ตอนที่ 433 อุบายย้อนรอยศัตรู
ดาบจันทร์เสี้ยวฟันแหวกอากาศ
ด้วยความชำนาญและแม่นยำอย่างมาก เหมือนวิธีการที่ช่างหุ่นผู้เชี่ยวชาญรื้อหุ่นกลออก ดาบจันทร์เสี้ยวรื้อแขนที่เชื่อมต่อกับร่างของไฉ่อีอย่างง่ายดาย
ใช้เวลาเกินกว่านาทีกับสายเชื่อมโยงจำนวนมากที่เป็นเหมือนเส้นเอ็น เย่ว์หยางไม่ได้ทำร้ายแม้แต่สกรูยึดแม้แต่ตัวเดียว
วิธีการของเขาเหมือนกับศิลปะ บรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ
แขนครึ่งหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของหุ่นกลไฉ่อีลอยอยู่ในอากาศและร่วงลงในแหวนเก็บของๆ เย่ว์หยาง การที่ไม่รู้สึกเจ็บ ทำให้หุ่นรบยังคงเหวี่ยงหมัดต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับเย่ว์หยางที่มองเห็นจุดอ่อนของหุ่นกลรบแล้ว นี่เป็นไปตามแผนของเขา ดาบจันทร์เสี้ยวในมือของเขาร่ายรำผ่านอากาศ ไม่กี่วินาที เขาก็ถอดชุดของไฉ่อี ผิวปลอม, เนื้อปลอม แม้แต่คอที่เชื่อมกับหัวก็ถูกรื้อออก
ในระหว่างนั้น นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้บ้าคลั่งและหนิงไห่พยายามจู่โจมใส่ แต่ถูกตอบโต้จนกระเด็น
เย่ว์หยางรื้อตุ๊กตารบดีๆ อย่างใจเย็นและอดทน นั่นเป็นหุ่นรบที่สร้างโดยผู้เชี่ยวชาญจักรกลเมื่อหกพันปีที่แล้ว
สำหรับเขาแล้ว การถอดแบบตุ๊กตารบนี้เป็นการค้นคว้าที่ง่ายและดี ทั้งนี้เพราะเป็นวิธีที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับหุ่นกลรบที่สร้างอยู่ในทุกวันนี้ แม้แต่คนอย่างเขาผู้ได้รับมอบสารานุกรมหุ่นและตำหนักหุ่นของเย่ว์กงมาแล้ว แต่นี่เป็นแหล่งของแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่
ตาแดงของหุ่นกลกระพริบอย่างต่อเนื่อง
มันพยายามควบคุมหัวใจให้ทำลายตนเอง
ในหัวใจของมัน มีผลึกมังกรที่คอยสร้างพลังงาน มันถูกเชื่อมโยงกับวงเวทอักษรรูนลึกลับ ทันทีที่ทำงานมันจะระเบิดทันที
พลังของระเบิดบางทีอาจไม่ด้อยกว่าการสละเลือดของนักสู้ปราณก่อกำเนิดเพื่อทำลายตนเอง
โชคไม่ดี เย่ว์หยางรู้ตัวเร็ว เขาแยกร่างกับหัวของมันได้ทันเวลา
ท้ายที่สุด เขายังคงใช้ทักษะหยินแช่แข็งศีรษะไฉ่อีหลังจากเขาเล่นงานตัวประหลาดนักสู้ปราณก่อกำเนิดกระเด็นไปอีกเป็นครั้งที่สอง เขาเก็บหัวของตุ๊กตารบไว้ในแหวนเก็บของ และลอบถอนหายใจโล่งอก
ถ้าเคลื่อนไหวและเอาชนะหนิงไห่ก่อนและค่อยกำจัดตัวประหลาดนักสู้ปราณก่อกำเนิด จากนั้นตุ๊กตานักรบนี้คงจะทำลายตนเอง ในจุดนี้ ไม่เพียงแต่เขาอาจเป็นอันตรายเท่านั้น แต่เขายังอาจสูญเสียโอกาสได้รับของบางอย่าง ตอนนี้หลังจากไฉ่อีโจมตีแล้ว เย่ว์หยางใช้ประโยชน์จากเวลา เนื่องจากไฉ่อีจะทำลายตัวเองทันทีเมื่อมันโจมตี เย่ว์หยางตัดสินใจโค่นล้มมันก่อน นั่นเป็นการกระทำที่มีประโยชน์มากที่สุด
นอกจากนี้ เย่ว์หยางคาดว่าราชาเฮยอวี้ตั้งค่าให้ตุ๊กตานักรบทำลายตนเอง เมื่อได้รับความเสียหายหนักหรือถูกฆ่าเท่านั้น
เขาคาดถูก
เขาได้รับตุ๊กตานักรบสำเร็จในฐานะเป็นของริบจากสงคราม
อย่างไรก็ตาม การได้รับตุ๊กตานักรบที่ยอดเยี่ยมซึ่งถูกสร้างมาเมื่อหกพันปีที่แล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่ทำให้เย่ว์หยางไม่พอใจ
ตอนนี้ เขาต้องการรู้คำตอบข้อสงสัยเหล่านี้ ราชาเฮยอวี้ได้รับตุ๊กตานักรบอายุหกพันปีมาได้อย่างไร? เป็นไปได้ว่ายังคงมีชุดที่สอง, หรือตุ๊กตารบชุดที่สาม?
