ตอนที่ 438 ตรอมใจจนผ่ายผอม
จ้านหู่ บริวารของราชาเฮยอวี้พาคนของตนเองมาก่อกวนในวังหลวงต้าเซี่ยด้วยความย่ามใจ
ผลกระทบนี้สร้างความกดดันให้กับจุนอู๋โหย่ว จ้านหู่ (พยัคฆ์ศึก) ผู้นี้เป็นเพียงพยัคฆ์ศึกตะวันออก ในบรรดพยัคฆ์ศึกทั้งหมด เรียกตามชื่อเป็นพยัคฆ์ศึกเหนือ, พยัคฆ์ศึกใต้, พยัคฆ์ศึกตะวันตกและพยัคฆ์ศึกกลาง และเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่แม้แต่องครักษ์พิทักษ์ฟ้าสองคนยังไม่อาจเอาชนะเขาได้ ถ้าห้าพยัคฆ์ศึกมาพร้อมกัน จุนอู๋โหย่วก็ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะรับมืออย่างไร ยิ่งกว่านั้น ความห้าวหาญของพยัคฆ์ศึกได้รับการยกย่องจากราชาเฮยอวี้เมื่อเขาเข้ามาในทวีปมังกรทะยาน และมีอิทธิพลมากขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่สามารถพิชิตทวีปมังกรทะยานได้ทั้งหมดในตอนนี้ แต่วันที่เขาจะทำได้คงอยู่ไม่ไกล
การโจมตีก่อกวนครั้งนี้ ทำให้ขวัญกำลังใจของต้าเซี่ยตกต่ำอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าเมืองผู้กำลังคิดจะย้ายฝ่าย
แต่เมื่อจุนอู๋โหย่วอยู่ในช่วงลำบากที่สุด คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์กลับมาพร้อมกับความสำเร็จที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อน
“ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสหลายสิบคนต้องพลาดท่าเท่านั้น เขายังฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียมได้อย่างไร?” จุนอู๋โหย่วไม่เคยคิดว่าเย่ว์หยางจะโจมตีฐานทัพลับของศัตรูและทำลายนักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียมที่อยู่ในระหว่างทดลองเหล่านั้นได้สำเร็จ แล้วยังช่วยผู้อาวุโสหวงสือและนักพรตใบไม้ดำและเย่ว์ซานกลับมา จุนอู๋โหย่วประหลาดใจมากจนไม่อาจทำใจเชื่อได้ ไม่ต้องสงสัยเลย การกระทำของเย่ว์หยางเหมือนเป็นการตบหน้าของราชาเฮยอวี้และพยัคฆ์ศึก
ครั้งนี้ถือว่าตบได้สะใจมาก
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, ราชันย์ฟ้าบูรพา, เฟิงขวงและประมุขตระกูลจากสี่ตระกูลใหญ่ก็แทบไม่เชื่อเมื่อได้ยินข่าว ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาคือเข้ามาถามว่าจริงไหม?
