ตอนที่ 392 สังหารมังกรฟ้า
“กรรรร!”
มารมังกรฟ้าคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าขณะที่เขาปักมือทั้งสองลึกลงไปในพื้นหินอัคนี
ร่างของเขาที่ขยายใหญ่อยู่แล้วก็เพิ่มขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นหลายเท่า กลายเป็นร่างที่ยืดยาวในลักษณะที่แปลกประหลาดเหมือนกับจะเป็นร่างงู ขาทั้งสองหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็นหางยาวใหญ่ ปีกบนหลังของเขายืดยาวมีรูปคล้ายครีบ เป็นปีกดูแปลกประหลาด ศีรษะของมารมังกรฟ้ามีเนื้อปูดขึ้นเป็นเขาสีแดงสดมองดูคล้ายหงอน ขณะที่เขาเดิมของเขาจะมีสีดำคล้ำหนาใหญ่และบิดงอเหมือนเขาควาย
นี่คือร่างแท้จริงของมารมังกรฟ้า มังกรทะเลปีกปีศาจ
แตกต่างจากอสูรที่มีลักษณะเฉพาะตัว มารมังกรฟ้าเป็นลูกครึ่งผสมระหว่างมนุษย์กับปีศาจ ดังนั้นเขาจึงแปลงร่างได้สองรูปแบบ
ร่างหนึ่งเป็นร่างปีศาจ ส่วนอีกร่างหนึ่งเป็นร่างมนุษย์
คัมภีร์อัญเชิญเปล่งแสงสว่างคล้ายแสงสายฟ้า ขณะที่มารมังกรฟ้าปลดปล่อยสนามพลังของเขา “สายฟ้าคลุ้มคลั่ง” ทันที เขาหมุนตัวช้าๆ ในท่ามกลางคลื่นอัดกระแทกกระทั้นจากบอลสายฟ้าขนาดใหญ่ 12 ลูกที่อยู่รอบตัวของเขา สิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามที่อยู่ภายในระยะห้าสิบเมตรจากตัวมารมังกรฟ้า จะถูกสายฟ้าระเบิดใส่อย่างไร้ความปราณี
กระแสไฟฟ้าบนปลายเขาของเขาส่งเสียงซี่ๆๆ… ขณะที่มารมังกรฟ้าในตอนนี้ปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับที่หกแล้ว เขามีความมั่นใจเพียงพอ
เขารู้สึกว่าเขาสามารถไล่ต้อนคู่ต่อสู้ของเขาและเอาชนะในศึกครั้งนี้ได้
เทียบกันในด้านอสูรแล้ว เขาคงด้อยกว่าแน่นอน
แต่เขาครอบครองพลังที่คู่ต่อสู้ของเขายังเข้าไม่ถึงระดับนั้น
สนามพลังคือสัญลักษณ์สำคัญของนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง แค่มีเพียงสนามพลังเท่านั้น ก็จะถูกมองว่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แท้จริง เพียงแค่นั้นพวกเขาก็มีความหวังที่จะทะยานขึ้นสู่ขอบเขตที่สูงกว่า
“ฮ่าาาาา”
มารมังกรฟ้าสั่นแขนทั้งสองข้างปล่อยพลังงานที่รุนแรงส่งผลให้ผู้ชมที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตรลอยขึ้นไปในอากาศ
แม้แต่เยาถงผู้ปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้าก็ยังโงนเงนโดยมิอาจควบคุมได้ แทบจะล้มลงไปกับพื้น
เซวี่ยเหอ, ซานเซียวและหม่าหลงที่ปล่อยพลังของตนเองเต็มที่ก็ยังถูกกระแทกถอยออกไป 2-3 ก้าว พลังของพวกเขามิได้อ่อนแอกว่าเยาถงและความแตกต่างของพวกเขาก็มีไม่มาก แต่ตอนนี้ขณะที่สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน พวกเขาไม่มั่นใจว่าไตตันน้อยจะเอาชนะมารมังกรฟ้าได้ ดังนั้นพวกเขามิได้ปล่อยพลังของพวกเขาทั้งหมด ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับมารมังกรฟ้า แทนที่จะประกาศชัดเจน พวกเขายังคงรอคอย ถ้าพวกเขาเห็นว่าไตตันน้อยมีพลังพอต่อต้านมารมังกรฟ้าได้ พวกเขาก็จะไม่เกรงใจยอมหักหน้าเยาถงร่วมมือกันโจมตีเขา
