ตอนที่ 431 สหายเก่ามาเยือน? ประกวดการแสดง
เย่ว์หยางหันไปดูแล้วก็ตระหนักได้ว่าคนที่ถามเป็นนักเรียนหญิงผู้น่ารักคนหนึ่ง
จากเครื่องหมายที่ปรากฏอยู่บนเสื้อของนาง พออนุมานได้ว่านางมาจากสถาบันไป๋ลู่ (กวางขาว) อาณาจักรเทียนหลัว
แม้ว่าสถาบันจ้งเซียงของอาณาจักรเทียนหลัวจะมีชื่อเสียงเพราะมีนักเรียนหญิงน่ารักอยู่ในสถาบันนั้น แต่สถาบันไป๋ลู่ก็ยังนับว่าไม่เลว เหตุผลก็เพราะว่าสาวๆ ที่ถือกำเนิดในอาณาจักรเทียนหลัวล้วนแล้วแต่งดงาม และพวกนางมีทรัพย์สมบัติที่หาได้ยากล้นเหลือ แน่นอนว่านักเรียนหญิงที่อยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางไม่ใช่คนประเภทที่จะทำให้หลงใหลกับรูปลักษณ์ นางแค่งดงามกว่าเด็กผู้หญิงโดยทั่วไป นางดูน่ารักแต่รอยยิ้มของนางเป็นมิตรและหวานกว่าคนงามทั่วไป
ถ้าเพียงตัดสินจากรูปลักษณ์ขอนาง ก็ยังไม่นับว่าโดดเด่น
แต่นักเรียนหญิงผู้น่ารักไม่เหมือนใครผู้นี้ก็ทำให้เย่ว์หยางฟุ้งซ่านได้
“สวัสดี ว่านซื่อทง” นางไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อรอยยิ้ม “มหาละลวย” ของเย่ว์หยางแม้แต่น้อย หลังจากนางโค้งให้เล็กน้อย นางขมวดคิ้วละเอียดอ่อนของนาง “เจ้าดูคุ้นๆ นะ แต่ข้าจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเจ้าจากที่ไหน…”
“รุ่นพี่! ท่านต้องเคยพบเห็นข้าในสถาบันไป๋ลู่แน่ ข้าเป็นนักเรียนโครงการแลกเปลี่ยนอยู่ที่นั่นครึ่งปี” เย่ว์หยางสามารถโกหกได้โดยไม่ต้องกระพริบตา
“โอว งั้นเจ้าก็เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในสถาบันไป๋ลู่สินะ” เด็กสาวน่ารักรู้สึกยินดีทันที “ก็อาจเป็นเช่นนั้น แต่ข้าจบเสียก่อน ไม่อย่างนั้นข้าต้องรู้จักนักเรียนโดดเด่นอย่างเจ้าแน่นอน รุ่นน้องว่านซื่อทง ข้าเพิ่งได้รับภารกิจมาอย่างหนึ่ง มีผู้อาวุโสที่ปรารถนามาเยี่ยมสหายเก่าของเขา และเขาต้องการพาลูกศิษย์ของเขาสองคนเข้าไปสถาบันฉางจิงเพื่อเยี่ยมผู้อาวุโสจิ้งหูที่พักอยู่ในบ้านพักน้อยสันโดษ เจ้ารู้จักทางไปที่นั่นหรือเปล่า? ถ้าเจ้ารู้ รีบพาเราไปที่นั่น อาจารย์หนิงไห่ตามหาผู้อาวุโสจิ้งหูมานานแล้ว”
“อาจารย์หนิงไห่เหรอ?” เย่ว์หยางไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเขามาก่อน
“เจ้าไม่รู้เรื่องเลยหรือ? อาจารย์หนิงไห่เป็นนักสู้ระดับแปดหรือระดับจักรพรรดิ นอกจากพลังที่แข็งแกร่งของเขา เขายังมีความรู้กว้างขวาง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขารักสงบ และแสวงหาธรรมชาติ เขาจึงอยู่แต่ในป่า มีคนรู้เรื่องเขาไม่มากนัก เขาต้องการมาเยี่ยมสหายเก่า ผู้อาวุโสจิ้งหู และวันนี้ เขาพาศิษย์สองคนมาด้วย เป็นการแสดงความจริงใจต้องการจะเยี่ยมสหายเก่า เมื่อข้ายอมรับภารกิจนี้ที่ทางเข้าของสมาคมนักรบ ข้าบอกเขาว่าแม้จะไม่มีเงินค่าตอบแทน ข้าจะช่วยเขาหาสหายเก่าให้พบ” นักเรียนสาวน่ารักเดินไปที่ร่มพร้อมกับเย่ว์หยาง
