ตอนที่ 406 ศิลปะการเป็นผู้นำ
การผจญภัยในวังเบญจธาตุครั้งนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับลีน, แอนนา, ทอเรนเลโอ, สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยและทีมงานของนางที่ยังขาดปัญญาอยู่
เจ้าอ้วนไห่, เย่คง, เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวรวมทั้งพี่น้องตระกูลหลี่ก็เช่นกันต้องทนรับความเจ็บปวด
เพียงคนเดียวที่สูญเสียโอกาสรับรู้ ก็คือเป่าเอ๋อที่หลับสนิทตั้งแต่ออกมาจากตำหนักทอง
แน่นอนว่าเหตุผลหลักที่ทำให้นางหลับได้นานขนาดนั้นก็ต้องขอบคุณดอกหอมนิทราของเจ้าเมืองโล่วฮัว
ทีมงานทั้งหมดแทบจะไม่ได้รับสิ่งใดเลย โดยเฉพาะสมบัติ เจ้าอ้วนไห่เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับรากไม้ปีศาจสิบราก อย่างไรก็ตาม บังเอิญว่ามีเรื่องขัดใจกับนกนางนวลสายลมที่ฉลาดมาก และมันตามกลั่นแกล้งทรมานเขาตลอดการเดินทาง ตามความคิดของเจ้าอ้วนไห่ กำไรครั้งนี้ไม่คุ้มกับที่เสียไป
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางกลับตรงกันข้าม เขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมายมหาศาล
ตั้งแต่ตำหนักทอง, เย่ว์หยางได้รับเทพเหล็กไหลดาวตกที่สามารถใช้สร้างเทพศัสตราได้ ด้วยของสิ่งนี้ เย่ว์หยางมั่นใจพอว่าเขาสามารถเติมเต็มปณิธานที่สามของภูตอัจฉริยะเย่ว์กงที่มีต่อสมบัติชิ้นที่สามได้
มุกผนึกมังกรที่เย่ว์หยางได้รับจากตำหนักวารี ถ้าดูผิวเผินอาจไม่มีประโยชน์ แต่มันสามารถใช้เป็นเหมือนอัญมณีจับพวกเผ่าพันธุ์มังกรได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้คงใช้จับมังกรได้แน่นอน ในตำหนักไม้ เนื่องจากเย่ว์หยางใช้เล่ห์ลิ้นและทักษะกะล่อนโกหก ปีศาจไม้หมื่นปีจึงต้องพบกับความสูญเสียอย่างน่าสมเพช สมบัติมีค่าระดับสูงอย่างพอปล่าร์ดำ, น้ำค้างแก่นดินรวมทั้งกระเช้าสมปรารถนา ถูกเย่ว์หยางขูดรีดไปหมด ที่แย่ที่สุดก็คือเจ้าอ้วนไห่ผู้มีหนังหน้าหนาก็ยังร่วมหลอกลวงเช่นกัน และได้รากไม้ปีศาจสิบรากสุดท้ายไปด้วย
สององครักษ์พิทักษตำหนักไฟประสบความสูญเสียเป็นทวีคูณเมื่อเทียบกับตำหนักอื่นๆ อย่างน้อย ปีศาจไม้หมื่นปีก็ยังมีรายรับเข้ามา แต่จ้าวเพลิงนรกและนางมารเพลิงวิญญาณกลับพบจุดจบทั้งคู่ในฐานะเป็นก้อนหินให้ฮุยไท่หลางและภูตเพลิงปฐพีหยั่งเท้าก้าวข้ามวิวัฒนาการต่อไป
ฮุยไท่หลางหลอมรวมเคียวเพลิง สมบัติระดับทองให้เป็นเคียวเพลิงบริสุทธิ์
ในที่สุดฮุยไท่หลางได้รับอาวุธอย่างหนึ่ง
สำหรับอสูรในตำนานตนหนึ่งแล้ว การมีอาวุธระดับทองไว้ใช้ดูเหมือนจะเป็นของระดับต่ำไปบ้าง แต่ถ้ามีไว้ใช้ ก็ยังนับว่าดี