ไฉ่อีบางทีไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้
คนอย่างเย่ว์หยางสามารถถามได้ หนิงไห่ก็ได้ ตัวประหลาดนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็สามารถพูดภาษามนุษย์ได้….
“เจ้าเป็นใคร?” ตัวประหลาดนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้แอบอ้างเป็นเจ้าเมืองเวินฟงประหลาดใจ เขายังเป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง เป็นไปได้อย่างไรที่เขาป้องกันการโจมตีของเขาผู้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ถึงสองครั้ง? ยิ่งกว่านั้น การกระทำของเขายังนุ่มนวลและแผ่วเบา แต่ก็สามารถทำให้เขากระเด็นออกไปได้! เป็นไปได้ยังไงที่มีนักเรียนคนหนึ่งซึ่งมีพลังมากกว่าเขาอยู่ในโลกนี้? ทั้งฝีมือรื้อไฉ่อีก็เห็นอยู่ตำตา เขามีความเชี่ยวชาญมาก ดูเหมือนทำได้ง่ายมาก บางที ราชาเฮยอวี้แม้ในฐานะเจ้าของตุ๊กตาก็ยังไม่มีความเข้าใจมากเมื่อเทียบกับเขา บางทีแม้แต่จักรพรรดิอวี้ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้
“…..” สัญชาตญาณของอาจารย์หนิงไห่ทำให้เขารู้สึกว่าลิ้นตนเองขม ตอนนี้เขารู้จักสถานะของนักสู้ผู้ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว
เป็นคนที่เขาไม่ต้องการพบมากที่สุด ในอาณาจักรสือจิน
คุณชายสามตระกูลเย่ว์
ชื่อคุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่ได้ใหม่สำหรับเขา แม้ว่าเขาจะเป็นนักรบจากทวีปฉีหลานก็ตาม
ก่อนหนานั้น นักรบจากอาณาจักรสือจินได้ย้ำเตือนนักสู้ปราณก่อกำเนิดจากกองกำลังนรกดำให้ระวังเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นพิเศษ กล่าวกันว่าใครก็ตามที่ประมาทเขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวด ถึงตอนนั้น หนิงไห่คิดว่าพวกเขาพูดยกย่องเกินจริง นักสู้ปราณก่อกำเนิดอายุยี่สิบก็ไม่เลวอยู่หรอก แต่มีความเป็นไปได้ว่าผู้อาวุโสของเขา คงแค่ยกย่องให้ความสำคัญกับเขา เพื่อเป็นการกระตุ้นรุ่นผู้เยาว์ในทวีปมังกรทะยาน ในหอทงเทียน มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดชั้นยอดอยู่เพียงไม่กี่คนที่จะทำสิ่งดังกล่าวให้แก่ผู้ที่ติดตามพวกเขา โดยการใช้วิธีลับ พวกเขาฝืนบังคับให้ลูกศิษย์คนหรือสองคนเพิ่มระดับพลังนักสู้ของพวกเขาและกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
อย่างไรก็ตาม คนที่ยกระดับอย่างรวดเร็ว แม้ว่าวิธีนี้ไม่อาจทำให้มีอนาคตสดใส แต่นี่เป็นเพราะฝืนยกระดับ จึงอาจจะต้องเปลืองศักยภาพของตนเป็นอย่างมาก
วิธีการลับเหล่านี้มักใช้ศักยภาพในอนาคตของพวกเขามาแลกเปลี่ยนการทำลายขีดจำกัด
นักรบผู้มีความสามารถแท้จริง เพื่อความก้าวหน้าแล้วไม่มีทางยอมใช้วิธีลัดสู่เป้าหมายเหล่านี้
