ตอนที่ 413 พินาศไปพร้อมกัน?
ชื่อเฟยเริ่มพิธีเรียกจักรพรรดิชื่อตี้ซึ่งถูกผนึกอยู่ใต้พื้น
พีธีกรรมทำอย่างง่ายๆ นางแค่ดำเนินการคนเดียว
ทั่วบริเวณเงียบสงบ
เปลวจากเพลิงบัวแดงลุกโชนจากมือของชื่อเฟยอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ดูไม่เหมือนไฟ แต่กลับมองดูเหมือนดอกบัวแดงที่งดงามมากกว่า
องค์ชายเงาดำแอบสั่นสะท้านเมื่อเขามองดู
เขาก็เป็นผู้ควบคุมไฟเช่นกัน และทักษะของเขาก็อยู่ในระดับเชี่ยวชาญ ความสามารถในการใช้ไฟของเขาก็คือ ‘เปลวเพลิงปีศาจ’ เป็นเพลิงพิษปีศาจที่สร้างความทรมานให้กับเหยื่อไม่สามารถจะรักษาให้หายได้ ขณะที่เปลวเพลิงปีศาจขององค์ชายเงาดำเป็นไม้ตายก้นหีบ เขาไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากพันธมิตรไม่กี่คนของเขาอย่างเช่นซุ่นเทียนถึงจะทราบเรื่องนี้ นักรบธรรมดาจะคิดกันว่าทักษะที่ยิ่งใหญ่ขององค์ชายเงาดำก็คือกรงเล็บเก้าปีศาจซ่อนและดรรชนีอสูรฟ้า
องค์ชายเงาดำมีความมั่นใจในเรื่องการควบคุมไฟ
แม้แต่ยามเผชิญหน้ากับราชันย์จ้าวปีศาจบารุธผู้มีชื่อสะท้านไปทั้งหอทงเทียน ไฟนรกของเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นทักษะไฟที่ดีที่สุด และจ้าวมังกรดำนรกฮั่วเวินที่ถือกำเนิดมาเป็นจ้าวแห่งไฟ องค์ชายเงาดำมั่นใจดีว่าเขามิได้อ่อนแอกว่าคนเหล่านี้
แต่หลังจากเห็นเพลิงบัวแดงของชื่อเฟยแล้ว องค์ชายเงาดำถึงกับตกตะลึง เพลิงบัวแดงยังยอดเยี่ยมกว่าเปลวเพลิงปีศาจในแง่ความสามารถและการควบคุม
มันมีรูปทรงของไฟที่สมบูรณ์
มีแต่เพียงองค์ชายเงาดำที่รู้ว่าทักษะเพลิงรูปแบบนี้น่ากลัวขนาดไหน
ชื่อเฟยชูมือขึ้นสูงขณะที่เปลวไฟถูกปลดปล่อยออกมารอบๆ ตัวนางเหมือนกลีบดอกบัวและกระจายอยู่ทั่วอากาศ
ไม่ว่าสิ่งใดที่สัมผัสกับเพลิงรูปกลีบบัวก็จะกระจายหายไปในความว่างเปล่า
ภายใต้ความพยายามอย่างสุดความสามารถของชื่อเฟย พลังลำแสงค่อยๆ ส่องโชนจากพื้นขึ้นสู่อากาศ นางยังคงหมุนมือทำให้กลีบดอกบัวแดงเพลิงรวมกันอยู่ในมือนาง ก่อตัวเป็นรูปดอกบัวแดงเข้มสองดอก
แม้เมื่อนางยังคงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บโดยมิได้รับการช่วยเหลือจากอสูรใดๆ พลังของชื่อเฟยก็ยังปลดปล่อยออกมาได้ขนาดนั้น
ถ้านางฟื้นฟูได้เต็มที่ เย่ว์หยางคิดว่าเขาคงไม่มีโอกาสต้านทานได้และไม่อาจลอบสังหารได้สำเร็จ
“ตื่นขึ้นเถิด, จงตื่นขึ้น, ยอดรักของข้า!”
