ตอนที่ 434 ล่วงล้ำเข้าถ้ำปีศาจ
นี่เป็นโลกที่มีแต่น้ำแข็งและหิมะ
สายลมหวีดหวิวกระหน่ำทั่วภาคพื้นกวาดเอาเศษหิมะเป็นลอนจนดูเหมือนคลื่นน้ำแข็งขาว ระหว่างท้องฟ้ากับพื้นมีเสียงลมกระหน่ำสร้างความหวาดหวั่นใจให้ทุกคน
สถานที่นี้ตั้งอยู่ที่ชายแดนอาณาจักรสือจินติดกับเทือกเขาฟงเกิน (รากลม) คำว่าฟงเกินหมายความว่าสายลมในทวีปมังกรทะยานทั้งหมดจะก่อตัวและเริ่มต้นจากจุดนี้ แม้ว่าจะฟังดูสุดโต่งไปบ้าง แต่ความจริงก็คือ สถานที่นี้มีหิมะปกคลุมและพายุไม่เคยหยุดกระหน่ำตลอดชั่วนาตาปี เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เทือกเขาฟงเกินเป็นหนึ่งในห้าแดนมรณะในทวีปมังกรทะยาน เป็นพื้นที่ต้องห้ามซึ่งมนุษย์ยากจะเยื้องกรายเข้าไป ก็เหมือนกับกุ่ยเจี้ยนโฉวและเหวสิ้นหวัง เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่กันดารและอุณหภูมิที่ต่ำติดลบ นอกจากนักรบผู้ต้องการจะฝึกฝนความเข้มแข็งแล้ว จะไม่มีผู้ใดเดินทางเข้ามาที่นี่
เทือกเขารากลมและทะเลทรายเพลิงคำรามจะมีชื่อเสียงในเรื่องสภาพอากาศที่รุนแรงสุดขั้ว ที่แห่งแรกเยือกเย็นเป็นน้ำแข็ง ขณะที่อีกสถานที่หนึ่งจะร้อนลุกเป็นไฟ สถานที่สุดโต่งทั้งสองแห่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าไปเยี่ยมเยือน
ไม่มีผู้ใดมีความคิดว่าฐานทัพลับของราชาเฮยอวี้และอาณาจักรสือจินจะตั้งอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามและคุกคามชีวิตเช่นนี้
เพียงมองจากทางเข้าฐานทัพ เย่ว์หยางรู้สึกว่าอาณาจักรสือจินต้องร่วมมือกับราชาเฮยอวี้มาเป็นเวลานานแล้ว ฐานทัพใหญ่นี้ไม่ใช่ที่ๆ จะสร้างได้โดยใช้เวลาเพียงข้ามคืน
ด้วยการสนับสนุนของราชาเฮยอวี้, นิกายพันปีศาจ, นิกายเจดีย์ราชสีห์, นิกายภูขจีและความสัมพันธ์ที่บ้าบิ่นกับแดนปีศาจ จึงไม่น่าแปลกใจว่าอาณาจักรสือจินจะหาญกล้าพิชิตทวีปมังกรทะยานทั้งหมด
ตอนนี้, เย่ว์หยางเริ่มเข้าใจแล้ว
ก่อนหน้านั้น, ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำคอยให้การสนับสนุนอาณาจักรสือจินให้โจมตีตระกูลเย่ว์ เป็นเพียงการทดสอบ
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิง บางทีในตอนนี้ ทวีปมังกรทะยานทั้งหมดคงปกคลุมไปด้วยไฟสงครามแล้ว
ตั้งแต่ราชาเฮยอวี้เป็นอิสระหลุดพ้นจากผนึก เขาอาจต้องการจะเจริญรอยตามปณิธานของจักรพรรดิอวี้ก็ได้ เขายังคงต้องการสำรวจแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เขาต้องจัดการกับความจริงที่ว่าพลังของเขายังไม่ฟื้นคืนเต็มที่ นอกจากนี้ มนุษยชาติยังมีจื้อจุนผู้น่าเกรงขาม, วังมารที่ยังไม่มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจน เป็นผลให้ราชาเฮยอวี้ยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ดังนั้นเขาจึงเริ่มทำงานร่วมกับอาณาจักรสือจินอย่างลับๆ พอเวลาผ่านไปเขาเริ่มใช้วิธีการลับสร้างนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับต่ำออกมา
อัตราความสำเร็จของการสร้างอยู่ในระดับต่ำมากมีเพียงหนึ่งในร้อย ถ้าไม่ใช่เพราะวิชาลับของราชาเฮยอวี้ยังไม่มีผลเพียงพอ มิฉะนั้นทั่วทั้งทวีปมังกรทะยานคงเต็มไปด้วยนักสู้ปราณก่อกำเนิด
ผลิตนักสู้ปราณก่อกำเนิด?