คู่หูของเขา “เหมียวซือ” ผู้มาจากทวีปฉีหลาน เป็นหนึ่งในผลผลิตจากการทดลองของราชาเฮยอวี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระดับนักสู้ การทดลองครั้งนี้ตั้งใจเพื่อจะผลิตนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับต่ำจำนวนมากให้กับกองทัพนรกดำ คนผู้นี้แต่ก่อนอ่อนแอกว่าเขา แต่หลังจากใช้วิธีลับ เขาก็อยูเหนือกว่า เขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
อย่างไรก็ตาม นี่ก็ยังคงหมายความว่าในอนาคต เขาจะไม่มีโอกาสก้าวหน้าและเพิ่มระดับนักสู้ของเขาได้
เพื่อให้เลื่อนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด นี่เป็นสิ่งที่เย้ายวนใจอย่างยิ่งโดยมิต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามวิธีลับนี้มีอัตราเสี่ยงตายสูงอย่างน่ากลัว อัตราการผิดพลาดและอัตราประสบความสำเร็จสูงอย่างน่ากลัว หนึ่งต่อร้อย สหายดีๆ ของหนิงไห่เกือบทั้งหมดตาย ในร้อยคนที่เขารู้จัก มีแต่เหมียวซือเท่านั้นที่ประสบผลสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เรียกว่าเหมียวซือผู้ชนะนี้ก่อนนั้นเคยเป็นมนุษย์?
เนื่องจากวิธีลับเพื่อเพิ่มระดับนักสู้ของเขา แม้จะประสบผลสำเร็จ แต่เหมียวซือเปลี่ยนจากมนุษย์กลายเป็นปีศาจที่น่าเกลียดเหลือเชื่อ
หนิงไห่ผู้หวังว่าจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดเลือกจะปฏิเสธการทดลอง เขาขอยอมเป็นนักสู้ระดับต่ำกว่าเหมียวซือชั่วคราว สำหรับการรุกรานทวีปมังกรทะยาน หนิงไห่ไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าเหมียวซือ แม้ว่ากองกำลังนรกดำจะทรงพลานุภาพ ก็ไม่ได้หมายความว่านักสู้ในทวีปมังกรทะยานจะรอถูกเชือดอย่างไม่มีความหวัง แม้ว่ากองกำลังนรกดำจะได้รับชัยชนะก็ตาม เขาผู้เป็นเหมือนทหารเลวคงไม่มีชีวิตอยู่ชื่นชมกับชัยชนะ
เหตุผลที่หนิงไห่ยอมรับภารกิจลักพาตัวเย่ว์หวี่ก็เพราะความยากของภารกิจนั้นไม่สูงมาก
สิ่งเดียวที่เขาต้องระมัดระวังก็คือคำเตือนบอกกล่าวโดยนักสู้จากอาณาจักรสือจิน สือจินโหว
ขณะนั้นสื่อจินโหวบอกเขาว่า กลอุบายจำเป็นต้องใช้ แผนที่ดีที่สุด ฉลาดที่สุดเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จ ให้หลีกเลี่ยงคุณชายสามตระกูลเย่ว์ เป็นตัวที่อันตรายที่สุด ถ้าไม่งั้นพวกเขาได้ตายแน่ การวิ่งเข้าหาเขาจะทำให้ไม่มีโอกาสรอด
ขณะนั้นเหมียวซือและสมาชิกกองกำลังนรกดำไม่ได้รู้สึกว่าคำแนะนำเช่นนี้สำคัญ
ตอนนี้พอเขาคิดดูแล้ว สือจินโหวกล่าวไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย
หนิงไห่แค่ต้องการดูฝ่ายตรงข้ามเพื่อต่อกรเขา เพียงเหลือบมองเขาก็รู้ว่า ศัตรูแบบนี้ต่อให้เหมียวซือสิบคนก็เอาชนะเขาไม่ได้