“เจ้ามีพลังเล็กน้อยเพียงเท่านี้เองหรือ?” เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนกับว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก ก็ไม่มีอะไร เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เขาสู้เฉพาะกับคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้น ตัวอย่างเช่น ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย องค์ชายเงาดำ ประมุขนิกายพันปีศาจและจ้าวปีศาจบารุธ หรือแม้แต่นักสู้ในวังเทพจักรพรรดิอวี้ อย่างเช่นหวงซาที่มีพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปด ก็ยังถูกเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียร่วมมือกันฆ่าในโถงวิหารที่สอง นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหกมีพลังมากอย่างแน่นอน ประมุขนิกายบรรพตขจีตวนมู่หลงเฉิงก็ยังอยู่ในระดับนี้ แต่เขาขลาดเขลาหวาดกลัวเย่ว์หยางถึงขนาดหนีไปหลบภัยในแดนปีศาจ แต่ก็ยังถูกพี่น้องหงส์เพลิงสังหารตายในทันที
หลังจากต่อสู้กับสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์แล้ว เขารู้สึกเหมือนกับว่าการสู้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก เป็นเรื่องง่ายมาก
ภายใต้คำแนะนำของเทพธิดากระบี่ฟ้าและหลังจากผ่านประสบการณ์ดับและเกิดใหม่ ระดับของเย่ว์หยางทั้งที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง ก็ยังเหนือกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้า ต่อให้ไม่ได้รับพลังหนุนเสริมจากอสูรก็ตาม
ดังนั้นมารมังกรฟ้าที่ตอนนี้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก จะทำอะไรได้?
“ปลดปล่อยพลัง!” เย่ว์หยางตะโกนเกรี้ยวกราด เสียงของเขาก้องผ่านท้องฟ้า
พลังไอเย็นถูกปลดปล่อยจากร่างของเขาขณะที่ทักษะพลังหยินและหยางของเขาก่อตัวเป็นพลังวังวนดูดกลืนพลังงานทุกอย่าง มันหมุนโคจรอยู่รอบตัวของเขา พลังระเบิดดวงดาวปรากฏอยู่เต็มตัวของเขา ทำให้ตัวของเขาดูเหมือนดาวที่ส่องประกายแพรวพราว
สนามพลังระเบิดดวงดาวที่ก่อนนี้ทำได้เพียงรูปบอล ค่อยๆ มีวิวัฒนาการและขยายตัวออกไป
จากนั้นก็กลายเป็นสะเก็ดดาววนอยู่รอบตัวเย่ว์หยางระยิบระยับเหมือนกับทางช้างเผือก แม้ว่าจะเล็กกว่าสนามพลังของนักสู้คนอื่นๆ แต่ก็กินพื้นที่ห้าเมตรและเย่ว์หยางยังอาจพัฒนาให้ก้าวหน้าอีกได้ ถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกฝนในวังเทพจักรพรรดิอวี้และอาศัยการฝึกฝนประจำวัน อาจต้องเวลา 2-3 ปีถึงจะขยายสนามพลังระเบิดดวงดาวได้ครั้งหนึ่ง เพลิงม่วงและพลังเยือกแข็งสีน้ำเงินอยู่บนปลายมือของเย่ว์หยางตรงกันข้ามกัน แบ่งท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน ข้างหนึ่งเป็นนรกเพลิงร้อนแรง อีกข้างหนึ่งเป็นนรกน้ำแข็งมีหิมะขาวโพลน
ในกลุ่มพวกที่ชมดูถ้าไม่หลั่งเหงื่อเปียกโชกก็หนาวสั่นจากความเย็น
ที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือเจ้ากบอ้วนจั๊ดด์อยู่ในท่ามกลางจุดทั้งสอง ชุดครึ่งซีกซ้ายกลายเป็นน้ำแข็งทำให้เขาหน้าชาจากความหนาวเย็น แต่ชุดซีกขวาหลั่งเหงื่อไหลย้อยดุจน้ำตก สร้างความทุกข์ทรมานให้ตัวเขา
สภาพย่ำแย่ทั้งสองด้าน แต่เขาเลือกอยู่ในนรกน้ำแข็งดีกว่า เพราะที่สำคัญที่สุดความอ้วนและไขมันของเขาก็เป็นฉนวน และให้ความร้อนได้
ไฟนรกเหรอ?
