ตอนที่ 408 ตามหาดาบมืด
“ที่นี่ไม่มีคนชื่อดาบมืด” สาวงามที่ยืนอยู่หลังโต๊ะรับเงินยิ้มอย่างสุภาพ “แต่มีเหล้าย้อมใจชื่อ ‘คืนเดือนมืด’ ท่านจะรับสักแก้วไหม?”
“ไปพาเขาออกมาเดี๋ยวนี้!” เย่ว์หยางวางเหรียญทองอีกกำมือหนึ่งบนโต๊ะ
“ต่อให้ข้าต้องการรายได้จากเงินจำนวนนี้จริงๆ แต่ที่นี่ไม่มีคนเช่นนี้จริง ข้าเสียใจ” หญิงงามค้อมตัวเล็กน้อย
“ข้ามีความอดทนจำกัด” เย่ว์หยางให้ความรู้สึกคุกคามนาง
“ท่านลูกค้า ขอให้ข้าช่วยเจ้าก็ได้” บุรุษหัวล้านครึ่งศีรษะที่อยู่อีกด้านหนึ่งยื่นมือมาแตะไหล่ของหญิงงาม ส่งสัญญาณให้นางออกไปโดยเร็ว จากนั้นเข้าแทนที่นางและพูดกับเย่ว์หยางพลางยิ้ม “ท่านลูกค้าที่นับถือ, นางเป็นคนงานใหม่ ยังไม่ค่อยรู้อะไร ถ้าท่านต้องการข้อมูลของดาบมืด ข้าจะบอกข่าวร้ายแก่ท่านเอง ดาบมืดเสียชีวิตแล้ว”
“เสียชีวิตยังไง?” เย่ว์หยางถาม
“เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว ดาบมืดได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติลับ เขาบอกเรื่องนั้นกับสหายที่สนิทที่สุด คาดไม่ถึงเลยว่า สหายที่ดีที่สุดของเขากลับขายเขาและข้อมูลรั่วไหล กลุ่มนักผจญภัยที่น่ากลัวพบกับดาบมืดและบังคับเขาให้ไปยังที่ตั้งสมบัติลับ พอไปได้ครึ่งทาง พวกเขาก็เผชิญกับนักผจญภัยมากขึ้น เหตุการณ์กลับกลายเป็นว่า สหายจอมโลภขายข้อมูลให้กลุ่มนักผจญภัย 2-3 กลุ่ม ในที่สุด กลุ่มนักผจญภัยพวกนั้นก็เริ่มต่อสู้กันก่อนที่พวกเขาจะหาสมบัติพบ จนสุดท้ายก็ดึงพวกนักล่ามังกรเข้ามาร่วมวงด้วย พวกนักล่ามังกรฉวยประโยชน์ที่ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บเสียหายทำร้ายและกำจัดพวกเขาหมดคราวเดียว ทุกคนรวมทั้งดาบมืดและสหายของเขาถูกกำจัดหมดสิ้น สำหรับข้อมูลเรื่องสมบัติ เพราะดาบมืดตายไปแล้ว จึงไม่มีผู้ใดรู้เรื่องของมันอีกต่อไป” บุรุษหัวเถิกครึ่งหัวถอนหายใจ “คนมากมายคิดว่านักล่ามังกรคงวางแผนนี้โดยเจตนา พวกมันหลอกดาบมืด และปล่อยให้เขาได้ข้อมูลไปและทำให้เกิดสงครามระหว่างกลุ่มนักผจญภัย เพื่อที่ว่าพวกเขาสามารถฉวยโอกาสจากการนี้ได้”
“เรื่องนั้น..จริงหรือ?” เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อย
“ชาวต่ากู่เฉิงรู้เรื่องนี้กันหมด ตอนนั้น เราสมาคมเขาเงินยังมีการประชุมกันเพราะเรื่องนี้ แต่ผู้นำของเราคิดว่าเรื่องนี้กลิ่นไม่ดี จึงยกเลิก นี่พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน” บุรุษหัวเถิกครึ่งศีรษะมีพลังโน้มน้าวใจมาก เรื่องนี้ไม่ได้ขัดแย้งในตัวเองและเกือบจะสมบูรณ์แบบ แต่เย่ว์หยางไม่เชื่อคำที่เขาพูด
