ตอนที่ 395 วังเบญจธาตุมิติเร้นลับ
ข้างในนั้นมีผู้เฒ่าหม่าไท่ผู้เซนต์ชื่อค้ำประกันให้เย่ว์หยางตอนที่สมัครเข้าหน่วยต่อต้านนักล่ามังกร เมื่อเขาเห็นเย่ว์หยางแบกเป่าเอ๋อขี่คอวิ่งตรงเข้ามา เขาเปิดกลไกวงเวทเทเลพอร์ตทันที
เขายังพยายามถามต่อว่า “พ่อหนุ่ม, เจ้าไปเผชิญหน้ากับนักล่ามังกรมาหรือ? ต้องการความช่วยเหลือจากองครักษ์เลือดเหล็กไหม?”
“ไม่ล่ะ, ขอบคุณ” หลังจากพูดจบประโยค เขาก็หายไปพร้อมกับเป่าเอ๋อ
ที่ป่าหยกเขียวคราม, เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนที่เหลือนั่งอยู่บนพื้นอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
พี่น้องตระกูลหลี่กำลังขัดเช็ดอาวุธ ขณะที่เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวนั่งขัดสมาธิอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ สี่สาวคิวบัวร์กำลังเคี้ยวกินเนื้อย่าง ขณะที่เลโอ ทอเรนหัวหน้ากลุ่มระมัดระวังตัวแจ สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยกำลังจิบเบียร์.. มีเพียงลีนกับแอนนากำลังค้นคว้าวงเวทผนึกบนผนังหิน
ตามการสืบค้นของพวกเขา วงเวทผนึกถูกเก็บรักษามาเป็นเวลานานและมีตะไคร่น้ำงอกกลบทับ ถ้าไม่ใช่เพราะพลังงานที่วงเวทผนึกปล่อยออกมา สถานที่นี้คงเป็นสวรรค์ของบรรดาวัชพืช วงเวทผนึกมีขนาดใหญ่เกินกว่า 10 เมตรทั้งโดยส่วนสูงและส่วนกว้าง มีสีเข้ม สัณฐานเป็นวงกลม และมีอักษรรูนสวรรค์ที่แตกต่างกันสี่ชนิดในสี่ด้าน คือด้านบน, ล่าง ซ้าย และขวา ดูเหมือนว่าอักษรรูนเหล่านี้จะเชื่อมโยงถึงกัน แต่ก็ไม่เกี่ยวกัน และยังมีรูปแบบที่ซับซ้อนในศูนย์กลาง แม้แต่ความรู้ของลีนและแอนนาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าหมายถึงอะไร
“อักษรรูนสวรรค์รอบๆ สามารถขยับได้ แต่ทำไมตรงกลางถึงขยับไม่ได้?” หลังจากสำรวจดูรอบๆ แอนนาก็ตระหนักได้ว่าแก้วผลึกที่ฝังอยู่ในอักษรรูนสวรรค์สามารถหมุนได้ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะขยับยังไง มันก็ยังคงเชื่อมอยู่กับอักษรรูนข้างๆ
“มีรูในใจกลางอักษรรูนตรงกลาง เป็นไปได้ไหมว่าเราต้องใส่ผลึกเวทในนี้เพื่อสร้างแหล่งพลังงาน?” ลีนตระหนักว่ามีรูเล็กๆ อยู่ตรงกลาง
“อย่าเพิ่งเปลืองเรี่ยวแรงเลย, รอให้พ่อครัวของท่านมาก่อน, เขาเข้าใจได้แน่นอน คนผู้นั้นสามารถเขียนบทกวีรักด้วยภาษารูนสวรรค์ก็ยังได้ และทั้งหมดก็มีคุณภาพสูงทั้งนั้น” เจ้าอ้วนไห่เป็นคนเกียจคร้าน เขายินดีให้เย่ว์หยางรับเรื่องนี้ไปจัดการดีกว่าเขาซึ่งไม่เข้าใจอะไรเลย
“วันนี้เขาอาจไม่ว่างก็ได้ เราจะตามตัวเขาหลังจากที่เราตรวจดูก่อน” สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยไม่ต้องการยอมรับว่านางมองเย่ว์หยางผิด และโทษว่าเย่ว์หยางหลอกลวงทุกคน
“ถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดล่ะ? เราจะทำยังไง?” เย่คงแนะนำสาวทอเรนไม่ให้แตะต้องหิน