ทุกคนรู้ว่าคนอ้วนท้วนล้วนกลัวความร้อน
“เขาเป็นแค่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสอง ก็สามารถใช้สนามพลังได้ด้วยหรือนี่?” หลังจากเห็นอย่างนี้ หน้าของเยาถงบิดเบี้ยวแทบไม่เหมือนเดิมและตาของเขาลุกโชนด้วยแววริษยา
“แข็งแกร่งอะไรอย่างนี้ เขาเป็นเพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสอง แต่สู้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหกได้ ศึกครั้งนี้…” เซวี่ยเหอรู้สึกอัศจรรย์ใจ เขาไม่ได้ทำอะไรต่อ ได้แต่มองหน้กับซานเซียวและลอบพยักหน้าให้กัน ตอนนี้เขาเห็นว่าไตตันน้อยสามารถพัวพันมารมังกรฟ้าได้เป็นอย่างน้อย พวกเขาเลือกข้างเขาและตกลงใจกำจัดเยาถง
สร้างมิตรดีกว่าสร้างศัตรูร้อยเท่า
เยาถงเป็นคนทะเยอทะยาน เขาไม่เป็นที่พึงพอใจแม้กระทั่งเจ้าป้อมสายฟ้า เขาจะกวาดล้างทุกคนที่ขัดขวางเส้นทางของเขา เพื่อเป็นเจ้าของป้อมสายฟ้าเสียเอง
แต่เพื่อความปลอดภัยในอนาคตของพวกเขาเอง เซวี่ยเหอและซานเซียวต้องป้องกันมิให้เยาถงอยู่ในป้อมสายฟ้าอีกต่อไป
ในทางตรงกันข้าม พี่น้องไตตันที่มาใหม่ดูเหมือนจะไม่แสวงหาอำนาจที่นี่
พวกเขาก็คล้ายกับฉงนี่ที่ใช้ป้อมสายฟ้าเป็นฐานพัก ทั้งสองกลุ่มจะไม่อยู่ในหอทงเทียนชั้นที่หกเป็นเวลานานและคงจะไปต่อที่หอทงเทียนชั้นที่เจ็ด, แปด หรือกระทั่งสูงกว่านั้นซึ่งเป็นที่พวกเขาต้องการจะไป มิตรอย่างนี้ถือว่าดีที่สุดที่จะร่วมมือกัน ซานเซียวและเซวี่ยเหอรู้ว่าพวกเขาแทบหมดศักยภาพไปแล้วและโอกาสที่พวกเขาจะขึ้นไปหอทงเทียนชั้นสูงขึ้นก็มีไม่มาก ดังนั้นพวกเขาจึงพึงพอใจกับการได้เป็นเจ้าของป้อมสายฟ้าในหอทงเทียนชั้นที่หก
ด้วยจุดยืนของพวกเขา พวกเขาเชื่อว่าพี่น้องไตตันจะเป็นพันธมิตรกับพวกเขาได้แน่นอน เพราะที่สำคัญที่สุด ไม่มีใครชอบคนทะเยอทะยานเกินไป แต่พันธมิตรที่เข้มแข็งทรงพลังย่อมเป็นที่นิยมชื่นชอบมากที่สุด
“มังกรฟ้าคายมุก” มารมังกรฟ้าชูบอลสายฟ้าลูกหนึ่งในสนามพลังของเขา
มังกรสายฟ้า อสูรพิทักษ์ของเขาปรากฏตัวอยู่ในท้องฟ้าทันที
รูปมังกรสายฟ้าพ่นลมหายใจมังกรออกมา และนอกจากนี้ยังเสริมพลังของมารมังกรฟ้าเพิ่มเข้าไปอีกด้วย บอลสายฟ้าพุ่งอย่างรวดเร็วราวกับดาวตกตรงมาที่เย่ว์หยาง
ถ้ามันกระทบเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง แม้แต่เนินเขาก็คงถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง มารมังกรฟ้าเชื่อว่าด้วยพลังของเขาและพลังงานของบอลสายฟ้าของเขา ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถต่อต้านเขาได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่พวกที่มีระดับพลังที่ต่ำกว่าเขา