ยิ่งคำพร่ำพรรณนาที่จริงใจเกินไป ก็ยิ่งฟังดูเป็นคำลวงสำหรับเขา
ท่านไม่จำเป็นต้องอ่านนิยายนักสืบเพื่อให้รู้เรื่องอย่างนี้ ท่านก็ลองเปิดทีวีดูก็รู้ว่าพวกที่ดูเผินๆ เป็นคนดีแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้วกลับเป็นคนเลว
แน่นอนว่า เหตุผลหลักที่เย่ว์หยางรู้สึกว่าคนหัวเถิกโกหกเขา ก็ต้องขอบคุณสัมผัสที่หกของเขา สัมผัสรู้ของนักสู้ปราณก่อกำเนิดอ่อนไหวขนาดไหน? เย่ว์หยางแทบจะรู้ตั้งแต่ก่อนหน้าที่บุรุษศีรษะเถิกครึ่งหัวจะอ้าปาก เย่ว์หยางรู้ว่าบุรุษผู้นี้จะเริ่มโกหกไม่หยุดเหมือนกับกระแสน้ำ
ในทางตรงกันข้าม สาวงามผู้นั้นไม่กล้าเริ่มคุยด้วยง่ายๆ นัก เพราะนางไม่เคยโกหกและกลัวว่าเย่ว์หยางจะเปิดโปงว่านางโกหกทันที
อาการเงอะงะของนางและเล่ห์เหลี่ยมของชายชรามีความชัดเจนมากเกินไป
ถ้าดาบมืดตายจริงๆ ชายชราผู้นี้คงไม่ถอนหายใจ แต่เขากลับมีความสุขมาก เขาเป็นคนประเภทยินดีในคราเคราะห์ของคนอื่น จากนั้น เขาจะคุยโวเกี่ยวกับเรื่องนั้น และยกหัวข้อเรื่องนี้เป็นเรื่องซุบซิบกันในโรงเตี๊ยม
นั่นคือเหตุผลที่บุรุษสูงอายุผู้นี้ยิ่งประพฤติธรรมดาเกินไป ก็ยิ่งเป็นภาพที่ผิดปกติมากสำหรับเย่ว์หยาง
“ดาบมืดตายจริงๆ หรือ?” เย่ว์หยางถามอีกเป็นครั้งสุดท้าย
“คนที่ดูแลซากสังขารของเขาเป็นหลานชายข้าเอง แม้ว่าดาบมืดจะไม่ใช่สหายของข้า แต่เขาก็ไม่เคยเป็นหนี้ค่าเบียร์ของเราเลย ความจริง เขาถือว่าเป็นลูกค้าที่ดีคนหนึ่ง” บุรุษศีรษะเถิกครึ่งศีรษะพยายามทำท่าทางเห็นอกเห็นใจ เขาไม่รู้ว่าในที่ๆ เรียกว่าประเทศจีน มีตัวละครคนหนึ่งชื่อ เย่ว์ปู้ฉวิน (งักปุกคุ้ง) ตัวละครเช่นนี้บอกให้นักอ่านในทั่วโลกไม่ไว้วางใจเชื่อถือคนอื่นได้ง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้รับฉายาว่า “สุภาพบุรุษเที่ยงธรรม”
“ปลุกเขาขึ้นมา และให้เขามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้” เย่ว์หยางวางเหรียญทองไว้ข้างหน้าบุรุษศีรษะเถิกครึ่งหัวอีกกำมือหนึ่ง
“แต่เขาตายแล้วจริงๆ…” สายตาชายชราศีรษะเถิกแข็งขึ้นเล็กน้อย หลังจากคุยมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่ายังมีคนกลุ่มอื่นที่ยังเชื่อหัวปักหัวปำว่าดาบมืดยังมีชีวิตอยู่
“ถ้าเขาไม่มาปรากฏตัวภายในสิบนาที ข้าจะเผาโรงเตี๊ยมนี้” เย่ว์หยางทำท่าเหมือนกับว่าเขากำลังพูดเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริงๆ
“เด็กน้อย, เจ้าต้องการตายหรือไง?