ชื่อเฟยกดบัวแดงเพลิงทั้งสองลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง ทำให้หินบนพื้นเกิดเสียงดังฉ่า
ภายในสามวินาที หลุมขนาดใหญ่กว้างและลึกราวสิบเมตรกลายเป็นหินละลาย หินและดินก่อนหน้านั้นหายไปหมด นี่คือพลังของเพลิงบัวแดง ถ้ามีนักสู้โดนเพลิงนี้เล่นงาน ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ทรงพลังอย่างเขาเงิน ก็คงถูกฆ่าในจุดนั้นนั่นเอง
พอเห็นภาพเช่นนี้, นักผจญภัยทุกคนกลัวจัดจนตาแทบจะหลุดจากเบ้าตกลงไปบนพื้น
แต่พระสนมชื่อเฟยไม่ได้เป็นผู้สร้างเสียงกระแทกที่รุนแรง แต่เป็นจักรพรรดิชื่อตี้กำลังจะทำลายวงแหวนผนึกออกมา
ทุกคนได้ยินเสียง
เสียงตวาดลั่น เหมือนกับสัตว์ประหลาดยักษ์ที่หลับอยู่ใต้พิภพได้ตื่นขึ้นแล้ว
เสียงครางที่ทำให้ทุกคนที่ได้ยินแล้วรู้สึกมึนงงเหมือนโดนค้อนสายฟ้าฟาดใส่
แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ทรงพลังอย่างซุ่นเทียนก็ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเงินและนักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกสองคนมีสีหน้าประหลาดใจ นักผจญภัยเหล่านั้นไม่ได้มีพลังปราณก่อกำเนิดและที่มีพลังระดับต่ำกว่าล้มลงกับพื้นมีเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดของศีรษะ แม้แต่เตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างทอรัสหัวหน้ากลุ่ม, ดาบมืดและผู้เฒ่าปากู่ก็กุมหัวด้วยความทุกข์ทรมาน
ถ้ายังขืนเป็นไปแบบนี้ ทุกคนจะต้องตายจากแรงสั่นสะเทือนก่อนที่จะเริ่มต่อสู้ด้วยซ้ำ
พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนราวกับว่าจะมีแผ่นดินไหวรุนแรง
จากนั้นก็มีรอยแยกที่ดูเหมือนใยแมงมุม
เมื่อทอรัสหัวหน้ากลุ่ม, ดาบมืดและคนที่เหลือใช้พลังของพวกเขาทั้งหมดข่มพลังรุนแรงที่มาจากใต้ดิน เย่ว์หยางค่อยๆ หมอบตัวเองและพยายามซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคน เมื่อซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำเพ่งดูถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนพื้น ก็มีประกายแสงเจิดจ้าส่องอยู่ในมือของเย่ว์หยางและเจิดจ้าขึ้นราวกับว่าเป็นแสงทั่วทั้งกาแล็กซี่
จักษุญาณทิพย์ของเขาค่อยๆ เพิ่มระดับ จากทักษะลวงและภายใต้การปลอมตัวที่หนุนเสริมรอบๆ
เย่ว์หยางรอคอยโอกาสสุดท้ายของเขา
ทันทีเมื่อจักรพรรดิชื่อตี้พุ่งออกมาจากผนึกเวทโบราณ เขาจะลอบสังหาร โอกาสไม่ได้มีมากนัก นี่เป็นโอกาสเดียว
ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ เขาอาจตายได้
เย่ว์หยางเกิดความเครียดจัดอย่างไม่เคยพบมาก่อน ทำห้เขาสั่นเล็กน้อย ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่เขาไม่อาจควบคุมความตื่นเต้นและความกังวลใจได้
บึ้ม, บึ้ม, บึ้ม, บึ้ม, บึ้ม…..
เสียงระเบิดเป็นชุดดังกึกก้องน่ากลัวจากพื้นใต้ดิน
ก่อนที่พวกเขาจะหลบได้ ลำแสงมากกว่าสิบสายฉายออกมาจากใต้ดินเหมือนกับน้ำพุ ทำลายสิ่งที่กีดขวางออกไป ตอนแรกก็ทำลายพื้นออกมาไม่กี่จุด แต่ต่อมาก็เริ่มมีพลังมากขึ้น ขณะที่ลำแสงสีเงินพุ่งขึ้นจนถึงเพดานข้างบน ลำแสงสามสายระเบิดเพดานทะลุลึกลงไปเกินกว่าร้อยเมตร
หลายคนมองดูรูทั้งสามในเพดานถ้ำและหินที่แตก
นั่นเป็นพลังแบบไหนกัน?