เมื่อเย่ว์หยางคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลวไหล
ถ้านักสู้ปราณก่อกำเนิดสามารถผลิตออกมาได้ อย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไรที่ทุกคนจะเคี่ยวกรำฝึกฝนทักษะ? อย่างนั้นพวกเขาก็แค่คอยเลียแข้งเลียขาของยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดและขอให้เขาช่วยให้พวกเขายกระดับ!
นักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียมเหล่านี้แม้จะไม่มีคัมภีร์อัญเชิญ มีมาก แต่มิอาจเอาไปเทียบกับนักรบเจ็ดดาวบริวารของซุ่นเทียน อย่างน้อยที่สุด พวกเขายังเคยเป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิด และพวกเขามีคัมภีร์อัญเชิญ
ต่อหน้านักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แท้จริง นักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียมก็เป็นเหมือนขยะ
แน่นอนว่าสำหรับนักรบธรรมดา นักรบปราณก่อกำเนิดเทียมแบบนี้ก็ยังนับว่าน่ากลัว
ที่สำคัญ นักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียมเป็นนักรบระดับ 6 หรือสูงกว่านั้นในแต่ก่อน พวกเขายังคงมีพื้นฐานอยู่บ้าง ไม่เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาที่จะรับพลังเช่นนั้น
“หนาว!” เย่ว์หวี่หมอบอยู่บนหลังของเย่ว์หยาง แม้ว่าเย่ว์หยางจะคลุมชุดหนังให้นาง แต่นางไม่อาจทนต่อความหนาวที่รุนแรงได้ นางกอดเย่ว์หยางแน่นขณะที่ตัวนางสั่นไม่หยุด
“…..” หลิ่วเย่กัดฟันแน่นและอยู่เงียบๆ
นางกลัวว่าถ้านางพูด ขากรรไกรนางจะสั่นไม่หยุด ความจริง เย่ว์หวี่และนางยังดีกว่าคนเกือบทั้งหมด เพราะเย่ว์หยางส่งพลังงานหยางบางส่วนให้พวกนางเป็นครั้งคราวเพื่อให้พวกนางอบอุ่น ถ้าไม่อย่างนั้น ด้วยเสื้อผ้าธรรมดาบางเบาเช่นนี้ พวกนางคงแข็งตายไปแล้วตั้งแต่เดินทางจากฉางจิงมาถึงที่นี่
หนิงไห่ผู้ยอมจำนน ดูเหมือนจะประพฤติตัวดี
แม้ว่าเขาจะเห็นหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าฐาน เขาก็ยังเชื่อฟังเหมือนกับเป็นหลานชาย
เป็นเพราะเขารู้ว่า เมื่อคุณชายสามตระกูลเย่ว์ต้องการตัดศีรษะของเขา เว้นเสียแต่ราชาเฮยอวี้ต้องการปกป้องเขาเป็นการส่วนตัว เขาก็คงเสียชีวิตเป็นแน่ เขาเห็นเย่ว์หยางผ่าร่างกายช่วงบนของเหมียวซือมาแล้ว และล้วงเอาผลึกพลังงานที่เก็บกักในร่างกายของเขาออกมา แล้วค่อยๆ เย็บกลับคืน หลังจากเห็นวิธีการของเย่ว์หยางแล้ว เขาตัดสินใจว่าเขาจะไม่ยอมเป็นศัตรูกับปีศาจหน้ายิ้มผู้นี้เด็ดขาด
เมื่อชาวแดนปีศาจและจ้าวปีศาจถูกนำมาเทียบกับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ พวกเขาจะกลายเป็นคนใจบุญอย่างรวดเร็ว
หนิงไห่คิดว่าตั้งแต่เขาได้ฆ่าคนไปแล้วหลายคน เขาคิดว่าตนเองร้ายแล้วหรือเป็นคนโกง คาดมิถึงเลยว่า ยามอยู่ต่อหน้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ เขายังมิกล้าผายลม