ภูตเพลิงปฐพีไม่ได้เพียงแต่วิวัฒนาการจากการดูดกลืนพลังงานไฟเท่านั้น แต่นางยังคงได้รับสติปัญญาด้วย นอกจากนี้นางยังคงได้รับแก่นเวทเพลิงปฐพี ในอนาคต บางทีนางอาจทำการยกระดับอีกครั้ง
ในฐานะเจ้านายของพวกมัน เย่ว์หยางได้รับเพียงดวงตาของจ้าวเพลิงนรกเท่านั้น นั่นคือ ศิลาตาเพลิงจากตำหนักไฟ อย่างน้อยก็ยังถือได้ว่าเขาได้รับจากวังเบญจธาตุ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไร อย่างไรก็ตาม ฮุยไท่หลางและภูตเพลิงปฐพีก็ยังทำให้เย่ว์หยางยินดีมาก แต่แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดกลับไม่ใช่ฮุยไท่หลาง ไม่ใช่ภูตเพลิงปฐพี แต่เป็นโคเงาอาหมันผู้ได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่องแต่เงียบงัน
อาหมันได้รับหัวใจธรณีสาร ได้กลายเป็นโคเงาที่มีพลังงานไม่จำกัด
ตอนนี้เย่ว์หยางมีแผนสร้างทีมงานเทพธิดานักรบอย่างเป็นทางการ
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้ายังคงต้องฝึกตัวหาประสบการณ์เพิ่มอีก!” เย่ว์หยางเอาอาวุธและสมบัติระดับทองแดงและระดับเงินออกมาจากแหวนแพลตตินัมเก็บสมบัติที่ได้มาจากเยาถง ใช้เป็นของล่อใจและก่อนที่ผู้ใดจะทันได้รู้ตัว เขาก็แว่บหลบหนีทันที เขากลัวว่าพวกนั้นจะถามเขาถึงสมบัติที่ได้รับจากวังเบญจธาตุ นี่ไม่ใช่เรื่องตลก ถ้าพวกเขารู้ว่าเขาได้รับเทพเหล็กไหลดาวตก คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าพวกเขาจะติดตามเพื่อขอเทพศัสตรา!
“เจ้าเด็กนั่นต้องได้รับของดีๆ แน่ มิฉะนั้นก็คงเป็นเรื่องแปลกมาก โอว..พระเจ้า ของเกือบทั้งหมดนี้เป็นของระดับทองแดง มีสมบัติระดับเงินอยู่สองชิ้น ทั้งหมดนี้ขยะทั้งนั้น” เจ้าอ้วนไห่รู้จักนิสัยเย่ว์หยางเป็นอย่างดี เขารู้ว่าเย่ว์หยางต้องได้รับของอื่นอีกมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รีบร้อนออกไปจากวังเบญจธาตุ
“เอาล่ะ! อย่างนั้นข้าถือว่าเจ้าไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น? จริงไหม?” เย่คงตัดสินใจแบ่งสมบัติ แต่ไม่ให้อะไรเจ้าอ้วนไห่?
“อะไรนะ? ข้าบอกว่า ข้าไม่ต้องการเสียเมื่อไหร่?” เจ้าอ้วนไห่จ้องดูเขา
“เจ้าคือคุณชายไห่แห่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในทวีปมังกรทะยานไม่ใช่หรือ? เขาจะต้องมาสนใจเศษขยะเหล่านี้ทำไม?” เย่คงคำราม เขาแย่งขวานเงินมาจากในมือของเจ้าอ้วนไห่และโยนให้เลโอทอเรนหัวหน้ากลุ่ม เจ้าอ้วนไห่ร้องเหมือนหมูถูกเชือดทันที แต่ทุกคนแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นใจเขา ใครบอกให้เขาเอารากไม้ปีศาจมาโอ้อวดอย่างภูมิใจกันเล่า? ทุกคนมือเปล่ากันทั้งนั้น แต่นอกจากได้รากไม้ปีศาจมาแล้ว เขายังได้รับกระทั่งนกนางนวลสายลมแสนรู้มาตัวหนึ่ง นั่นคือเหตุผลทำให้นางนวลสายลมรู้สึกชอบเขา