ถึงได้เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกที่ชื่อเฟยบอกว่าจักรพรรดิชื่อตี้สามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการในแดนสวรรค์ ด้วยพลังขนาดนั้น เขาสามารถพลิกแม่น้ำคว่ำทะเลและทำลายยอดเขา ภูเขาให้ราบเป็นหน้ากลองได้
แม้จะถูกผนึกไว้ในวงเวทผนึกมาเป็นเวลาหลายพันปีและอยู่ในสภาพอ่อนแอ จักรพรรดิชื่อตี้ก็ยังปล่อยพลังที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้
ซุ่นเทียนถึงกับหน้าเขียวคล้ำ เขารู้สึกว่าการปล่อยจักรพรรดิชื่อตี้ออกมาจากวงเวทผนึกโบราณอาจไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาด
แต่เป็นเรื่องที่ไม่อาจยกเลิกได้
เขาไม่อาจเสียใจตอนนี้ได้
ถ้ำมังกรปีศาจสั่นสะเทือนไปหมด มังกรดำและมังกรแดงที่ก่อนนั้นซ่อนตัวอยู่ ถลันออกมาด้วยความตกใจกลัวว่าพวกมันอาจถูกหินถล่มทับได้ ก้อนหินบนพื้นที่แตกหักถูกแรงสั่นสะเทือนเหวี่ยงลอยอยู่ในอากาศ เมื่อชื่อเฟยทำลายผนังออกมาจนถึงตอนนี้ ผู้คนรู้สึกว่าภูเขากำลังถล่มทลาย ตอนนี้ไม่ใช่แค่รู้สึกเหมือนกับถ้ำมังกรปีศาจจะถล่มลงมาจริงๆ เมื่อใดก็ได้เท่านั้น แต่อาจเป็นวินาทีใดก็ได้ เสียงอึกทึกสั่นสะเทือนครั้งที่สองดังกึกก้องผ่านชั้นบรรยากาศ มือยักษ์สีทองค่อยๆ ยื่นออกมาจากพื้นใต้ดินผ่านช่องรอยแยกและยื่นเข้าหามือของสนมชื่อเฟยที่น้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม
“แครก, แครก, แครก” เย่ว์หยางยังคงทำให้พื้นใต้เท้าของเขาแตกเป็นรอยร้าว เขาพยายยามควบคุมตนเองและป้องกันตนเองไม่ให้ทำอะไรวู่วามในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างนี้
เขาพยายามหมอบต่ำและซ่อนตัวอยู่ในหมู่นักผจญภัย
ระเบิดดวงดาวถูกรวบรวมไว้ในมือทั้งสองข้างได้แผ่ขยายขนาดเกินกว่าหนึ่งเมตร มันกำลังหมุนและก่อตัวเป็นรูปทางช้างเผือกที่สวยงาม
ถ้าองค์ชายเงาดำและซุ่นเทียนมองมาทางตำแหน่งนี้ พวกเขาจะพบความผิดปกติบางอย่างทันที
ทักษะลวงไม่สามารถสนับสนุนประกายไฟที่ระยิบระยับแน่นขนัดอีกต่อไป แต่เย่ว์หยางยังคงไม่ลงมือลอบสังหาร เพราะเขารู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุด เขาต้องไม่ทำให้ความพยายามที่ทำไปแล้วต้องสูญเปล่า ต้องทน ทนต่อไป
เย่ว์หยางกัดฟันอดทนต่อภาวะกดดันทางอารมณ์ที่หนักหน่วงอยู่เงียบๆ
วงเวทอักษรรูนส่งประกาย
แสงสีทองส่องประกายอยู่บนพื้นเป็นแนวเส้นตัดขวางกันไปมาเกิดเป็นรูปที่น่าอัศจรรย์นับหมื่นรูปและจากนั้นก็ผสมผสานเป็นรูปวงเวทอักษรรูนโบราณโดยเฉพาะมีความเชื่อมโยงถึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอักษรรูนโบราณที่สื่อความหมายว่า ‘กักกัน’ ตรงกลาง ส่องแสงสว่างสดใสเป็นพิเศษ
ชื่อเฟยไม่กล้าเข้าไปใกล้วงเวททองผนึกโบราณ นางแค่เหยียดมือออกมา เหมือนกับต้องการจะฉุดเขาขึ้นมา
ใครจะรู้กันว่ามือของจักรพรรดิชื่อตี้ถูกดึงกลับเข้าไปในผนึกวงเวทอีก