“ท่านเหมียวซือ, ท่านหนิงไห่ พวกท่านกลับมาแล้วหรือ? สองคนนี้..เอ่อ.. แม่นางไฉ่อีไม่กลับมาด้วยหรือ? นี่น่าจะเป็นคุณหนูรองตระกูลเย่ว์, แล้วอีกคนหนึ่งเล่า?” หัวหน้ายามที่ฐานลับออกมาทักทายพวกเขา เขาไม่อาจรู้ได้ว่าเย่ว์หยางผู้ใช้หนวดปลอมแปะอยู่เหนือริมฝีปากนั้นมิใช่เหมียวซือ ทั้งนี้เพราะเหมียวซือสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ถึงร้อยแบบไม่ซ้ำกัน การระบุสถานะของเขาก็โดยใช้ตรานรกดำ หัวหน้าหน่วยผู้นี้เป็นนักรบจากอาณาจักรสือจินอย่างเห็นได้ชัด เขาจำเย่ว์หวี่ที่เป็นตัวประกันได้ แต่เขาไม่รู้จักหลิ่วเย่ผู้ถูกเย่ว์หยางมัดอย่างแน่นหนา
“สหายไฉ่อีทำลายตัวเองไปแล้ว ผู้อาวุโสจิ้งหู อาจารย์ของคุณหนูรองตระกูลเย่ว์มีพลังสูงส่งมาก เราต่อสู้กันอย่างรุนแรงก่อนจะทำภารกิจได้สำเร็จ นี่คือนักเรียนชั้นเดียวกันกับคุณหนูรองตระกูลเย่ว์ นางติดอยู่ในเหตุการณ์นั้น ดังนั้นเราจึงจับนางมาด้วยเช่นกัน” หนิงไห่ส่งมอบเครื่องหมายประจำตัวยืนยันสถานะของเขาพร้อมกับอธิบาย
“ท่านควรฆ่าแมลงเล็กน้อยเช่นนี้เสีย” หัวหน้าทหารยามรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก เหมือนกับว่ามีปัญหาอย่างอื่น
“เจ้า…” ถ้าหลิ่วเย่ไม่ถูกมัด และเย่ว์หยางยึดแขนนางไว้ นางคงโดดเตะเจ้าผู้นี้ให้กระเด็นไปในอากาศแล้ว
“ท่านเหมียวซือคิดว่านางผู้นี้ยังมีประโยชน์ นางถูกจับมาเล่นสนุก หลังจากเขาเล่นสนุกแล้ว เขาจะให้เจ้าเป็นรางวัลฆ่าเวลาก็ได้” หนิงไห่ลดเสียงลงบอกกล่าวหัวหน้าทหารยาม
“ขอบคุณ, ท่านเหมียวซือได้กินเนื้อ พวกเราเหล่าพี่น้องได้กินน้ำซุปก็พอใจแล้ว, ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” หัวหน้าทหารยามขอบคุณเย่ว์หยางอย่างหื่นกระหาย
“ฮืม..” เย่ว์หยางแค่นเสียงและทำเหมือนกับว่าเขาเป็นยอดฝีมือที่หยิ่งยโสและเดินเชิดหน้าเข้าไป
เขาไม่กล้าพูด เกรงว่าคนจะจับพิรุธบางอย่างได้
พฤติกรรมนี้ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนวางท่า ยิ่งกว่านั้นการรีบร้อนเข้าไป จะเหมือนกับว่าเขาต้องการผู้หญิงและไม่อยากเสียเวลารอ ทหารยาม 2-3 คนหัวเราะหยอกล้อ ในที่สุด หัวหน้าทหารยามยังคงรอบคอบที่สุด เขากระแอมและโค้งคำนับ นายท่าน, ท่านเล่นกับแม่สาวนี่ได้ตามต้องการ แต่สำหรับคุณหนูรองตระกูลเย่ว์ อย่าแตะต้องนางเป็นดีที่สุด เพราะใต้เท้าจ้านหู่สั่งเอาไว้ก่อนออกไป คุณหนูรองตระกูลเย่ว์เป็นคนสำคัญ อย่าแตะต้องนางในตอนนี้”
เย่ว์หวี่ที่อยู่บนหลังเย่ว์หยางขณะแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตัว เริ่มสั่น นางทั้งอายทั้งโกรธในเวลาเดียวกัน นางต้องการจะทุบตีเจ้าคนไม่ดีนี้สักครา อย่างไรก็ตามตอนนี้นางมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการของน้องชายนาง นางได้แต่ฝืนทนอายและแกล้งเป็นหมดสติต่อไป