“เรามีฮุยไท่หลางอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ? มันเป็นอสูรในตำนาน!” สี่สาวคิวบัวร์มั่นใจมาก ขณะที่พวกนางรู้สึกว่าอสูรในตำนานจะสามารถสร้างความสำเร็จใดๆ ในโลกก็ได้
“เมี้ยวววว” ฮุยไท่หลางออกตัวอย่างสุภาพในตอนนี้ และบอกว่ามันไม่ได้รับภาระหนักขนาดนั้น
ด้วยความสงสัย ลีนวางผลึกเวทธาตุไฟในรูเล็กๆ
แต่บางทีระดับของมันต่ำเกินไป หรือมันอาจมีพลังน้อยเกินไป
หลังจากที่ผลึกเวทระดับสามเปล่งประกายระยะสั้น ผลึกเวททั้งหมดก็ไม่มีการตอบสนองอีกต่อไป แต่ประกายแสงชั่วแว่บนี้ทำให้ทุกคนปรารถนาจะค้นคว้าดูต่อไป เฮ้, มีบางอย่างเกิดขึ้น ผลึกเวทสามารถเอาไปวางไว้ในรูได้จริงๆ เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือรายล้อมเข้ามา ขณะที่บางคนหยิบผลึกเวทของพวกเขาออกมา และคนอื่นๆ ลองวางศิลาแทน จากนั้นชั่วขณะ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าใครทำอะไร แต่วงเวทผนึกเปล่งแสงแพรวพราวครอบคลุมตัวทุกคน ภายใต้สายตาของเจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นๆ ลูกกลมแสงเริ่มขยายอยู่ในใจกลางวงเวทผนึกขณะที่ประตูเทเลพอร์ตก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
ลีนและแอนนาต้องการขอให้ทุกคนถอยออกมา แต่ฟ่านหลุนเถี่ยผู้ห้าวหาญที่สุดและสี่สาวคิวบัวร์มีปฏิกิริยาเหมือนกับว่าพวกนางพบสมบัติลับในตำนาน
พวกนางกระชับอาวุธไว้แน่น จ้องดูประตูเทเลพอร์ตขณะที่เดินตรงเข้าไปอย่างระมัดระวัง
“ฟ่านหลุนเถี่ย, ข้ารู้สึกว่าเราควรรายงานเรื่องนี้ให้สมาคมนักรบทราบ เราทุกคนไม่แน่ใจว่ามีอะไรอยู่ข้างใน, ฉะนั้นอย่าเสี่ยงดีกว่า” ลีนเตือน
สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยมองดูประตูเทเลพอร์ตอย่างไม่เต็มใจนัก “บางทีอาจมีสมบัติลับอยู่ข้างในก็ได้, ถ้าเรารายงานขึ้นไป เราก็ได้รับรางวัลเพียงร้อยละห้า เราน่าจะเข้าไปสำรวจดูสมบัติก่อน หลังจากเก็บสมบัติได้แล้ว จากนั้นค่อยไปรายงานสมาคมนักรบก็ได้ ยังไงๆ พวกนั้นก็ต้องมาเอาสมบัติอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเราสามารถเปิดประตูเทเลพอร์ตได้ในวันนี้ นั่นหมายความว่าเราก็มีวาสนาผูกพันกับสมบัติด้วย”
สี่สาวคิวบัวร์เห็นด้วยกับสิ่งที่ฟ่านหลุนเถี่ยพูด
เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือก็หวั่นไหวเล็กน้อยเช่นกัน พวกเขารู้สึกว่ามีสมบัติอยู่ในนั้นจริงๆ คงเป็นเรื่องน่าเสียดายหากต้องรายงานสมาคมนักรบและปล่อยให้พวกเขาขนสมบัติไป
ต่อให้ไม่มีสมบัติดีๆ อะไรเลย พวกเขาก็ยังอาจทำการสำรวจและฝึกฝนไปด้วยก็ยังได้
อาจจะมีกับดักมากมายอยู่ข้างใน แต่ที่นี่ไม่มีผู้ใดอ่อนแอ ถ้าพวกเขาปฏิบัติการร่วมกันและตื่นตัวไว้ อย่างนั้นก็จะไม่อันตรายเกินไป ยิ่งกว่านั้น ยังมีฮุยไท่หลางที่เป็นอสูรในตำนานอยู่ด้วย ถ้าพวกเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้จริงๆ พวกเขาก็สามารถใช้ศิลาเทเลพอร์ตหรือม้วนเวทเทเลพอร์ดไปรับตัวเย่ว์หยางได้