พระสนมชื่อเฟยตะโกนด้วยความเสียใจ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
เมื่อซุ่นเทียนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้วที่จักรพรรดิชื่อตี้ไม่สามารถทำลายผนึกออกมาได้ เขาเห็นทันทีว่าภายในวงเวทอักษรรูนโบราณมีน้ำพุพลังงานระเบิดออกมาติดต่อกันถึงสิบแปดครั้ง แต่ละครั้งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่าหนึ่งเมตร
แค่แผ่นดินไหวก็ทำให้หินศิลาสั่นสะเทือนแทบพังทลาย พวกนักผจญภัยถึงกับไม่อาจควบคุมตัวเองได้ล้มระเนระนาดไม่รู้สึกตัว
เกิดหลุมรูที่เพดานถ้ำ เหมือนกับว่าถูกยิงด้วยปืนกล
แม้แต่ซุ่นเทียนก็ยังพูดไม่ออก
ด้วยพลังของเขา ไม่ยากที่จะสร้างพลังลำแสง และยังง่ายในการยิงลำแสงสามครั้งติดกัน แต่ความจริงเขาไม่สามารถสร้างลำแสงถึงสิบแปดสายในคราเดียวกัน สิ่งที่ยากยิ่งกว่าก็คือจักรพรรดิชื่อตี้ได้สร้างพลังโจมตีถึงสิบแปดครั้งเพื่อพยายามทำลายผนึก แค่เพียงเท่านี้ ก็สามารถสรุปได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิชื่อตี้
“บึ้ม!”
มีเสียงดังกึกก้องอีกครั้ง และมือทองยักษ์ยื่นออกมาจากผนึกโบราณ
พลังของวงเวทผนึกลดลงอย่างมากหลังจากที่ถูกยิงลำแสงใส่ต่อเนื่องสิบแปดครั้ง แสงสีทองนั้นหมองลง เหลือแต่อักษรรูนโบราณว่า ‘กักกัน’ แต่ก็ยังเหลือพลังอยู่ ขณะที่มันขัดขวางมือของจักรพรรดิชื่อตี้อย่างต่อเนื่องด้วยพลังตาข่ายแสง
จักรพรรดิชื่อตี้ใช้ประโยชน์ของสถานการณ์ที่พลังของวงเวทอักษรรูนลดลงครึ่งหนึ่งเหยียดมือที่สองออกมา
ชื่อเฟยฉุดมือทองยักษ์นั้นด้วยความปลาบปลื้ม..
เย่ว์หยางกังวลมาก เนื่องจากระเบิดดวงดาวรวมตัวอยู่ในมือของเขาพร้อมที่จะระเบิดแล้วอย่างควบคุมไม่ได้ แสงดาวระยิบระยับบีบอัดกันเป็นร้อยเท่าจนถึงสภาวะที่เย่ว์หยางมิอาจทนได้ต่อไป
ซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำและชื่อเฟยสังเกตเห็นอันตรายเพียงแค่ชายตามอง แต่โชคดีที่ทุกคน กำลังให้ความสนใจจักรพรรดิชื่อตี้ที่พยายามทำลายผนึกโดยไม่พบความผิดปกติของเย่ว์หยาง
“ออกมาเถิด, ยอดรักของข้า, ฝ่าบาทของข้า” ชื่อเฟยตะโกนลั่น ความตื่นเต้นและความภูมิใจอยู่เหนือความมีเหตุผลของนาง ในที่สุดนางจะได้พบคนรักของนางหลังจากผ่านไปหกพันปี แล้วทำไมนางจะไม่ปลาบปลื้มยินดีเล่า? แต่ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำกำลังคิดหนัก ขณะที่ทั้งสองสังเกตได้ว่าสถานการณ์ดูไม่ดีสำหรับพวกเขาเลย จักรพรรดิชื่อตี้ทรงพลังมากเกินไป การช่วยเขาตอนนี้ก็เหมือนกับว่าพวกเขาเชื้อเชิญคู่แข่งของตนเอง เทียบกับจื้อจุนผู้สนใจธุระของนางเอง จักรพรรดิชื่อตี้อาจเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่กว่าของพวกเขาก็ได้
ที่น่าเสียดายก็คือ จักรพรรดิชื่อตี้ทำลายผนึกได้แล้ว สายเกินไปสำหรับพวกเขาถ้าจะย้อนเวลากลับไป