ภายในที่ร่มมีคนยืนอยู่สามคน
หนึ่งในพวกเขาเป็นผู้สูงอายุผมขาวราวหิมะ หน้าผากเขากว้างแสดงให้เห็นภูมิปัญญาของเขา แต่เบ้าตากลวงลึก จมูกงุ้มตาคมทำให้เขาดูเหมือนคนเจ้าเล่ห์
แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มที่อบอุ่นและเมตตาของเขา
ถ้าไม่ใช่เย่ว์หยาง เป็นคนอื่นๆ ทั่วไปก็คงคิดว่าผู้อาวุโสที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้านี้เป็นคนฉลาดและมีน้ำใจ
อีกสองคน ซ้ายมือเป็นบุรุษและผู้หญิงอยู่ทางด้านขวามือ ยืนอยู่ด้านหลังเขา บุรุษจะตัวผอมสูงและสวมเสื้อคลุมคล้ายกับอาจารย์หนิงไห่ เพียงแต่แขนเสื้อของเขาไม่มีตราราชวงศ์เหมือนกับอาจารย์หนิงไห่ จากเหรียญตรานักรบสวรรค์เพียงเหรียญเดียว บุรุษผอมสูงน่าจะเป็นนักสู้ระดับหก ดังนั้นเขาน่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน แต่จากท่าทางที่ลดตัวและนอบน้อม สามารถอนุมานได้ว่าสถานะของอาจารย์หนิงไห่จะเป็นเช่นไร
เด็กสาวทางขวามือจะดูงดงามมากกว่าเด็กนักเรียนหญิงผู้น่ารัก
แต่นางเย็นชาและไม่แยแสต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวนาง เมื่อเย่ว์หยางเดินเข้าไปหานาง เขาถึงได้รู้ว่ารอยยิ้มของเขาไม่ส่งผลต่อนางเช่นกัน
แต่เย่ว์หยางมีนัยน์ตาเป็นประกายเมื่อเขาเห็นนาง เขาผิวปากเหมือนกับนักเรียนปกติที่มองเห็นเด็กสาวน่ารัก
เขาทำท่าทางเขินมาก
จนกระทั่งเขาผิวปาก อาจารย์หนิงไห่ถึงได้ลดการระแวงป้องกันเขา
ก่อนหน้านี้อาจารย์หนิงไห่คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเย่ว์หยาง แต่หลังจากท่าทีแสดงออกผิวเผินของเขาแล้ว อาจารย์หนิงไห่ก็ไม่สนใจเขาทันที จากท่าทางผิวปากให้เด็กผู้หญิง อาจารย์หนิงไห่คิดว่าเย่ว์หยางเป็นไก่อ่อนผู้ยังไม่เคยเห็นโลกมาก่อน…
“ศิษย์น้อง นี่คืออาจารย์หนิงไห่ นี่คือเจ้าเมืองเวินฟง และนี่คือแม่นางไฉ่อี โอว..ข้าเองชื่อว่าหลิ่วเย่ รุ่นน้อง..ท่านรู้จักหมดแล้วนะ เจ้าเรียกข้าว่าพี่เย่จือก็ได้” เด็กนักเรียนหญิงผู้น่ารักนามหลิ่วเย่แนะนำตัวเย่ว์หยางมากมายเหมือนกับว่าเขาเป็นน้องชายของนาง “นี่คือว่านซื่อทง เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในสถาบันไป่ลู่ เขามาจากสถาบันฉางจิง และเขาเป็นรุ่นน้องข้า”
“งั้นเขาเป็นรุ่นน้องของเจ้า มิน่าเล่าถึงโดดเด่นมากนัก” อาจารย์หนิงไห่ชมเชยเขาเหมือนอย่างที่ผู้อาวุโสควรทำ