ตอนนี้มันจะเสียเปล่าที่พวกเขาเปิดประตูเทเลพอร์ตได้แล้วและต้องจากไปโดยไม่ได้สำรวจอะไรข้างในเลย
นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด พวกเขาต้องเข้าไปข้างใน ไม่ว่ายังไงก็ตาม
ลีนกับแอนนาเอนเอียงไปทางจะรายงานให้สมาคมนักรบขณะที่เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือรู้สึกว่าแทนที่จะรายงานให้สมาคมนักรบทราบ พวกเขาควรจะตามตัวเย่ว์หยางทันที ถ้าเย่ว์หยางรู้ว่าพวกเขาไม่เก็บสมบัติหลังจากเปิดประตูเทเลพอร์ตได้ หรือว่าพวกเขาปล่อยมือให้สมาคมนักรบจัดการ เขาคงจะโกรธแน่นอน เลโอทอเรนหัวหน้ากลุ่ม, เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวมีความเห็นว่ารอให้เป่าเอ๋อพาเย่ว์หยางมาก่อน ขณะที่ฟ่านหลุนเถี่ยและสี่สาวคิวบัวร์รู้สึกว่า พวกเขาควรส่งคนไปสำรวจดูรอบๆ ถ้าไม่เช่นนั้น เย่ว์หยางอาจดูถูกพวกเขาและหาว่าพวกเขาไร้ความสามารถ ขณะที่พวกเขายังไม่ได้ข้อสรุป พวกเขาตัดสินด้วยวิธีเป่ายิงฉุบ
สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยโชคดีเป็นผู้ชนะ ดังนั้นนางชูขวานยักษ์และตัดสินใจเข้าไปสำรวจข้างใน
คณะสำรวจชุดแรก ประกอบด้วยฟ่านหลุนเถี่ยและสี่สาวคิวบัวร์
ที่ตามหลังมาติดๆ ก็คือเลโอทอเรนหัวหน้ากลุ่ม, เจ้าอ้วนไห่และเย่คง จากนั้นก็เป็นเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัว, แอนนา, ลีนและฮุยไท่หลางปิดท้ายขบวน
พี่น้องตระกูลหลี่รั้งอยู่ในกรณีเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน พวกเขาจะได้พาเย่ว์หยางมาช่วยเหลือทันที หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เย่ว์หยางแบกเป่าเอ๋อวิ่งมาตลอดทางจนถึงที่นั่น แต่เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือได้ล่วงหน้าเข้าไปก่อน ดังนั้นเขาจึงมาไม่ทันห้ามพวกเขา
“อะไรกันนี่? เดี๋ยวนี้ความกล้าหาญของพวกเจ้าเพิ่มมากขึ้นกว่าถังน้ำแล้วหรือนี่” เย่ว์หยางพูดไม่ออก พวกเขาพากันเข้าไปทั้งที่ไม่รู้เรื่องได้ยังไง?
ต่อให้มีสมบัติลับ พวกเขาจะคว้ามาได้ง่ายๆ หรือ?
อักษรรูนสวรรค์บนผนังแสดงให้เห็นว่าเป็นประตูมรณะ และมีคำเตือนอย่างชัดเจนไม่ให้คนเข้าไป
แต่พวกเขาเข้าไปโดยไม่ทำความเข้าใจอักษรรูนเหล่านั้น
เขาไม่แน่ใจว่าเขาควรจะเรียกพวกนั้นว่ากล้าหรือประมาทกันแน่
พี่น้องตระกูลหลี่ได้รับคำสั่งให้รั้งอยู่ เหตุผลเป็นเพราะเย่ว์หยางต้องการให้พวกเขาป้องกันไม่ให้ผู้ใดมาทำลายประตูเทเลพอร์ต และนอกจากนี้ถ้าผู้ใดในกลุ่มของเจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือออกมาข้างนอก พวกเขาจะได้ช่วยได้ เขาไม่แน่ใจว่าประตูเทเลพอร์ตสามารถใช้ได้สองทางหรือไม่ ดูเหมือนกับเป็นเช่นนั้น แต่เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือยังไม่ออกมาทันที ดังนั้นแม้ว่าประตูจะเข้าออกได้สองทาง แต่มันคงไม่อยู่ในสองจุดที่พบได้บ่อย