ไม่ว่าเย่ว์หยางจะอธิบายมากเพียงไหน รวมกับการปรากฏตัวของเชลยอย่างเย่ว์ซานและคนที่เหลือต่อหน้าพวกเขา พวกเขาก็ยังรู้สึกทึ่งและไม่อาจนึกภาพออก
ถ้าเรื่องนี้มิได้ทำสำเร็จโดยฝีมือเย่ว์หยาง คนจำนวนมากก็คงไม่เชื่อ
โชคดีที่มีคุณชายสามจากตระกูลเย่ว์ผู้ทำได้ทุกอย่าง
“นักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียมที่ยังมีชีวิตก็สามารถสร้างปัญหาได้ ขณะที่ข้าสังหารไปได้เพียงห้าคนและที่เหลืออีกสองคนหลบหนีไปได้ แต่สองคนนั้นยังอยู่ในระหว่างทดลอง ดังนั้นคงจัดการง่าย” เย่ว์หยางชี้ไปที่หลิ่วเย่ที่ยืนอยู่ข้างเขาเหมือนภรรยาที่เชื่อฟังเป็นอย่างดี “ด้วยความช่วยเหลือจากนาง นักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียมทั้งหมดที่ยังอยู่ภายใต้การทดลองจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง แม้ข้าจะไม่ได้ทำอะไรก็ตาม ฐานทัพลับก็กลายเป็นพื้นที่ฆ่าฟันนองเลือด”
“ไม่, ไม่ใช่ข้าหรอก…” หลิ่วเย่จะกล้าเงยหน้าต่อหน้าจุนอู๋โหย่ว, มหาอำมาตย์และราชันย์ฟ้าบูรพาได้อย่างไร นางเป็นแค่นักเรียนเท่านั้น ได้แต่ทำตัวเหมือนกับนักเรียนที่คอยโค้งคำนับเมื่อนางพบครูอาจารย์ นางเขินอายเมื่อได้ยินคำพูดเย่ว์หยางและรู้สึกอึดอัดจนไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหน
“เจ้ามีทักษะแฝงเร้นอะไรหรือ?” องครักษ์พิทักษ์ฟ้าของเทียนหลัวถามด้วยความรู้สึกสุขใจที่เขาได้พบอัจฉริยะรุ่นเยาว์
“ทักษะแฝงเร้นของข้าคือ “ชำระบาป” ข้าเพียงแต่ทำตามคำแนะนำของคุณชายสาม เรื่องอื่นข้ายังไม่รู้อะไร” หลิ่วเย่รู้สึกกระวนกระวายยิ่งขึ้นเมื่อนางได้ยินองครักษ์พิทักษ์ฟ้าถามคำถามด้วยตัวเอง
“ดี, ช่างเป็นสาวน้อยที่ดี เจ้ายังดีกว่าตาเฒ่าตาแก่หลายคนที่นี่! ถูกแล้ว, เชื่อฟังแต่เย่ว์หยาง! ฮ่าฮ่า!” ราชันย์ฟ้าบูรพาหัวเราะตบต้นขาตัวเอง
เขาพ่ายแพ้พยัคฆ์ศึกจ้านหู่มาอย่างหนักก่อนหน้านี้ ตอนนี้พอได้ยินว่าสาวน้อยคนหนึ่งจากแผ่นดินเดียวกับเขาสามารถทำลายฐานทัพศัตรูได้ ระดับความสุขของเขาเหมือนกับได้ดื่มน้ำเย็นในฤดูร้อน
เขารู้สึกมีความสุข
ถ้าหลิ่วเย่ไม่ใช่สตรี เขาคงรับนางเป็นศิษย์ไปแล้ว ราชันย์ฟ้าบูรพารู้ว่า ถ้าหลิ่วเย่ไม่มีโอกาสใดๆ เย่ว์หยางคงไม่พาตัวนางกลับมาอย่างเอิกเกริก ถ้าว่ากันแบบไม่เกรงใจ เย่ว์หยางต้องการให้นางอยู่ข้างเขา เพราะเขาพบศักยภาพของนาง… แม้ว่าดูภายนอกราชันย์ฟ้าบูรพาดูเหมือนอาจไม่สนใจ แต่ความจริงเขาเป็นคนพิถีพิถันมาก เขาคงเป็นจักรพรรดิไปแล้ว ถ้าเขาไม่เฉื่อยชาและไม่สนใจ