เย่ว์หยางใช้ฝ่ามือแตะหลังเย่ว์หวี่เบาๆ ส่งสัญญาณไม่ให้นางตื่นเต้น ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผน
เขาทำเป็นรำคาญหงุดหงิดและยังคงเดินหน้าต่อไป
หนิงไห่หันหน้ามาและยิ้มปลอบหัวหน้ายามที่ทำหน้าประหวั่นพรั่นพรึง “ท่านเหมียวซือรู้แน่นอนว่า ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าส่งข้อความไป คุณหนูรองตระกูลเย่ว์ที่ตกเป็นตัวประกันนี้จะถูกส่งถึงมือใต้เท้าจ้านหู่โดยไม่ผิดพลาดแน่นอน”
หลังจากเดินลงไปตามทางคดเคี้ยว สิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าคือบันไดหินข้ามถนนมากมาย
โชคดีที่หนิงไห่ทำหน้าที่คนนำทาง ถ้าไม่อย่างนั้นเกิดลื่นไถลไปจะลำบาก หนิงไห่เดินนำทางและมุ่งหน้าไปที่พักในขณะนั้น พวกเขารอให้ทางสำนักงานส่งทหารฝีมือดีออกไป เมื่อพวกเขามาถึง เย่ว์หวี่, เย่ว์หยางก็สามารถเริ่มโจมตีฐานทัพลับที่ป้องกันหนาแน่น การบุกฝ่าโดยพลการเป็นไปไม่ได้ แต่ความลับทั้งหมดจะถูกทำลายโดยสมาชิกภายใน เย่ว์หยางต้องการหาดูว่าความลับอะไรซ่อนอยู่ในนั้น
ที่นั่นมีหุ่นรบร่างมนุษย์อย่างไฉ่อีมากน้อยเพียงใด?
นี่คือสิ่งที่เย่ว์หยางต้องการค้นหามากที่สุด
หนิงไห่พาเย่ว์หยางไปห้องของเหมียวซือ ใช้เครื่องหมายนรกดำ พวกเขาก็เปิดประตูได้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งออกมา
เย่ว์หยาง, เย่ว์หวี่และหลิ่วเย่เดินเข้าไปดู พวกเขาก็ต้องตกใจที่พบว่า เป็นฉากรุนแรงนองเลือดและอนาจาร ไม่ได้มีแต่มนุษย์ผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังคงมีผู้หญิงจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ มีกระทั่งสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย พวกนางถูกเหมียวซือข่มขืนแล้วฆ่าที่นี่ มีศพที่ถูกสังหารอยู่ทุกที่ ศีรษะมนุษย์ที่ตายทั้งที่นัยน์ตาเบิกค้างกลิ้งกระจายอยู่รอบห้อง คาดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้ายามจะกล้าแนะนำเย่ว์หยางผู้แอบอ้างเป็นเหมียวซือไม่ให้แตะต้องเย่ว์หวี่ เพราะเขารู้ว่าทันทีที่เขาทำ คุณหนูรองตระกูลเย่ว์คงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ต่อไป
เย่ว์หวี่และหลิ่วเย่ก่อนนั้นคิดว่าวิธีการที่เย่ว์หยางจัดการเหมียวซือนั้นโหดร้าย แต่พอตอนนี้พวกนางตำหนิว่าพวกนางเล่นงานเจ้าสวะผู้นั้นน้อยเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลิ่วเย่ที่ตำหนิเย่ว์หยางผิดพลาดไป ก็ยังรู้สึกเสียใจและต้องการจะขอโทษเขา
นางคิดว่าการฆ่าเหมียวซือก็เท่ากับปล่อยเขาง่ายดายเกินไป
คนชั่วแบบนี้ควรจะถูกแล่เนื้อเถือหนังช้าๆ