เป่าเอ๋อแต่เดิมจะต้องอยู่ แต่นางยังเกาะหลังเย่ว์หยางและยืนยันว่าจะเข้าไปด้วย
ถ้าเย่ว์หยางปฏิเสธนาง นางจะร้องไห้จนน้ำตาท่วมป่าหยกคราม
อย่างไรก็ตาม มีโลกคัมภีร์อยู่ด้วยเสียอย่าง เขาสามารถจับนางโยนเข้าไปได้ทุกเมื่อ ถ้าสถานการณ์ทำให้เขาจำเป็นต้องทำเช่นนั้น เย่ว์หยางมั่นใจว่าปกป้องเป่าเอ๋อได้
เขาตกลงยอมพาเด็กสาวเข้าไปด้วยพลางจูงมือนางเดินเข้าไปในประตูเทเลพอร์ต หลังจากมึนงงในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ถูกส่งเข้าไปในพื้นที่ซึ่งแตกต่าง เย่ว์หยางพบว่าเขาอยู่ในมิติที่เป็นเอกเทศ รู้สึกเหมือนอยู่ในวิหารสิบสองนักษัตร ขณะที่มันเต็มไปด้วยด้วยพลังที่ถูกจำกัด แม้ว่าเขาจะมีพลังปราณก่อกำเนิดก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถใช้ได้แม้แต่น้อย เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาและตระหนักว่าเขาสามารถเรียกอสูรออกมาได้ตัวเดียว ไม่มากไปกว่านั้น เขาตกใจขณะที่ข้อจำกัดพลังยังเข้มงวดมากกว่าวิหารสิบสองนักษัตรเสียอีก เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลังจากลองดูแล้ว เย่ว์หยางก็ตระหนักได้ว่า ใครก็ตามที่เข้ามาในมิติเร้นลับนี้จะต้องพบกับความยากลำบาก
ข้อจำกัดที่นี่ เข้มงวดจนน่าขนลุก
นักสู้จะไม่สามารถใช้พลังหลักของเขาได้และสามารถใช้ได้เพียงอสูรอัญเชิญตัวเดียว อสูรสายเสริมพลังและอสูรสายธาตุเฉพาะแสดงว่าไร้ประโยชน์และอสูรรูปแบบเฉพาะจะอ่อนแอลงถึงสิบเท่า มีแต่อสูรสายนักสู้สามารถใช้พลังได้ครึ่งหนึ่ง ไอ้มิติเร้นลับบ้าบอนี่พยายามจะทำอะไรกันแน่? อสูรแบบไหนกันที่ถูกผนึกไว้ที่นี่? สายเสริมพลังและสายธาตุเฉพาะไร้ประโยชน์งั้นหรือ?
ยิ่งคิดเย่ว์หยางรู้สึกงงมากยิ่งขึ้น เป็นไปได้ไหมว่าอสูรเสริมพลังล้วนๆ หรืออสูรเฉพาะธาตุจะถูกผนึกไปด้วย
ข้างหน้าเขาไม่มีร่องรอยที่เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนที่เหลือทิ้งเอาไว้และไม่มีกลิ่นประจำตัวของฮุยไท่หลางเช่นกัน
เขาหันหน้าไปเจอทางเดินที่ดูเหมือนเขาวงกตอยู่ข้างหน้า เย่ว์หยางสามารถสรุปได้เกือบทันทีว่าทางเข้าประตูเทเลพอร์ตเป็นแบบสุ่มและไม่มีจุดแน่นอนตายตัว
จากจุดนี้ ดูเหมือนทุกคนจะถูกแยกออกจากเย่ว์หยาง เขาห่วงเป่าเอ๋อและคอยจูงมือนางไว้ สำหรับเจ้าอ้วนไห่และเย่คงน่าจะไม่เป็นไร เพราะต่อให้ปราศจากความช่วยเหลือของสัตว์อสูรของพวกเขาและพลังตนเอง แต่พวกเขาก็ยังหนีและป้องกันตัวเองได้ แต่ชีวิตของแอนนากับลีนจะลำบาก เนื่องจากอสูรพวกเขาเป็นอสูรสายธาตุเฉพาะ ไม่สามารถทำอะไรได้ในมิติเร้นลับนี้
ทำนองเดียวกับเลโอทอเรนหัวหน้ากลุ่ม, ฟ่านหลุนเถี่ยและสี่สาวคิวบัวร์ พวกเขาทุกคนเป็นอสูรประเภทเสริมพลังล้วนๆ
เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวมีอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือยักษ์หิมะและดาวตกเพลิงฟ้าก็ยังไร้ประโยชน์ในมิตินี้ แต่พวกเขามีอสูรสายรบและยังร่วมพลังกันอีก พวกเขาคงไม่เจอเรื่องลำบากมากนัก โชคดีที่พี่น้องตระกูลหลี่ไม่ได้เข้ามา ถ้าพวกเขาเข้ามาก็จะตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ คนอื่น
มิติเร้นลับนี้ไม่ธรรมดา เย่ว์หยางไม่เคยเห็นพื้นที่ซึ่งจำกัดพลังอย่างนี้มาก่อน
ตั๊กแตนมัจจุราชถูกลดพลังลงครึ่งหนึ่งไม่สามารถควบคุมร่างมันได้ขณะที่มันมักชนถ้ำเสมอขณะที่บิน ดังนั้นเย่ว์หยางจึงต้องเรียกมันกลับและเปลี่ยนให้อสูรหุ่นกล เหยี่ยวพายุระดับเงินออกมา
คาดไม่ถึงว่าหุ่นกลเหยี่ยวพายุไม่ได้รับผลจากข้อจำกัดใดๆ เลย และดูเหมือนว่าพลังของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าขณะต่อสู้แน่
พอถึงตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ในมิติเร้นที่ประหลาดนี้ มีเพียงอสูรหุ่นกลที่เป็นอิสระจากข้อจำกัด จากตรงนี้ เห็นได้ชัดว่ามีอสูรหุ่นกลถูกผนึกอยู่ภายในวงเวทผนึกโบราณ อย่างนั้นพวกมันปกป้องอะไรอยู่ที่นี่? มีสมบัติอยู่จริงๆ หรือ? หรือว่ามีปีศาจชั่วร้าย? เย่ว์หยางยิ่งอยากรู้มากยิ่งขึ้น
หลังจากที่เดินอยู่ในอุโมงค์คดเคี้ยว เย่ว์หยางจึงพบทางออก
มีแท่นกว้างและมีมุกราตรีลูกหนึ่งทำให้แท่นนั้นเปล่งแสงสว่างเหมือนเวลากลางวัน
มีอสูรหุ่นหลายกลุ่มคอยลาดตระเวนเป็นจังหวะ ทุกตัวเป็นอสูรทองแดงระดับสิบ ขณะที่หัวหน้ากลุ่มเป็นอสูรเงินระดับสิบ บนกลางแท่นมีหุ่นขนาดยักษ์ใหญ่กว่าสี่ตัวเป็นรูปพยัคฆ์, เสือดาว, สิงโตและหมาป่า ทุกตัวเป็นอสูรทองระดับสิบ
ภายใต้อุ้งเท้ามันคือฝาปิดทำด้วยอักษรรูนสวรรค์ มันอาจเป็นทางเข้ามิติในระดับถัดไปก็เป็นได้
หรืออาจนำไปสู่ห้องลับที่เต็มไปด้วยสมบัติก็เป็นได้
“มีบางอย่างผิดปกติ ข้ารู้สึกว่ามีกลิ่นไม่ดี” เย่ว์หยางขมวดคิ้วขณะที่เขาคิดอย่างหนัก พอเห็นฉากข้างหน้าทำให้เขาเข้าใจบางอย่างได้
เพียงแต่เขายังจับใจความหลักไม่ได้
เขาแค่ต้องก้าวออกไปหาความจริง แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
เป่าเอ๋อหลบอยู่ข้างหลังเย่ว์หยาง ลืมอันตรายที่อยู่รอบๆ ตัวนางไปสิ้นเชิง “ดูเหมือนว่าเราไม่สามารถสู้กับพวกมันได้ ข้าไม่อาจแสดงพลังได้เต็มที่ ทำไมถึงมีอสูรหุ่นมากมายนัก พวกมันดูเหมือนกองทัพสำหรับข้า หรือว่านี่คือสุสานของจักรพรรดิองค์หนึ่ง? มีทหารองครักษ์คอยปกป้องสุสานของเขา” เป่าเอ๋อพึมพำ
นางพูดคำเหล่านั้นตามปกติ แต่เย่ว์หยางรู้แจ้งปัญหาทันทีที่ได้ยินคำพูดนาง
เขาเข้าใจว่านี่คล้ายกับตำหนักหุ่นของเย่ว์กงมาก..
นี่คือวังห้าธาตุในตำนาน น่าจะเป็นเรื่องที่เคยพูดไว้จากบันทึกความทรงจำของมารดาสหายผู้น่าสงสาร นี่คือตำหนักทองจากในบรรดาตำหนักทั้งหมด นอกนั้นก็มี ไม้, น้ำ, ไฟและทราย!
***********