เย่ว์หยางยื่นมือออกไป ขณะที่เขาเตรียมตัวรับบอลสายฟ้าโดยตรง
ร่างคล้ายงูของมารมังกรฟ้าหายไป จากนั้นมาปรากฏอีกครั้งที่ด้านหลังของเย่ว์หยาง
สายฟ้าจำนวนมากก่อตัวเป็นรูปหัวมังกรที่กลืนกินใครก็ตามที่มันพบ มันพุ่งออกมาจากมือของมารมังกรฟ้า ขณะที่มันพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางพร้อมกับอ้าปากขนาดยักษ์ของมัน
พอเผชิญการอ้อมมาโจมตีจากด้านหน้ามาข้างหลัง มารมังกรฟ้าไม่เคยเห็นว่ามีผู้ใดรอดชีวิตจากการโจมตีนี้ได้
จู่ๆ ปรากฏเสาขนาดยักษ์ต้นหนึ่ง
มันดูเหมือนเสาในวังที่ใช้ค้ำหลังคามีขนาดมหึมากลม ไม่เคยมีใครเคยใช้เป็นอาวุธมาก่อน ยกเว้นเย่ว์หยาง นี่คือเสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้ที่ไม่มีใครพกพาติดตัว แต่ปรากฏอยู่ในมือเย่ว์หยาง เขาใช้มันหวดใส่บอลสายฟ้าเหมือนกับเป็นลูกเบสบอล จากนั้นใช้มันหวดกระหน่ำใส่รูปหัวมังกรที่เกิดจากสายฟ้าจนทำให้เกิดกระแสไฟกระจายแปลบปลาบเป็นจำนวนมากกลายเป็นตาข่ายไฟฟ้าอยู่ในท้องฟ้า นี่คือเสาที่จักรพรรดิอวี้ใช้ฝึกวิชา พวกนักสู้จากแดนสวรรค์หรือกระทั่งสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ก็ยังทำลายไม่ได้ เป็นเรื่องน่าขันที่มารมังกรฟ้าคิดว่าบอลสายฟ้าเล็กน้อยของเขาและหัวมังกรสายฟ้าจะสามารถทำลายมันได้
หัวมังกรสายฟ้าถูกเสาเจ็ดดาวหวดใส่กระเด็นไปเป็นร้อยเมตรและกระแทกเข้ากับพื้นทำให้หินและดินกระจายไปทุกที่
เขาพุ่งออกมาจากกองหิน
เสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้หวดลงมาจากท้องฟ้าเข้าที่ศีรษะของเขาเต็มแรง
ถ้าหากถูกหวด มารมังกรฟ้าก็จะไม่ถูกเรียกว่ามังกรทะเลปีกปีศาจอีกต่อไป เขาคงถูกมองว่าเป็นคนขี้ขลาดมากกว่า
“พันอัสนีบาต” มารมังกรฟ้าหลบเลี่ยงถูกฟาดได้อย่างโชคช่วย และล้มลงที่ด้านหลังห่างออกไปร้อยเมตร เขาเรียกสายฟ้าและเล็งไปที่เย่ว์หยาง
“ฮึ… ฝีมือเล็กน้อยของนักมายากล” เย่ว์หยางแค่นเสียง จากนั้นเรียกอุกกาบาตนับไม่ถ้วนที่หลบเลี่ยงผ่านสายฟ้าลงมาได้เตรียมโต้ตอบทันที อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นแค่การแสดง การโจมตีที่แท้จริงอยู่ในมือซ้ายเย่ว์หยาง ในเวลาชั่วฟ้าแล่บ เยาถง, เซวี่ยเหอและซานเซียวไม่อาจเห็นได้ชัดว่าอาวุธที่ฉายแสงออกมานั้นมาจากของสิ่งใด ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นก็คือเย่ว์หยางกำลังโบกมือข้างหนึ่ง ขณะที่มารมังกรฟ้าแข็งทื่อเป็นน้ำแข็งขณะมองดูประกายแสงที่เฉือนผ่านลำคอของเขาอย่างง่ายดาย
“อ๊าาาาา…” มารมังกรฟ้ากุมลำคอที่มีโลหิตฉีดพุ่งออกมาอย่างเจ็บปวด
ถ้าเป็นคนธรรมดา มารมังกรฟ้าคงจะจบสิ้นไปแล้ว