อย่าว่าแต่สุภาพสตรีจิตใจอ่อนโยนเหล่านี้เลย แม้แต่หนิงไห่ผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาก็ยังกลืนน้ำลายด้วยความกลัวและตกใจ เขาได้ยินเรื่องความเปลี่ยนแปลงของเหมียวซือหลังจากที่กลายเป็นสัตว์ประหลาด นิสัยของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก อยู่ต่อหน้าคนเขาจะประพฤติตัวสุภาพมีมารยาท พอลับหลังเขาจะป่าเถื่อนกระหายเลือด เขาข่มขืนและฆ่าสตรีมามากมาย เรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีทุกคน
แต่หนิงไห่ไม่เคยนึกภาพออกเลยว่าหลังจากเหมียวซือกลายเป็นตัวประหลาดแล้ว เขาจะข่มขืนและฆ่าคนมากมาย ไม่ใช่เท่านั้น แม้แต่สัตว์เดรัจฉานตัวเมียด้วย
บ้าไปแล้ว
เหมียวซือต้องบ้าไปแล้ว
หนิงไห่สั่นสะท้าน, ต้องขอบคุณพระเจ้า ที่เขาไม่ได้เข้าร่วมการทดลองลับ ถ้าเป็นเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้สำเร็จ เขาก็คงกลายเป็นบ้าเช่นเดียวกับเหมียวซือ หนิงไห่ปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากและรายงานเย่ว์หยาง “ข้าคาดว่าทหารฝีมือดีจะมาถึงที่นี่ภายในห้านาที เพราะพวกเขาจะไม่ยอมให้เหมียวซือทำร้ายคุณหนูรองตระกูลเย่ว์ พวกเขาจะต้องมาถึงที่นี่อย่างเร็วที่สุด ถ้าเราต้องการเอาข้อมูลของเหมียวซือ เราต้องรีบ”
เย่ว์หยางโบกมือ “กลับไปเก็บของที่ห้องของเจ้าซะ ข้าจะจัดการที่นี่ อีกห้านาทีค่อยกลับมา!”
หนิงไห่ลังเล แต่ก็รีบออกไปในที่สุด
ขณะนี้ เขามีตัวเลือกในใจอยู่สองข้อ
ข้อแรกใช้ม้วนเทเลพอร์ตออกไปจากที่นี่ทันทีและไม่กลับมาทวีปมังกรทะยานอีกเลย และจะไม่พบกับคุณชายสามตระกูลเย่ว์อีก
ข้อสอง ทำตามคำแนะของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ หลังจากทำลายฐานทัพทั้งหมดแล้ว เขาอาจปฏิบัติตามสัญญายอมปล่อยตัวเขา
เงื่อนไขข้อแรกจะสำเร็จได้ง่ายกว่า
เขาเพียงแต่ทุบศิลาเทเลพอร์ตหลบหนีกลับไปทางผ่านโบราณ แม้ว่าคุณชายผู้นี้จะไล่ตามเขา ก็คงไม่อาจหาตัวเขาเจอได้ จะมีข้อบกพร่องก็คือ เขาแค่ไม่ยอมให้คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์หาที่ซ่อนตัวของเขาพบ ถ้าเขาไม่ใช่คนตาย เงื่อนไขข้อที่สองนั้นอันตราย คุณชายสามตระกูลเย่ว์อาจไม่ทำตามสัญญา ที่สำคัญยิ่งกว่า หลังจากฐานทัพยับเยินแล้ว ต่อให้เขาหลบหนีไป ราชาเฮยอวี้จะตามหาตัวเขา เขาก็อาจตายได้เช่นกัน
หนิงไห่คิดหนักขณะกลับไปที่ห้องของเขา เขาลังเลอยู่ประมาณสามนาที
เขาดึงศิลาเทเลพอร์ตออกมาแล้วก็เก็บเข้าไปในกระเป๋า เดี๋ยวก็ดึงออกมาอีก แล้วเก็บคืนกลับไป เขาทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง
ในที่สุด เขาตัดสินใจเชื่อและรอว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์จะทำตามสัญญา… เป็นเพราะเขารู้สึกว่าการใช้ศิลาเทเลพอร์ตเพื่อหนีเองเป็นการกระทำที่ไม่ปลอดภัย ยิ่งกว่านั้น ถ้าราชาเฮยอวี้รู้ว่าเขาหนีไปกลางครัน เขาคงตายแน่ ที่สำคัญ เป็นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่พาเขาเข้ามาในฐาน ราชาเฮยอวี้รู้ดีกว่าเย่ว์หยางเสียอีกว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ใด ดังนั้นศึกครั้งนี้เขาต้องขอพรให้คุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นฝ่ายชนะ ถ้าเขาแพ้ ชีวิตของเขาเองก็คงตกอยู่ในอันตราย
ห้านาทีต่อมา หนิงไห่กลับมาเคาะประตู
เย่ว์หยางเปิดประตูเองและยิ้ม “ข้ารูว่าท่านจะไม่ใช้ศิลาเทเลพอร์ตหนีไป…” เขาพูดเหมือนกับไม่ได้ตั้งใจ
เพียงประโยคเดียวทำให้หนิงไห่หนังหัวเย็นชา ฝ่ายตรงข้ามรู้จักเขาชัดเจน นั่นเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุด มันเป็นเพียงการลองใจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ยึดม้วนเทเลพอร์ตของเขาและเหลือแต่ศิลาเทเลพอร์ตไว้ให้เขา ทั้งหมดนี้อยู่ในแผนของเขา ถ้าเขาพยายามหลบหนีตอนนี้ ก็คงเดินตามรอยเท้าของเหมียวซือ
หนิงไห่คิดเรื่องนี้แล้ว ความกลัวแทบทำให้เขาปัสสาวะราดกางเกง
หลังจากผ่านไปอีกห้านาที ทหารฝีมือดีสวมเกราะทองห้าคนเข้ามาคุมตัวนักโทษ
พวกเขาพูดสุภาพ แต่ถือตราคำสั่งของใต้เท้าจ้านหู่ในมือ
เย่ว์หยางแสร้งทำเป็นไม่พอใจ แต่หลังจากหนิงไห่เกลี้ยกล่อมด้วยทักษะนักแสดงระดับสูง เขาตกลงให้พาเย่ว์หวี่ไปพบจ้านหู่ด้วยตนเองเพื่อรับรางวัล หลังจากนักรบฝีมือดีตรวจหน้าตาเย่ว์หวี่กับภาพแล้ว พวกเขาตกลงยอมตามคำขอของเย่ว์หยาง
สำหรับหลิ่วเย่ เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นเตรียมจะฆ่านางเมื่อเขารู้สึกอยากทำด้วยการฟันเพียงดาบเดียว
ดังนั้นเองนางจึงอ้อนวอนเขาอย่างจริงจัง เป็นการแสดงให้เห็นว่านางยินดีจะรับใช้เขาด้วยความเต็มใจ ตราบใดที่นางไม่ตาย จะให้ทำอะไรก็ยอม
ถ้าหนิงไห่ไม่รู้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเย่ว์หยางแล้ว เขาคงเชื่อจริงๆ ว่านางร้องไห้และขอร้องอย่างจริงใจ สตรีเป็นนักแสดงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว หนิงไห่ลอบถอนหายใจ เทียบกับนางแล้ว ทักษะการแสดงของเขายังด้อยกว่าเยอะ เขารู้สึกไม่ยินดี แน่นอนว่าเขารู้ว่าถ้าสตรีไม่รู้วิธีโกหก อย่างนั้นพวกนางคงไม่เรียกว่าสตรีอีกต่อไป พวกนางสมควรถูกเรียกว่านังโง่แทน
“เจ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องทำอะไร ถ้าเจ้าหนีไปแล้วจะเป็นยังไง? ไม่, ข้าต้องลากเจ้าไปด้วย” เย่ว์หยางมัดขาทั้งสองของหลิ่วเย่ แต่ปล่อยร่างกายด้านบนไว้ และมัดมือนางไว้
ทหารฝีมือดีทั้งห้าคนเห็นว่าเป็นเรื่องแปลก ส่งตัวคุณหนูรองตระกูลเย่ว์ด้วยตนเองก็ดีอยู่ แต่ต้องพาสตรีอีกคนไปด้วยหรือ?