“ข้าจนแสนจน กระเป๋าก็กลวงว่างเปล่า.. พวกเจ้าไม่ใจดำเกินไปหน่อยเหรอ? ไม่มีทั้งสมบัติ ไม่มีกระทั่งคำปลอบใจ!” เจ้าอ้วนไห่รำพึงรำพันน้ำตานองหน้า ใครจะคิดกันว่าทุกคนเริ่มเตรียมเดินจากไป ไม่ยอมให้โอกาสเขาได้รำพึงให้จบเสียก่อน ในที่สุดเจ้าอ้วนก็เดินกระทืบเท้าตามมาอย่างเสียไม่ได้
“แกว้ก, แกว้ก” นกนางนวลสายลมชอบใจเป็นที่สุดที่เห็นเจ้าอ้วนไห่โชคร้าย มันบินอยู่บนท้องฟ้าร้องแกว้กๆ หัวเราะอย่างมีความสุข
“จู่ๆ ข้าก็อยากจะถอนขนกินนกปิ้งซะแล้ว” เจ้าอ้วนไห่จ้องนกนางนวลสายลมอย่างมุ่งร้าย ทันใดนั้นนกนางนวลสายลมพ่นใบมีดสายลมใส่และบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายต่อไปของเย่ว์หยางก็คือไปแผ่นดินลับที่มารดาของนางพญากระหายเลือดหงได้ล่วงหน้าไปก่อนนั้น
เพื่อสำรวจ
กล่าวกันว่าจ้าวอสูรทองสามารถไปยกระดับได้ที่นั่น เย่ว์หยางตัดสินใจพานางพญากระหายเลือดหงไปสำรวจดูที่นั่น
เพื่อตรวจสอบดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่
อีกเป้าหมายหนึ่งก็คือหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อความลับที่อาสี่ได้เขียนไว้ เขาบอกว่าเย่ว์ชิวทิ้งของขวัญให้บุตรของเขาไว้ที่หอทงเทียนชั้นที่ห้า แต่อาสี่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงจุดไหนกันแน่ เขาเพียงแต่ได้ยินตำแหน่งสถานที่คร่าวๆ มาจากเย่ว์ชิว เย่ว์หยางต้องการหาของสิ่งนั้นให้พบด้วยตนเอง
ของขวัญเช่นใดที่เย่ว์ชิวทิ้งไว้ให้สหายผู้น่าสงสาร?
เย่ว์หยางสงสัยมากเช่นกัน
หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องทั้งสองนี้แล้ว เย่ว์หยางต้องการไปสำรวจหุบเขามรณะตามลำพัง เป้าหมายรองลงมาก็คือหาความลับในลายแทงสมบัติที่ได้มาจากวิหารแกะเพิ่มเติมและตรวจสอบว่ามีเบาะแสสมบัติลับใดๆ บ้าง ถ้ามีเวลาไม่พอ อย่างนั้นเขาต้องมุ่งไปที่การร่วมดำเนินการกับนางพญาแมงมุมเจี้ยงอิงตามหาอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในมือที่สำคัญยิ่งกว่า การสำรวจหุบเขามรณะเอาไว้ทำทีหลังก็ได้ สำหรับเรื่องบันไดสวรรค์ เย่ว์หยางตัดสินใจค่อยหาเวลาเหมาะปรึกษากับแม่สี่… เย่ว์หยางคิดว่านางคงจะรู้เรื่องความลับของบันไดสวรรค์ นางไม่เคยยกเรื่องนี้มาคุยก่อน ทำให้เย่ว์หยางลำบากใจที่จะถามนาง
บางทีนางอาจบอกเขาเมื่อถึงเวลาอันควร
มีความเกี่ยวข้องกับสวรรค์ยังไงกันแน่?
อาจเป็นได้ว่าในบันไดสวรรค์ จะมีผู้เข้าถึงสวรรค์ได้โดยตรงจากตรงนั้นกระมัง?