โชคดีที่เขาเป็นมนุษย์อสูรปราณก่อกำเนิด
มารมังกรฟ้าฝืนตนเองทุบศิลาเทเลพอร์ตในมือ
เขาตระหนักดีว่า ถ้าเขายังคงอยู่ต่อไป ชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ไตตันน้อยกลอกกลิ้งมากเกินไปและมีอาวุธวิเศษลึกลับเช่นแสงรุ้งเจ็ดสีที่ฟันใส่คอหอยเขาได้อย่างง่ายดาย
เป๊าะ
เครื่องมือหลบหนีคุณภาพเยี่ยมที่สุด ศิลาเทเลพอร์ตแตก แต่มารมังกรฟ้าก็มิอาจเทเลพอร์ตหนีไปได้
เสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้บวกกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้สามารถยับยั้งพลังหมิงเย่ว์กวงผู้ทรงพลังและลึกลับที่สุดในสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ได้
ถ้ามารมังกรฟ้าสามารถหลบหนีพ้นพลังยับยั้งของเสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิได้ นั่นคงเป็นเรื่องแปลก
“กรรรร!” มารมังกรฟ้ารู้สึกได้ว่าเรื่องราวกำลังจะเลวร้าย จึงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที เตรียมรวบรวมพลังทั้งหมดที่เขามีก่อนจะพุ่งลงมา ด้วยการหนุนเสริมจากสนามพลังสายฟ้าคลุ้มคลั่ง เขาสามารถหลบหนีไปจากป้อมสายฟ้ารวดเร็วกว่าสายฟ้า
เมื่อจะโจมตี มารมังกรฟ้าคิดว่าเขาอาจจะมีจุดอ่อนก็ได้
แต่เมื่อว่ากันถึงเรื่องความเร็ว มารมังกรฟ้าผู้มีสนามพลังสายฟ้าคลุ้มคลั่งก็มีความมั่นใจพอว่าตนเองมีความเร็วมากกว่าฟ้าแล่บฟ้าผ่า
เวลานี้ ไม่เพียงแต่มารมังกรฟ้าเท่านั้น แม้แต่เยาถงก็กำลังเตรียมหนี
เซวี่ยเหอและซานเซียวรออยู่ชั่วขณะ หม่าหลงเจ้าเมืองใต้ดินก็เปลี่ยนจุดยืนก่อนหน้านั้น เขาปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดของตน เป็นคนแรกที่หยุดเยาถงที่ตกเป็นเบี้ยล่าง “อ๊ะ..ข้าหม่าหลง ไม่ได้ซ้อมมือกับเจ้านานแล้ว วันนี้ข้ามีความสนใจ มาประลองกันสักหน่อยเป็นไร”
สตรีกรงเล็บดำผู้สูญเสียพี่สาวนาง ไม่กล้าเข้ามาในสนามต่อสู้ นางกลับยืนอยู่ด้านนอกแทน
เมื่อนางเห็นว่าเจ้านายนาง มารมังกรฟ้าหนีไปแล้ว นางหันกายเตรียมจะหนีบ้าง
นางเตรียมจะหนีไปด้านตรงข้าม
อย่างไรก็ตาม มีคนยืนขวางทางนางอยู่นานแล้ว เซี่ยอีนั่นเอง
สตรีกรงเล็บดำตั้งท่าเตรียมใช้กรงเล็บดำของนาง ขณะที่เซี่ยอีชักมีดสังหารปีศาจออกจากฝัก ใช้มันต่างดาบฟันใส่ศัตรู
ในท้องฟ้า ตะกวดหัวมังกรที่กำลังเตรียมจะหนีร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
มันถูกม้วนเข้าไปในร่างของภูตควันไฟที่มีเพลิงลุกโหมรุนแรงและมีควันหนาทึบ เปลวเพลิงลุกโหมรุนแรงเป็นพายุหมุนเพลิง มันอยู่ใกล้ประตูมรณะทุกขณะ ชะตาของมันขาดแล้ว ภูตควันไฟยังมีเวลาปล่อยพายุไฟขนาดเล็กออกมาดูดซับพลังสายฟ้าที่ถูกปล่อยมาจากมารมังกรฟ้า ดูเหมือนนางจะชอบอาหารแบบนี้