ที่ด้านหลังเย่ว์หยางมีบุรุษที่แข็งแรงและบึกบึนคนหนึ่งยืนอยู่ เขาวางมือบนไหล่เย่ว์หยางแล้วตะโกนว่า “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ และอย่าโผล่มาที่ต่ากู่เฉิงอีก มิฉะนั้นข้าจะซัดเจ้าให้เละ! เจ้านึกหรือว่านี่คือที่ๆ เจ้าจะมาทำโอหังลำพองได้? ต่อให้หัวหน้ากลุ่มทอเรนก็ยังไม่กล้ามาที่นี่ ในฐานะที่ข้าเป็นสหายของเขา ข้าไม่ยอมให้คนอื่นมาทำแบบนี้ที่นี่”
ลูกค้าในโรงเตี๊ยมร่วมกับคนบึกบึนผู้นั้นประณามเย่ว์หยาง
พวกเขาลุกขึ้นทีละคนและส่งเสียงด่าขรม
บางคนก็ม้วนถลกแขนเสื้อและเตรียมพร้อมจะรุมใส่เย่ว์หยาง
ชายชราศีรษะเถิกแกล้งทำตัวเป็นคนดี “ทุกคน, ข้าไม่ต้องการให้เรื่องนี้เอิกเกริกเกินไป มันเป็นแค่การเข้าใจผิด ขอบคุณที่ท่านให้เกียรติโรงเตี๊ยมเขาเงินเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เรากำลังประกอบธุรกิจและไม่ต้องการให้เกิดเรื่องยุ่งยาก ขณะที่เราต้องการทำมาหาเลี้ยงชีพ ทุกคนโปรดใจเย็นๆ มาเถอะๆ บริการเหล้าให้ลูกค้าหน่อย ข้าจะเป็นเจ้ามือรอบนี้เอง” เขาหันหน้าไปทางเย่ว์หยางและยิ้ม “ท่านลูกค้าผู้ทรงเกียรติ โปรดอย่าขุ่นเคืองเลย เราเข้าใจว่าท่านต้องการหาตัวดาบมืดอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม เขาตายไปแล้ว ถ้าท่านไม่เชื่อ ข้าจะให้คนพาไปดูหลุมศพของเขา คนที่นั่งอยู่ที่นี่ทุกคนเป็นพยานได้ว่าดาบมืดตายมาครึ่งเดือนแล้ว และศพของเขาก็เริ่มเน่าแล้ว”
พวกลูกค้าหัวเราะลั่น “เจ้าโง่! เจ้าแค่มาที่นี่เพื่อสมบัติ ถ้ามีสมบัติอยู่จริงๆ ใครจะมานั่งรอเจ้าเล่า โง่หรือเปล่า?!
นักผจญภัยอีกคนหนึ่งเยาะเย้ยเย่ว์หยาง “เขาโชคดีแล้วที่มาช้า มิฉะนั้นก็พอได้พบกับนักล่ามังกร ก็คงจะฉี่ราดกางเกงเป็นแน่…. เจ้าคนหน้าไม่อาย เป็นแค่นักสู้ระดับ 6 ยังกล้ามาสร้างเรื่องเดือดร้อนที่นี่? อย่าทำให้ข้าขำนักเลย”
บุรุษที่ตัวสูงและบึกบึนพูดเสียงดังยืนอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางหัวเราะไม่ยั้ง “เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? เมื่อเขาบอกว่าเขาจะเผาโรงเตี๊ยมเขาเงิน, ข้าตกใจแทบแย่ สงสัยมันคงกำลังละเมอเล่นตลก เขาคงไม่เคยคิดฝันว่าโรงเตี๊ยมเขาเงินนี้เปิดให้บริการโดยนักรบตระกูลกระทิงที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม เจ้ากล้าสร้างหายนะในดินแดนของนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรือ? เจ้ารับมือนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้หรือ? เป็นอะไรไป? กลัวจนฉี่ราดกางเกงแล้วหรือ? ขอดูกางเกงหน่อยซิ กลัวจนไข่หดหมดแล้วใช่ไหม ฮ่าฮ่าฮ่า”
“น่าเบื่อ”
เย่ว์หยางส่ายหน้า