“อย่าเพิ่งพูดถึงเลย นับเป็นเกียรติที่ข้าจะได้นำทางให้อาจารย์อย่างท่าน” เย่ว์หยางรีบทำเหมือนกับว่าเป็นเกียรติและกังวล จากนั้นเขาชี้ไปที่ตำแหน่งที่ตั้งบ้านน้อยที่เงียบสงบน่าลุ่มหลง “ก็แค่เดินตรงไป แต่จากนี่ไปจะค่อนข้างไกล”
“ไม่เป็นไร เรากล้าข้ามภูเขาข้ามทะเลมาแล้ว ระยะสั้นแค่นี้ข้าจะไม่รบกวนเจ้าล่ะ” อาจารย์หนิงไห่ถอนหายใจเหมือนกับว่าระลึกถึงอดีต “ผ่านไปหลายสิบปี พริบตาเดียวก็หวนกลับมา ผู้อาวุโสจิ้งหูและข้าพบกันเมื่อตอนวัยพอๆ กับเจ้า เวลาและสายน้ำไม่คอยท่า หัวของข้าหงอกเสียแล้ว และเราทุกคนก็แก่แล้ว ถ้าเราไม่ได้พบกันตอนนี้ ก็อาจไม่มีโอกาสอีกต่อไป”
“ไม่นะ, ท่านใช้ชีวิตอยู่กับวัยชรา อย่าพูดเรื่องตายง่ายๆ สิ ยิ่งกว่านั้นผู้อาวุโสจิ้งหูกำลังรอท่านอยู่ข้างหน้าใช่ไหมเล่า?” หลิ่วเย่ผู้น่ารักปลอบโยนอาจารย์หนิงไห่และชี้ให้เย่ว์หยางเดินไป
ตลอดรายทาง เย่ว์หยางยังบรรยายฉากต่างๆ ในสถาบันฉางจิง
อาจารย์หนิงไห่ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรมากกว่าที่ได้ยินเลย เขาทำเหมือนเป็นคนแก่ลึกลับ
บุรุษร่างสูงโปร่งที่เรียกว่าเจ้าเมืองเวินฟงพยักหน้าหงึกหงักและตอบว่า “โอว, จริงด้วย”, “งดงาม” และ “ไม่เลว” ขณะที่แม่นางไฉ่อีผู้เย็นชาไม่ได้ใส่ใจนักและไม่เกิดอาการทึ่งกับรอยยิ้มของเย่ว์หยาง ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาของนางมารเคราะห์ฟ้าก่อนหน้านั้น เย่ว์หยางก็ยังสงสัยอยู่ว่าทักษะมหาละลวยของเขายังจะใช้ได้หรือไม่
ไฉ่อีไม่ให้ความสนใจเย่ว์หยางเลย และหลิ่วเย่ผู้เป็นมิตรก็ไม่ได้รับผลกระทบจากรอยยิ้มเขาเช่นกัน
แต่หลังจากได้เห็นเย่ว์หยางยิ้มบ่อยๆ หลิ่วเย่กล่าวชมเชยเขา “ฟันเจ้าขาวมากเลยนะ, รุ่นน้อง, เจ้าจะดูมีชีวิตชีวาตอนกำลังยิ้ม ดังนั้นเจ้าควรจะยิ้มให้มากเข้าไว้ คนที่มีความเป็นมิตรจะดึงดูดความสนใจจากสตรีเพศได้มากขึ้น”
“…..” เย่ว์หยางแทบทรุดลงกับพื้นเมื่อได้ยินคำนี้
อย่าว่าแต่แม่นางไฉ่อีเลย หลิ่วเย่ไม่ได้รับผลกระทบจากยิ้มมหาละลวยของเขาได้ยังไง? ทักษะนี้เคยส่งผลกระทบต่อนางมารเคราะห์ฟ้ามาแล้ว และนางไม่ได้รับผลกระทบได้ยังไง
นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เย่ว์หยางงุนงงเป็นที่สุด
เมื่อพวกเขามาถึงบ้านน้อยที่สงบ ที่ลาดต่ำลงไปเป็นสถานที่พักของผู้อาวุโสจิ้งหู อาจารย์ของเย่ว์หวี่
อาจารย์หนิงไห่ตื่นเต้น เขาทำท่าทางบอกใบ้ และเจ้าเมืองเวินฟงให้รางวัลเย่ว์หยาง 2-3 เหรียญทองตอบแทนที่ช่วยนำทาง ศิษย์พี่หลิ่วเย่เตือนเขาไม่ให้รับรางวัล ถ้าเป็นในเมืองจีน นางคงจะเรียกร้องให้ผู้คนทำตัวเหมือนกับเหลยเฟิง เยาวชนตัวอย่าง เย่ว์หยางทำเหมือนกับว่าเขาอึดอัดมาก เหมือนกับว่าเขาต้องการเงิน แต่ละอายที่จะยอมรับไว้ เขาถูมือนัยน์ตาเป็นประกายอยู่ระหว่างหลิ่วเย่และ เจ้าเมืองเวินฟง…. อาจารย์หนิงไห่พอใจกับท่าทางของเย่ว์หยาง คงจะมีปัญหาแน่ถ้าเย่ว์หยางไม่ชอบเงิน