บุรุษหนุ่มรูปงามผมดำนัยน์ตาสีทองปรากฏตัวต่อหน้าคนจำนวนมาก แม้ว่าจะเห็นแต่เพียงร่างกายท่อนบน แต่ก็เป็นร่างที่ไร้ตำหนิ ร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังงานมากมาย และเขามีความหยิ่งยโสที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเพียงพอที่จะบ่งบอกถึงสถานะของเขา
เขาคือสุดยอดนักสู้เมื่อหกพันปีที่แล้ว
จักรพรรดิชื่อตี้
“ยอดรักของข้า, อย่าร้องไห้เลย ให้ข้าเตรียมที่ทางเพื่อออกมาเสียก่อน” จักรพรรดิชื่อตี้ลูบผมที่ลุกเป็นเพลิงของนาง เขาพยายามใช้มือยันวงเวทอักษรรูนอย่างหนัก พยายามต่อสู้ครั้งสุดท้ายเพื่อออกมาจากวงเวทอักษรรูนโบราณ
อักษรรูน ‘กักกัน’ เรืองแสงสีเงินและดึงหลังของจักรพรรดิชื่อตี้ลงไปด้วยตาข่ายรังสี
ขณะเดียวกัน วงเวทอักษรรูนทั้งหมดปลดปล่อยพลังของมันทั้งหมดเพื่อผนึกจักรพรรดิชื่อตี้ไว้อีกครา
จักรพรรดิชื่อตี้ต่อต้านอย่างสุดกำลัง พลังตวาดของเขาทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งพื้นที่
ถ้ำมังกรปีศาจแทบจะถล่มทลายภายใต้การปะทะของพลังทั้งสอง อย่าว่าแต่นักผจญภัยธรรมดาเลย แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างเขาเงิน, ระเบิดพลิงและสลาตันก็ยังเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ นักผจญภัยธรรมดาระดับเจ็ดจะหมดสติ บางคนก็มีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ดใกล้จะตายเต็มที
เย่ว์หยางหมอบและงอตัวอยู่กับพื้นเหมือนกับพยัคฆ์ร้ายพร้อมกระโจนลงจากภูเขา เตรียมต่อสู้ครั้งสุดท้ายของมัน
ระเบิดดวงดาวรวมตัวอยู่ในมือของเขาได้ขยายตัวมีขนาดสามเมตรและยังขยายไปอีกพร้อมจะระเบิดแล้ว แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่ายังไม่พอและยังคงพยายามสะสมอย่างบ้าคลั่งอีก
ขณะที่ดาบมืดกำลังดิ้นรนป้องกันตัว เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของเย่ว์หยาง
นัยน์เขาถึงกับเบิกโพลง
ตกตะลึง
ในฐานะเป็นขโมยที่โดดเด่นมีประสาทแหลมคม เขาแทบได้กลิ่นอายรังสีฆ่าฟันขนาดใหญ่ที่ถูกซ่อนลึกอยู่ในตัวเย่ว์หยาง ทันทีที่ปลดปล่อยออกมา มันจะเขย่าพื้นที่ทั้งหมดเหมือนภูเขาไฟระเบิด ดาบมืดถึงกับหน้าซีดด้วยความกลัว คนประหลาดผู้สวมหน้ากากนี้เตรียมจะสังหารใครบางคน เป็นซุ่นเทียนหรือองค์ชายเงาดำ? หรือเป็นเขาเงิน เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคงไม่ใช่จักรพรรดิชื่อตี้หรอกนะ? ความคิดนั้นทำให้ดาบมืดตะลึง? เขาเกือบจะไม่ทรุดตัวลงกับพื้นและพยายามอย่างหนักที่จะไม่ตะโกนร้องออกมา
“ใครบางคนพยายามก่อเรื่องยุ่งยากที่นี่” เพียงแค่ประโยคเดียว เขาสามารถทำให้แผนลอบสังหารของเย่ว์หยางพังทลายโดยสิ้นเชิง ดาบมืดรู้ว่าเขามีพลังพอจะหลบหนีไปหลังจากเตือนออกไป และสนมชื่อเฟยก็จะให้รางวัลเขาอย่างงามหลังจากนั้น
เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เขายอมยกเลิกไม่สนใจรางวัลล่อใจนั้น บางทีเป็นเพราะจักรพรรดิชื่อตี้ครอบครองพลังที่น่ากลัว หรืออาจบางทีสงสัยว่าบุรุษที่ซ่อนตัวอยู่หลังหน้ากากทองจะดำเนินการเช่นไร