เย่ว์หยางคิดว่าอาจจะเป็นไปได้และรู้สึกว่าบันไดสวรรค์อาจเป็นทางผ่านลับเข้าแดนสวรรค์ แน่นอนว่า เขาจะรู้ความจริงได้ต่อเมื่อสำรวจเสร็จแล้วเท่านั้น
หลังจากกลับไปสมาคมนักรบ เย่ว์หยางขึ้นไปถึงหอเกียรติยศชั้นสาม เขายื่นความจำนงค์ว่าต้องการแลกรับรางวัลนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ถูกขึ้นบัญชีล้างแค้น เขาถามถึงสิ่งที่ใช้แลกเปลี่ยนน้ำพุอมตะ พนักงานต้อนรับสาวสวยตกตะลึงมองดูเย่ว์หยาง กว่าจะรู้สึกตัวชั่วขณะ นางก็โบกมือและพูดว่าพวกเขาไม่มีสมบัติเช่นนั้น
“ข้าต้องการน้ำพุอมตะ ถ้าเจ้าเตรียมไว้ให้ข้า อย่างนั้นข้าจะขอแลกด้วยเยาถง นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้าและเป็นหนึ่งในสามผู้นำป้อมสายฟ้า” เย่ว์หยางพูดอย่างใจเย็นเป็นธรรมชาติ
“โหว….” พนักงานต้อนรับสาวสวยจ้องดูเย่ว์หยางอย่างว่างเปล่า ผ่านไปสามนาทีนางถึงเริ่มส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด “โอว.พระเจ้า.. ตื่นเต้นมาก”
“เกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าฝ่ายต้อนรับดุ “นี่คือหอเกียรติยศ ช่วยรักษาภาพลักษณ์ของเจ้าด้วย”
“ข้าคิดว่าท่านยังไม่รู้ เยาถงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้า ตายแล้ว! ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาสวมหน้ากากฆ่ามันได้แล้ว!” พนักงานต้อนรับสาวสวยเปิดเผยความลับเย่ว์หยาง หัวหน้าพนักงานต้อนรับยังไม่เข้าใจในตอนแรกก็ยังรู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากนั้น เขาจึงถามย้ำ เพราะยังไม่ค่อยเชื่อหู “จริงหรือ? เขาบอกว่าเขาต้องการน้ำพุอมตะ? นี่อาจจะหาได้ยากหน่อย ข้าจำเป็นต้องรายงานให้พันธมิตรปราณก่อกำเนิดทราบ เรื่องลับสุดยอดเช่นนี้ นอกจากเจ้ากับข้า อย่าให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ นักรบผู้กล้าผู้ประสบความสำเร็จและกำจัดมารร้ายอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้! ขะ ขะ เขาบอกว่าเยาถงจริงๆ หรือนี่? เจ้าแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์นะ?”
“เยาถงแห่งป้อมสายฟ้า หนึ่งในสามผู้นำน่ะหรือ! ฟังผิดหรือเปล่า? โอว..พระเจ้า เขายอดเยี่ยมมาก” นัยน์ตาสาวงามกลายเป็นรูปหัวใจสองดวงทันที
เย่ว์หยางกลับไปที่ป้อมสายฟ้า ยามนี้เขาไม่ต้องการกลับไปที่คฤหาสน์ของแอนตัน
วังของเยาถงได้ทำการบูรณะและสร้างใหม่อย่างคึกคัก
วังใหม่ไตตันได้รับการขยับขยายจากพื้นที่ของเยาถงเดิม อาณาเขตของเยาถงและแอนตันถูกผนวกเข้าด้วยกัน เช่นเดียวกับพื้นที่ทะเลสาบที่ซานเซียวและเซวี่ยเหอยกให้เย่ว์หยาง วังใหม่ไตตันจะเป็นอาคารยิ่งใหญ่ที่สุดและซับซ้อนนอกเหนือจากวังของฉงนี่