อาจารย์หนิงไห่หยิบเหรียญทองจำนวนหนึ่งและวางบนฝ่ามือของเย่ว์หยาง “เด็กน้อย, จงจำไว้ว่า ย่อมมีรางวัลสำหรับการทำงาน ดังนั้นเจ้าสมควรได้รับรางวัลเหล่านี้ สำหรับเจ้า นี่อาจเป็นแค่ภารกิจอย่างหนึ่ง แต่สำหรับข้า นี่เป็นช่วงเวลาซาบซึ้งใจที่ข้ารอคอยมาหลายปีแล้ว”
หลังจากพูดจบ เขาถึงกับมีน้ำตาคลอเบ้า
ดาราชนะเลิศรางวัลออสการ์ก็ยังสู้เขาไม่ได้ เย่ว์หยางเกือบหลงใหลปลาบปลื้มไปกับเขาด้วย จากนั้น เขารีบกำเงินและขอบคุณอาจารย์หนิงไห่
ขณะแสดงละคร เย่ว์หยางอาจจะไม่ใช่สุดยอด แต่ก็ไม่อ่อนหัดแน่นอน
เย่ว์หยางรู้สึกว่านอกจากหลิ่วเย่ที่เป็นเหมือนเหลยเฟิงหญิงแล้ว เจ้าเมืองเวินฟงก็นับได้ว่าสมควรได้รางวัลออสการ์ด้วยเช่นกัน
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เย่ว์หยางต้องการเร่งรีบจากไป แต่หลิ่วเย่รู้สึกว่า ตั้งแต่เย่ว์หยางรับเงินมาแล้ว เขาควรจะทำหน้าที่ให้เสร็จสมบูรณ์ แม้ว่าอาจารย์หนิงไห่จะระบุว่า จะเป็นการแสดงความจริงใจมากขึ้นถ้าเขาไปเคาะประตูเอง แต่หลิ่วเย่ไม่ยอมให้เย่ว์หยางจากไป นางยังรั้งตัวเขาไว้ข้างๆ เพื่อเป็นเพื่อนอาจารย์หนิงไห่เยี่ยมอาจารย์จิ้งหู
“ก็ได้, ก็ได้!” เย่ว์หยางรู้สึกว่า ไม่ว่าเขาจะเลือกอยู่หรือจากไป ข้อแตกต่างก็แค่เพียงเขาจู่โจมโดยตรงแทนที่จะลอบทำร้าย
“ขอถามหน่อยนะว่า จิ้งหู… เอ่อผู้อาวุโสจิ้งหูอยู่แถวๆ นี้หรือเปล่า?” อาจารย์หนิงไห่เปลี่ยนน้ำเสียงสั่นเครือ
เย่ว์หยางรู้สึกทึ่ง ทักษะในการแสดงของเขานับว่าสุดยอด
เจ้าเมืองเวินฟงยืดหลังขึ้นทันทีเหมือนกับเสือดาวนักล่า
แม่นางไฉ่อีผู้เย็นชาและห่างเหินมองไปที่ห้องเล็กในสวน
สำหรับทั้งหมดนี้ หลิ่วเย่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางแค่มองอาจารย์หนิงไห่ผู้มีน้ำตาคลอ, อยู่ในอารมณ์เศร้า กระวนกระวายในบรรยากาศที่น่าปลาบปลื้ม นางเกือบร้องไห้พร้อมกับอาจารย์หนิงไห่แล้ว
เย่ว์หยางกระแอมเบาๆ “ยังไกลเกินไปที่จะร้องเรียกจากตรงนี้ เราต้องไปเคาะประตูโดยตรง”
เย่ว์หยางเปิดประตูไม้ไผ่เข้าสวนน้อยและวิ่งไประยะสั้นๆ เขาเดินผ่านสวนดอกไม้สองข้างทาง จากนั้นเดินเข้าไปเคาะที่ประตูไม้ “ผู้อาวุโสจิ้งหู, ว่านซื่อทงมาขอพบท่าน!” หลิ่วเย่กลัวมากว่าเย่ว์หยางจะเอ่ยชื่อของอาจารย์หนิงไห่โดยตรงทำให้บรรยากาศลึกลับสูญสลาย พอเห็นว่าเย่ว์หยางยังมีเหตุผลพอเอ่ยชื่อตนเอง ทำให้อาจารย์หนิงไห่ตื่นตระหนกจนก้าวมาข้างหน้า
เย่ว์หวี่เปิดประตู มองดูด้วยความตกใจ “เอ๊ะ?”