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?” หลิ่วเย่มองดูเย่ว์หยางรื้อไฉ่อีเพียงแว่บเดียว ขณะที่มันยังคงเคลื่อนไหว เขายังเล่นงานสัตว์ประหลาดผู้มีพลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดจนปลิวกระเด็น หลิ่วเย่ยังคงตะลึงนัยน์ตาเบิกกว้างปากค้าง ใช้เวลาชั่วขณะนางถึงดึงสติกลับมาได้ กลับกลายเป็นว่าเย่ว์หวี่ผู้ที่นางปกป้องมาตลอดก้าวมาอยู่ต่อหน้านางปลอบโยนอย่างนุมนวล “สหาย, อย่ากลัวเลย ความจริงเขาเป็นน้องชายข้า ตอนนี้เขาแค่หาจุดอ่อนของศัตรู เวลานี้ได้เวลาที่เขาจะโจมตีตอบโต้แล้ว”
“น้องชายท่านชื่อว่าว่านซื่อทงได้ยังไง? ไม่, ท่านคือคุณหนูรองตระกูลเย่ว์ ท่านใช้สกุลเย่ว์ แต่เขาสกุลว่าน…” จุดแข็งของหลิ่วเย่ก็คือนางเชื่อคนได้ง่ายเกินไป ดูเหมือนว่านางแทบไม่เคยถูกหลอกมาก่อนในชีวิตตามปกติ ถ้านางอยู่กับเย่ว์หยางไปชั่วเวลาหนึ่ง บางทีนางคงไม่ไร้เดียงสาอีกต่อไป
“เขาคือน้องสามของข้าจริงๆ” เย่ว์หวี่คิดว่านางถูกหลอกได้ง่ายมากพอแล้ว แต่นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนที่ถูกหลอกได้ง่ายมากกว่านาง
“งั้นเขาก็คือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ นั่นคือเหตุผลที่เขาดูเหมือนคุ้นเคย ข้าช่างถูกหลอกได้ง่ายจริงๆ…” ตอนนี้หลิ่วเย่ก้มลงได้แต่ขีดเขียนพื้นแก้เขิน
ถ้าคนเลวหลอกนาง อย่างนั้นก็ช่างเถอะ แต่แม้แต่คนดีๆ ก็ยังโกหกนางอีกด้วย
กะ..เกิดอะไรขึ้นกับโลกกันนี่?
ความจริงเย่ว์หวี่ต้องการจะคุยกับนาง จริงๆ แล้วเจ้าหนูสามจากตระกูลของนางนับว่าร้ายกาจที่สุด เขาไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อยหลังจากโกหกไปมากมาย ต่อมาเย่ว์หวี่รู้สึกว่านางควรจะรักและปกป้องน้องชายนาง ดังนั้นจึงไม่พูดอะไรในที่สุด อย่างไรก็ตาม น้องสามของนางใช้อุบายกับคนมากเกินไป แม้แต่กับหลิ่วเย่ ก็ไม่มีความแตกต่างกันมาก
ตุ้บ
ตัวประหลาดเหมียวซือที่ก่อนนั้นยังลำพองอยู่มากถูกตัดแขนไปข้างหนึ่ง เขาล้มลงกับพื้นดังตุ้บ โดยไม่ยอมให้เขาได้มีโอกาสตั้งตัว เย่ว์หยางย่ำเท้าลงไปบนศีรษะของเขา
“ราชาเฮยอวี้จงเจริญ” นักสู้ปีศาจเหมียวซือยังคงภักดีต่อกษัตริย์ของเขา เขาต้องการทำลายตัวเองในที่นั้นนั่นเอง
“หนวกหู” เย่ว์หยางใช้ปราณก่อกำเนิดของเขากระตุ้นในหัวเขา ตัวประหลาดผู้ประเมินตัวเองเกินไปปล่อยให้เลือดไหลและร้องหมดแรง ถ้าเย่ว์หยางต้องการฆ่าเขา ต่อให้เหมียวซือมีร้อยชีวิตเขาก็คงตายไปแล้ว แต่เย่ว์หยางยังเก็บเขาไว้ นอกจากค่อยๆ ถามขณะที่ทรมานเพื่อรีดข้อมูล เขาสามารถใช้เป็นปุ๋ยชั้นดีได้ ถ้านางพญาดอกหนามมงกุฎทองไม่ต้องการฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับต่ำอย่างนี้ อย่างนั้นก็มอบให้ฮุยไท่หลาง ซึ่งมันจะแทะจะเล็มยังไงก็ช่าง ฮุยไท่หลางไม่ค่อยเลือกกินอยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้น เจ้าอ้วนไห่และเย่คงเป็นคู่หูซ้อมมือที่ดีมาก สัตว์ประหลาดอย่างนี้คงเป็นทางเลือกที่ดี
หลังจากเหมียวซือสลบจากการทำร้าย หนิงไห่คุกเข่าทันที
ยอมจำนน
สิ่งที่เขาทำนั้นเป็นการฉลาดที่สุด เพื่อชีวิตตนเอง