ทาสนับไม่ถ้วนตื่นเต้นมีความสุข ในพวกเขานั้น ผู้ได้ติดตามรับใช้เย่ว์หยางล้วนแต่ทุ่มเทเรี่ยวแรงเต็มที่
พวกบ่าวทาสของเยาถง แม้ว่าจะขยันเป็นพิเศษ แต่ก็ยังระแวงอยู่
โชคดีที่ชัยชนะของพี่น้องไตตันสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่ มิฉะนั้นพวกบ่าวทาสคงหนีไปมากมายแน่
“นายท่าน” เสียงเรียกเจ้านายที่ดังที่สุดดังมาจากกบอ้วนจั๊ดด์ ด้วยความภาคภูมิใจและนับถือมากที่สุด “ทรัพย์สินของเยาถงทั้งหมด ถูกโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างราบรื่น ทั้งหมดที่ข้ามี…”
“เจ้ากับพ่อบ้านเหยียนเจิ้งควรรับดูแลเรื่องทั้งหมดนี้ไป พวกเจ้ามีความสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว ข้ารู้สึกสบายใจ ถ้ามีกำลังคนไม่เพียงพอ ก็ให้พี่น้องเซี่ยผู่มาช่วยเจ้า นอกจากนี้ ถ้าเจ้าต้องการเพิ่มอะไรในอนาคต เจ้าไม่จำเป็นต้องถามข้า ให้ดำเนินการไปก่อน แล้วค่อยรายงานตามภายหลัง” เย่ว์หยางไม่ได้ดำเนินการตามกิจวัตรประจำวันเลย ตราบใดที่พวกเขาทำงานไปตามปกติ ก็ถือว่าดีไป นอกจากนี้ เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ไม่มีความกล้าพอจะหลอกลวงเขา
“เข้าใจแล้ว” กบอ้วนจั๊ดด์มีความสุขอย่างแท้จริงหลังจากได้ยินคำพูดเย่ว์หยาง นี่หมายความว่าเจ้านายให้ความไว้วางใจเขาแล้ว
“โอว… ขอให้คนดีๆ อย่างเจ้านายมีอายุมั่นขวัญยืนเถอะ เราพบแร่ใหม่ที่เหมืองหมายเลขห้า ตอนนี้เราได้แร่คุณภาพสูงอีกแล้ว ทั้งหมดล้วนขอบคุณนายท่าน” เป็นอีกคนหนึ่งที่ตีปีกด้วยความภูมิใจ นั่นคือผู้เฒ่าพิพพิน นอกจากนี้เขาชมชอบคำชมเชยยิ่งนัก ทันทีที่ท่านยกย่องเขา เขาจะรู้สึกเหมือนกับว่ากระดูกเบาเป็นกิโลๆ
“ทุกคนทำงานได้ดีมาก ขอบคุณที่พวกท่านทุกคนขยันขันแข็ง คราวนี้ข้าจะเพิ่มรางวัลให้ สำหรับคนที่พบแร่คุณภาพสูง ผลสำเร็จของพวกเขาจะได้รับการบันทึกไว้ทันที สำหรับคนที่มีส่วนร่วมในการลงเหมือง ก็จะได้รับรางวัลเพิ่มอีกหนึ่งเหรียญทอง แล้วก็ ผลตอบแทนสำหรับพวกเจ้าที่ได้ร่วมงานก่อสร้างทุกคน ข้าจะมีรางวัลให้ด้วยเช่นกัน ส่วนว่าจะแบ่งสันปันส่วนกันยังไง พ่อบ้านเหยียนเจิ้งจะรับเรื่องนี้ไปดูแล จำไว้ให้ดีว่ามีรางวัลอย่างเพียงพอ เมื่อพวกเจ้าได้สะสมผลงานไว้เพียงพอ ข้าจะพิจารณาให้รางวัลเหรียญตราซื่อสัตย์ และภักดีกับพวกเจ้า ขอให้ขยันทำงานหนักต่อไป” เย่ว์หยางโบกมือและมอบรางวัลให้ราวๆ หนึ่งหมื่น แน่นอนว่า รางวัลของตัวเขาเองจะยิ่งใหญ่มากกว่านี้ แต่ในอนาคตจะกลายเป็นผลประโยชน์เพิ่มกลับมาอีกหลายเท่า
“แม้ตายล้านครั้ง พวกเราก็ไม่อาจตอบแทนความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ของนายท่านได้…” ผู้เฒ่าพิพพินปลื้มใจจนน้ำตาคลอ นำบ่าวทาสหมอบคำนับด้วยความเคารพ