เย่ว์หยางจ่อนิ้วชี้กับริมฝีปากตนเอง ส่งเสียงชู่วและชี้ไปที่คนทั้งสี่ข้างหลังส่งสัญญาณให้นางไม่พูดและปล่อยให้คลุมเครือต่อไป หลิ่วเย่และอาจารย์หนิงไห่ที่อยู่ด้านหลังเย่ว์หยางเห็นการกระทำของเขาก็ยิ้มให้ขณะที่พวกเขาคิดว่าเขารู้ดี เย่ว์หยางโน้มตัวไปและกระซิบที่หูเย่ว์หวี่ ริมฝีปากของเย่ว์หวี่เปลี่ยนเป็นรูปตัวโอทันที
เย่ว์หวี่ค่อยๆ สงบจิตใจลงได้หลังจากผ่านไปชั่วเวลาหนึ่งและชี้บอกอาจารย์หนิงไห่ว่าอาจารย์ของนางอยู่ข้างใน
“อาจารย์เพิ่งจะเข้าไปพักผ่อน พวกท่านจะรอก่อน หรือจะให้ข้าไปปลุกนาง?” เย่ว์หวี่พยายามหยั่งท่าที
“ปลุกนาง..เอ๊ย..ปล่อยให้นางพักก่อนเถอะ.. เจ้าเป็นศิษย์ของจิ้งหูหรือ? ไม่เลว! แม่หนู, เจ้าชื่ออะไร?” อาจารย์หนิงไห่ตรวจสอบลักษณะของเย่ว์หวี่อย่างใกล้ชิดและพยักหน้าในที่สุด เหมือนกับว่าเพิ่งยืนยันอะไรบางอย่าง บุรุษร่างสูงโปร่งเจ้าเมืองเวินฟงค่อยๆ เดินมาหยุดอยู่ข้างเย่ว์หวี่ และไฉ่อีผู้ห่างเหินเดินมาดักหลังนางเป็นการปิดล้อมเงียบๆ
“ข้าชื่อเย่ว์หวี่ และข้าเป็นศิษย์คนเดียวของอาจารย์ ท่านคืออาจารย์หนิงไห่ใช่ไหม? ข้าติดตามอาจารย์ข้ามาตลอด แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องของท่านเลย” เย่ว์หวี่มองเย่ว์หยางขณะที่นางพยักหน้าและตอบคำ
“จริงหรือนี่? นางลืมข้าไปเสียแล้ว?” อาจารย์หนิงไห่ทำเป็นอมทุกข์อีกครั้ง ทำให้เย่ว์หยางเกือบเผลอปรบมือให้กับการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเขา
“เราอาจจะรบกวนการพักผ่อนของผู้อาวุโสจิ้งหูที่นี่ก็ได้ เราออกไปคุยกันข้างนอกเป็นอย่างไร และเจ้าช่วยเล่าเรื่องราวให้อาจารย์หนิงไห่ได้ทราบว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาผู้อาวุโสจิ้งหูทำอะไรมาบ้าง เนื่องจากอาจารย์หนิงไห่กังวลห่วงใยนาง” เจ้าเมืองเวินฟงยื่นข้อเสนอทันที เย่ว์หยางชื่นชมที่เขาหาข้ออ้างที่เหมาะสมได้
“ก็ได้, คงไม่ดีนักที่จะรบกวนการพักผ่อนของอาจารย์ ออกไปปรึกษากันข้างนอกดีกว่าว่าเราจะหาวิธีทำให้นางประหลาดใจได้อย่างไร” เย่ว์หยางเห็นพ้องด้วยทั้งหมด
“อืม…” เย่ว์หวี่ลังเลเล็กน้อย นางมองเข้าไปในบ้าน แต่ยังคงตามเย่ว์หยางออกมาข้างนอกในที่สุด
เย่ว์หยางลอบยินดี กลับกลายเป็นว่าพี่สาวรองของเขาก็แสดงได้ไม่เลว
ปฏิภาณแก้เหตุการณ์เฉพาะของนางทำได้ดี ดูเหมือนสาวๆ ทุกคนเกิดมาเป็นนักแสดง ถ้าเจ้าอ้วนไห่และเย่คงอยู่ด้วย พวกเขาอาจเริ่มการแสดงที่ดีอวดกันบ้างแล้ว
*****************