เย่ว์หยางจะสัมผัสรายละเอียดเหล่านี้ได้โดยปกติ แต่เหล่าผู้อาวุโสไม่ค่อยเข้าใจพอ ดังนั้นพวกเขาจึงสั่งให้เย่ว์หยางนั่งลงและขอให้หลิ่วเย่รายงานรายละเอียดแทน
ในตอนแรกหลิ่วเย่ยังกลัวเย่ว์หยาง ขณะที่นางแอบมองเขาเป็นครั้งคราวกลัวว่าเขาจะโกรธ
แต่พอเห็นว่าเขาทำตัวเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายต่อหน้าเหล่าผู้อาวุโส นางจึงค่อยเบาใจมากขึ้น จากที่ตอนแรกยังกังวล นางค่อยๆ รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และจากนั้นนางค่อยรู้สึกสบายใจมากขึ้น ขณะที่นางใช้น้ำเสียงอธิบายลำดับเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เย่ว์ซานตัดสินใจยอมตายดีกว่ายอมแพ้และร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดขณะคุกเข่า แม้แต่แม่ทัพใหญ่เย่ว์ไห่ยังลอบร้องไห้ เมื่อนางพูดถึงที่เฟิงจินเดินออกไปและเย่ว์หยางใช้วิธีลับช่วยเชลยศึก ทุกคนแทบหยุดหายใจ มีแต่เพียงเสียงของหลิ่วเย่ดังอยู่ทั่วบริเวณ เป็นเหมือนกับว่าถ้ามีเสียงอื่นใดดังขึ้นจะดึงดูดความสนใจของเฟิงจินได้ทันที…. เมื่อทุกคนได้ยินหลิ่วเย่พูดเรื่องที่เย่ว์หยางใช้กวางทะลวงมิติและวิธีเทเลพอร์ต จากนั้นทำลายห้องทดลองทั้งหมดทีละส่วน และเผาที่ทั้งหมดจนราบ ทำให้ทุกคนปรบมืออย่างมีความสุข
“ข้าไม่คิดเลยว่าทักษะชำระบาปสามารถฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียมได้สมบูรณ์ ราชาเฮยอวี้จะได้มีประสบการณ์เจ็บปวดได้ในที่สุด” เซียนนักพรตสบายใจ
“พวกเขาสร้างนักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียมด้วยโอกาสสำเร็จเพียงหนึ่งในร้อย และพวกมันก็ถูกทำลายลงอย่างนั้น ยิ่งกว่านั้นการทำลายฐานทัพลับจะสร้างผลกระทบใหญ่กับกองกำลังนรกดำ จากตรงนี้เวลารุกรานของกองทัพนรกดำคงถูกผลักดันออกไป ดังนั้นฝ่ายเราจะได้มีเวลาเตรียมตัว” บัณฑิตองครักษ์พิทักษ์ฟ้าของเทียนหลัวเกลียดฐานทัพลับนัก เพราะคนส่วนใหญ่ที่ราชาเฮยอวี้จับไปล้วนเป็นคนมีชื่อเสียงหรือเกษียณไปจากเทียนหลัว แม้แต่วิธีที่ไร้มนุษยธรรมก็ยังถูกนำมาใช้เพื่อสร้างนักสู้ปราณก่อกำเนิดเทียมทำให้เขาโกรธมากทีเดียว
“ข้าสงสัยว่ายังคงมีฐานทัพรอง แต่โชคไม่ดีเราไม่มีผู้นำทาง” เย่ว์หยางระบุว่าส่วนมากยังไม่ควรมองโลกในแง่ดี
“ราชาเฮยอวี้ไม่ใช่คนโง่ เขาคงไม่พึ่งพาอาณาจักรสือจินแต่เพียงอย่างเดียว แต่ด้วยข่าวดีนี้ ก็น่าจะพอเพียงสำหรับพวกมารจากวังมารและปีศาจจากแดนปีศาจที่จะเพิ่มความมั่นใจเรา” มหาอำมาตย์หัวเราะลั่น