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสตรีนั้นถูกมัดและนางอ่อนแอมาก พวกเขาจึงยอมตามถึงที่สุด
ที่สำคัญ พวกเขารู้ว่าเหมียวซือได้ชื่อว่าข่มขืนและฆ่าสตรีมานับไม่ถ้วน ความจริงไม่ใช่เหมียวซือเท่านั้น แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งหมดที่สร้างขึ้นมาจากการทดลองก็วิปริตผิดธรรมดา เมื่อไม่กี่วันก่อน มีบุรุษที่แข็งขืนยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดมีอาการคลั่งไคล้การแทะและกินศพโดยไม่มีเหตุผล นั่นต้องบอกว่าน่ารังเกียจ นักรบฝีมือดีเกราะทองทั้งห้าคน ข้างหน้าสองคน ข้างหลังสามคนพาเย่ว์หยางและพวกที่เหลือไปยังปลายทางของตน
สำหรับพวกเขา ตราบใดที่คุณหนูรองแห่งตระกูลเย่ว์สามารถส่งตัวถึงมือใต้เท้าจ้านหู่ได้ เรื่องอื่นๆ ก็ไม่สำคัญ
หนิงไห่สับสนกับเรื่องที่เย่ว์หยางตัดสินใจพาหลิ่วเย่ไปด้วย แต่เขาไม่ได้ข้องใจแต่ประการใด เขายังคงเชื่อว่าถ้าหลิ่วเย่ไร้ประโยชน์ คุณชายสามตระกูลเย่ว์คงไม่นำตัวนางมาด้วย
หลิ่วเย่ไม่เข้าใจเหตุผลที่นางต้องล่วงลึกเข้าไปในรังปีศาจ เย่ว์หยางไม่ได้อธิบายไว้
อย่างไรก็ตาม หลังจากเห็นทักษะแฝงเร้นและอสูรพิทักษ์ของหลิ่วเย่ เย่ว์หยางรู้ว่าเมื่อเขาต้องจัดการกับราชาเฮยอวี้หรือเมื่อเขาต้องสำรวจแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เขาจะต้องการทักษะแฝงเร้นที่ไร้ขีดจำกัดของหลิ่วเย่..หลังจากหลิ่วเย่เรียกคัมภีร์อัญเชิญของนางออกมา นั่นทำให้เย่ว์หยางเข้าใจเหตุผลที่นางมีพลังมากกว่านางมารเคราะห์ฟ้า และเหตุผลที่นางไม่สนใจยิ้มมหาละลวยของเขา หลิ่วเย่ไม่รู้ตัวว่าทักษะแฝงเร้นของนางทรงพลังและไม่ธรรมดาขนาดไหน
แม้คนทั่วไปเชื่อว่าเป็นทักษะแฝงเร้นธรรมดาเท่านั้น แต่พวกเขาจะไม่ให้ความสำคัญกับความสามารถของหลิ่วเย่
เย่ว์หวี่คาดว่าน้องสามของนางคงจะใช้ให้หลิ่วเย่ช่วยทำงานหนัก
จากจุดมุมมองที่ปกป้องน้องชายนาง นางคงไม่บอกหลิ่วเย่
ยิ่งกว่านั้น น้องชายนางทำเพื่อเอาชนะราชาเฮยอวี้ ช่วยโลกไว้ให้ได้ หลังจากนางยกระดับภาพลักษณ์ในใจนางเพื่อช่วยเหลือโลกในฐานะวีรบุรุษ วีรสตรี นางรู้สึกว่าในนามแห่งความยุติธรรมน้องชายของนางคงต้องฉวยโอกาส และใช้คนบ้าง
แม้ว่าน้องชายนางจะเป็นคนชอบโกหก แต่นี่คือสิ่งที่ควรจะรู้ไว้ แต่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย
เย่ว์หวี่แกล้งทำเป็นหลับลอบลืมตา ความสงสารเต็มอยู่ในใจนาง ขณะนางเหลือบมองหลิ่วเย่ถูกมัดและเย่ว์หยางแบกนางไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีมัดคนแบบพิเศษ น้องชายนางไปเรียนมาจากไหน นั่นมากเกินไปแล้ว เย่ว์หวี่แอบหยิกเย่ว์หยาง ขณะที่เย่ว์หยางสะดุ้ง นางแกล้งทำเป็นหลับทันที นางแอบยิ้มสะใจลึกๆ ไม่ว่าเขาจะร้ายหรืออวดดีแค่ไหน เขาก็ยังเป็นน้องชายนาง ขณะที่นางเป็นพี่รองของเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะอ่านเขาออก
*******************