“ลุกขึ้น!” เย่ว์หยางลอบละอายใจ ลักษณะของคนแบบนี้ นี่คงเป็นเหตุผลให้จักรพรรดิชอบการเยินยอ อย่างไรก็ตาม ด้วยความเข้าใจศิลปะการเป็นผู้นำ เขาช่วยประคองให้ผู้เฒ่าพิพพินลุกขึ้นยืนและตบไหล่เขา
ท่าทีเช่นนี้ ถึงกับทำให้ผู้เฒ่าพิพพินตัวเบาเป็นกิโลๆ
หลังจากคอยให้บ่าวทาสที่คุกเข่าหมอบกราบถึงสามครา เย่ว์หยางยกมือและพวกบ่าวทาสโห่ร้องรับคำทันที
พวกเขาแต่ละคนมีน้ำตาไหลนองหน้า ดูไม่ออกว่าพวกเขาปลื้มอย่างแท้จริงหรือว่าแกล้งซาบซึ้งไปตามหน้าที่
หลังจากเย่ว์หยางกลับเข้าในห้องโถง เขาพบว่าพ่อบ้านเหยียนเจิ้งกำลังคร่ำเคร่งวุ่นวาย พยายามคำนวณบางอย่างอยู่ แม้ขณะที่เย่ว์หยางเข้าไป เขาก็ยังไม่สามารถผละงานมาทักทายเขา ตรงกันข้ามกับกลุ่มพ่อค้าที่รุมล้อมตัวพ่อบ้านเหยียนเจิ้งกลับทักทายเขาด้วยความเคารพ พยายามยิ้มประจบประแจงเขา
เย่ว์หยางโบกมือและเดินแยกออกมา คนพวกนี้คิดว่าไตตันน้อยอัธยาศัยดีและเป็นกันเอง ปกตินักสู้ปราณก่อกำเนิดจะไม่ชำเลืองตามองพวกพ่อค้าด้วยซ้ำ
แต่ละคนจะยกนิ้วหัวแม่มือให้เขาและชื่นชมเขาไม่หยุดหย่อน
“อา..นายท่านกลับมาแล้ว ข้ากำลังคร่ำเคร่งกับการวาดภาพ ก็เลยยังไม่ได้เตรียมอาหาร ข้าสมควรถูกลงโทษที่ละเลยหน้าที่จริงๆ..” สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ลนลานวิ่งออกมาจากห้อง หน้าอกใหญ่เด้งได้ของนางเหมือนกับจะทดสอบตบะความอดทนของเย่ว์หยาง นิ้วมือที่ดูเหมือนดอกจำปาขาวของนาง ยังคงเปื้อนสี ขณะที่แก้มของนางแดง เหมือนกับว่าทำสิ่งผิดมา
“วาดได้ไม่เลวเลย” เย่ว์หยางรู้ว่าสาวน้อยผู้นี้คงวาดภาพเขา เขาชายตามองอย่างรวดเร็ว และเขาคาดได้ถูก แต่ภาพเพิ่มขึ้นมาก็คือ ตัวนางก็อยู่ในรูปนั้นด้วย
เย่ว์หยางในชุดขาวสวมหน้ากากเจมินี่ ขณะที่สาวลูกครึ่งเอลฟ์ยืนยิ้มเกาะแขนของเย่ว์หยาง
หลังจากทราบว่าเย่ว์หยางไม่โกรธ สาวลูกครึ่งเอลฟ์แลบลิ้นสีชมพูออกมาอย่างซุกซน
เย่ว์หยางวางมือแปะบนศีรษะนางและให้น้ำผลไม้สด “หิวไหม? กินนี่ซะ เติมกระเพาะน้อยๆ ของเจ้าสักหน่อย”
สาวลูกครึ่งเอลฟ์ตื่นเต้นมากจนหน้าแดงไปทั้งใบหน้า
นางรับน้ำมา ก้มศีรษะพยักหน้า
หลังจากเย่ว์หยางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์แล้ว นางกำหมัดน้อยๆ แน่นและให้กำลังใจตนเองทั้งที่น้ำตานองหน้า “นี่เป็นความล้มเหลวอย่างหนึ่ง! ข้าลืมเตรียมอาหารให้นายท่านจริงๆ โชคดีที่นายท่านไม่หิว… ถึงอย่างนั้นนายท่านก็ยังใจดีมาก พรุ่งนี้เราจะต้องพยายามให้มากกว่าเดิม”
วันต่อมา หลังจากจัดการบริหารงานในป้อมสายฟ้าแล้ว เย่ว์หยางเตรียมตัวไปหอทงเทียนชั้นที่สามเพื่อค้นหาแผ่นดินลับที่สามารถยกระดับจ้าวอสูรทองได้
ทันใดนั้น พ่อบ้านเหยียนเจิ้งก็เข้ามารายงานว่า ท่านเฉินจากทวีปฉีหลานขอเข้าพบ
**************