“เราช่วยตัวประกันออกมา ราชาเฮยอวี้ไม่มีอะไรจะคุกคามเราแล้วในตอนนี้ มาดูซิว่าพวกเขาจะทำอะไร ยิ่งกว่านั้น การกระทำของหยางเอ๋อจะทำให้เจ้าเมืองพวกนั้นและคนอื่นที่อยากจะทอดทิ้งต้าเซี่ยคิดทบทวนอีกครา” เนื่องจากการกลับมาของเย่ว์หยาง ทำให้กำลังใจของผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เพิ่มขึ้นเต็มเปี่ยมมากมาย
ถ้าหากว่าความตายของเย่ว์ชิวบุตรชายคนที่สามของเขาทำร้ายจิตใจเขาได้มากที่สุด อย่างนั้นการทรยศของเย่ว์ซานบุตรชายคนโตของเขาคงเป็นตำหนิที่เขาไม่มีทางลบล้างได้
ตอนนี้ ด้วยความพยายามฆ่าตัวตายของเย่ว์ซานแสดงถึงความภักดีของเขาและเขายอมคุกเข่าร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดเพื่อปกป้องบุตรและธิดาของเขา ทำให้ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ตื้นตันใจมาก เขารู้ว่าบุตรของเขาจะไม่ทรยศตระกูล และเรื่องก่อนนั้นทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิด แม้ว่าเย่ว์ซานจะบาดเจ็บสาหัส แต่การที่เขาสามารถกลับมาได้นับเป็นพรที่ยิ่งใหญ่สำหรับตระกูลเย่ว์แล้ว
แน่นอนว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ เข้าใจดีว่าเรื่องทั้งหมดสำเร็จได้ล้วนมาจากหลานชายผู้ว่าง่ายของเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เย่ว์ซานคงไม่สามารถกลับมาบ้านได้
แม้ว่าเขาจะได้รับการช่วยเหลือกลับมา แต่ถ้าเย่ว์ซานไม่พยายามตั้งใจฆ่าตัวตายและคุกเข่าร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดแล้ว เขาคงไม่สามารถลบล้างมลทินข้อสงสัยที่ถูกเข้าใจผิดก่อนนั้นได้
“ไปจัดการเรื่องของเจ้าเถอะ ปล่อยเรื่องการศึกไว้ให้เรา โล่วฮัวน้อยดูเหมือนจะกลับมาแล้ว เจ้าไม่ต้องการพบนางหรือ?” ราชันย์ฟ้าบูรพาภูมิใจที่สุดในวันนี้ เพราะเขยของเขาและคนในประเทศของเขาทำลายฐานทัพลับของกองกำลังนรกดำได้ และยังช่วยตัวประกันและแม้กระทั่งอาจารย์ของจุนอู๋โหย่วกลับมาได้ แล้วเขาจะไม่ภูมิใจได้ยังไง?
“งั้นไปก็ได้” เย่ว์หยางคิดถึงเจ้าเมืองโล่วฮัว เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่เขาได้จุมพิตสาวงาม เขาสงสัยอยู่ว่านางจะทำอย่างไร กับแรงปรารถนา ยามที่เขายืนอยู่และเดินเข้าประตูไป
“ข้าก็จะออกไปด้วย” หลิ่วเย่รีบตามหลังเย่ว์หยางออกมา นางไม่อาจอยู่ต่อไปได้ในห้องที่เต็มไปด้วยบุคคลผู้ทรงอำนาจในทวีปมังกรทะยาน
“ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง, ฮ่าฮ่าฮ่า, เสียดายที่ข้าไม่ได้ไป ถ้ามีโอกาสในอนาคต พาข้าไปด้วยนะ ลูกพี่ใหญ่ไม่ปรากฏตัวในโอกาสที่สำคัญอย่างนี้ได้ยังไง” เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือกำลังรออยู่ในสนาม
ตรงกลางมีหนิงไห่ยืนหน้าตาฟกช้ำ