มีเพียงมังกรยักษ์สองหัวกับตั๊กแตนมัจจุราชยังคงต่อสู้กันอยู่
ตั๊กแตนมัจจุราชได้เปรียบจากคุณสมบัติเรื่องความเร็ว ตรงกันมังกรยักษ์สองหัวได้เปรียบเรื่องขนาด, ระดับและพลัง ตอนนี้ก็ยังต่อสู้กันอยู่
อาหมันคำรามลั่นแบกซากมังกรสะท้านปฐพีแล้วชูเหนือศีรษะนางด้วยสองมือ ขณะที่นางเหวี่ยงซากมังกรสะท้านปฐพี ดวงตาของนางฉายประกายแสงสีแดงขณะที่เพลิงพ่นออกจากปากและจมูกของนาง
แม้ก่อนที่ซากของมังกรสะท้านปฐพีจะกระแทกใส่มังกรยักษ์สองหัว มันร้องอย่างทรมานก่อนจะทรุดลงกับพื้น
วิญญาณของมันถูกกระชากทันที โดยไม่มีโอกาสดิ้นรน
เนตรประหารทำงานแล้ว
มังกรยักษ์สองหัวที่ถูกฆ่าทันทีไม่ใช่ผู้เดียวที่โชคร้าย ที่ห่างออกไปสิบกิโลเมตร มารมังกรฟ้าที่บินหนีไปด้วยความเร็วสูงรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ในหัว เหมือนกับว่าวิญญาณถูกเคียวที่คมเชือดเฉือน แม้ว่าจะไม่สลบหรือถึงกับตายทันที แต่ความเจ็บปวดทรมานมีมากเกินไป จิตใจมารมังกรฟ้าหวั่นไหวยุ่งเหยิง โลหิตทะลักออกจากปากและจมูกของเขา
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” มารมังกรฟ้างงงัน เขาหนีออกมาจากป้อมสายฟ้าไกลเกินกว่าสิบกิโลเมตรแล้วและจะหนีออกไปด้วยศิลาเทเลพอร์ตอยู่แล้ว เขาคาดไม่ถึงว่าจะถูกศัตรูโจมตีจากระยะไกลขนาดนั้นได้ ยิ่งกว่านั้นการโจมตีชนิดนี้มาจากวิญญาณที่เขาไม่มีทางป้องกันได้เลย
“เนตรโลหิตประหารซ้ำสอง แต่เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องรู้ คนตายไม่ต้องใช้ข้อมูลนี้”
เสียงของเย่ว์หยางดังมาจากด้านหลังของเขา
ตอนแรก มือขวาของเขาที่ถือศิลาเทเลพอร์ตถูกดาบจันทร์เสี้ยวตัดขาด จากนั้นปราณกระบี่ไร้ลักษ์ก็เจาะผ่านพลังป้องกันของเขาเข้าที่กะโหลก
ด้วยทักษะโซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลี มารมังกรฟ้าได้แต่มองเย่ว์หยางร่อนวงจักรล้างโลกตัดผ่านคอหยุดการเคลื่อนไหวของร่างกายสิ้นเชิง
ลูกกลมแสงเล็กหลบหนีออกจากร่างมารมังกรฟ้า นั่นคือเม็ดพลังที่เกิดจากการถอดวิญญาณของมารมังกรฟ้า เป็นแค่จิตสำนึกและพลังของเขาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะหนีไปได้ไกลเกินกว่าเมตร เย่ว์หยางก็ใช้มือขวาคว้าเอาไว้และเผาด้วยเพลิงอมฤต… สิบนาทีต่อมา พอไม่มีพลังป้องกันร่าง วิญญาณของมารมังกรฟ้าและจิตสำนึกในเม็ดพลังก็ถูกแผดเผา เหลือไว้แต่เพียงเม็ดพลังปราณก่อกำเนิดที่บริสุทธิ์ลูกหนึ่ง
ชัยชนะครั้งนี้เป็นผลมาจากเย่ว์หยางวางแผนอย่างรอบคอบ
อย่างไรก็ตาม การฆ่ามารมังกรฟ้าเป็นเพียงการเริ่มต้น
*************