แน่นอนว่ามันอาจทำให้ดาบมืดกลายเป็นบ้าไปได้
เพราะเขาพบว่า ไม่เพียงแต่เขาไม่เตือนใดๆ ทั้งนั้น แต่เขายังยืนอยู่หน้าเย่ว์หยางแทนสมาชิกที่ทรุดตัวล้มลงกับพื้นบังร่างเย่ว์หยางและแสงระยิบระยับของระเบิดดวงดาวไว้
ดาบมืดตัวสั่นเนื่องจากความกลัว
เขารู้ว่าเขากำลังหาเรื่องตายที่ทำอย่างนั้น ถ้าซุ่นเทียนหรือองค์ชายเงาดำและพวกพบเรื่องนี้ เขาคงตายอย่างน่าอนาถ
แต่เรื่องที่น่าสยดสยองยิ่งกว่าก็คือไม่เพียงแต่คอยบังให้เย่ว์หยางเท่านั้น แต่เขายังใช้พลังของเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดช่วยเป็นโล่อำพรางการสะสมพลังของเย่ว์หยาง ข้าตายแน่, ข้าต้องบ้าไปแล้ว ดาบมืดรู้สึกว่าเขาต้องไม่เป็นตัวของตัวเองแน่ เขาไม่เข้าใจเหตุผลที่ตนเองช่วยเย่ว์หยางในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างนี้ นี่มิเท่ากับหาที่ตายหรือ?
ดาบมืดไม่สามารถหาคำตอบในเรื่องนี้ได้
แค่เพียงเมื่อดาบมืดคิดว่าเขาคงจะตายจากความหวาดหวั่นและกลายเป็นบ้า เย่ว์หยางก็เคลื่อนไหว
ไวกว่าสายฟ้าเป็นร้อยเท่า เขายกลูกบอลระเบิดดวงดาวที่เหมือนกับทางช้างเผือกแล้วกระแทกใส่จักรพรรดิชื่อตี้ที่กำลังดิ้นรนต่อสู้กับวงเวทผนึกโบราณ
เหตุเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทุกคนตะลึง
มีเพียงคนเดียวที่ทรุดตัวลงเนื่องจากความเหนื่อยล้า นั่นก็คือดาบมืดที่ใช้ตัวบังเย่ว์หยางไว้นานกว่าสิบวินาที
สำหรับดาบมืดแล้ว ทุกวินาทีเหมือนกับถูกทรมานอยู่ในนรก!
ในขณะเดียวกันเมื่อเย่ว์หยางขว้างระเบิดดวงดาวใส่จักรพรรดิชื่อตี้ ชื่อเฟยก็พุ่งเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่งโจมตีใส่กระหม่อมของเย่ว์หยางด้วยเพลิงบัวแดง อีกด้านหนึ่งซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำก็เข้ามาถึงพร้อมกัน ซุ่นเทียนครอบครองพลัง ‘ห้าเปลี่ยนแปลง’ ได้ปล่อยพลังออกมาอย่างเกรี้ยวกราดตั้งใจจะแทงหัวใจของเย่ว์หยางจากด้านหลัง และองค์ชายเงาดำใช้เปลวเพลิงปีศาจในมือเตรียมฉีกซี่โครงของเย่ว์หยาง
นักรบที่ต่ำกว่าระดับปราณก่อกำเนิดระดับหกจะตายทันทีจากพลังโจมตีอย่างใดอย่างหนึ่งเหล่านี้
“ตาย!” เย่ว์หยางตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
เขาไม่ได้ป้องกันตัวเองแม้แต่น้อย แต่ใช้พลังทั้งหมดโจมตีใส่จักรพรรดิชื่อตี้
ขณะเมื่อเพลิงบัวแดง, พลังห้าเปลี่ยนแปลงและเปลวเพลิงปีศาจจะกระทบถูกเย่ว์หยาง เขาก็ปล่อยระเบิดดวงดาวในมือของเขาทั้งหมด ด้วยวงจักรล้างโลกที่อยู่ในมือข้างซ้ายและดาบเพลิงที่สร้างจากเพลิงอมฤตในมือข้างขวา เย่ว์หยางยังคงฟันใส่จักรพรรดิชื่อตี้ที่ถูกเขาโจมตีไปก่อนหน้านั้นแล้ว โดยไม่สนใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา เขาสู้เหมือนกับว่าต้องการจะพินาศไปพร้อมกับจักรพรรดิชื่อตี้
***************