เมื่อเย่ว์หยางปล่อยหนิงไห่ไว้ในสนาม เขาแนะนำเจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือให้ดูแลเขา แต่พวกเขาเข้าใจผิดว่าเขาเป็นอาชญากรตัวร้ายเฟิงจิน ดังนั้นทุกคนจึงไม่พอใจและรุมล้อมระดมทั้งหมัดทั้งเท้าใส่เขา ทำให้เขาร้องคร่ำครวญน่าสงสาร เมื่อหนิงไห่อธิบายว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของทหารแหกทัพ เขาก็โดนซ้อมจนยับเสียแล้ว
เย่ว์หยางเตะเจ้าอ้วนไห่ผู้วิ่งมาประจบเขาจนกระเด็น แล้วชี้มาที่หลิ่วเย่ เขาแนะนำนางให้ทุกคนรู้จัก “สาวงามนางนี้ชื่อหลิ่วเย่ นางเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนพี่เย่ว์หวี่ ดูแลนางด้วย นางคือสมาชิกใหม่ของกลุ่มเรา”
เจ้าอ้วนไห่ตบอกจนไขมันกระเพื่อม เขาสัญญาว่า “มั่นใจได้เลย ข้าจะดูแลน้องหลิวเย่เป็นอย่างดี..ข้า, ไห่ต้าฟู่ อัจฉริยะผู้โดดเด่น มีความรู้และนิสัยดีคือหมายเลขหนึ่งเมื่อเจ้าต้องการเพื่อน และข้าเป็นลูกพี่ของเย่ว์หยาง ใช่แล้ว เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก ข้าเป็นลูกพี่เขา ถ้าข้าไม่เป็นแล้วใครจะเป็น? น้องหลิ่วเย่ ถ้าเจ้าร่วมกลุ่มกับเรา ข้าจะคอยปกป้องเจ้าได้แน่นอน… เหวอๆๆ ใครถีบข้าวะ?”
ภายใต้ความงุนงงและพูดไม่ออกของหลิ่วเย่ เจ้าอ้วนกระเด็นลอยไปในอากาศ
ร่างอ้วนของเขาลอยโค้งกลางอากาศ
เขาถูกโยนข้ามรั้วและร้องเสียงหลง
“อย่าไปสนใจเขา ก็แค่คนหน้าด้านในกลุ่มของเรา เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นตั้งแต่เกิด” เย่คงพูดจริงจัง
ก่อนที่หลิ่วเย่จะได้ตอบ ทันใดนั้นนางตระหนักได้ว่าองค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางอยู่ต่อหน้านาง “องค์ชาย! ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ด้วยเล่า?” นางถามด้วยความประหลาดใจ
“ข้าก็ยืนอยู่ตรงนี้ได้สักพักแล้ว อย่าบอกข้านะว่าเจ้าเพิ่งรู้ตัว แม้ว่าข้าจะไม่อิจฉาว่าเจ้ามองหาแต่เย่ว์หยาง แต่ให้สังเกตดูเราด้วย เราไม่เหมือนเจ้าอ้วนไห่ที่เป็นเหมือนฉากหลังมนุษย์ล่องหน” องค์ชายเทียนหลัวปาดเหงื่อออก สุภาพสตรีธรรมดาจะร้องกรี๊ดกร๊าดเมื่อเห็นเขา หรืออาจเพลียจากการหายใจไม่ออก เขาไม่ค่อยพบคนอย่างหลิ่วเย่ที่เฉยเมยต่อคนหล่อ หลิ่วเย่เป็นหนึ่งในคนชนิดนั้น
“ขออภัย, ข้าไม่เห็นท่านจริงๆ ข้ากังวลเกินไป “หลิ่วเย่ขออภัยด้วยความเคารพ
“อาจเป็นไปได้ว่าเราล่องหนอยู่จริงๆมั้ง?” ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยดูไม่พอใจ
อย่าแต่มนุษย์เลย นางไม่เห็นทอเรนสูงสามเมตรขนาดนี้ได้ยังไง?
ยิ่งกว่านั้น ยังมีเอลฟ์ทองที่น่าสนใจกว่าทอเรนเสียอีก
หรือว่าสายตาของหลิ่วเย่มีปัญหา?