เขาตวัดหมัดกลับหลังโดยไม่จริงจังนัก
เหมือนกับว่าเขาเป็นบริกรในร้านอาหารที่น่าเบื่อและพยายามขับไล่แขกออกไป
แม้ว่าบุรุษที่ตัวเท่ากับหมีกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาก็เตรียมตัวพร้อมแล้วและมีปฏิกิริยาโต้ตอบฉับพลัน หมัดยักษ์ของเขาต่อยโต้ตอบใส่หลังของเย่ว์หยางด้วยพลังรุนแรงราวกับระเบิด เขารู้ว่าการต่อสู้นี้จะต้องเกิดขึ้น เขาแค่หยิ่งและหัวเราะอย่างผิวเผิน แต่ความจริงกลับระมัดระวังตัว ทันทีที่เรื่องราวเป็นไปตามที่เขาคาด เขาก็โต้ตอบกลับทันที
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น พวกลูกค้าอื่นแม้คิดว่าเจ้าเด็กสวมหน้ากากคงไม่สามารถอดกลั้นการถูกกลั่นแกล้งอย่างนั้นได้ ไม่ว่าเขาจะมีอารมณ์ดีเพียงไหนก็ตาม ลูกค้าอื่นๆ ถือแก้วและดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสบายอารมณ์
บางคนก็เตรียมจะรุมซ้อมเจ้าเด็กหน้ากากเพื่อระบายความผิดหวังหลังจากบุรุษที่ตัวเท่าหมีผู้นั้นคว่ำเขาได้แล้ว
เมื่อทุกคนเตรียมดูเย่ว์หยางตกอยู่ในความยุ่งยาก สถานการณ์กลับพลิกผัน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เคยคาดฝันมาก่อน
เพียงเสี้ยววินาทีเมื่อหมัดยักษ์จะสัมผัสเข้ากับเสื้อของเย่ว์หยาง มือของเย่ว์หยางก็สัมผัสเข้าที่คางของมนุษย์หมีผู้นั้นภายในเพียง 1 ใน 10 วินาทีเท่านั้น
อาคารโรงเตี๊ยมสั่นสะเทือนทั้งหลัง กระจกหน้าต่างแตกร่วงกราว และเศษปูนเริ่มกระเทาะร่วง
พวกลูกค้าที่นั่งอยู่บนม้านั่งยาวมองดูการต่อสู้ชะงักค้างกันทุกคน พวกเขาเป็นเหมือนตุ๊กตาดินปั้น หลายคนทำเหล้าหกใส่อกตนเองโดยไม่รู้ตัว
ตาของทุกคนเบิกกว้างจนนัยน์ตาแทบถลนออกนอกเบ้า พวกเขาเหมือนคางคกที่ถูกเหยียบบี้แบน แม้ว่าความจริงจะปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ นักสู้ระดับเจ็ดถูกหมัดของนักสู้ระดับหกต่อยจนปลิวไปในอากาศ นักสู้ระดับเจ็ดบาดเจ็บหมดสติคาที่ เป็นไปได้ยังไง? ต่อให้ผลออกมาเป็นตรงกันข้าม ก็ไม่น่าแตกต่างมากขนาดนี้
บุรุษแก่หัวเถิกกลัวจัดจนตัวสั่น เขาซ่อนตัวอยู่หลังโต๊ะเก็บเงินเตรียมตัวจะลอบหนีไป
“ออกมานำทางซะ ถ้าข้าไม่พบดาบมืดภายในสิบนาที มั่นใจได้เลยว่าโรงเตี๊ยมเขาเงินพร้อมกับคนที่อยู่ข้างในจะสูญหายไปจากหอทงเทียนชั้นหก” เย่ว์หยางเคาะโต๊ะรับเงิน ชราหัวเถิกยังคงกลัวจัด เขารีบโผล่หน้าออกมาอย่างรวดเร็ว
“ปัง!” เพราะชายชราหัวเถิกรีบร้อนเกินไป ศีรษะของเขาจึงชนกับขอบโต๊ะ เขาไม่กล้าร้องด้วยความเจ็บปวดและรีบเดินนำไปทันที
หลังจากผ่านไปห้านาที เย่ว์หยางก็พบดาบมืดจนได้
