกว่ามารมังกรฟ้าเท่านั้น แต่วังมารที่หนุนหลังเขาอยู่แข็งแกร่งมากและไม่ควรล้อเล่นด้วย แม้แต่ฉงนี่ผู้หยิ่งยโสก็ยังถามสารทุกข์สุขดิบมารมังกรฟ้าผู้เป็นถึงมารฟ้าแห่งวังมารอย่างมีมารยาทเมื่อยามพบเห็นเขา นอกจากนี้กล่าวกันว่าฉงนี่เคยพบและฝึกฝนร่วมกับมารแค้นฟ้าและมารวิบัติฟ้า พวกเขามีความสนิทกันเป็นอย่างดี ทำให้ฉงนี่ปฏิบัติกับมารมังกรฟ้าเป็นอย่างดี
พอชำเลืองมองดูเย่ว์หยางแล้ว เซวี่ยเหอและซานเซียวเตรียมจะจากไป พวกเขาต้องยอมปล่อยวางเรื่องในวันนี้ไปก่อน มิฉะนั้นพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางกลับยืนขึ้นแทน และเซี่ยอีไม่สามารถห้ามเขาได้
แค่เขายืนไม่เพียงแต่ทำให้ทุกคนตกตะลึงเท่านั้น แต่คำพูดของเขายังพลอยทำให้ทุกคนตกตะลึงไปด้วย “ทำไมเจ้าถึงได้หยิ่งนักเล่า? เจ้านึกว่าหอทงเทียนเป็นของเจ้าคนเดียวอย่างนั้นหรือ? ข้าไม่อยากจะคุย, และคนขี้แพ้อย่างเจ้า ช่างกล้าพูดจริงๆ นะว่าจะล้มข้าได้ง่ายๆ? แม้แต่มารกฎฟ้า หนึ่งในสามจอมมารฟ้า ก็ยังยิ้มหวานให้เมื่อนางเห็นข้า ขณะที่เจ้าเป็นแค่มารเห็บเหาฟ้าอยู่แค่ระดับสิบในกลุ่มมารฟ้า เจ้าคิดว่าแค่นั้นจะทำให้ข้ากลัวเจ้าหรือ? เจ้าคิดว่าวังมารยิ่งใหญ่นักหรือ? ข้าก็แค่ให้เกียรติมารกฎฟ้า ถึงไม่ได้ทำร้ายเจ้ามานาน เจ้าคิดว่าเจ้ายิ่งใหญ่แค่เพราะเจ้ามาจากทวีปมังกรทะยานทั้งที่เป็นเหมือนค่ายอพยพอย่างนั้นหรือ?”
บุรุษชุดขาวก็คือมารมังกรฟ้าที่เขาพบในวังหลวงของจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้นั่นเอง
ขณะที่เขาตามพัวพันนางเซียนหงส์ฟ้าหรือมารกฎฟ้า เขาถือว่าเย่ว์หยางคือศัตรูความรักของเขา
ในอดีต เขาริษยาเย่ว์หยางมาก
ไม่ใช่เพียงเพราะเย่ว์หยางมีวงจักรล้างโลกเท่านั้น เขายังสนิทกับมารกฎฟ้าและสร้างความประทับใจให้กับจักรพรรดินีราตรี และผู้แนะนำของเขาก็คือ จื้อจุน
แต่ตอนนี้เขาไม่อาจยอมรับว่าเป็นศัตรูความรักของเย่ว์หยาง หลังจากศึกวังเทพจักรพรรดิอวี้แล้ว พลังของเย่ว์หยางก้าวหน้าไปมากมาย ถ้ามารมังกรฟ้าจะสู้กับเย่ว์หยางตอนนี้ คงไม่ใช่ระดับเดียวกับที่พวกเขาได้พบที่วังของจุนอู๋โหย่ว
“เจ้าพูดว่าไงนะ?” มารมังกรฟ้าเดือดดาล นักสู้ระดับหกอย่างเย่ว์หยางบังอาจพูดอะไรอย่างนี้กับเขาได้อย่างไร?
*************