ฟ่านหลุนเถี่ยสงสัย
“ข้าก็เป็นหญิงงามที่น่าสงสาร นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าถูกเมิน…” เป่าเอ๋อเลียนแบบเย่ว์หยาง ขณะที่นางเอานิ้วชี้ชนกันดูน่ารัก
“อ๋า, ทอเรนและเอลฟ์ทอง, พระเจ้า, เอลฟ์ทองมาทวีปมังกรทะยานจริงๆ หรือนี่?” หลิ่วเย่รู้ตัวช้ากว่าคนอื่นในทวีปมังกรทะยานเสียอีก ความจริงนางไม่รู้เรื่องการมาถึงของเอลฟ์ทองเชียวหรือ? เสียงแหลมปรี๊ดของนางทำให้แอนนามึนงง ยังมีคนที่ไม่รู้เรื่องราวข่าวใหญ่ว่าเอลฟ์ทองมายังทวีปมังกรทะยานหรือนี่?
“ฮ่าฮ่าฮ่า” สีหน้าของลีนดูราวกับว่าจะทำนายได้ทุกอย่าง
“…..” มีเพียงใบหน้าที่ไร้อารมณ์ตลอดกาลของเสวี่ยทันหลางที่ยังคงเหมือนเดิม
เมื่อหลิ่วเย่กำลังคุยกับเจ้าอ้วนไห่, เย่คงและองค์ชายเทียนหลัว เย่ว์หยางก็เทเลพอร์ตกลับไปวังเทียนหลัวด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็เดินต่อไปที่มิติลวงของจักรพรรดินีราตรี
ขณะที่สาวใช้นำเขาเข้าไปในราชอุทยาน เย่ว์หยางรู้ว่าเย่ว์หวี่กำลังกอดเย่ว์ซวงและคุยกับแม่สี่เสียงแผ่วเบา
เย่ว์หวี่กำลังบอกเล่าเรื่องที่เย่ว์หยางใช้กำลังช่วยบิดาของนางและทำลายฐานทัพศัตรู แม่สี่พยักหน้าเป็นครั้งคราว ที่นั่งอยู่ข้างๆ พวกนางคือสาวงามในชุดทรงเสน่ห์ นางคือเจ้าเมืองโล่วฮัว เพราะนางปรารถนาจะเจอเย่ว์หยาง นางจึงผ่ายผอมลงไป นางต้องการพบเย่ว์หยางทันที ปรารถนาจะกอดเขา แต่กลัวว่าผู้อาวุโสจะหัวเราะนาง นางรู้ว่าเย่ว์หยางจะต้องรายงานจุนอู๋โหย่วและผู้อาวุโสที่เหลือ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจไม่ไปปราสาทตระกูลเย่ว์ในที่สุด
แม้ว่านางจะนั่งอยู่ข้างแม่สี่และฟังเรื่องราวความกล้าหาญของเย่ว์หยาง แต่นางก็ดูกระวนกระวาย ขณะที่นางยังคงดูที่ทางเข้าและระเบียงหวังว่าคนรักของนางจะเข้ามาพบนางโดยเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานนัก เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวเงยหน้าอีกครั้ง ในที่สุดนางก็เห็นเย่ว์หยางกำลังเดินตรงมาที่นางจากทางเดิน นางกระโดดขึ้นด้วยความดีใจ
ความปรารถนาทั้งมวลของนางกระจายหายไปในอากาศ
หัวใจนางเต็มเปี่ยมด้วยความสุข
นางไม่สนใจรักษาความเยือกเย็นต่อไป ขณะวิ่งเข้าไปหาเขา ไม่สนใจผู้อาวุโสที่อยู่รอบๆ
นางร่าเริงขณะโถมตัวเข้าหาเย่ว์หยาง
นางไม่อาจรอได้แม้สักวินาทีเดียว
*****************