เขาเป็นขโมยที่ผอมกระหร่อง มีลักษณะดูธรรมดามาก ทั้งยังไม่มีลักษณะพิเศษ ถ้ามีคนจับเขาโยนลงไปในฝูงชนก็จะเป็นเหมือนกับการวางเม็ดทรายในหาดทราย เขาจะสูญหายไปในท่ามกลางฝูงชน แน่นอนว่าถ้าเขาเป็นดารา ลักษณะของเขาจะไม่เป็นอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นขโมยรูปร่างของเขาถือว่าได้เปรียบ เพราะพวกขโมยและมือสังหารไม่จำเป็นต้องมีความหล่อ ยิ่งดูธรรมดา ก็ยิ่งดูมีศักยภาพ และมีโอกาสอยู่รอด
มีคนอยู่สองสามคนยืนอยู่กับดาบมืด เป็นบุรุษจากต่างเผ่าพันธุ์สามคน มีเผ่าคนแคระสองคนและนักรบเผ่าทอเรนอีกหนึ่งคนผู้เปลือยกายท่อนบนและคาดเข็มขัดทองและยังมีบัณฑิตผอมสูงอายุอีกคนหนึ่ง
บุรุษหัวเถิกแนะนำคนพวกนี้ พวกเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มทอรัส และสมาชิกระดับสูงห้าคนจากทีมงานระดับสูง
สำหรับทอเรนหัวหน้ากลุ่ม เย่ว์หยางแค่ดูอย่างรวดเร็ว
เจ้าผู้นี้มีพลังระดับเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่เย่ว์หยางไม่สนใจเขา สำหรับบัณฑิตเฒ่าที่เป็นนักวางกลยุทธ เย่ว์หยางพยายามคาดเดาเขา ชายชราผู้นี้เป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดเช่นกัน แต่สมองของเขาแตกต่างจากหัวหน้าทอรัส ถือว่าคู่ควรให้เย่ว์หยางใช้เวลาประเมินเขา ยังมีเผ่าคนแคระสองคนเป็นนักสู้ระดับเจ็ด พวกเขามีร่างกายที่แข็งแรงมาก ในมือของเขาถือขวานด้ามสั้นที่สร้างจากแร่อัคนีโลหะดำ เย่ว์หยางสงสัย เพราะเขาไม่เคยเห็นเผ่าคนแคระมาก่อน
สมาชิกกลุ่มอีกสามคนมาจากต่างเผ่าพันธุ์ พวกเขาล้วนเป็นนักรบหมาป่าร่างกายกำยำแข็งแรงและตัวสูงมาก พวกเขาไม่สวมรองเท้า และมีกรงเล็บที่แหลมคมเห็นได้ชัด พวกเขาดูเหมือนนักรบที่คล่องแคล่วมีความสามารถในการวิ่ง
“คนผู้นี้คือดาบเงา…” ชายชราศีรษะเถิกแนะนำตัวตัวขโมยคนแรกให้เย่ว์หยางและโค้งคำนับขอโทษทอเรนหัวหน้ากลุ่ม “ข้าต้องขออภัยด้วย ท่านหัวหน้า ข้าห้ามลูกค้าท่านนี้ไม่ได้”
“ไม่เป็นไร มีอีกคนมาร่วมล่าสมบัติด้วยก็ดีเหมือนกัน” ทอเรนหัวหน้ากลุ่มส่งสัญญาณให้ขโมยผอมเดินออกมา “ท่านควรให้สหายผู้นี้รู้เรื่องที่เกิดขึ้น บางทีเราอาจร่วมมือกันได้ รังมังกรปีศาจไม่ใช่ที่ๆ เรากลุ่มทอรัสจะพิชิตได้ง่ายๆ เราต้องได้ความช่วยเหลือเพิ่มขึ้น แต่พวกเขาต้องเป็นพันธมิตรสนใจล่าสมบัติอย่างแท้จริง
“งั้น นี่คือวิธีที่พวกท่านปฏิบัติกับมิตรที่มีความสนใจในการล่าสมบัติหรือ?” เย่ว์หยางไม่ได้ดูขโมย แต่เขากลับเดินไปอยู่ข้างหน้าหนึ่งในนักรบหมาป่า “เจ้าคือดาบมืดตัวจริงใช่ไหม?”
ทันทีที่เย่ว์หยางพูดเช่นนี้ ทุกคนตกตะลึงกันหมด
รวมทั้งกุนซือเฒ่าปากู่ ทุกคนอยู่ในอาการตะลึง พวกเขาจ้องหน้าเย่ว์หยางเหมือนกับว่าพยายามจะทำความรู้จักเขาอีกครั้ง
**************