สำหรับเหมียวซือผู้โง่เขลา หนิงไห่คิดว่าเขาคงไม่โง่เกินไป ถ้าไม่อย่างนั้น ชีวิตเขาจะย่ำแย่ยิ่งกว่าตาย เขารู้มานานแล้วว่า ถ้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นี้ต้องการฆ่าเขา เขาคงลงมือไปแล้ว เขาแค่ต้องการเค้นเอาผลประโยชน์เท่าที่จะทำได้
“ข้ายอมแพ้, ข้ามีความลับจะแลกเปลี่ยน ถ้าท่านไม่ฆ่าข้า อย่างนั้นข้าจะใช้ความลับนี้แลกกับชีวิตข้า”
หนิงไห่วางตัวเหมือนกับผู้แพ้คนหนึ่งมาก
เนื่องจากเขายอมจำนน อย่างนั้นเขาอาจต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมา
เย่ว์หยางยิ้ม “ความจริง ข้าไม่ชอบคนฉลาดจริงๆ แต่ข้าก็ไม่ปฏิเสธที่จะทำงานกับคนฉลาด ทั้งนี้เพราะยังดีกว่าทำงานร่วมกับคนโง่”
หน้าของหนิงไห่กลายเป็นสีแดง เขารู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งเยาะเย้ยว่าเขาใช้ปัญญาไม่ถูกกาลเทศะ แต่เขาไม่ได้มีฝีมือและต้องการจะรักษาชีวิตไว้และต้องทำเช่นนั้น หนิงไห่หยิบมุกพิษที่ซ่อนอยู่ในฟันปลอมออกมา เขายอมยกเลิกการแสดงความภักดีต่อราชาเฮยอวี้ด้วยการฆ่าตัวตาย จากนั้นเขาเผยความลับที่เขาคิดว่ามีค่ามากที่สุด “ข้ารู้สถานที่ที่ใช้ผลิตนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับต่ำ ถ้าท่านตกลงจะปล่อยข้า ข้าจะพาท่านไปที่นั่นเอง”
เย่ว์หยางไม่สนใจจริงๆ เรื่องวิธีลับที่ใช้สร้างนักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียม แต่ถ้าเขาสามารถสร้างความเสียหายให้ศัตรูอย่างหนัก ก็คงเป็นเรื่องดี
“อย่างนั้นเจ้าจะรออะไร? ไปกันสิ” เย่ว์หยางดึงม้วนสีทองออกมา หนิงไห่เกือบเป็นลม เป็นม้วนเทเลพอร์ตสู่ตำแหน่งคืนกลับที่เขาตั้งไว้ ถูกชิงไปเมื่อไหร่ เขาไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย นี่เป็นศัตรูที่น่ากลัวจริงๆ มิน่าเล่า แม้แต่สื่อจินโหวก็ยังระมัดระวังตัว
“เจ้ารื้อตุ๊กตารบไฉ่อีไปแล้ว บางทีศัตรูอาจจะตื่นตัวแล้ว” เย่ว์หวี่รีบเตือนเย่ว์หยางให้ระมัดระวังตัว
“ไม่มีปัญหา เราสามารถทำตามแผนเดิมของพวกเขาแล้วค่อยลงมือ มาไล่ทุบพวกมันตามเกมของพวกมันเลย แต่เราต้องการให้พี่รองและหลิ่วเย่ร่วมมือด้วย” เย่ว์หยางยิ้ม ทำให้เย่ว์หวี่หน้าแดง นางทุบเขาหนึ่งหมัด “น้องสาม, อย่ายิ้มมากเกินไป, ชักจะเครียดแล้วนะ”
“…..” เย่ว์หยางเหงื่อตกอีก เขาคาดไม่ถึงเลยว่าทักษะมหาละลวยที่ไม่มีผลต่อหลิ่วเย่ กลับตรงกันข้าม มีผลต่อพี่รองของเขา
“ข้า, ข้าด้วยเหรอ?” หลิ่วเย่ตระหนักว่าโชคร้ายของนางยังคงไม่สิ้นสุด
“ขอโทษนะที่ต้องให้เจ้าเป็นเชลยชั่วคราว” เย่ว์หยางหยิบเชือกที่ทำจากหนังมังกร, เอ็นแรด, เส้นผมของปีศาจงูไหมทอง เขาใช้วิธีที่เขาจำมาจากในหนังเอวีมัดหลิ่วเย่โดยไม่อธิบายอะไรให้นางรู้ ถ้าเขามีแส้เส้นหนึ่งก็คงเหมือนคู่รักซาดิสม์กับมาโซคิสม์ (ชอบทรมาน กับชอบถูกทรมานแล้วมีความสุข)
************